รีวิวจัดเต็ม “คามิโกจิ (Kamikochi)” ตะลุยหุบเขาใจกลางหัวใจเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

10/09/2024
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวในหุบเขาเทพนิยายแห่งญี่ปุ่น “คามิโกจิ (Kamikochi)" หรือเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เป็นเส้นทางเดินเขาที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งนึงในญี่ปุ่นเลย ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะ แต่เมือกเขาแห่งนี้ก็พร้อมตอบรับและยังคงให้บรรยากาศที่สงบสุขสวยงาม
Contents Index
  1. 1 มารู้จัก “คามิโกจิ (Kamikochi)” กันสักนิด
  2. 2 ชวนรู้จักเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น (Japan Alps) และภูเขาโฮตะกะ (Hotaka)
  3. 3 สำหรับไฮไลท์ภายในคามิโคจิที่น่าสนใจ
    1. 3.1 Taisho Pond
    2. 3.2 Tashiro Pond
    3. 3.3 Myojin Pond
    4. 3.4 แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)
    5. 3.5 Kappabashi Bridge
    6. 3.6 สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด ! บริเวณตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira)
  4. 4 รู้จักเส้นทางการเดินชมป่าในคามิโคจิ
    1. 4.1 1. เส้นทางคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ถึง ไทโชพอนด์ (Taisho Pond)
    2. 4.2 2. เส้นทางคัปปะบาชิ ถึง มโยจินพอนด์ (Myojin Pond)
    3. 4.3 3. เส้นทางคามิโกจิ ถึง โยโคะโอ (Yokoo)
    4. 4.4 4. เส้นทางปีนเขาโฮตะกะ (Mount Hotaka)
    5. 4.5 ชวนชมภาพบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ที่ระหว่างเดินชมเส้นทางคามิโกจิ – คัปปะบาชิ (Kappa Bridge) – ไทโชพอนด์ (Taisho Pond)
  5. 5 วิธีการเดินทาง
    1. 5.1 ส่วนที่ 1 วิธีการเดินทางมายังหุบเขาคามิโกจิ
    2. 5.2 ส่วนที่ 2 วิธีการเดินทางไปยังหุบเขาคามิโกจิ
  6. 6 ทิปส์เล็กน้อยระหว่างการเดินชมคามิโกจิ
  7. 7 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    1. 7.1 1. Matsumoto Castle
    2. 7.2 2. Shin-Hotaka Ropeway
    3. 7.3 3. Hotaka Shrine
  8. 8 สรุป

มารู้จัก “คามิโกจิ (Kamikochi)” กันสักนิด

คามิโคจิ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Japanese Alps ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ธรรมชาติที่งดงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น คามิโกจิถือเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชูบุซังกากุ (Chubu Sangaku National Park) และได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญระดับชาติ (Special Natural Monument) และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพงดงาม (Special Place of Scenic Beauty) โดยรัฐบาลญี่ปุ่น

ในอดีตบริเวณคามิโคจิตรงนี้ ถูกค้นพบและสำรวจโดยนักปีนเขาชาวญี่ปุ่นที่ต้องการพิชิตยอดเขาโฮตากะ (Mount Hotaka) และยาริงะทาเกะ (Mount Yari) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษชื่อ วอลเตอร์ เวสตัน (Walter Weston) ได้เดินทางมาสำรวจและปีนเขาในภูมิภาคนี้ จนทำให้คามิโกจิเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เวสตันยังได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการปีนเขาสมัยใหม่ในญี่ปุ่น และมีการจัดงานเทศกาลเวสตัน (Weston Festival) ขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกปีเพื่อรำลึกถึงเขา

ภายในบริเวณอุทยานแห่งนี้ เราก็จะพบเจอกับรูปปั้นของคุณ Walter Weston อีกด้วยนะ

ชวนรู้จักเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น (Japan Alps) และภูเขาโฮตะกะ (Hotaka)

Japan Alps เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตอนกลางของเกาะฮอนชู (Honshu) ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักปีนเขาและนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ

ภูเขาโฮตะกะหรือโฮตะกะดาเกะ (Hotaka-dake) เป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขา Northern Alps และถือเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 3,190 เมตร (10,466 ฟุต) ภูเขานี้มีลักษณะภูมิประเทศที่ท้าทายและงดงาม ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับนักปีนเขาที่ต้องการท้าทายความสามารถ

สำหรับไฮไลท์ภายในคามิโคจิที่น่าสนใจ

คามิโกจิมีทัศนียภาพที่งดงาม ทั้งป่าไม้เขียวขจี ลำธารใสสะอาด และยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า และสำรวจธรรมชาติ โดยไฮไลท์ที่น่าสนใจ ควรไปเยี่ยมชม เราขอลิสต์ไว้ประมาณนี้

Taisho Pond

ทะเลสาบไทโช (Taisho Pond) เป็นทะเลสาบขนาดเล็ก ถูกค้นพบในปี 1915 จากการระเบิดของภูเขาไฟยะเกะ (Mount Yake) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวในภูมิภาคนี้ การระเบิดของภูเขาไฟทำให้เกิดดินถล่มและดินโคลนจำนวนมากที่ไหลลงสู่แม่น้ำอาซูสะ (Azusa River) ทำให้แม่น้ำถูกกั้นและเกิดเป็นทะเลสาบไทโชขึ้นมา

Tashiro Pond

ทะเลสาบทาชิโระเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก ตั้งอยู่ระหว่างสะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) และทะเลสาบไทโช (Taisho Pond) บนเส้นทางเดินป่าหลักของคามิโกจิ ทะเลสาบนี้มีจุดเด่นคือ น้ำใสจนเห็นพื้นหิน มีสีฟ้าอ่อนสะท้อนจากสีฟ้าบนท้องฟ้าเลยละ

Myojin Pond

ทะเลสาบเมียวจิน ตั้งอยู่ภายในหุบเขาคามิโกจิ มีทะเลสาบที่อยู่ในบริเวณนี้ 2 แห่งคือ ทะเลสาบโอคุมิโยจิน (Okumiya Pond) และ ทะเลสาบมิโมโตะ (Mimoto Pond)

แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)

แม่น้ำอะซุสะมีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งและหิมะละลายบนเทือกเขา Northern Alps โดยเฉพาะจากภูเขาโฮตะกะ (Mount Hotaka) ที่สูงที่สุดในภูมิภาค น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขามีความใสสะอาดเป็นพิเศษ เนื่องจากถูกกรองผ่านชั้นหินและทรายตามธรรมชาติ ทำให้แม่น้ำอะซุสะมีสีฟ้าใสสะอาด สะท้อนท้องฟ้าและภูเขาที่ล้อมรอบอย่างงดงาม หรือพูดง่าย ๆ คือ ลำธารน้ำสีใสที่เราเห็นรอบๆคามิโกจิ บริเวณ Taisho pond, myojin pond และ สะพานกัปปะ ก็คือแม่น้ำอะสุซะ นั่นเอง

Kappabashi Bridge

สะพานคัปปะบาชิเป็นสะพานแขวนที่สร้างจากไม้ทอดข้ามแม่น้ำอะซุสะ (Azusa River) ด้วยความยาวประมาณ 36 เมตร สะพานนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ เนื่องจากสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขา Northern Alps โดยเฉพาะภูเขาโฮตะกะ (Mount Hotaka) ที่สูงตระหง่านอยู่ในฉากหลัง 

ชื่อ “คัปปะบาชิ” มาจากตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นเกี่ยวกับ คัปปะ (Kappa) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่นที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในแม่น้ำและบ่อน้ำ ก็เป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์แม่น้ำและแหล่งน้ำด้วยเช่นกัน จุดนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเดินป่าบนตัวเขาคามิโกจิอีกด้วยนะ (จะมีจุดให้บริการข้อมูลเดินขึ้นเขาตรงนี้ด้วย)

สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด ! บริเวณตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira) 

“Konashidaira Campground” ตั้งอยู่ในบริเวณที่ร่มรื่นด้วยป่าไม้หนาทึบ มีพื้นที่กว้างขวางและมีการจัดวางเต็นท์ในพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติ โดยที่นี่สามารถรองรับทั้งนักตั้งแคมป์ที่นำเต็นท์มาเองและผู้ที่ต้องการเช่าอุปกรณ์ตั้งแคมป์ รวมถึงมีบริการกระท่อมเล็กๆ (bungalows) สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกกับการพักในเต็นท์

รู้จักเส้นทางการเดินชมป่าในคามิโคจิ

1. เส้นทางคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ถึง ไทโชพอนด์ (Taisho Pond) 

ระยะทาง: ประมาณ 3.5 กิโลเมตร (ไปกลับประมาณ 7 กิโลเมตร)

อันนี้คือเส้นทางเดินเที่ยวหลักที่กลุ่มนักท่องเที่ยวทัวร์และบุคคลทั่วไป(อย่างเรา) เดินเที่ยวได้ ถนนทางเดินไม่ลำบาก ผู้สูงอายุก็มาเดินกันเยอะพอสมควร

2. เส้นทางคัปปะบาชิ ถึง มโยจินพอนด์ (Myojin Pond)

ระยะทาง: ประมาณ 7 กิโลเมตร (ไปกลับประมาณ 14 กิโลเมตร)

หากเพื่อน ๆ ต้องการไปเที่ยวต่อจากจุดชมวิวสะพานกัปปะ ก็สามารถเดินทางไปยังจุดชมวิวบึงเมียวจินได้ แต่เส้นทางนี้จะเริ่มขึ้นเขาโฮตากะแล้วนะ

3. เส้นทางคามิโกจิ ถึง โยโคะโอ (Yokoo)

ระยะทาง: ประมาณ 10 กิโลเมตร (ไปกลับประมาณ 20 กิโลเมตร) ยกระดับความท้าทายขึ้นสำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเดินลุยในตัวเขาโฮตากะ

4. เส้นทางปีนเขาโฮตะกะ (Mount Hotaka)

ระยะทาง: 16 กิโลเมตร (ไป-กลับ) 

เส้นทางนี้ถ้าจะเดินขึ้นไปคงต้องมีการเตรียมร่างกายที่ดี และอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 วันในการเดินเที่ยว เพราะจะต้องเข้าไปลุยในหุบเขาที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น

ชวนชมภาพบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ที่ระหว่างเดินชมเส้นทางคามิโกจิ – คัปปะบาชิ (Kappa Bridge) – ไทโชพอนด์ (Taisho Pond) 

เส้นทางเดินป่าส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะแบบในภาพนี้ ตอนเดินก็จะมีทั้งพื้นดินแห้งบ้าง แฉะบ้าง เดิน ๆ อยู่ก็มีฝนตกปรอย ๆ บ้าง แต่อากาศเย็นสดชื่น ทางอุทยานก็ทำทางให้นักท่องเที่ยวเดินได้สะดวกดี

ไม่ต้องกลัวหลงด้วย เพราะว่าทุกจุดที่มีทางแยก เขาจะมีป้ายบอกทางให้เรา

ถ้าเดินไปถึงจุดสำคัญต่าง ๆ ก็จะมีป้ายแนะนำสถานที่หรือกิจกรรมให้ทำ เช่น ส่องนก เป็นต้น (แต่ถ้าส่องนกจะแนะนำให้เอากล้องส่องมาด้วย เพราะว่ามองด้วยตาเปล่า อาจจะสังเกตยากพอสมควร)

เดินมาเรื่อย ๆ เราก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ที่ขนานไปกับเส้นทางหลักคามิโกจิ คือแม่น้ำอะซุสะ (Azusa river) สีใสสวยงาม

ถ้ากลัวหิวก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะระหว่างเดินทางก็จะมีร้านขนม กาแฟ และเจ้าชีสที่ผลิตจากเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นแห่งนี้ คอยเติมพลังให้เราได้อยู่ (แต่ว่า ไม่ได้มีให้พบเห็นถี่นะ หากว่าเจอจุดพักสำคัญอย่างเช่น สะพานกัปปะ อาจต้องซื้อเอาไว้ก่อน)

สภาพของไฮไลท์สำคัญ สะพานกัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านขนาดไหน แต่เราบอกเลยว่าไม่เป็นอุปสรรค สวยงามตามท้องเรื่อง

หากว่าเราไม่อยากถ่ายรูปติดเบียดกับผู้คนมากนัก บริเวณใกล้กับสะพานกัปปะ ลองสุ่มเดินออกมาสักหน่อยนึง ประมาณ 5 นาที ก็จะเห็นพบกับความสงบแบบนี้ (ทางไหนก็ได้ เพราะจะเห็นวิวแบบนี้เหมือนกัน เราแนะนำให้เดินไปตามทางขึ้นหุบเขาคามิโกจิ มันจะมีป้ายบอกเบ่อเริ่มเลย ซึ่งคนจะน้อยแล้ว)

ขากลับแวะมาชักภาพแถว Tashi Pond เพราะใกล้ ๆ บริเวณนี้ เราสามารถเรียกรถ Taxi กลับได้ 

คามิโกจิ (Kamikochi)

ที่อยู่上高地 Azumi, Matsumoto, Nagano 390-1516
วิธีเดินทางสามารถขึ้นรถบัสจากสถานีรถบัสทาคายาม่าโนฮิ (Takayama Nohi Bus Center) ไปลงที่ป้ายฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen / Hirayu Bus Terminal) โดยตารางรถจะวิ่งทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 7:00 – 17:30 โดยจะใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม
เวลาทำการเปิดทุกวัน 05:00 – 19:00
คามิโคจิเปิดเส้นทางให้ท่องเที่ยวระหว่างช่วง กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น
ราคาเข้าชมฟรี
Websiteคามิโกจิ (Kamikochi)

ดูแผนที่ คามิโกจิ (Kamikochi)

วิธีการเดินทาง

สำหรับวิธีการเดินทาง เราจะขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน

ภาพสถานีปลายทาง ฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen / Hirayu Bus Terminal)

ส่วนที่ 1 วิธีการเดินทางมายังหุบเขาคามิโกจิ 

เนื่องจากเป็นหุบเขาที่อยู่ตรงกลางระหว่างเมือง Matsumoto และ Takayama จึงสามารถเดินทางได้จากทั้ง 2 เมือง

– เดินทางจากเมือง Matsumoto

โดยเราสามารถเดินทางไปขึ้นรถไฟสายคามิโกจิได้ที่สถานี Matsumoto station โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

– เดินทางจากเมือง Takayama 

เราสามารถขึ้นรถบัสจากสถานีรถบัสทาคายาม่าโนฮิ (Takayama Nohi Bus Center) ไปลงที่ป้ายฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen / Hirayu Bus Terminal) โดยตารางรถจะวิ่งทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 7:00 – 17:30 โดยจะใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม

ส่วนที่ 2 วิธีการเดินทางไปยังหุบเขาคามิโกจิ

อ้างอิงจากทริปที่เราเดินทาง เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ไปยังจุดจอดรถที่ 3 ซึ่งเป็นสถานีฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen / Hirayu Bus Terminal) จุดเดียวกับกลุ่มคนที่เดินทางมาจากเมือง takayama

โดยหากเราจะเดินทางต่อเข้าไปยังหุบเขาคามิโกจิ ซึ่งมันจะเข้าไปในส่วนของอุทยาน เราจะต้องเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่ หรือ ใช้รถบัสประจำทาง

สำหรับเรา เราเลือกเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่ เพราะไม่ต้องรอนาน และมีแทกซี่ก็มีจำนวนเยอะเหมือนกันนะ ราคาตกอยู่ที่ เที่ยวละ 4,500 เยน แพงนิดนึง แต่สะดวกและรวดเร็ว โดยเราเลือกไปลงและกลับที่ Taisho pond เพราะต้องการจะเดินชมป่า แต่จริง ๆ ถ้าเพื่อน ๆ อยากนั่งตรงไปใกล้กับสะพานกัปปะเลย ก็ให้เลือกปลายทางเป็น Kamikochi เลย คุณลุงแทกซี่จะมาส่งลงตรงจุดพักผ่อน อยู่ตรงสะพานกัปปะพอดี

ทิปส์เล็กน้อยระหว่างการเดินชมคามิโกจิ

– เราจะเห็นป้ายเตือนให้ระวังหมีป่าบ่อยพอสมควร โดยมากจะเป็นจุดที่มีการายงานว่าพบเห็นบ่อย เพราะเราจะเดินอยู่ในตัวอุทยานซึ่งมีสัตว์ป่าหลากหลายเลย

– ถังขยะจะหายากมาก (ถึงมากที่สุด) แนะนำให้เพื่อน ๆ พกถุงขยะใบเล็กๆติดตัวกันไปนะ อย่าเผลอไปทิ้งริมทางละ 

– สภาพอากาศบนเขาอาจแปรปรวนได้บ่อย เราขอแนะนำให้ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางมาสัก 1-2 วัน จะได้ไม่เสียเที่ยวเดินทาง

– สภาพแวดล้อมการเดินป่าบางพื้นที่ อาจไม่เอื้ออำนวยกับรองเท้าแตะหรือรองเท้าสีขาว อาจมีบึงโคลน ที่บางที่มันเป็นทางเดินผ่านบังคับ

– สภาพเส้นทางระหว่างสะพานกัปปะ ไปถึง บึงไทโช (Taisho Pond) เส้นทางค่อนข้างเรียบ ไม่มีเนินเขาให้ขึ้น ผู้สูงอายุมาเดินได้

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

1. Matsumoto Castle

Cr.https://chillchilljapan.com/matsumoto-castle/

ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle) หรือที่ได้ฉายาว่าเป็นปราสาทอีกาดำ 1 ใน 5 ปราสาทเก่าแก่ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติ ภายนอกนั้นเหมือนจะมีความสูง 5 ชั้น ทว่าโครงสร้างชั้นในนั้นซ่อนชั้นลับไว้อีกชั้น เป็นการออกแบบเพื่อใช้หลบซ่อน มีบันไดไม้ และช่องเปิดสำหรับยิงธนูและโยนหินต่อสู้ เป็นยุทธวิธีโบราณที่ใช้สู้กับศัตรู 

Matsumoto Castle

ที่อยู่4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano 390-0873
วิธีเดินทางเดิน 10 นาทีจาก Kita-Matsumoto Station หรือ ขึ้นบัส Town sneaker (North corse) จาก Matsumoto station มาลงที่ป้าย ปราสาทมัตสึโมโต้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน
เวลาทำการปกติ 8:30 – 17:00 น. โกลเด้นวีค 25เม.ย.– 6 พ.ค./ฤดูร้อน 8-16 ส.ค. 8:00 – 18:00 น.
ราคาผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็ก 300 เยน
WebsiteMatsumoto Castle

ดูแผนที่ Matsumoto Castle

2. Shin-Hotaka Ropeway

Cr.https://chillchilljapan.com/shinhotaka-ropeway/

กระเช้ากอนโดล่าสองชั้นเจ้าเดียวของญี่ปุ่นที่จะพาเราชมทัศนียภาพบนยอดเขาโฮทากะ ชมเทือกเขาเจแปนแอลป์ เต็มอิ่มความงดสามของธรรมชาติ โดยเราสามารถนั่งกระเช้าชมธรรมชาติได้ถึง 2 จุดที่ระดับความสูง 1,308m และ 2,156 เหนือระดับน้ำทะเล พบความงดงามที่แตกต่าง พร้อมบริการนักท่องเที่ยวครบวงจรไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึก และจุดบริการนักท่องเที่ยว

Shin-Hotaka Ropeway

ที่อยู่710-58 Okuhida Onsengo Kansaka, Takayama, Gifu Prefecture 506-1421
วิธีเดินทางขึ้น Nohi Bus จากสถานี Takayama ใช้เวลา 90 นาที ราคา 2,200 เยน
เวลาทำการแตกต่างกันตามช่วงเวลา
ราคาผู้ใหญ่ 2800 เยน เด็ก 1400 เยน
WebsiteShin-Hotaka Ropeway

ดูแผนที่ Shin-Hotaka Ropeway

3. Hotaka Shrine

ศาลเจ้าโฮตะกะถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้าฮอตากะโนะมิโคโตะ (Hotaka no Mikoto) ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาภูเขาและผู้เดินทางในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น  ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถึงแม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง Azumino แต่มีความสงบและสวยงามมากและยังสามารถเห็นแม่น้ำอะซุสะที่ไหลผ่านกลางเมืองอีกด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางของเทศกาลมโยจินไซ (Myojin-sai) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในวันที่ 8 ตุลาคม เทศกาลนี้เป็นพิธีกรรมชินโตที่สำคัญอีกด้วย

Hotaka Shrine

ที่อยู่ 6079 Hotaka, Azumino, Nagano 399-8303
วิธีเดินทางเดินทางมาลงที่สถานี Hotaka Station แล้วเดินต่อไปอีก 8 นาที
เวลาทำการเปิดทุกวัน 8.30-17.00 น.
ราคาเข้าชมฟรี
WebsiteHotaka Shrine

ดูแผนที่ Hotaka Shrine

สรุป

สำหรับเรา คามิโกจิเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ตลอดการเดินชมวิวทิวทัศน์ภายในคามิโกจิ ไม่ได้ทำให้เราเบื่อหน่ายได้เลย น้ำใสฟ้าสวย แถมมีเสียงนก เสียงป่าและเสียงแม่น้ำอะซุสะที่ไหล ที่มีภูเขาโฮตากะแห่งเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นอยู่เบื้องหลัง มันทำให้เราเพลิดเพลินใจกับธรรมชาติของญี่ปุ่นไม่ต่างอะไรไปจากสวิตเซอร์แลนด์เลยละ

Contents Index
  1. 1 มารู้จัก “คามิโกจิ (Kamikochi)” กันสักนิด
  2. 2 ชวนรู้จักเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น (Japan Alps) และภูเขาโฮตะกะ (Hotaka)
  3. 3 สำหรับไฮไลท์ภายในคามิโคจิที่น่าสนใจ
    1. 3.1 Taisho Pond
    2. 3.2 Tashiro Pond
    3. 3.3 Myojin Pond
    4. 3.4 แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)
    5. 3.5 Kappabashi Bridge
    6. 3.6 สายแคมป์ปิ้งห้ามพลาด ! บริเวณตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira)
  4. 4 รู้จักเส้นทางการเดินชมป่าในคามิโคจิ
    1. 4.1 1. เส้นทางคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) ถึง ไทโชพอนด์ (Taisho Pond)
    2. 4.2 2. เส้นทางคัปปะบาชิ ถึง มโยจินพอนด์ (Myojin Pond)
    3. 4.3 3. เส้นทางคามิโกจิ ถึง โยโคะโอ (Yokoo)
    4. 4.4 4. เส้นทางปีนเขาโฮตะกะ (Mount Hotaka)
    5. 4.5 ชวนชมภาพบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ที่ระหว่างเดินชมเส้นทางคามิโกจิ – คัปปะบาชิ (Kappa Bridge) – ไทโชพอนด์ (Taisho Pond)
  5. 5 วิธีการเดินทาง
    1. 5.1 ส่วนที่ 1 วิธีการเดินทางมายังหุบเขาคามิโกจิ
    2. 5.2 ส่วนที่ 2 วิธีการเดินทางไปยังหุบเขาคามิโกจิ
  6. 6 ทิปส์เล็กน้อยระหว่างการเดินชมคามิโกจิ
  7. 7 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    1. 7.1 1. Matsumoto Castle
    2. 7.2 2. Shin-Hotaka Ropeway
    3. 7.3 3. Hotaka Shrine
  8. 8 สรุป
Yuri

Blogger : Yuri

ผมเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เก่ง แต่ว่าชอบเที่ยวมาก ๆ (ซะอย่างนั้น) เพราะการท่องเที่ยวสำหรับผม คือการที่ได้เรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางที่ก็ไปเที่ยวซ้ำ ๆ แต่กลับได้ประสบการณ์ที่ไม่จำเจ สำหรับผมแล้ว "ญี่ปุ่น" เป็นหนึ่งในประเทศที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย มากกว่านั้น ผมมีความตั้งใจว่าจะออกไปเห็นโลกให้กว้างมากที่สุด แล้วนำสาระความรู้มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ในช่วงที่(ผม)ยังมีแรงเต็มที่ครับ !

42 Posts

สถานที่เที่ยว

| Feature

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515