ดูลิงแช่ออนเซ็น ไฮไลต์หน้าหนาว เมืองยามาโนะอุจิ(Yamanouchi) จ.นากาโนะ (Nagano) นั่งกอนโดล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ลานสกี Ryuoo พักเรียวกังญี่ปุ่น

รู้จักเมือง ยามาโนะอุจิ (Yamanouchi) กันเถอะ 

ยามาโนะอุจิ (Yamanouchi) เป็นเมืองเล็กๆทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโนะที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว มีย่านชิบุออนเซ็นที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ

ที่นี่มีจุดเด่นคือ ลิงแช่ออนเซ็น หรือ Jigokudani Yaen-Koen Snow Monkey Park ซึ่งสวนลิงจิโกคุดานิในเมืองนี้ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจำนวนมากเนื่องจากมีลิงป่าซึ่งพากันมาอาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของอุทยาน เป็นภาพที่น่ารักมากๆ 

วิธีการเดินทางจากสถานีนากาโนะ

จากสถานีนากาโนะ ให้มองหาป้าย Nagaden line เพราะเราจะต้องต่อรถไฟไปจากที่สถานีนี้ ซึ่งเดินเชื่อมต่อได้จากสถานีเจอาร์นากาโนะ ให้เผื่อเวลาเดินต่อรถไฟและยืนรอราวครึ่งชั่วโมง 

รถไฟสายนะงะเด็น ( Nagaden line) ให้บริการ 1-2 ขบวนต่อชั่วโมงระหว่างนากาโนะ (รถไฟใต้ดินสถานีนากาเด็น นากาโนะ ถัดจากสถานีเจอาร์ นากาโนะ) และเมืองยามาโนะอุจิ (ลงสถานียูดานากะ) ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่น (ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที ราคาตั๋ว 1,190 เยนเที่ยวเดียว)

ที่ชานชลา จากที่นี่จะเป็นรถไฟต้นสาย ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหลง หากไม่มั่นใจว่าขึ้นที่ชานชลาไหนสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ 

นั่งรถไฟชมวิวขบวน Yukemuri ไปเมืองยามาโนะอุจิ  

แต่ๆ ที่นี่ก็เพิ่มความฟินของทิวทัศน์ฤดูหนาวให้นักท่องเที่ยวเพิ่มอีก ด้วยการจัดขบวนรถไฟพิเศษชื่อว่า Yukemuri ซึ่งจากสถานีนากาโนะ เราต้องขึ้นรถไฟรอบเวลา 8:42 น. เพื่อมาขึ้นขบวนพิเศษที่จะจอดรอเวลาพอดีที่สถานี Suzaka ทันทีที่ออกจากตู้รถไฟแล้วเดินไปชานชลาข้างๆเลย 

ขบวนนี้ ถ้าเราไม่ซื้อตั๋วที่นั่งพิเศษ เราจะต้องนั่งในโซนตู้ที่สองไป แต่ถ้าเราจ่ายเพิ่มอีกแค่ราว สามร้อยเยน เราก็จะมีสิทธิเลือกที่นั่งตั้งแต่แถวแรกของหัวขบวนเลยล่ะ วิวด้านหน้าคือดีมากๆ 

แนะนำสถานี Yudanaka

จากนั้นพอมาถึงสถานีรถไฟ Yudanaka แล้ว ก็เริ่มแพลนเที่ยวของเราได้เลย เรามาถึงที่นี่ในเวลา 9:37 น. จากนั้นเราก็เริ่มมองหาที่ฝากกระเป๋ารวมถึงขอรับข้อมูลการเดินทางและท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวด้านหน้าสถานี อาคารนี้ 

มีเจ้าหน้าที่ที่พูดอังกฤษได้ หากเพื่อนๆมีเวลาเยอะ ด้านบนชั้นสองยังเป็นโซน Free space และมีฟรีไวไฟ ให้เราได้นั่งพัก เตรียมตัวเดินทาง หรือนั่งกินข้าวก่อนก็ได้ (มีโต๊ะกินข้าว ซื้อเบนโตะมากินได้)

พอได้ข้อมูลท่องเที่ยวของเมืองแล้ว เราก็เริ่มวางแผนการเดินทางทันที ครั้งนี้เราอยากมาดูลิงแช่ออนเซ็นเป็นอันดับแรก ก็เลยนั่งรถบัสเมืองไปที่สวนจิโกะคุดานิเลย ถ้าเพื่อนๆมีเวลารอเยอะ ที่รอบๆสถานียังมีบ่ออออนเซ็นแช่เท้าฟรีด้วยนะ (รวมถึงออนเซ็นสาธารณะ)

รู้จักกับสวนลิงหิมะแห่งเดียวในญี่ปุ่น

เมื่อมาถึงบริเวณสวนแล้ว หากใครที่ไม่มีรองเท้าที่เหมาะสมมา สามารถมาเช่าได้ที่จุดก่อนทางเข้าสวนนี้ได้เลย เมื่อพร้อมแล้ว เราก็เริ่มเดินเท้าเข้าไปเลยจ้า ค่อยๆเดินนะเพราะค่อนข้างลื่น ระหว่างทางเดินไปคือวิวสวยมากๆ 

ไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่คือ มาดูลิงแช่ออนเซ็นกัน! หลังจากลงรถบัสที่จุดจอดรถแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นเนินเขาหน่อยนะ เพื่อนๆต้องเตรียมเสื้อผ้าอบอุ่นและรองเท้ากันน้ำและกันลื่นมาดีๆ

สวนลิงแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1964 ดึงดูดทั้งลิงให้มาอยู่และคนจำนวนมากมายให้มาชมลิง ฮ่าๆ ปัจจุบันมีลิงอยู่ประมาณ 150 ตัวอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่บนภูเขาไม่ไกลจากบริเวณบ่อออนเซ็นนี้

Jigokudani Yaen-koen” หรือบางทีก็เรียกสั้นๆว่าสวนลิงหิมะ (Snow Monkey Park) จริงๆคำนี้ มีความหมายว่า “หุบเขานรก” มีที่มาจากสถานที่ตั้งที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยสันเขาขรุขระท่ามกลางอากาศหนาวเย็นทารุณสุดๆ 

จากทางเข้า เราใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 30 นาที ผ่านจุดชมวิวต่างๆ ถ่ายรูปบ้าง ขึ้นบันไดบ้าง ระหว่างทางก็เห็นลิงตามเขาเดินไปมาเป็นระยะๆ ลิงที่นี่ค่อนข้างชินกับคนแล้ว เราจะเห็นเรียวกัง Jigokudani Onsen Korakukan ที่พักหนึ่งเดียวในหุบเขาแห่งนี้ที่สามารถให้เราได้ใกล้ชิดลิงอย่างเต็มที่  

บ่อออนเซ็นกลางแจ้งของเรียวกังก็เป็นที่หมายตาของพวกลิงมากๆ ที่นิยมมาแช่ตามแบบคน ดังนั้นจึงมีการสร้างบ่อออนเซ็นสำหรับลิงแยกไว้ให้ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เราจึงมีสวนที่มีลิงแช่บ่อออนเซ็นจนถึงวันนี้ 

ถ้าวันไหนอากาศหนาวๆ แล้วลิงลงมาแช่ออนเซ็นเต็มบ่อ คือ จะเป็นภาพที่น่ารักมากๆ แต่ตอนที่เราไปมีลงมาแช่อยู่เรื่อยๆ ถูกใจช่างภาพและผู้มาเยือนมากๆ 

รอบๆสวนนี้ก็เป็นแม่น้ำที่มีฝูงลิงเดินไปมากันอย่างสบายใจ ลิงที่นี่ต่างจากลิงฤดูร้อนทั่วไปคือมีขนที่หนาฟูมากๆ ทำให้ยิ่งดูเหมือนตุ๊กตาเลย 

ใครยังดูไม่สะใจ ก็ต้องมาดูรูปนี้เลย ใกล้ชิดมากๆ น้องๆสามารถเดินไปมาอย่างอิสระไม่กลัวคนเลย และเพราะน่าจะชินกันแล้ว 

Snow Monkey Park

ที่อยู่	6845 Yamanouchi-machi, Shimotakai-gun. Nagano Japan 381-0401
เว็บไซต์	https://en.jigokudani-yaenkoen.co.jp/
การเดินทาง	จากสถานีนากาโนะ  สำหรับรถบัส จะออกจากป้ายรถบัสหมายเลข 23 ฝั่งทางออก East exit ให้บริการโดย รถบัส Nagano Dentetsu ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงป้ายรถบัสใกล้ๆกับทางเข้า ส่วนการเดินทางโดยรถไฟ ต้องนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Yudanaka แล้วต่อรถบัสท้องถิ่น ไปลงที่ป้าย Kanbayashi Onsen หรือ Snow Monkey Park ตามแต่สายที่ขึ้น ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง (รถไฟท้องถิ่น ไม่รวมอยู่ในเจอาร์พาสใดๆ) หลังจากถึงป้ายรถบัสใกล้ๆกับสวนลิงแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเดินเข้าไปอีกประมาณ 30 -40 นาทีกว่าจะถึงจุดที่ลิงลงแช่ออนเซ็น เช็คเวลารถไฟ https://www.snowmonkeyresorts.com/access/nagano-dentetsu-line-timetable/
เราคาค่าเข้าชม	ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็กอายุ 6-17 ปี 400 เยน / เด็กเล็กต่ำกว่า 6 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาทำการ	เวลาทำการ: เดือนพ.ย – มี.ค. 9:00 – 16:00 น. และเดือนเม.ย. – ต.ค. 8:30 – 17:00 น. *เปิดทุกวันตลอดทั้งปี แต่อาจมีหยุดให้บริการเนื่องจากสภาพอากาศ
Website	Arakura Fuji Sengen

ดูแผนที่ Snow Monkey Park

ชิมมิโสะอร่อยร้าน เซกิยะ บริวเวอรี่

จากนั้นเราก็กลับเข้าเมืองกัน เราจะพาเพื่อนๆแวะไปร้านมิโสะ(เต้าเจี้ยว) อาหารเมนูหลักที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบและกินเป็นประจำ คือ ร้าน เซกิยะ บริวเวอรี่

มีมิโสะสีอ่อนกับสีเข้ม ที่แตกต่างกันไปจากอายุที่หมักไว้ เช่น แบบสามเดือน หกเดือน หนึ่งปี ไปจนถึงสามปีก็มีนะ ที่นี่ประสบความสำเร็จในการทำมิโซะแสนอร่อยโดยใช้ข้าวโคจิ หลังจากการค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี ได้ทำให้เกิด ”ชิงะ โคเก็น มิโซะ” เป็นมิโซะแสนอร่อยที่มี ”อูมามิ” ”รสชาติ” และ ”กลิ่นหอม” แบบดั้งเดิมจนสมบูรณ์แบบ มิโซะธรรมชาติที่ทำด้วยมือและไร้สารปรุงแต่ง

แต่ความพิเศษคือ เราสามารถลองชิมมิโสะรสต่างๆได้ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ด้านในร้านมีที่นั่งพักสบายๆ มิโสะร้อนๆมาแบบในถ้วย ชิมแล้วชื่นใจจริงๆในวันที่อากาศหนาวๆแบบนี้ 

เซกิยะ บริวเวอรี่

ที่อยู่	2865 Hirao, Yamanouchi-cho, Shimotakai-gun, Nagano 381-0401
เวลา	8.00 – 18.00 น.
การเดินทาง	จากสถานี Yudanaka เดิน 8 นาที

ดูแผนที่ เซกิยะ บริวเวอรี่

มื้อเที่ยงในร้านท้องถิ่น

ร้านอาหารเที่ยงท้องถิ่นรสชาติอร่อย ที่ไม่ไกลจากสถานีก็มีนะ เราจะแนะนำร้านท้องถิ่น มีเมนูมื้อเที่ยงที่คุ้มสุดๆเพราะได้ในปริมาณที่เยอะมาก 

เมื่อเข้ามาในร้านแล้ว สั่งเมนูที่อยากกินกับพนักงานได้เลย ดูจากรูปได้ เมื่อจ่ายเงินแล้ว แล้วพนักงานจะพาเราเดินไปนั่งที่โต๊ะเอง  

ถ้าเราไม่เน้นว่าเอาไซส์เล็ก เค้าจะเสิร์ฟไซส์ปกติ ที่หมายถึง ไซส์ใหญ่กว่าเรากินทั่วไปเลยนะ อาจกินไม่หมดได้นะ แต่ราคาก็ไม่แพงเลย ราวๆเซ็ทละ 1000 เยน อร่อยทุกอย่าง 

หมู่บ้านออนเซ็น

แม้ว่าที่เมืองนี้จะโด่งดังเรื่องลิงแช่ออนเซ็น แต่เรื่องที่พักก็โดดเด่นไม่แพ้กันเลย มีโซนเรียงกังเก่าแก่มากมาย รวมถึงเรียวกังสมัยใหม่แต่บรรยากาศดี วันนี้เราเลยมาพักที่ Shibu Onsen 

ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีเรียงกังสุดคลาสสิกแบบญี่ปุ่นและร้านค้าของฝากท้องถิ่น ศาลเจ้า และมีบ่อออนเซ็นสาธารณะหลายจุดให้เราได้ลองไปแช่เป็นประสบการณ์ดีๆ 

มีบ่อออนเซ็นแช่เท้าอยู่สองที่ อุณหภูมิน้ำค่อนข้างร้อน ก่อนแช่ต้องอย่าลืมลองแตะๆก่อนนะ จะได้ไม่ร้องจ๊ากแบบเรา ฮ่าๆ 

ความสนุกก็อยู่ที่ นอกจากจะมีร้านขนมของฝากท้องถิ่นแล้ว หน้าเรียวกังยังมีมุมไข่ต้มให้ได้ชิมด้วย ไหนๆก็มีน้ำออนเซ็นแล้วก็มีไข่ต้มออนเซ็นเลยละกัน 

จุดเด่นของที่พักโซนนี้คือ บ่อแช่ออนเซ็นสาธารณะที่มีถึง 9 แห่งตามถนนด้านหลังโรงแรม แต่บริการเฉพาะแขกโรงแรมต่างๆและมีกุญแจล็อกด้วย แบ่งเป็นหญิงและชาย ฝรั่งชอบมาที่นี่มาก โดยแต่ละห้องสามารถรองรับได้ 2-3 คนเท่านั้น มีหลากหลายสไตล์ บ้างก็เป็นไม้ และบ้างก็ปูกระเบื้อง ห้องอาบน้ำทั้งหมดเป็นแบบคาเกะนากาชิ ซึ่งหมายความว่าน้ำพุร้อนจะไหลเข้าสู่อ่างอาบน้ำอย่างต่อเนื่องและดันน้ำเก่าออก

แต่ถ้าเราอยากไปลองแช่ดู ว่าด้วยมีความเชื่อว่าทุกบ่อออนเซ็นมีพลังแห่งโชคลาภและความสุข เมื่อไปแช่แล้วเริ่มต้นจากโรงแรมจะมีผ้าผืนสีขาวเล็กๆให้เราไปสแตมป์ทุกจุด แล้วพอครบ 9 บ่อ 9 จุด ก็ครบภารกิจ 

เราต้องเอากุญแจกับพนักงานโรงแรมก่อนนะ ซึ่งจะมาพร้อมกับแผนที่บ่อออนเซ็นต่างๆ และแสดงจุดไฮไลต์ของหมู่บ้านออนเซ็น 

ภายในหมู่บ้านออนเซ็น เราเดินมาถึงด้านหน้าเรียวกัง Kanaguya ชื่อดัง ว่ากันว่าโรงแรมแห่งนี้ดูเหมือนโรงอาบน้ำจากภาพยนตร์จิบลิเรื่อง Spirited Away อาคารนี้ถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการจดทะเบียนระดับประเทศ หนึ่งในจุดชมวิวยามค่ำคืนที่โด่งดังมากๆ ในเวลากลางวันก็สวยไม่แพ้กันเลย 

เมืองออนเซ็นมีโรงแรมหลายแห่งรวมถึงโรงแรมเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และโรงแรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศ เรียวกังแต่ละแห่งมีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น อาหารและบริการ ดังนั้นอย่าลืมมองหาเรียวกังที่คุณชื่นชอบดูล่ะ

บรรยากาศของที่พักในหมู่บ้านออนเซ็น

ลานสกี Ryuo Ski Park and the SORA terrace

เช้านี้เราจะเช็คเอาท์จากโรงแรมแล้วเดินทางกันต่อ ฝากสัมภาระที่สถานีแล้ว เราจะนั่ง shuttle bus ของลานสกีริวโอ หรือ  Ryuoo Ski Park หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ryuoo ที่จะมาจอดรับลูกค้าตามรอบเวลา ขึ้นได้เลยจ้า ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้

Ryuoo Ski Park เป็นพื้นที่เล่นสกีที่ตั้งอยู่ในเมืองยามาโนะอุจิทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนากาโนะ จุดเด่นของที่นี่คือมีกระเช้าลอยฟ้าที่รองรับคนได้ 166 คน ใหญ่มากๆ ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่หุบเขาตอนล่างกับพื้นที่สกายแลนด์ด้านบน 

หากเราไม่ใช่คนเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดแต่อยากขึ้นไปก็ได้เช่นกัน วันนี้เราจะไปกินมื้อเที่ยงที่ ริวโอ โซระ เทอร์เรซ ซึ่งเป็นจุดชมวิวคล้ายยูโทเปีย(ดินแดนในจินตนาการ) ที่ความสูง 1,770เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยแพ็คเกจตั๋วจะรวมการนั่งรถเท่ๆคันนี้ไปขึ้นกระเช้าด้วย 

นี่เป็นกอนโดล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก จริงๆสามารถรองรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 166 คน แต่คนที่ใช้อุปกรณ์สกีก็สามารถเข้ามาใช้ได้นะ ยิ่งไต่ระดับความสูงขึ้นไปวิวก็ยิ่งสวยมาก 

ภายในเวลาไม่กี่นาที กระเช้าก็พาเรามาอยู่จุดชมวิวด้านบน ช่วงฤดูหนาว หากเราโชคดีอาจมีโอกาสเห็นปรากฏการณ์อุนไคหรือ “ทะเลเมฆ” อันเป็นเอกลักษณ์ที่คลื่นเมฆสีขาวปุยม้วนตัวมาเหนือสกีรีสอร์ทด้านล่างพร้อมวิวเทือกเขาแอลป์ในญี่ปุ่น

“ทะเลเมฆ” ของที่นี่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆเลยนะ ให้ภาพเล่าเรื่องละกันเนอะ ว่างดงามสะกดใจแค่ไหน ( ดูรายละเอียดช่วงเวลาในเว็บไซต์) 

ด้านบนมีร้านอาหารและจุดชมวิว สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ห้องน้ำ ที่พักผ่อนแบบอุ่นๆ สบาย กินอาหารร้อนๆพร้อมนั่งชมวิวอลังการ 

อาหารมีทั้งแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่นที่เป็นสูตรออริจินัลด้วย มีเวลาแล้วก็ต้องลองชิมทุกเมนูเลยนะ 

เมนูที่ทุกคนต้องสั่งถ้ามาถึงที่นี่ คือ กาแฟ ที่เค้าจะมีเซ็ทแบบปุยเมฆมาให้ด้วย กาแฟ SORA ได้รับการตั้งใจทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น อร่อยมากเมื่อกินกับขนมต่างๆ 

พื้นที่สกายแลนด์มีทางลาดที่ไม่ชันมากนักผ่านเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายสวยงาม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เล่นระดับกลาง ใครที่กำลังมองหาที่เล่นสกี มาที่นี่ได้เลยจ้า มีอุปกรณ์ให้เช่าครบเลย 

หากไม่ได้มาช่วงฤดูหนาว ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กันนะ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและการชมพระอาทิตย์ตกดินนี่ก็ฟินสุดๆเลย  

Ryuo Ski Park

ที่อยู่	11700 Yomase, Yamanouchi-cho, Shimotakai-gun, Nagano Prefecture 381-0405
วิธีเดินทาง	จากสถานี Iiyama และ สถานี Yudanaka มีรถบัสบริการรับ-ส่งฟรี กรุณาเช็คเวลาที่เว็บไซต์
เวลาทำการ	9.00 – 15.30 น. (ปิดรับเวลาขึ้นไม่เกิน 14.00 น.) ส่วนขาลงไม่เกิน 15.20 น.   วันหยุด  พุธและพฤหัส *กรุณาเช็คที่เว็บไซต์
ราคา	ผู้ใหญ่คนละ 4000 เยน / เด็กต่ำกว่า 12 ขวบ คนละ 2000 เยน
Website	https://ryuoo.com/magazine/sora-terrace-sightseeing/

ดูแผนที่ Ryuo Ski Park

บรรยากาศรอบเมือง ยามาโนะอุจิ 

สถานีริมทางคิตะชินชูยามาโนะอุจิ

Roadside Station Kita Shinshu Yamauchi หรือ สถานีริมทางคิตะชินชูยามาโนะอุจิ  มีการขายผักที่ปลูกในท้องถิ่น ผลไม้ตามฤดูกาล ขนมของฝาก งานฝีมือแบบดั้งเดิม และอาหารท้องถิ่นจานพิเศษที่เก็บเกี่ยวสดใหม่ ที่ร้านอาหาร 

นอกจากนี้ยังมีมุมข้อมูลที่เราสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองยามาโนะอุจิซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว และข้อมูลการท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง 

สถานีริมทางคิตะชินชูยามาโนะอุจิ

ที่อยู่	393-2 Sano, Yamanouchi-cho, Shimotakai-gun, Nagano Prefecture
วิธีเดินทาง	ด้วยรถยนต์ (จากสถานี Yudanaka 5 นาที)
เวลาทำการ	8:30–18:00 น.
ราคา	ฟรี
Website	https://www.michi-no-eki.jp/stations/views/19185

ดูแผนที่ สถานีริมทางคิตะชินชูยามาโนะอุจิ

สรุป 

เมืองยามาโนะอุจิ เมืองแห่งการพักผ่อนฤดูหนาวที่ยกให้เป็นหนึ่งในจุดหมายการเดินทางของทริปหน้าหนาว ได้เห็นลิงแช่ออนเซ็นที่น่ารักมากๆ ได้พักเรียวกังโบราณในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ ได้นั่งกระเช้ากอนโดล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกและใช้เวลาไปกับการชมวิวและกินข้าวบนยอดเขาที่สวยงามกับการเดินทางแบบสบายๆและง่ายมากๆ 

บทความที่เกี่ยวข้อง