Karato Market คืออะไร?
คาราโตะ ( Karato Fish Market ) คือตลาดที่ตั้งอยู่ใลก้กับท่าเรือ Karato โดยคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้น เป็นตลาดที่ขาย จำหน่าย อาหารทะเลสดๆ อาหารทะเลแปรรูป รวมถึงอาหารทะเลปรุงพร้อมทาน และยังมีการประมูลปลากันที่ตลาดแห่งนี้อีกด้วย โดยอาหารทะเลขึ้นชื่อของตลาดแห่งนี้คือเมนูปลาปักเป้าซึ่งยังเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของเมือง Shimonoseki ด้วย
และในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ชั้น 1 ของตลาดยังมีการจัดอีเว้นท์ที่เรียกว่า Ikiki Bagangai อีกด้วย คือเป็นงานขายอาหารทะเลไม่ว่าจะเป็น ไคเซนดง, ซาชิมิ, ซูชิ และอาหารอีกมายในราคาที่ค่อนข้างไม่แพงเท่าไรนัก ซึ่งอีเว้นท์นี้นั้นถือว่าเป็นไฮไลท์หลักของการมาเที่ยวคาราโตะ ( Karato Fish Market ) อีกด้วย
ส่วนที่ชั้น 2 ของตลาดนั้นก็มีร้านอาหารให้เข้าไปใช้บริการกันได้ ซึ่งเมนูที่ต้องห้ามพลาดคือเมนูปลาปักเป้า
ส่วนทางด้านของประวัติของตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้น ตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการครั้งแรกในปีค.ศ. 1909 เดิมทีนั้นที่นี่เป็นเพียงตลาดนัดริมถนนเล็กๆ ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นตลาดที่ส่งปลาไปยังพื้นที่อื่นๆของญี่ปุ่น และพัฒนามาเรื่อยๆ จนเป็นตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) ที่เราเห็นในปัจจุบัน
สิ่งที่ต้องลองใน Karato Market
ซูชิสดจากทะเล และอาหารทะเลย่าง
ในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนั้น ในอีเว้นท์ Ikiki Bagangai นั้น เมนูซูชิก็ถือว่าเป็นเมนูที่ขายดีเมนูหนึ่งของอีเว้นท์นี้ โดยซูชิที่วางขายในตลาดนั้นล้วนทำมาจากปลาทะเลสดๆ หรือสัตว์ทะเลสดๆ ซึ่งต้องบอกได้เลยว่า วัตถุดิบที่นี่มีคุณภาพมากๆ และราคาไม่แพง
หากนักท่องเที่ยวไม่ได้มาช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดแล้วต้องกินซูชิล่ะก็ ที่นี่ยังมีร้านอาหารทะเลที่มีเมนูซูชิให้นักท่องเที่ยวสั่งมารับประทานอีกด้วย ชื่อร้านว่า Kaiten Karato Ichiba Sushi โดยตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตลาด
หรือนักท่องเที่ยวท่านใดไม่รับประทานอาหารทะเลแบบดิบๆ ที่นี่ก็ยังมีซูชิที่ทำมาจากอาหารทะเลย่างด้วยเช่นกัน ซึ่งวัตถุดิบที่เป็นสัตว์ทะเลมาโดนความร้อนจากเตาถ่าน จะมีกลิ่นหอมหวลชวนน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งซูชิหน้าอาหารทะเลย่างก็มีความอร่อยไม่แพ้อาหารทะเลสดๆเลยทีเดียว
นอกจากซูชิแล้วเมนูอาหารทะเลย่างที่ต้องห้ามพลาดของที่นี่ก็คือ หอยนางรมย่าง
ปลาปักเป้า
ได้เวลาที่จะมาพูดถึงพระเอกของงานนี้แล้ว นั่นก็คือเมนูปลาปักเป้า ซึ่งที่ Shimonoseki นั้น เมนูปลาปักเป้าถือว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมือง สังเกตง่ายๆคือหากนักท่องเที่ยวมาถึงเมืองนี้แล้ว จะเห็นธง หรือรูปปั้น ตุ๊กตา ที่เป็นปลาปักเป้าแทบจะทุกซอกทุกมุมของเมือง
โดยการรับประทานปลาปักเป้าที่ญี่ปุ่นนั้น ถือว่าปลอดภัยเพราะว่า พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าสำหรับประกอบอาหารนั้น จะต้องมีการสอบใบอนุญาตก่อน ซึ่งรับประกันได้เลยว่าปลอดภัยแน่นอน
สำหรับเมนูปลาปักเป้านั้นก็มีหลายเมนูให้เลือกกินกันเช่นซูชิ ,ซาชิมิ หรือทอด แต่ส่วนตัวแนะนำแบบซาชิมิ โดยเฉพาะหนังปลาปักเป้านั้นจะมีความอร่อยมาก เมื่อเคี้ยวแล้วจะรู้สึกถึงความกรุบของหนังปลาปักเป้า
ถ้านักท่องเที่ยวมาตลาดนี้ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงวันหยุดหรือช่วงสุดสัปดาห์ ก็ยังหาซื้อปลาปักเป้ารับประทานได้ตามร้านค้าที่ชั้น 1
ขนมท้องถิ่น
เนื่องด้วยตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้นเป็นตลาดที่ขายอาหารทะเลเป็นหลัก ดังนั้นนอกจากเมนูซูชิ ข้าวหน้าปลาดิบ หรือซาชิมิ แล้ว Chikuwa ถือว่าของกินเล่นที่ต้องห้ามพลาด โดย Chikuwa ของที่นี่นั้นทำมาจากวัตถุดิบอย่างดีเช่น ปลาจิ้งจก ซึ่งจับได้แถวจังหวัด Nagasaki, ปลาอลาสก้าพอลล็อค และปลาทรายแดง
โดยการกิน Chikuwa ให้อร่อยนั้นแนะนำให้กินควบคู่กับน้ำอัดลม หรือเบียร์ แนะนำร้านที่สามารถซื้อได้เช่นร้าน Ichimura Kamaboko
กิจกรรมที่แนะนำใน Karato Market
การรับประทานอาหารพลางชมวิวช่องแคบคันมง
หลังจากที่นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้ออาหารทะเลจากตลาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนำอาหารไปนั่งรับประทานในบริเวณที่ตลาดจัดไว้ให้ แต่ยังมีอีก 1 ทางเลือกของนักท่องเที่ยว คือ นอกจากจะนั่งรับประทานภายในตลาดแล้ว การออกไปนั่งรับลม ชมวิวข้างนอกตลาด ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
เนื่องจากว่าตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้น ตั้งอยู่ติดช่องแคบคันมง ( Kanmon Strait ) นักท่องเที่ยวสามารถนำอาหารออกมานั่งที่ม้านั่งสาธารณะริมทะเล พร้อมกับรับประทานอาหารไปด้วย แล้วก็ชมวิวไปด้วย ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีในการรับประทานอาหารเลยทีเดียว
ดังนั้นแล้วแนะนำให้นำอาหารออกมานั่งรับประทานข้างนอกจะดีกว่า
แต่สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การรักษาความสะอาด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วต้องเก็บพวกเศษอาหาร กล่องใส่อาหาร ไปทิ้งที่ถังขยะด้วยนะครับ ซึ่งต้องทำทุกครั้งหลังรับประทานเสร็จ
เข้าร่วมประมูลปลา
ที่ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้นนอกจากการจำหน่ายอาหารทะเลสดๆแล้ว ที่นี่ยังมีการประมูลปลากันอีกด้วย
โดยนักท่องเที่ยวนั้น สามารถเข้าไปเป็นสังเกตการณ์ในการประมูลปลาได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวได้เห็นบรรยากาศในการประมูล ได้เห็นการเสนอราคาในการประมูล และจะได้ทราบราคาของผู้ที่ชนะประมูลปลา ได้ว่า ปลาตัวนึงนั้นสามารถประมูลกันในราคาเท่าใด
สำหรับช่วงเวลาในการประมูลปลานั้นส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้า
ถ่ายรูปวิวทะเล
การมาเที่ยวตลาดที่ตั้งติดกับทะเลสวยๆ ดังนั้นแล้วการถ่ายรูปก็ถือเป็นสิ่งที่ห้ามพลาด โดยรอบๆตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้นมีจุดถ่ายรูปมากมาย
โดยส่วนใหญ่นั้นจะมีรูปปั้นปลาปักเป้าแบบน่ารักๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปคู่ได้ หรือนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นสะพานคันมง ก็สามารถถ่ายรูปทะเลคู่กับสะพานคันมง ก็จะมีความสวยงามไม่แพ้กัน
หรือถ่ายรูปท่าเรือ Mojiko ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยมีภูเขาเป็นฉากหลังก็เป็นมุมถ่ายรูปที่ดีจุดหนึ่งด้วยเช่นกัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม
วันหยุดสุดสัปดาห์ (เช้าวันเสาร์-อาทิตย์)
แน่นอนว่าการมาที่ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้น คงไม่พ้นช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด เพราะอีเว้นท์ Ikiki Bagangai นี่แหละ คือไฮไลท์ของการมาตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
นักท่องเที่ยวจะได้เห็นอาหารทะเลสดๆที่ถูกนำมาปรุงเป็นอาหารในราคาย่อมเยาว์ โดยมีร้านค้ามากมายหลาย 10 ร้านที่ขายอาหารทะเล
แนะนำให้นักท่องเที่ยวมาในช่วงเวลาก่อนเที่ยงนะครับ เพราะถ้ามาหลังจากนั้น ของอาจจะเหลือน้อยแล้ว หรือบางร้านอาจจะขายหมดไป
เวลาสำหรับอีเว้นท์ Ikiki Bagangai
วันศุกร์และวันเสาร์ มีตั้งแต่ 10.00 น. – 15.00 น.
วันอาทิตย์และวันหยุด มีตั้งแต่ 08.00 น. – 15.00 น.
วิธีการเดินทางมายังตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
Triangle 1 Day Free Pass
ในเรื่องการเดินทางนั้นก่อนอื่นผมอยากจะแนะนำพาสสำหรับขึ้นเรือที่สามารถใช้นั่งเรือระหว่าง Mojiko – Shimonoseki – เกาะ Ganryu ได้โดยไม่จำกัดเที่ยวใน 1 วัน ซึ่งเกาะ Ganryu ผมจะแนะนำให้หัวข้อสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นะครับ
สำหรับราคาคือ ผู้ใหญ่ 1000 เยน เด็ก 500 เยน
การเดินทางมายังตลาด Karato
กลับมาที่วิธีการเดินทางมายังตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) กันต่อ ซึ่งวิธีการเดินทางมายังตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้นมีหลายวิธีคือ
- เดินทางโดยเรือ ซึ่งวิธีนี้ผมมองว่าสะดวกที่สุดสำหรับคนที่เดินทางมาจากฝั่ง Fukuoka โดยนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Mojiko จากนั้นเดินไปยังท่าเรือ แล้วนั่งเรือข้ามมายังฝั่ง Shimonoseki จากนั้นเดินอีก 2 นาที สามารถใช้ Triangle 1 Day Free Pass ได้
- เดินทางโดยรถไฟ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟชินคันเซนจากสถานี Hakata มาลงสถานี Kokura แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟสาย Kagoshima Main Line มาลงสถานี Shimonoseki แล้วนั่งแท็กซี่ไปลงตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
- การเดิน วิธีนี้ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน จากสถานี Mojiko เดิน 20 นาทีไปใต้สะพานคันมง จะพบอาคารที่มีลิฟท์ลงไปทางเดินใต้ทะเล แล้วเดินลอดใต้ทะเลประมาณ 10 นาทีจะไปถึงฝั่ง Dannoura จากนั้นให้เดินอีก 20 นาที ก็ถึงตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
ตารางข้อมูล
ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
ที่อยู่ | 5-50 Karatocho, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0005 |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 04.00 น. – 20.00 น. |
Website | ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market )
Kamon Wharf
หากนักท่องเที่ยวยังหาของกินที่โดนใจที่ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) หรือมาไม่ทันช่วงที่มีอาหารทะเลขาย ใกล้ๆกับตลาดยังมีสถานที่ที่เรียกว่า Kamon Wharf อยู่ ซึ่งที่นี่นั้นมีทั้งศูนย์อาหารและร้านอาหารมากมายให้เลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นไคเซนดง, เมนูปลาปักเป้า, เมนูปลาวาฬทอด ก็มีให้เลือกรับประทาน หรือถ้าจะมาช่วงเย็นๆก็ได้เช่นกัน นักท่องเที่ยวเที่ยวสามารถทานอาหารบริเวณศูนย์อาหารของทื่นี่ แล้วชมวิวทะเลก็ฟินน์ไม่แพ้ที่อื่น นอกจากอาหารแล้วก็ยังมีร้านขายของฝากอีกด้วย
Kamon Wharf
ที่อยู่ | 6-1 Karatocho, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0005 |
วิธีเดินทาง | เดิน 1 นาทีจาก ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 18.00 น. ส่วนร้านอาหารจะเปิดถึง 22.00 น. |
Website | Kamon Wharf |
ศาลเจ้าอะคามะ ( Akama Shrine )
ศาลเจ้าอะคามะ ( Akama Shrine ) สร้างขึ้นมาเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิ Antoku ที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่สมัยทรงพระเยาว์จากสงครามยุทธนาวี Dannoura
โดยตัวศาลเจ้านั้นสร้างใกล้กับช่องแคบคันมง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวช่องแคบคันมงได้สวยงามจากหลังประตูศาลเจ้า จะเห็นภาพทะเลสวยๆผ่านช่องประตูของศาลเจ้า
นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระที่มีฉายาว่า โฮอิจิไร้หูอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าในตำนานของท้องถิ่นที่มีสงครามเกนเป เป็นฉากหลัง เพื่อนๆสามารถอ่านเรื่องราวของโฮอิจิไร้หูได้ที่นี่ เรื่องราวของโฮอิจิไร้หู
ศาลเจ้าอะคามะ ( Akama Shrine )
ที่อยู่ | 4-1 Amidaijicho, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0003 |
วิธีเดินทาง | เดิน 5 นาทีจากตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 17.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | ศาลเจ้าอะคามะ ( Akama Shrine ) |
บริเวณสะพานคันมง ( Kanmon Bridge ) และพื้นที่รอบๆ
บริเวณนี้จะเรียกกันว่า Dannoura ซึ่งที่นี่ในอดีตถือว่าเป็นจุดตัดสินของสงครามเกนเป ในยุทธนาวี Dannoura ซึ่งบริเวณนี้นั้นก็จะเป็นที่ตั้งของสะพานคันมง ( Kanmon Bridge ) และรอบบริเวณก็ยังมีจุดสำหรับชมวิวช่องแคบคันมงได้สวยงามอีกด้วย
ที่นี่ยังมีอนุเสาวรีของ Yoshitsune และ Taira no Tomomori กำลังต่อสู้กันอีกด้วย ใกล้ๆกับรูปปั้นของ 2 ขุนศึกนั้น จะมีปืนใหญ่จำลองตั้งอยู่ประมาณ 5 กระบอก แต่จะมีอยู่ 1 กระบอกที่นักท่องเที่ยวสามารถหยอดเหรียญแล้วตัวปืนใหญ่จะมีเอฟเฟคให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย
และนี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ คืออุโมงค์ใต้ทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถลงลิฟท์ที่อยู่ในบริเวณนี้ไปยังพื้นใต้ดิน แล้วเดินลอดอุโมงค์ใต้ทะเลไปยังฝั่งเกาะ Kyushu ได้อีกด้วย
บริเวณสะพานคันมง ( Kanmon Bridge ) และพื้นที่รอบๆ
ที่อยู่ | 21 Mimosusogawacho, Shimonoseki, Yamaguchi 751-0813 |
วิธีเดินทาง | นั่งแท็กซี่จากตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) 5 นาที หรือเดิน 20 นาที |
เกาะกันริว ( Ganryu Island )
เกาะกันริว ( Ganryu Island ) เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่าง Shimonoseki และ Mojiko ซึ่งในอดีตนั้นที่นี่เคยเป็นสังเวียนที่ 2 นักดาบแห่งยุคได้มาดวลฝีมือกัน นั่นก็คือ Miyamoto musashi และ Sasaki Kojiro ซึ่งผลการดวลจบลงที่ Musashi ใช้ดาบไม้สังหาร Kojiro ลงได้
ซึ่งที่เกาะนั้นก็ยังมีรูปปั้นของทั้ง Miyamoto musashi และ Sasaki Kojiro กำลังถือดาบดวลกันอยู่
เกาะกันริว ( Ganryu Island )
ที่อยู่ | Hikoshima, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0000 |
วิธีเดินทาง | สามารถนั่งเรือจากท่าเรือที่ Mojiko หรือ Shimonoseki มาได้ ใช้เวลา 10 นาที หากนักท่องเที่ยวที่มีพาส Triangle 1 Day Free Pass สามารถนั่งเรือได้ฟรี |
ราคา | ฟรี |
สรุป
ตลาดคาราโตะ ( Karato Fish Market ) นั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมอาหารทะเลทั้งสด ใหม่ ไว้ในที่เดียวกัน รวมถึงมีช่วงเวลาที่ขายอาหารทะเลอร่อยๆ ในราคาย่อมเยาว์อีก ซึ่งใครที่ชื่นชอบอาหารทะเลห้ามพลาดที่นี่โดยเด็ดขาดและที่สำคัญสามารถเดินทางมาจาก Fukuoka ได้โดยง่ายอีกด้วย