6 ออนเซ็น ทั่วชูโกกุ แช่ดี วิวเด่น คุณภาพเน้นๆ

1.มิซาสะ ออนเซ็น (Misasa Onsen)

Cr: misasaonsen

มิซาสะออนเซ็น อยู่ในเมืองคุราโยชิ จังหวัดทตโตริ ภูมิภาคชูโกกุ ว่ากันว่าถ้าเกิดได้แช่มิซาสะออนเซ็นเป็นเวลา 3 วัน ไม่ว่าป่วยเป็นโรคอะไรมาก็จะหาย สุขภาพแข็งแรง เพราะว่าถูกขนานนามมาตั้งแต่โบราณแล้วว่าเป็นดินแดนที่เหล่าผู้ฝึกตนในศาสนาพุทธจะมาแช่ที่ออนเซ็นแห่งนี้ ทำให้มีความเชื่อว่าเป็นแหล่งออนเซ็นศักดิ์สิทธิไปเลย และตัวน้ำพุร้อนของที่นี่มีส่วนประกอบของแร่เรเดียม ซึ่งบอกเลยว่าเป็นแร่ธาตุพิเศษแตกต่างจากที่อื่น ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่ง ออนเซ็นเรเดียม มีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดเลยทีเดียว และยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงป้องกันโรคมะเร็งอีกด้วย จะจริงรึเปล่าต้องไปลองแล้วแหละ ภายในมิซาสะออนเซ็นก็ไม่ได้มีแค่บ่อออนเซ็นไว้ให้แช่เท่านั้นนะ แต่มีจุดดื่มน้ำออนเซ็นฟรีตั้งเอาไว้ให้บริการอยู่ น้ำก็ไม่ธรรมดา เพราะมีน้ำก็มีแร่เรเดียมอยู่ด้วยนะ ทั้งดื่มทั้งแช่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ เลย

Cr: misasaonsen

และแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในแถบเมืองนี้ก็คือ พิพิธภัณฑ์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Gosho Aoyama Manga Factory) เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนันนั่นเอง และห้ามพลาดกับสถานที่ที่ถือว่าเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายสาเก (เหล้าญี่ปุ่น) ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน “International Wine Challenge” งานประกวดไวน์นานาชาติของประเทศอังกฤษด้วยนะ สำหรับใครที่อยากจะค้างคืนที่นี่ก็สามารถทำได้ง่ายมากๆ เพราะมีโรงแรมและเรียวกังมากกว่า 26 แห่ง ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ

Cr: misasaonsen

มิซาสะ ออนเซ็น (Misasa Onsen)

2.ทะมะสึคุริ ออนเซ็น (Tamatsukuri Onsen)

Cr: tama-yuuyu

มาต่อกันที่ ทะมะสึคุริออนเซ็น ถือว่าเป็นแหล่งออนเซ็น หรือหมู่บ้านออนเซ็นแห่งแรกในจังหวัดชิมาเนะ โดยที่นี่ได้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในหนังสือโบราณ อิซุโมโนะคุนิฟุโดกิ (Izumonokuni fudoki ปี 733 ซึ่งในหนังสือได้กล่าวไว้ว่า “น้ำในบ่อออนเซ็นจะช่วยให้ผิวของท่านชุ่มชื้นนับตั้งแต่ลงแช่ครั้งแรก และโรคภัยจะถูกรักษาให้หายในการลงแช่ครั้งที่สอง” ผู้คนจึงมักเรียกบ่อออนเซ็นนี้ว่า ‘บ่อน้ำร้อนของเทพเจ้า’ และที่นี่อยู่ห่างจากริมฝั่งทะเลสาบชินจิเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น และถ้ามาที่นี่จะพบกับหินโมรา ที่ตั้งอยู่บนสะพานมากาทามาบาชิ (Magatama-bashi) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้

Cr: tama-yuuyu

Cr: Afacebook tamanavi

น้ำพุร้อนของที่นี่ก็ดีมากๆ ได้ชื่อว่าเป็นออนเซ็นผิวสวยด้วยนะ เพราะมีสารที่ช่วยชะลอการหย่อนยานของผิว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เนียนเรียบ และถ้ามาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิล่ะก็ จะต้องตกตะลึงในความสวยงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง เหมาะแก่การมาแช่ออนเซ็น หรือจะนั่งดูความสวยงามที่ใต้ต้นซากุระก็ได้เหมือนกัน เพราะคนญี่ปุ่นเขาก็ชอบมานั่งกันเต็มไปหมดเลยแหละ จะเอาอาหารหรือเครื่องดื่มมานั่งทานด้วยก็ได้ ใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมเก็บความประทับใจกลับมาฝากกันด้วยนะ

ทะมะสึคุริ ออนเซ็น (Tamatsukuri Onsen)

3.ไคเกะ ออนเซ็น (Kaike Onsen)

Cr: kaike-yugetsu

ไคเกะออนเซ็น ตั้งอยู่จังหวัดทตโตริและอยู่ติดชายหาดทะเลญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งออนเซ็นริมทะเลที่โดนเด่นอย่างมากในเขตซันอิน ภูมิภาคชูโกกุ ที่บอกว่าโดดเด่นก็เพราะว่า ออนเซ็นหรือน้ำพุร้อนที่จะผุดขึ้นมาจากทะเลนั้นค่อนข้างจะหาได้ยาก และทะเลแถบนี้ส่วนมากจะเป็นทะเลเกลือ เพราะมีเกลืออยู่จำนวนมาก ทำให้ออนเซ็นของที่นี่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดี และยังบรรเทาอาการปวดข้อต่างๆ ด้วย ในขณะที่แช่ออนเซ็น เราก็สามารถชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาไดเซ็นได้ด้วยนะ เป็นภูขาที่สูงที่สุดในจังหวัดทตโตริเลย นอกจากนี้ในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ก็เพราะว่าเป็นสถานที่ที่สามารถเล่นน้ำ และแช่ออนเซ็นได้ในที่เดียว

Cr: kaike-yugetsu

Cr: kaike-yugetsu

Cr: kaike-grandhotel

และนอกจากจะเล่นน้ำ แช่ออนเซ็นแล้วที่นี่ก็มีอาหารทะเลสดๆ ให้ได้ลิ้มลองหลายอย่างเลยแหละ เช่น ปูมัตสึบะ (ในฤดูหนาว) หอยนางรม (ฤดูร้อน) กุ้ง และอีกมากมาย จับขึ้นจากทะเลสดๆ กันเลยทีเดียว จะบอกว่าที่นี่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกได้สวยสุดๆ เพราะว่าออนเซ็นที่นี่นั้นอยู่เลียบอ่าวยูมิกาฮานะ ซึ่งถือว่าเป็นทะเลที่พระอาทิตย์สวยงามเป็นทุนเดิมอยู่ ก็ไม่น่าแปลกใช่ไหมว่าทำไมได้เป็น 1 ใน 100 ใครกำลังมองหาหรืออยากมาแช่ออนเซ็น และดูพระอาทิตย์ตกไปด้วยก็ต้องเช็ควันเวลาการพยากรณ์ดีๆ เลยนะ จดไว้อย่าให้พลาดเลย

ไคเกะ ออนเซ็น (Kaike Onsen)

4.ยูดะ ออนเซ็น (Yuda Onsen)

Cr: oidemase

ยูดะออนเซ็น แหล่งออนเซ็นประวัติศาสตร์ที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามากุจิ ว่ากันว่าเริ่มต้นมาจากการที่พระเจ้าอาวาสรูปหนึ่งบังเอิญเห็นว่ามีจิ้งจอกขาวตัวหนึ่งที่บาดเจ็บอยู่ และกำลังแช่ขาของมันลงในสระน้ำของวัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ จึงได้รู้ว่ามีน้ำพุร้อนผุดขึ้นอยู่ในที่แห่งนี้ ทำให้กลายมาเป็นยูดะออนเซ็นจนถึงทุกวันนี้ แถมยังเป็นออนเซ็นที่ถูกค้นพบโดยจิ้งจอกอีกด้วย ก็เป็นเรื่อวที่น่าแปลกมากๆ โดยบ่อออนเซ็นของที่นี่มีความอ่อนโยนและซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากๆ เพราะมีส่วนผสมของอัลคาไลน์อ่อนๆ ซึ่งมีความนุ่มนวลน่าสัมผัส ทำให้นักท่องเที่ยวต่างติดใจและมาแช่กันมากขึ้น แถมยังมีออนเซ็นให้แช่เท้าได้ฟรีๆ ถึง 6 แห่งเลยทีเดียว ไม่ต้องพักที่โรงแรมหรือเรียวกังก็แช่ได้ ใครผ่านๆ มาก็มาลองแช่ผ่อนคลายความเมื่อยล้ากันได้นะ

Cr: facebook yudaspa

และถ้ามาถึงที่นี่แล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ เทศกาลโคมไฟทานาบาตะแห่งยามากุจิ ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นทุกเดือสิงหาคม (วันที่ 7 เดือน 7 คือ วันทานาบาตะ) ภายในเทศกาลเราจะได้พบกับโคมไฟสีแดงส่องแสงสว่างอย่างสวยงาม เรียงรายตามเส้นทางต่างๆ มีร้านค้ามากมายมาขายของกันเพียบ นักท่องเที่ยวจะสวมชุดยูกาตะมาเดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ถ้าได้ลองไปก็อย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันบ้างนะ และสุดท้ายของดีอีกอย่างที่จะพูดถึงก็คือ สาเกหรือเหล้าของญี่ปุ่นนั่นเอง ถ้าใครเป็นสาวกสาเกของญี่ปุ่นล่ะก็มาถูกทางแล้ว เพราะที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องสาเกมากๆ น่าไปลองชิมมากเลยเนอะ

ยูดะ ออนเซ็น (Yuda Onsen)

5.ฮาวาย ออนเซ็น (Hawai Onsen)

Cr: facebook hawaitogospa

ฮาวายออนเซ็น แค่ชื่อก็บ่งบอกถึงความเป็นออนเซ็นติดทะเลแล้ว ที่นี่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโทโก มีประวัติมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ถือว่ายาวนามากๆ น้ำพุร้อนของที่นี่ผุดขึ้นมาจากทะเลสาบโทโกที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อย่าง โซเดียมคลอไรด์ มีที่มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการปวดเส้นประสาท ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และไม่ได้มีเพียงออนเซ็นเท่านั้นนะ แต่ที่นี่ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เราได้ทำด้วย ทั้งปั่นจักรยาน ตีกอล์ฟแบบสไตล์ญี่ปุ่น หรือจะเดินออกกำลังกายแบบนอร์ดิกวอล์ค รอบๆ ริมทะเลก็ได้ เหนื่อยๆ ก็มานั่งพักที่ สวนจีนเอ็นโจเอ็น (Chinese Garden Enchoen) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ออกแบบโดยสถาปัตยกรรมสไตล์จีนๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจเลยแหละ

Cr: facebook hawaitogospa

Cr: facebook hawaitogospa

ถ้าใครไม่ได้เข้าพักในเรียวกังหรือโรงแรมแต่อยากจะแช่ออนเซ็นล่ะก็ ที่นี่ก็มีจุดบริการออนเซ็นให้แช่เท้าฟรีถึง 7 แห่งด้วยกัน ทั้งตรงป้ายรถเมล์ บริเวณม้านั่ง และอีกหลายๆ ที่ จะไปใช้บริการก็อย่าลืมเตรียมอุปกร์อย่างผ้าขนหนูไปด้วยล่ะ เพราะว่าเขาไม่มีแจกฟรีนะ และจุดไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือต้นดอกบ๊วยที่มีมากกว่า 1000 ต้น เรียงรายกันเต็มไปหมด พร้อมกับบานสะพรั่งกระจายความสวยงามไปทั่วพื้นที่ และฤดูร้อนก็จะมีดอกว่านน้ำสีขาว สีม่วง ผลิบานสวยงามอยู่ริมบ่อน้ำอายาเมะ สร้างความดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นอย่างมาก

ฮาวาย ออนเซ็น (Hawai Onsen)

6.ยูบาระ ออนเซ็น (Yubara Onsen)

Cr: maniwa

มาที่แหล่งออนเซ็นสุดท้าย ยูบาระออนเซ็น เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ขึ้นชื่อเรื่องของความสวยความงาม เลยทีเดียว โดยที่นี่อยู่ในจังหวัดโอคายามะ ในยุบาระออนเซ็นแห่งนี้มีแหล่งน้ำ 15 แหล่งที่ดันน้ำปริมาณ 5,736 ตันออกมา
ในแต่ละวัน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ออนเซ็นที่นี่นั้นมีความเป็นด่าง ช่วยรักษาแผล โรคผิวหนัง และบรรเทาโรคภูมิแพ้ อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีอีกต่างหาก และในพื้นที่เดียวกันก็ยังมีออนเซ็นอื่นๆ อยู่ด้วย เช่น
ยูโนโกะออนเซ็น โอคุตสึออนเซ็น เป็นต้น พิเศษไปกว่านั้นคือ ไม่ว่าจะมาฤดูกาลไหนๆ ที่นี่ก็มีบรรยากาศของ
ฤดูกาลนั้นๆ ให้เราได้ชมกัน อย่างถ้ามาฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้พบกับต้นไม้ที่มีการเปลี่ยสี จากสีเขียวกลายเป็นสีสันสวยงาม ใครชอบฤดูไหนก็เลือกมาฤดูนั้นได้เลย

Cr: maniwa

Cr: maniwa

จุดไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือ “ซูนะยู” ขอบอกเลยว่ามีดีกรีสูงมาก เพราะได้รับการจัดอันดับให้เป็นบ่อออนเซ็น
กลางแจ้งที่ดีที่สุดทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซูนะยูก็คือบ่อออนเซ็นที่น้ำแร่นั้นพุ่งออกมาจากใต้แม่น้ำ และมีทรายพุ่งออกมาด้วย เลยเป็นที่มาของชื่อ ซูนะยู นั่นเอง (ซูนะ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ทราย) เขาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงเลยนะ แถมยังฟรีอีกด้วย แต่ว่าเป็นแบบรวมชายหญิงยังไงถ้าใครไม่เขินอายก็ขอแนะนำเลย หรือถ้าเขินอายอยู่ก็ขอให้ลองเปิดใจสักครั้ง รับรองไม่จบแค่ครั้งเดียวแน่นอน

ยูบาระ ออนเซ็น(Yubara Onsen)

ข้อสรุป

เป็นยังไงกันบ้างกับทั้ง 6 ที่ เยี่ยมยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ ก็บอกแล้วว่าภูมิภาคนี้ก็มีแหล่งออนเซ็นดีๆ ไม่แพ้ที่อื่นเลย มีหลายแบบ หลายสไตล์ให้ได้เลือก แถมแต่ละที่ก็ยังมีความเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาที่ไม่เหมือนใคร ส่วนผสม แร่ธาตุต่างๆ ก็มีเยอะมาก ทั้งออนเซ็นอัลคาไลน์ ที่มีความอ่อนโยนกับผิว หรือจะเป็นออ่นเซ็นที่มีเกลือผสมอยู่ ช่วยให้ร่างกายเผาผลานไขมันได้ดี และยังบรรเทาอาการปวดข้อต่างๆ อีกด้วย และถ้าไปตามฤดูกาลต่างๆ ก็จะยิ่งฟินเข้าไปใหญ่เพราะบรรยากาศโดยรอบจะสวยงามมากกว่าเดิม บอกเลยว่าชูโกกุเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆ ใครกำลังเปิดใจให้กับการแช่ออนเซ็นก็ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย