Dogo Onsen หนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

ในบรรดาออนเซ็นทั่วประเทศญี่ปุ่น หากพูดถึงออนเซ็นเก่าแก่และเต็มไปด้วยเรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ เรียงรายด้วยรายละเอียด ล้อมรอบด้วยเรียวกัง ศาลเจ้า งานศิลปะ และถนนโบราณให้เดินสัมผัสบรรยากาศในอดีต โดโกะออนเซ็นแห่งนี้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่คุณเฝ้ารออย่างแน่นอน โดยสถานที่ท่องเที่ยวหลักในโดโกะออนเซ็น คืออาคารโดโกะออนเซ็นฮอนกังซึ่งเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะที่่่สร้างด้วยไม้ โดยสร้างขึ้น เมื่อปีค.ศ. 1894 ภายในฮอนกังมีบันได ทางเดิน และห้องต่างๆ มากมายที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มาอาบน้ำ และพนักงาน ว่ากันว่าออนเซ็นแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณฮายาโอะ มิยาซากิสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “Spirited Away” ออกมาอีกด้วย

ประวัติของโดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen)

โดโกะออนเซ็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 3,000 ปี และกล่าวกันว่าเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติในเดือนธันวาคม ค.ศ.1994 โดยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะแห่งแรก เพื่อส่งต่อสมบัติของชาติให้กับคนรุ่นต่อไป รวมไปถึงเมืองมัตสึยามะด้วย

ประวัติศาสตร์ของโดโกะออนเซ็นนั้นมีความน่าสนใจมากมาย และที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือการปรากฏใน “มันโยชู” หนังสือรวมบทกวีญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ โดโกะออนเซ็นยังเป็นฉากหลักในนวนิยายชื่อดังเรื่อง “บ็อตจัง” ของโซเซกิ นัตสึเมะ นักเขียนนวนิยายที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง 

ตัวอาคารหลักของโดโกะออนเซ็นถูกสร้างขึ้นจากเงินบริจาคของนายกเทศมนตรีในสมัยนั้น รวมทั้งชาวบ้าน และผู้บริจาคบางคนยังได้รับบัตรเข้าออนเซ็นตลอดชีวิตไปด้วย แถมยังสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ ในออนเซ็นยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กๆ ที่จัดแสดงตั๋วประวัติศาสตร์เหล่านี้ รวมถึงภาพถ่ายและของที่ระลึกอื่นๆ ที่เป็นการเฉลิมฉลองถึงโซเซกิ นัตสึเมะและนวนิยายของเขา

ตำนานของโดโกะ ออนเซ็น

ตามตำนานเล่าว่ามีนกกระยางตัวหนึ่งที่ขาบาดเจ็บมาค้นพบน้ำพุร้อนที่ไหลออกมาจากโขดหิน นกกระยางตัวนั้นกลับมาที่น้ำพุร้อนทุกวันเพื่อแช่ขาที่บาดเจ็บ หลังจากนั้นไม่นาน ขาของมันก็หายเป็นปกติ และนกกระยางก็บินหนีไปอย่างแข็งแกร่งเหมือนเดิม ผู้คนที่เห็นสิ่งนี้คิดว่ามันแปลกมาก และเมื่อพวกเขาเริ่มลงแช่น้ำ พวกเขาก็พบว่าน้ำช่วยคลายความเหนื่อยล้าและช่วยให้หายจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การลงแช่น้ำพุร้อนจึงกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งในเวลาต่อมา มีการนำหินก้อนหนึ่งมาวางที่นี่เพื่อรำลึกถึงตำนานดังกล่าว โดยเรียกว่า “ซากิอิชิ” (หินนกกระยาง) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่จัตุรัสโฮโจเอนหน้าสถานีโดโกะออนเซ็นอีกด้วย

บรรยากาศภายในอาคาร

อาคารของโดโกะออนเซ็นนั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยห้องอาบน้ำชั้น 1 ประกอบด้วย Kami-no-Yu (น้ำของเทพเจ้า) และ Tama-no-Yu (น้ำของวิญญาณ) ห้องอาบน้ำชั้น 1 มีกระเบื้องรูปนกกระสา ส่วนห้องอาบน้ำชั้น 2 มีกระเบื้องแกรนิตและหินอ่อน ห้องอาบน้ำแยกเป็นชายและหญิง หากไม่มีผ้าเช็ดตัวติดตัวมาด้วย คุณสามารถเช่าหรือซื้อได้ในสถานที่ แนะนำว่าอย่าแช่น้ำในออนเซ็นนี้นานจนเกินไปเนื่องจากอุณหภูมิค่อนข้างสูง ควรแช่เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า นอกจากนี้ยังมีห้องรับรองส่วนตัวสำหรับการผ่อนคลายและนั่งพักผ่อนหลังแช่น้ำได้อีกด้วย

ปิดปรับปรุงพื้นที่บางส่วนแล้วเปิดทำการอีกครั้ง

ตั้งแต่เดือนมกราคมค.ศ.2019  บ่อออนเซ็นปิดให้บริการบางส่วนเพื่อซ่อมแซม รวมถึงการเสริมกำลังแผ่นดินไหว อัปเดตระบบประปา การปรับปรุงใหม่ การเปลี่ยนหลังคา และเปิดทำการอีกครั้งเมื่อเดือนธันวาคมปีค.ศ.2024 ที่ผ่านมา โดยหลังการปรับปรุงครั้งนี้ทางโดโกะออนเซ็น และทางเมืองมัตสึยามะตั้งใจจะมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ดีขึ้น สำหรับทุกคนในขณะที่ยังคงรักษาเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์เอาไว้ นอกจากนั้นตั๋วอาบน้ำจะมีภาพประกอบพิเศษของอาคารโดโกะออนเซ็นและนกกระสาที่สามารถตัดออกมาและประกอบเป็นไดโอรามาขนาดเล็กได้อีกด้วย

พื้นที่สำคัญในโดโกะออนเซ็น

สัมผัสกับตัวอาคารด้านนอกของโดโกะออนเซ็นที่น่าประทับใจ โดยตัวออนเซ็นเป็นอาคารไม้สามชั้นและมีหอสังเกตการณ์ที่มีหน้าต่างสีแดงและสัญลักษณ์ของออนเซ็นรูปนกกระยางเหล็กประดับอยู่ด้านบน นอกจากนั้นยังปรากฏอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายในอาคารด้วย มาลองสำรวจเส้นออนเซ็นโบราณ พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศแสนผ่อนคลายในห้องกันเลย

Dogo Onsen Honkan อาคารหลักที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

โดโกะออนเซ็นฮอนคังเป็นสัญลักษณ์ที่งดงามของออนเซ็นเก่าแก่แห่งนี้ โดนในปีค.ศ. 2009 ได้รับรางวัล 3 ดาวสูงสุดจากมิชลินกรีนไกด์ญี่ปุ่น ในส่วนของคามิโนะยุฮอนคังในปัจจุบันเป็นโครงสร้างไม้ 3 ชั้นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในปีค.ศ. 1894 โดยยูกิยะ อิซานิวะ นายกเทศมนตรีคนแรกและอาคารนี้ออกแบบโดย Matahachiro Sakamoto ช่างฝีมือจากตระกูลช่างไม้ระดับปรมาจารย์ที่ทํางานในปราสาทมัตสึยามะ อาคาร 3 ชั้นอันยิ่งใหญ่แห่งนี้มีโครงสร้างโครงถักที่ผสมผสานเทคนิคตะวันตก โดยสวมมงกุฎด้วยซุ้มสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เรียกว่า Shinrokaku ซึ่งมีหน้าต่างกระจก และหลังคาที่ประดับประดาด้วยประติมากรรมนกกระยางจากตํานานโดโกะออนเซ็น โดโกะออนเซ็นฮอนคังมีพื้นที่อาบน้ำ 2 แห่ง ได้แก่ Tama-no-Yu และ Kami-no-Yu และผู้เข้าพักสามารถเลือกแพ็คเกจอาบน้ำได้ 4 แบบด้วยกัน

Yushinden พื้นที่พิเศษที่ใช้สำหรับการอาบน้ำของจักรพรรดิในอดีต

โรงอาบน้ำแห่งนี้เป็นโรงอาบน้ำแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ใช้สำหรับราชวงศ์เท่านั้น โดยมีห้องต่างๆ ที่หรูหราและสวยงาม อาทิ ห้องบัลลังก์ ห้องนั่งเล่น  และห้องอาบน้ำพิเศษ ว่ากันว่าในอดีตมีประวัติการเยือนของจักรพรรดิติดต่อกันหลายครั้ง โดยเฉพาะที่อาคารยูชินเด็นแห่งนี้ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1899 เพื่อเป็นสถานที่อาบน้ำสำหรับจักรพรรดิ ชื่อ “ยูชินเด็น” นั้นมีที่มาจากข้อความในหนังสือของขงจื๊อนั่นเอง

Dogo Onsen Annex (Asuka no Yu) ส่วนเสริมของออนเซ็นที่มีการตกแต่งแบบดั้งเดิม

ออนเซ็นแห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมสมัยอาสุกะ เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่มีพื้นที่ภายในขนาดกว้างขวาง ซึ่งตั้งใจจำลองมาจากห้องอาบน้ำของจักรพรรดิ เช่นเดียวกับโดโกะออนเซ็นฮอนกัง น้ำออนเซ็นก็เป็นน้ำจากแหล่งเดียวกัน สามารถผ่อนคลายได้ในห้องโถงสำหรับพักผ่อน ตัวอาคารถูกออกแบบอย่างใส่ใจในทุกอณู เต็มไปด้วยงานศิลปะที่น่าทึ่ง และงานหัตถกรรมท้องถิ่นดั้งเดิมของชาวเอฮิเมะ ถือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถเดินเท้าได้ไม่ไกลจากอาคารหลักของโดโกะออนเซ็นอีกด้วย

 Botchan no ma Room สถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนโซเซกิ นัตสึเมะ

โดโกะออนเซ็นเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย ไม่เพียงแต่คุณฮายาโอะ มิยาซากิ กล่าวกันว่านักเขียนโซเซกิ นัตสึเมะได้มาใช้ชีวิตที่เมืองมัตสึยามะในปี ค.ศ.1895 และได้ใช้ห้องส่วนตัวที่ตั้งอยู่ตรงมุมตะวันตกเฉียงเหนือบนชั้นสามของอาคารหลัก ร่วมกับนักกวีชิกิ มาซาโอกะ ที่มักแวะเวียนมาที่นี่เสมอ จนห้องนี้ถูกตั้งชื่อว่า “ห้องบ็อตจังโนะมะ”  

Shinrokaku  ห้องกระจกสีแดง และนกกระสาสีขาวบนหลังคา

โดมชินโรคากุที่อยู่บนหลังคาของอาคารโดโกะออนเซ็นฮอนคัง 3 ชั้นทำให้ตึกสไตล์ญี่ปุ่นดูสง่างามยิ่งขึ้น หน้าต่างแบบโชจิโดยรอบติดตั้งกระจกกิยะมังเรืองแสงสีแดงในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นความพิเศษบนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองออนเซ็น กลองโทกิไดโกะที่แขวนอยู่บนเพดานจะตี 3 ครั้งในแต่ละวันเพื่อบอกเวลาของวัน กลองจะถูกตี 6 ครั้งในเวลา 06.00 น. 12 ครั้งในเวลาเที่ยง และ 6 ครั้งในเวลา 18.00 น. เพื่อเพิ่มบรรยากาศออนเซ็นที่พิเศษ เสียงของโทกิไดโกะได้รับการกำหนดให้เป็นหนึ่งใน  “หนึ่งในเสียงแห่งทัศนียภาพที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น”

เคล็ดลับการเที่ยวโดโกะออนเซ็น

หลังจากเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนที่นุ่มนวลแล้ว ให้สวมเสื้อคลุมยูกาตะ เดินเล่นไปตามถนนในท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และดื่มด่ำกับจิตวิญญาณของเมืองออนเซ็นแห่งนี้

สรรพคุณของน้ำในโดโกะออนเซ็น

สรรพคุณของน้ำในโดโกะออนเซ็นนั้นมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ จึงเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ว่ากันว่าน้ำแร่นี้ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย ความเครียด อาการปวดเส้นประสาท และอาการมือเท้าเย็นได้ดี เนื่องจากมีความอ่อนโยนต่อผิวมาก จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับด้านความงาม ส่วนอุณหภูมิของแหล่งน้ำพุร้อนนี้อยู่ระหว่าง 20 ถึง 55 องศาเซลเซียส  

คำแนะนำในการจองห้องอาบน้ำส่วนตัว

สำหรับพื้นที่บนชั้น 3 นั้นเป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วห้องออนเซ็นส่วนตัวไว้ เมื่อแสดงตั๋วอาบน้ำของคุณกับเจ้าหน้าที่แล้ว พนักงานจะพาคุณไปยังห้องพักของคุณพร้อมให้คําแนะนําเกี่ยวกับโดโกะออนเซ็นฮองคังแห่งนี้ โดยมีบริการชุดยูกาตะและโอบิให้เช่า และผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนูให้เช่า ชวนเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและห้องส่วนตัว และโปรดแจ้งให้พนักงานทราบโดยใช้อินเตอร์โฟนในห้องหากว่าคุณออกจากอ่างอาบน้ำ ทางพนักงานจะเสิร์ฟชาและขนมหวานให้คุณ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้ให้บริการอีกด้วย

สิ่งที่ควรเตรียมเมื่อไปอาบน้ำในออนเซ็น

เนื่องจากการมาแช่ที่ออนเซ็นของโดโกะออนเซ็นนั้น ส่วนใหญ่เรียวกังโดยรอบจะมีบริการชุดยูกาตะให้สวมใส่เพื่อมายังโดโกะออนเซ็น แนะนำให้นำสัมภาระที่จำเป็นมาเท่านั้น เพราะก่อนเข้าแช่ออนเซ็น คุณต้องนำสัมภาระใส่ไว้ในล็อกเกอร์ที่มีขนาดกะทัดรัดและให้บริการฟรี ส่วนแชมพู ครีมนวดผม และสบู่อาบน้ำ ทางออนเซ็นมีให้บริการฟรีในห้องอาบน้ำด้วยเช่นกัน

โดโกะออนเซ็น (Dogo Onsen)

ดูแผนที่ Dogo Onsen

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

รอบๆ โดโกะออนเซ็นมีย่านช้อปปิ้งโบราณให้เดินเพลินแล้ว นอกจากนั้นยังมีออนเซ็นเท้าให้ผ่อนคลายพร้อมชมทัศนียภาพของเมืองเก่า มีจุดถ่ายรูปให้สายถ่ายรูปสนุกกับมุมมองใหม่ๆ ไม่ไกลกันยังมีศาลเจ้าและงานศิลปะให้ชม สำหรับใครยังเที่ยวไม่สาแก่ใจเราแนะนำสถานที่เหล่านี้ไว้ในอ้อมใจด้วยเลย

สวนโดโกะ (Dogo Park)

ถือเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของเมืองมัตสึยามะเลยก็ว่าได้ สำหรับที่สวนโดโกะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดิมของปราสาทยูซึกินั่นเอง แม้ว่าในปัจจุบันบรรยากาศโดยรอบจะเหลือเพียงคูน้ำและซากปราสาทที่แทบมองไม่เห็นเท่านั้น ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ปราสาทยูซึกิและบ้านพักซามูไรเก่าที่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณนี้ด้วย อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าสวนโดโกะยังขึ้นชื่อในฐานะจุดชมซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยความที่พื้นที่สวนกว้างขวางมีสนามหญ้าและทัศนียภาพที่สวยงาม ซึ่งเหมาะสำหรับการปิกนิกพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว และเพื่อนฝูงเป็นที่สุด

สวนโดโกะ (Dogo Park)

ดูแผนที่ Dogo Park

วัดอิชิเทจิ  (Ishiteji Temple)

ห่างไปราวๆ 2 กม. จะพบวัดอิชิเทจิเป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากโดโกะออนเซ็น โดยที่นี่เป็นหนึ่งในวัดบนเส้นทางแสวงบุญ 88 วัด อันเลื่องชื่อของเกาะชิโกกุ โดยวัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านโคโบ ไดชิ ที่มาเยือนวัดแห่งนี้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น พร้อมชมสิ่งประดิษฐ์จำนวนมาก บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวาง เป็นที่ตั้งของอาคารวัดหลายหลัง รวมทั้งเจดีย์สามชั้น และประตูวัดที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี วัดอิชิเทจิยังมีถ้ำที่นำไปสู่กลุ่มวัดรองที่ค่อนข้างน่าสนใจแก่ผู้มาเยือน

วัดอิชิเทจิ  (Ishiteji Temple)

ดูแผนที่ Ishiteji Temple

ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle)

เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความสวยงามแถมยังเป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาคัตสึยามะ ตัวปราสาทสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เดิมทีหอคอยปราสาทมีความสูง 5 ชั้น แต่ถูกเพลิงไหม้ ทำให้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1854 มีความสูง 3 ชั้น จากจุดชมวิวบนปราสาทมัตสึยามะ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองมัตสึยามะ รวมไปถึงทะเลเซโตะในได้สุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง โดยที่นี่อยู๋ห่างจากโดโกะออนเซ็นเพียง 3 กม.เท่านั้น

ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle)

ดูแผนที่ Matsuyama Castle

สรุป

ชวนมาดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ ในออนเซ็นเก่าแก่ที่ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์นิฮอนโชกิ และถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นหรือสิ้นสุดวันอันแสนวุ่นวายในทริปนี้ รวมทั้งใครเป็นแฟนอนิเมะคงคุ้นตาภาพโรงอาบน้ำแห่งนี้ได้จาก เรื่อง Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิ นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบยังเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในเมืองมัตสึยามะ ที่หากมีโอกาสมาเยือนเอฮิเมะแล้วต้องห้ามพลาดเลย