Setouchi International Art Festival : เทศกาลศิลปะแห่งหมู่เกาะ Setouchi
ทะเล Setouchi ถือเป็นทะเลที่มีความสำคัญต่อการคมนาคมทางเรือมาตั้งแต่สมัยก่อน ทั้งยังมีบรรยากาศที่งดงามและน่าหลงใหล ทำให้ทะเลแห่งนี้เป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรม แต่ในปัจจุบันหมู่เกาะเหล่านี้กลับเริ่มจะสูญเสียวัฒนธรรมอันดีงามเหล่านี้ไปเนื่องจากปริมาณจำนวนประชากรที่น้อยลงและอายุที่มากขึ้นของประชากรบนเกาะต่าง ๆ
งานแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่อย่าง Setouchi International Art Festival จึงถูกจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี ในจังหวัด Kagawa ซึ่งเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันดีงามบริเวณทะเล Setouchi นี้เอาไว้
งาน Setouchi International Art Festival จึงเป็นเทศกาลศิลปะนานาชาติที่จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยบนหมู่เกาะที่สวยงามบริเวณทะเล Setouchi นั่นเอง
โดยงานเทศกาลและผลงานศิลปะที่นำมาจัดแสดงนั้นถือเป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่รวบรวมผลงานของศิลปินทั้งจากในและต่างประเทศร่วม 200 ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักศิลปะฝีมือเยี่ยม นักออกแบบอาคารชื่อดังและผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะแห่งนี้ที่ร่วมแรงร่วมใจกันกันสร้างสรรค์ขึ้น
งานแสดงศิลปะที่งานเทศกาลนี้จึงเป็นการผสมผสานกันของประวัติศาสตร์ ทั้งเรื่องของวิถีชีวิต เทศกาล วัฒนธรรมในท้องถิ่นและความร่วมสมัยของหมู่เกาะและทะเล Setouchi
ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะประเภทภาพวาด ประติมากรรม อาหาร การแสดงหรืองานเทศกาลต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของทะเล Setouchi และจังหวัด Kagawa ก็มีจัดแสดงให้ชม
นอกจากนั้นยังมีการแสดงงานศิลปะทั้งในรูปแบบของการแสดง งานศิลปะและอาหารจากต่างประเทศรวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเซียอีกด้วย
นักท่องเที่ยวอย่างเราก็จะได้เพลิดเพลินไปกับล่องเรือเที่ยวชมผลงานศิลปะตามหมู่เกาะน้อยใหญ่ในบริเวณรอบ ๆ ทะเล Setouchi
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า งานเทศกาลนี้จะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี เป็นเวลา 108 วัน โดยจะแบ่งเป็นสามฤดูกาลดังนี้
ชมงานศิลป์กันให้เพลินกัน 12 เกาะ 2 ท่าเรือแห่ง Setouchi
สำหรับสถานที่จัดงานก็คือเกาะต่าง ๆ ทั้ง 12 เกาะในบริเวณพื้นที่ของทะเล Setouchi รวมไปถึงบริเวณ ท่าเรือ Takamatsu และ Uno ด้วย ซึ่งรายชื่อเกาะที่ร่วมจัดแสดงงานศิลปะมีดังนี้
1. เกาะ Naoshima
เกาะ Naochima นั้นเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ไฮไลท์ของเทศกาลงานศิลปะนี้เลยก็ว่าได้ เพราะที่เกาะแห่งนี้ได้จัดแสดงตัวแทนผลงานศิลปะเกือบทั้งหมดของงานเอาไว้ที่บริเวณเกาะและภายในพิพิธภัณฑ์ของที่นี่ ซึ่งแม้แต่สถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์เองก็ยังถูกออกแบบโดยสถาปนิกแนวหน้าของญี่ปุ่น
เพียงแค่เราก้าวเท้าย่างเข้าสู่เกาะก็จะได้เห็นประติมากรรม ฟักทองยักษ์ลวดลายน่ารัก สีสันจัดจ้านผลงานของ Kusama Yayoi ตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ ถือเป็นจุดเด่นแห่งแรกของเกาะที่ใครแวะเวียนมาก็จะต้องถ่ายรูปคู่กันทุกราย
พิพิธภัณฑ์ภายในเกาะนี้ก็มีหลายแห่งด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Benesse House ที่ออกแบบมาได้สวยแปลกตา
และยังมีพิพิธภัณฑ์ Chichu Art Museum ที่ได้รับการออกแบบมาให้ซ่อนอยู่ใต้ดินเพื่อไม่ให้บดบังทัศนยภาพของเมืองอีกด้วย
และยังมี Art House Kadoya บ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นอายุกว่า 200 ปี ที่มีงานศิลปะที่งดงามซ่อนอยู่ภายใน โดยจัดทำขึ้นจากศิลปินมากแนวคิดและฝีมือ เราจึงจะได้เห็นผลงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ มากมายที่นี่
พิพิธภัณฑ์ Ando Museum เองก็รวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังอย่าง Tadao Ando เอาไว้ ภายในอาคารของพิพิธภัณฑ์บ้านแบบญี่ปุ่น
แม้แต่โรงอาบน้ำของที่นี่อย่าง Naoshima Bath – I♥湯 (I love yu) ก็ยังมีงานศิลปะภายในโรงอาบน้ำเช่นกัน ซึ่งงานศิลปะที่ว่าก็คือการตกแต่งบริเวณอ่างแช่น้ำของที่นี่นั่นเอง เรียกได้ว่าแช่น้ำไปชมงานศิลปะไปด้วย สุนทรีย์สุด ๆ
2. เกาะ Teshima
เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย และมีงานศิลปะให้ชมอยู่ทั่วเกาะ ซึ่งการไปชมผลงานต่าง ๆ นั้นสามารถโดยสารรถบัสหรือเช่าจักรยานปั่นเที่ยวชมได้ตามสะดวก แต่สถานที่ที่ขอแนะนำว่าต้องไปให้ได้ก็คือ พิพิธภัณฑ์ Teshima Art Museum ที่มีผลงานศิลปะสุดลึกซึ้งให้เราได้ไปชม
ต่อมาก็คือบริเวณ Distant Memory อุโมงค์ทางเดินที่สร้างจากโครงไม้บุกระดาษสไตล์ญี่ปุ่น ที่ดูแปลกตาแต่ก็ดูเก่าแก่และสวยงาม
พร้อมกับผลงานศิลปะสไตล์ญี่ปุ่นโบราณอีกมากมาย Big Bamboo ผลงานของสองพี่น้องฝาแฝดชาวอเมริกัน Mike+Doug Starn เป็นเรือไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือป่าอันเขียวขจีและตั้งอยู่สูงมาก แต่สำหรับใครที่ไม่กลัวความสูงก็สามารถขึ้นไปชมวิวได้ด้วยนะ
Les Archives du Coeur ศาลเจ้าเล็ก ๆ ริมชายหาดที่จัดแสดงเสียงหัวใจของผู้คนให้เราได้รับฟัง โดยจะมีแสงกระพริบตามจังหวะการเต้นของเสียงหัวใจและผู้ชมอย่างเราก็สามารถเลือกฟังเสียงหัวใจของใครก็ได้ รวมไปถึงสามารถอัดเสียงหัวใจเพื่อเก็บเอาไว้จัดแสดงที่นี่ได้ด้วย
และถ้าใครเดินชมงานศิลปะแล้วท้องเริ่มร้อง Shima Kitchen ก็เป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อยและคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมาจัดทำ แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว เพราะที่เกาะ Teshima แห่งนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยด้วยนี่หน่า
3. เกาะ Megijima
ที่นี่คือเกาะเล็ก ๆ ที่ปรากฏอยู่ในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นเรื่อง Momotaro โดยจะจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งที่บริเวณหมู่บ้าน ริมหาด และภายในถ้ำ เรียกได้ว่ามีงานศิลปะกระจายอยู่ทั่วเกาะ
โดยเราจะได้เห็นผลงานศิลปะเหล่านั้นกันได้ตั้งแต่นั่งเรือข้ามมายังเกาะ เพราะบริเวณริมชายหาดก่อนขึ้นสู่เกาะนั้นเราจะได้เห็นนกนางนวลจำนวนมากเกาะอยู่ที่ริมกำแพงของหาด
ซึ่งนกนางนวลเหล่านี้ได้ถูกจำลองขึ้นมาให้คล้ายกับของจริงโดยศิลปินผู้มีฝีมือ แถมนกเหล่านี้ยังสามารถหมุนไปตามทิศทางที่ลมพัดได้อีกด้วยนะ
4. เกาะ Ogijima
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเกาะที่แสนมีเสน่ห์ที่จัดแสดงงานศิลปะเอาไว้ทั่วทุกมุมของหมู่บ้าน จึงทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เดินชมงานศิลปะผ่านวิถีชีวิตของชาวประมงที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
สถานที่แนะนำที่หากได้มาที่เกาะนี้แล้วอยากให้ลองไปชมกันก็คือ Ogijimas Soul สิ่งก่อสร้างที่เกิดจากการนำตัวหนังสือในภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกมาเรียงต่อกัน ถ้าอยากรู้ว่าจะมีตัวหนังสือภาษาไทยของบ้านเราหรือเปล่าก็ต้องลองไปมองหาดูกันล่ะ
หรือ Onba Factory พิพิธภัณฑ์แสดงดีไซน์รถเข็นขนของของคุณตาคุณยายที่ออกแบบในรูปแบบที่สวยงามตามความชอบของเจ้าของรถ บอกเลยว่าแต่ละคันนั้นออกแบบมาเก๋ไก๋และเท่ไม่เหมือนกันเลยสักคัน
นอกจากนั้นรอบ ๆ เมืองยังมีผลงานศิลปะที่น่าสนใจให้ชมอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Organ ท่อสีขาวที่ตั้งอยู่ทั่วเกาะ ซึ่งปลายทางของท่อนั้นจะสามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ในเมืองได้ แม้จะอยู่ห่างไกลกัน คล้าย ๆ กับการเล่นโทรศัพท์กระป๋องนั่นเอง
Memory Bottle ผลงานศิลปะที่เกิดจากการนำขวดมากมายมาแขวนไว้ด้วยกัน โดยห้อยมาจากเพดานราวกับโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ ซึ่งข้างในขวดแต่ละใบนั้นได้บรรจุความทรงจำของชาวบ้านที่อยู่บนเกาะเอาไว้
และอีกหนึ่งอย่างที่เราจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนที่เดินทางมาถึงเกาะ Ogijima แห่งนี้ก็คือประติมากรรม Walking Ark ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของ Noah’s Ark ผู้เดินทางข้ามท้องทะเล
5. เกาะ Shodoshima
Shodoshima ถือเป็นเกาะที่ใหญ่สุดในหมู่เกาะของ Seto Island Sea ดังนั้นงานศิลปะที่จัดแสดงในเกาะนี้จึงเยอะเป็นพิเศษเรียกได้ว่าถ้าจะดูงานศิลปะให้ทั่วเกาะก็ต้องใช้เวลาทั้งวันเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นผลงาน The Secret of Hanasuwajima ที่สร้างสรรค์โลกใต้ท้องทะเลเป็นสีพาสเทลด้วยสีเทียนและสีน้ำมัน และการชมผลงานนี้จะต้องเข้าไปยืนที่จุดศูนย์กลางของงาน ซึ่งทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกใต้ทะเลจริง ๆ เลยล่ะ
อีกหนึ่งผลงานที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาที่เกาะนี้ก็คือ Maze Town เขาวงกตที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบของบ้านและร้านค้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ด้วยกัน เราสามารถหาทางออกจากเข้าวงกตนี้ด้วยการเดินเข้าออกไปตามเส้นทางที่มีอยู่ในบ้านแต่ละแห่งหรือร้านแต่ร้าน โดยสามารถเดินเข้าผ่านไปด้วยเส้นทางลับที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นทางให้เราได้ออกไปนอกเขาวงกตได้เหมือนเดิม
หรือประติมากรรมขนาดใหญ่ยักษ์รูปร่างแปลกตาที่มีชื่อว่า Shiomimi-so ชิ้นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
Oiwa Island 2 ผลงานภาพวาดบนผนังของศิลปิน Oscar Oiwa ก็งดงามน่าประทับใจ
ประติมากรรมเรือที่แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนภายในเกาะแห่งนี้ก็มีเสน่ห์น่าดึงดูด
สำหรับใครที่เดินชมงานศิลปะกันจนอิ่มใจแล้วก็อย่าลืมแวะไปที่อิ่มท้องกับไอศครีมแบบเจลาโต้ในโปรเจ็คของ Shodoshima Gelato Recipes Project by The Island Lab กันด้วยนะ
6. เกาะ Oshima
เกาะเล็ก ๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นสนแห่งนี้ก็มีงานศิลปะที่น่าสนใจมาจัดแสดงด้วยเช่นกัน อย่าง Blue Sky Aquarium งานศิลปะที่จัดแสดงโคมไฟกระจกสีเรืองแสงเอาไว้ในธีมของท้องทะเลที่สวยงาม ดูละม้ายคล้ายบรรยากาศใต้ท้องทะเลลึกที่สวยงาม
นอกจากงานศิลปะแล้วที่เกาะแห่งนี้ยังมีคาเฟ่ที่พร้อมจะบริการเราด้วยอาหารสดใหม่ที่ปรุงมาจากวัตถุดิบชั้นดีที่ผลิตขึ้นภายในเกาะ Oshima แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผักสดหรือผลไม้ พร้อมเสิร์ฟด้วยจานดินเผาที่ทำมาจากดินของเกาะแห่งนี้เสียด้วย
7. เกาะ Inujima
ชื่อของเกาะแห่งนี้นั้นแปลความหมายออกมาได้ว่า ‘เกาะสุนัข’ เป็นเกาะขนาดเล็กที่เข้าร่วมการจัดแสดงงานศิลปะ Setouchi International Art Festival ด้วยเช่นกันและเนื่องจากมีขนาดเล็กจึงทำให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินชมงานศิลปะได้ทั่วทั้งเกาะภายในวันเดียว
เกาะแห่งนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ด้วยกันสองแห่งคือ Seirensho Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สร้างขึ้นบริเวณโรงงานเก่า โดยยังคงสภาพให้เห็นเป็นโรงงานเด่นชัดอยู่อย่างนั้น เรียกได้ว่าเป็น Art Museum ที่แปลกและแตกต่างมากจริง ๆ
ผลงานชิ้นนี้ชื่อว่า “Ether”
“Plane Mirror” / “Reverse”
และอีกหนึ่งงานแสนสวย “Reflectwo”
ผลงานเหล่านี้ตั้งอยู่ที่ Inujima Art House Project ซึ่งอยู่บริเวณทางขวาของท่าเรือของเกาะ ที่นี่มีผลงานศิลปะจัดแสดงหลายรูปแบบซึ่งจัดอยู่ทั้งในและนอกอาคาร โดยผลงานแต่ละชิ้นนั้นล้วนแต่มีความแปลกใหม่และหาดูไม่ได้จากที่ใดมาก่อน
นอกจากนี้หากใครชอบศิลปะผ่านความงามของธรรมชาติละก็ต้องไปดูสวนสวยที่มีเรือนกระจกตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ให้ได้นะ
8. เกาะ Shamijima (จัดแสดงเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ)
แม้ที่นี่จะเป็นเพียงเกาะ ๆ เล็ก แต่บนเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ แห่งนี้ยังมีการจัดแสดงงานศิลปะที่น่าสนใจอยู่ ผลงานศิลปะที่จัดแสดงบนเกาะนี้แม้มีไม่มากแต่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเนินเขาผลงานของศิลปินชาวรัสเซีย Tanya Preminger ก็ดูราวกับบ้านของตัวการ์ตูนในเทพนิยาย
หรือม้านั่งในสวนสาธารณะผลงานของ Syuzo Fujimoto ชาวญี่ปุ่น ที่นั่งได้ถึง 8 ที่นั่งแบบนี้ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยเนอะ
9. เกาะ Honjima (จัดแสดงเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ)
เกาะ Honjima เป็นหนึ่งในเกาะของหมู่เกาะแห่งนี้ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มานานเพราะในอดีตช่วงปลายทศวรรษค.ศ. 1500 ที่แห่งนี้เคยเป็นฐานกองทัพเรือมาก่อน
งานศิลปะที่จัดแสดงบนเกาะแห่งนี้จึงได้รับอิทธิพลจากประวัติศาสตร์มาบ้าง ทำให้ความสวยงามของผลงานบนเกาะนี้นั้นออกแบบมาไม่เหมือนใคร
หรือจะไปชม Moony Tunes พระจันทร์ที่สร้างขึ้นมาจากหินของปราสาทโอซาก้าก้อนนี้ ขนาดดูจากภาพก็ยังเหมือนจริงขนาดนี้ ไม่ควรพลาดชมเลยใช่มั้ยล่ะ
10. เกาะ Takamijima (จัดแสดงเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง)
ถือเป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถเดินเที่ยวและสำรวจรอบ ๆ เกาะได้ง่ายที่สุดเกาะหนึ่ง ดังนั้นการเดินชมงานศิลปะที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์บนเกาะแห่งนี้จึงไม่ยากเย็นเลย
อย่างเช่น Takamijima Project/Journey of rust ผลงานของ Ryo Wakabayash ที่สร้างขึ้นในรูปแบบของเรือจำลองที่สร้างจากวัตถุเหลือใช้ ทำให้ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ
หรือห้องมีรูอย่าง Transition House แห่งนี้ก็เป็นผลงานที่ทั้งน่าค้นหาและน่าสนใจ
11. เกาะ Awashima (จัดแสดงเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง)
Awashima เป็นเกาะมีที่ลักษณะคล้ายรูปดวงดาว แต่เดิมที่นี่เป็นโรงเรียนทหารเรือแห่งชาติที่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1897 เลยทีเดียว และเหล่าผลงานศิลปะที่จัดแสดงในงานเทศกาลศิลปะนี้จะจัดขึ้นรอบ ๆ เกาะแห่งนี้นั่นเอง
ผลงานที่น่าสนใจก็มีมากมายหลายอย่างทั้ง Project for Awashima ที่สร้างโรงเรียนอนุบาลเก่าด้วยเส้นสายสีขาวดำที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ
และที่ไม่ควรพลาดชมเลยคือที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ MISSING POST OFFICE ผลงานที่สร้างขึ้นโดย Saya Kubota ผู้ปรับปรุงไปรษณีย์เก่าของเกาะแห่งนี้ ให้กลายเป็นไปรษณีย์ที่ยินดีรับจดหมายที่ไม่จ่าหน้าซองของผู้รับ และยอมให้ผู้ที่มาเข้าชมนำจดหมายกลับบ้านไปด้วยได้หากคิดว่าจดหมายฉบับนั้นน่าจะจ่าหน้าซองถึงเขา เป็นไปรษณีย์ที่ทั้งแปลกและน่ารักจริง ๆ
12. เกาะ Ibukijima (จัดแสดงเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง)
Ibukijima เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีขนาดเพียง 1 ตารางกิโลเมตรและเป็นแหล่งจับปลาซาร์ดีนและปลากะตักที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่จึงเป็นเกาะแห่งหมู่บ้านของชาวประมงอีกหนึ่งแห่งเลยก็ว่าได้
ผลงานส่วนใหญ่ภายในเกาะนี้จึงได้รับแรงบันดาลใจมาจากทั้งฝูงปลาและท้องทะเล ดังเช่นผลงานชิ้นนี้ Unsinkable Ship ของ Ryo Toyofuku ที่ร่วมมือกับ Chiba Art School นั่นเอง
13. ท่าเรือ Takamatsu
ท่าเรือ Takamatsu แห่งนี้ ถือเป็นประตูสู่งานเทศกาลแสดงศิลปะ Setouchi International Art Festival เลยก็ว่าได้ ศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานแสดงศิลปะตามเกาะต่าง ๆ แห่งทะเล Setouchi เองก็จะตั้งอยู่บริเวณท่าเรือแถวนี้ด้วย
แต่แน่นอนว่าที่นี่ก็มีงานศิลปะจัดแสดงอยู่ทั่วเกาะ ซึ่งบนเกาะก็มีบริเวณเช่าจักรยานเพื่อให้เราปั่นชมผลงานศิลปะเหล่านั้นกันได้อย่างสบาย ๆ
ไม่ว่าจะเป็นบริเวณริมท่าเรือ
ป้ายรถเมล์
หรือแม้แต่ที่สระว่ายน้ำก็ยังมีผลงานสวย ๆ ให้เราได้ไปเยี่ยมชม
ก่อนกลับบ้านก็อย่าลืมแวะจุดชมวิวสวย ๆ ของเกาะแห่งนี้กันด้วยนะ
14. ท่าเรือ Uno
ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดขึ้นเรือเพื่อไปยังเกาะ Teshima, Shodoshima, ท่าเรือ Takamatsu และ Naoshima เกาะที่เปนไฮไลท์เด็ดของงานเทศกาลศิลปะนี้ แต่ท่าเรือแห่งนี้ก็มีผลงานศิลปินจัดแสดงเช่นเดียวกันกับ ท่าเรือ Takamatsu
ผลงานศิลปะบริเวณท่าเรือนี้ก็โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกัน ดูอย่างผลงานเจ้าปลายักษ์ที่ทำจากของเหลือใช้ตัวนี้สิ !
หรือแม้แต่ผลงานบริเวณสถานีรถไฟ JR Uno Minato Line แห่งนี้
Setouchi Triennale Passport : ตั๋วไปงานแสดงศิลปะ
Cr: setouchi-artfest.jp
ก่อนเราจะไปเที่ยวชมความงดงามของผลงานศิลปะที่ซ่อนอยู่ตามเกาะต่าง ๆ ก็จะต้องมีตั๋วสำหรับเข้าชมงานกันเสียก่อน เนื่องจากการเข้าชมผลงานแต่ละชิ้นนั้นบางอย่างก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่าย
ตั๋วในการเข้าชมงานเทศกาลศิลปะ Setouchi International Art Festival นั้นจะมีลักษณะเหมือนพาสปอร์ตให้เราไว้ใช้เป็นใบผ่านในการเดินทางเที่ยวชมผลงานศิลปะกันที่หมู่เกาะแห่งนี้
หากใครไม่อยากซื้อตั๋วก็ยังสามารถเข้าชมงานได้ แต่จะต้องเสียค่าเข้าชมผลงานชิ้นต่าง ๆ ในราคาเต็มทั้งหมด ซึ่งคิด ๆ ดูแล้วก็แพงกว่าเราจ่ายเงินซื้อพาสปอร์ตของงานเทศกาลนี้เสียอีก
เพราะราคาเต็มในการชมผลงานทุกอย่าง (ที่เสียค่าเข้าชม) ตกอยู่ที่ 25,000 เยนเลยทีเดียว
แต่หากซื้อพาสปอร์ตล่ะก็ราคาจะถูกกว่านั้นมากคือ
ราคา Setouchi Triennale Passport
ผู้ใหญ่ 5,000 เยน
นักเรียน (16-18 ปี) 3,500
ซึ่งตั๋วพาสปอร์ตที่ราคานี้สามารถใช้ได้นานถึง 108 วัน (20 มีนาคม-6 พฤศจิกายน) ซึ่งนั่นก็คือช่วงเวลาทั้ง 3 ฤดูที่จัดงานเทศกาลเลย แถมเขายังใจดีแถมแผนที่เดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ด้วยนะ
Cr: setouchi-artfest.jp
ในพาสปอร์ตยังมีดีเทลเท่ ๆ ให้เราเล่นสนุกอีกด้วย นั่นก็คือมีช่องให้เราสะสมตราประทับเมื่อเราได้ชมผลงานศิลปะแต่ละชิ้น เมื่อเราชมผลงานจนครบและสะสมแสตมป์ได้ทุกลายแล้ว ก็สามารถเราไปแลกของรางวัลได้ด้วยนะ
สถานที่ซื้อ Passport
เวลาทำการ 7.00-20.00 น.
เวลาทำการ 8.00-18.30 น.
เวลาทำการ 8.30-18.00 น.
หมายเหตุ
Setouchi-artfest
วิธีการเดินทาง
วิธีการเดินทางมาเที่ยวชมงานศิลปะนี้ก็ไม่ยาก ด้วยการขึ้นรถบัสด่วน (Highway Bus) จากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ไปลงที่ท่ารถบัส Takamatsu (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง) จากนั้นเดินไปยังท่าเรือ Takamatsu เพื่อลงเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะต่าง ๆ ที่มีงานศิลปะจัดแสดงอยู่
หรือนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Takamatsu-chikko แล้วเดินเท้าต่ออีกประมาณ 8 นาทีเพื่อไปที่ท่าเรือ Takamatsu
โดยสามารถดูรอบของเรือที่เราจะเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ตามท่าเรือต่าง ๆได้ที่เว็บไซต์นี้
ตารางเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะต่าง
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน Setouchi International Art Festival ได้ที่ Setouchi International Art Festival
Setouchi International Art Festival : Takamatsu Port
ที่อยู่ | 1 Kitahamachō, Takamatsu-shi, Kagawa-ken 760-0031, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟสาย Takamatsukotohira Dentetsu-Kotohira Line ไปลงที่สถานี Takamatsu-chikko แล้วเดินเท้าต่ออีกประมาณ 8 นาทีเพื่อไปที่ท่าเรือ Takamatsu |
โทรศัพท์ | 087-851-3442 |
Setouchi International Art Festival |
ข้อสรุป
ใครที่ชอบงานศิลปะอยากเปิดหูเปิดตาดูความสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำ งานเทศกาลศิลปะ Setouchi International Art Festival นี้เป็นอีกงานเทศกาลหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด เพราะงานศิลปะที่นำมาจัดแสดงในงานนี้นั้นประกอบไปด้วยความงดงามและผสมผสานวิถีชีวิตของชาวบ้านแห่งหมู่เกาะเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นความงดงามที่หาชมไม่ได้ที่ใด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
อย่าพลาดที่จะแวะมาชื่นชมดินแดนแห่งแสงอาทิตย์อย่างจังหวัดโอคายาม่าแห่งนี้กันนะ
หลงเสน่ห์ 10 ที่เที่ยว โอคายาม่า (Okayama) เมืองธรรมชาติ ห่าง Osaka แค่ 1 ชั่วโมง
โอคายาม่า (Okayama) จังหวัดที่อยู่ใกล้โตเกียว โอซาก้า และฮิโรชิม่าที่หลายคนคุ้นเคย เพราะมีทั้งธรรมชาติ ปราสาท พิพิธภัณฑ์ บ้านเรือนโบราณ วิถีชีวิตผู้คน และสเน่ห์อีกมากมายให้มาสัมผัส