มารู้จัก “Uminonakamichi Seaside Park” กันสักนิด
สวนสาธารณะแห่งนี้ มีความยาวรอบด้านทั้งหมดถึง 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ติดกับอ่าวฮากาตะ ชายทะเลใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ถ้าดูจากแผนที่เราจะเห็นได้ว่าสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในฝั่งตรงข้ามของตัวเมือง แต่เชื่อเถอะว่าการเดินทางไปที่สวนแห่งนี้ ไม่ยากเลย แถมมีกิจกรรมให้ทำเพียบ
เดิมทีสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ของฐานทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่สุดท้ายจะโดนยึดโดยกลุ่มกองทัพทหารอเมริกันหลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งในปี 1972 ที่ฐานทัพแห่งนี้ได้รับการบูรณะใหม่ให้กลายเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะ นั่นเอง
สำหรับไฮไลท์ที่น่าสนใจ
สวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ
ตรงตามชื่อของสวนสาธารณะแห่งนี้เลย คือ “สวนริมทะเล” ที่ติดกับอ่าวฮากาตะ โดยเราสามารถเห็นได้ทั้งในส่วนของอ่าวฮากาตะที่มีวิวด้านหลังเป็นใจกลางเมืองฟุกุโอกะ หรือจะเดินไปชมวิวในสวนของทะเล Genkai ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งเลยก็ได้เช่นกัน
พบกับเหล่าสัตว์แสนน่ารักมากมาย
Animal Forest
โซนนี้จะเป็นโซนสวนสัตว์เปิดที่เราสามารถเดินชมและให้อาหารน้อง ๆ (บางประเภท) สำหรับเราแล้ว ก็จะใช้เวลามองน้องคาปินารา นานที่สุดเลย เพราะไม่ค่อยคุ้นตากับตัวจริงสักเท่าไร
- ได้มองจ้องน้องคาปินาราแบบเต็มตา
- หลากหลายอารมณ์และชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
- เมื่อน้องจิงโจ้ไม่ได้มีให้ดูแค่ออสเตรีเลีย (ที่สวนนี้ก็มีให้ดูนะ)
- กิจกรรมให้น้องหนูได้สัมผัสกับเจ้าแฮมทาโร่ตัวยักษ์
สนามเด็กเล่น แทรมโพลีนขนาดยักษ์ !
อาจเรียกได้ว่าสวนสาธารณะแห่งนี้เหมาะกับการมาเที่ยวในแบบครอบครัวมาก ๆ เพราะแก๊งเจ้าตัวเล็กคงจะชอบใจกับกิจกรรมของที่นี้น่าดู
นอกจากเดินชมสวนสัตว์ ให้อาหารน้องกวางและไปลองสัมผัสกับหนูแฮมสเตอร์ยักษ์แบบในภาพด้านบนแล้ว ที่สวนแห่งนี้ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เจ้าตัวเล็กของเพื่อน ๆ ได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย อย่างเช่นในโซน Kujiragumo “Fuwan Porin” หรือ โซน แทรปโปลิน (trampoline) อัดลมขนาดยักษ์ที่พร้อมให้น้อง ๆ ที่มีอายุเกิน 3 ขวบขึ้นไป ได้มาสัมผัสประสบการณ์กระโดดกันเพลิน ๆ ซึ่งอาจโดดได้สูงถึง 1.7 เมตร เลยทีเดียว !
Kaze No Hiroba Gate (Light and Wind Plaza)
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการใช้เวลาพักผ่อนที่สวนแห่งนี้ให้มากขึ้น ในโซน Light & Wind ด้านนี้ ยังมีที่พักสุดจะส่วนตัวเปิดให้บริการอยู่ โดยเราสามารถเลือกจองเป็นแบบที่พักข้างคืนได้ โดยในห้องพักที่เป็นรูปโดมแบบนี้ ทำให้เราสามารถนอนดูดาวในยามค่ำคืน สุดจะโรแมนติก
เพลิดเพลินกับดอกไม้ตามฤดูกาล
โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้เกือบ 1 ล้านดอกของสวนแห่งนี้บานสะพรั่งพร้อมกัน อาทเช่น narcissus, tulips, nemophila, roses, hydrangeas, sunflowers
แนะนำจุดชมดอกไม้
ด้านบนจะเป็นแผที่สำหรับการเดินชมสวนดอกไม้ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ เราขอหยิบไฮไลท์ที่น่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ ชมกัน
Flower Museum
รับชมพิพิธภัณฑ์ดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยโซนจัดดอกไม้มากถึง 10 โซนด้วยกัน ถึงแม้จะมีชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ก็จริง แต่เราคงต้องบอกว่ามันเป็นพิพิธภัณฑ์ชมดอกไม้แบบกลางแจ้ง ให้เราได้เต็มอิ่มกับธรรมชาติได้เต็มที่
Rose Garden
สำหรับพื้นที่ 4,000 ตารางเมตรแห่งนี้จะจัดวางแต่ดอกกุหลาบที่มากถึง 1,800 สายพันธุ์ให้เราได้รับชมความหวานกันแบบจุใจเลยทีเดียว
แต่ต้องหมายเหตุไว้นิดนึงว่า หากมาชมในฤดูใบไม้ผลิ เราจะสามารถรับชมดอกกุหลาบได้มากถึง 1,800 สายพันธุ์ แต่สำหรับในฤดูใบไปร่วงจะเหลือแค่ 1,200 สายพันธุ์
Flower hill
หากเพื่อน ๆ กำลังสงสัยว่ารูปปกที่มีดอกไม้สีฟ้าสวยสบายตามาจากสวนแห่งไหนกันนะ ?
คำตอบก็คือ ที่สวน Flower hill นี่เอง !
โดยที่โซนนี้จะเป็นพื้นที่สุดกว้างใหญ่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสวนดอกกุหลาบข้างบนเกือบ 3 เท่า ! โดยสวนแห่งนี้จะประกอบไปด้วยดอก Nemophila หรือที่มีชื่อญี่ปุ่นว่า Ruri Karakusa ให้เราได้รับชมจนอิ่มตา
สำหรับฤดูกาลที่เหมาะกับการมาเที่ยวชมสวนดอกไม้
เราขอแนะนำ 2 ช่วงฤดูกาล ที่น่าสนใจสำหรับการมาชมสวนแห่งนี้
1. ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม)
นอกเหนือไปจากดอกไม้เกือบ 1 ล้านดอกที่พร้อมเบ่งบานให้เราได้รับชมแล้ว เรายังจะได้ชมต้นซากุระที่พร้อมบานสะพรั่งมากถึง 1,000 ต้นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นดอกเนโมฟีลาสีฟ้าที่เบ่งบานพร้อมกันมาตัดสีชมพูของดอกซากุระ และดอกกุหลาบที่พร้อมจัดแสดงมากถึง 1,800 สายพันธุ์ มาเที่ยวในช่วงนี้ถ่ายรูปยังไงก็ออกมาสวยงามอย่างแน่นอน
2. ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อของช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อาจมีสายพันธุ์ของดอกไม้ให้เรารับชมได้น้อยลงกว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จริง แต่หากว่าเพื่อน ๆ มาในช่วงนี้ เราจะแนะนำให้ไปชมดอกไม้ฮะนะโนะโอะกะ (Hana no Oka) ซึ่งมีดอกดาวกระจาย (Cosmos) หลากสีเบ่งบานไปทั้งสวน อีกทั้งยังมีนอกจากนี้ดอกฮิกังบะนะ (Red Spider Lily) หรือดอกพลับพลึงแดงให้เราได้รับชม คล้อยไปกับสีชาของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงนี้ สำหรับเราแล้ว ถ่ายรูปออกมาได้สวยไม่แพ้กับฤดูใบไม้ผลิเลย ต่างรสชาติกันไป
เช่าจักรยานขับกินลมชมสวน
หากเพื่อน ๆ อยากชมความงามของสวนสาธารณะแห่งนี้โดยรอบ เราขอแนะนำให้เช่าจักรยานขับชมเก็บได้ทั้งสวน โดยมีอัตราค่าบริการสำหรับ 3 ชั่วโมงอยู่ที่ 500 เยน และเหมาทั้งวันอยู่ที่ 700 เยน ซึ่งถ้าขับไปตามเส้นทางปั่นที่ทางสวนกำหนดไว้ให้ เราจะสามารถปั่นได้ระยะทางที่มากถึง 12 กิโลเมตรเลยทีเดียว
วิธีการเดินทาง
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟ โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานี Hakata Station ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ โดยจะใช้รถไฟสายสีแดง (Kagoshima Line) เพื่อมาเปลี่ยนที่สถานี Kashii และนั่งต่อด้วยรถไฟสายสีฟ้า (Kashii Line) มาลงที่สถานี Uminonakamichi Station ซึ่งเดินขึ้นมาก็จะตรงกับสวนพอดี
พิกัด Uminonakamichi Seaside Park
ที่อยู่ | 18-25 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka, 811-0321 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟเส้นทาง JR Kashii Line ไปลงที่สถานี Uminonakamichi |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 09:30 – 17:00 |
ราคา | ฟรี |
Website | Uminonakamichi Seaside Park |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
ถ้าไปแล้วยังมีเวลาเหลือ อยากเที่ยวที่อื่นใกล้ๆ ต่อ ลองดูด้านล่างเลย
1. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิโนะนากามิจิ
Marine World umino-nakamichi หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิโนะนากามิจิ มีขนาดใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีการจัดแสดงสัตว์ทะเลกว่า 450 สายพันธุ์ และมีจำนวนกว่า 30,000 ตัวที่แหวกว่ายภายในตู้กระจกขนาดใหญ่
พิกัด พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิโนะนากามิจิ
ที่อยู่ | 18-28 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka |
วิธีเดินทาง | ใช้เวลาเดินจากสวนสาธารณะ Uminonakamichi ประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 9.30-17.30 น. |
ราคา | บุคคลทั่วไป 2,500 เยน |
Website | พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิโนะนากามิจิ |
2. ศาลเจ้าชิคาอุมิ (Shikaumi Shrine)
พิกัด ศาลเจ้าชิคาอุมิ (Shikaumi Shrine)
ศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Shikanoshima Island ซึ่งอยู่ใกล้กับสวน Uminonakamichi เป็นหนึ่งในศาลเจข้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในสงครามของญี่ปุ่นกับเกาหลีในอดีต
ที่อยู่ | 877 Shikashima, Higashi Ward, Fukuoka, 811-0323 |
วิธีเดินทาง | เดินทางโดยรถบัสจากสถานีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุมิโนะนากามิ ใช้เวลา 15นาทีไปยัง สถานี Shikanoshima และเดินไปอีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 06.00 – 17.30 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | ศาลเจ้าชิคาอุมิ (Shikaumi Shrine) |
3. Nokonoshima Island Park
Nokonoshima Island Park ตั้งอยู่บนเกาะ Nokonoshima ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของฟุกุโอกะ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆมากมายและธรรมชาติสวยงามตลอดทั้ง 4 ฤดู โดยจุดเด่นของสวนสาธารณะที่อยู่บนเกาะแห่งนี้คือมีดอกไม้ให้ชมตลอดทั้งปี
พิกัด Nokonoshima Island Park
ที่อยู่ | Nokonoshima Nishi-ku,Fukuoka-shi, Fukuoka-ken 819-0012 |
วิธีเดินทาง | แนะนำให้นั่งรถบัสจากสถานี Hakata ไปลงท่าเรือเฟอร์รี Tosenba-mae ไปลงที่สถานีของสวนสาธษรณะแห่งนี้ |
เวลาทำการ | (จ-ส) 9.00 น. – 17.30 น. / (วันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์) 9.00 น. – 18.30 น. (ในฤดูหนาวเวลาทำการจะเหมือนวันธรรมดา) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 1,200 เยน / เด็ก 600 เยน / เด็กเล็ก(ต่ำกว่า 3 ขวบ) 400 เยน |
Website | Nokonoshima Island Park |
สรุป
สวนสาธารณะริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ (Uminonakamichi Seaside Park) แห่งนี้ เป็นหนึ่งในสวนที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความวุ่นวายภายในตัวเมืองฟุกุโอกะ เพื่อน ๆ จะได้รับชมดอกไม้มากกว่า 2,000 สายพันธุ์ที่สวนแห่งนี้ โดยจะแนะนำให้มาชมใจช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง หากเริ่มชินตากับดอกไม้แล้ว เราก็เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการมาชมสวนสัตว์แบบเปิด หรือจะเสริมความท้าทายด้วยการเช่าจักรยานขับชมรอบสวนด้วระยะทาง 12 กิโลเมตร ก็ยังได้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่มาเที่ยวในฤดูร้อน ก็ยังมีโซนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้เราได้สนุกกันอย่างเต็มที่อีกด้วยนะ