คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
10%
5%
17%
ชินคันเซ็นเป็นขบวนรถไฟที่ดำเนินการโดยบริษัท Japan Railways (JR) ได้ขยายเครือข่ายไปทั่วประเทศ มีชื่อเสียงในด้านความเร็ว ความแม่นยำ ตรงต่อเวลา และความปลอดภัย จะเห็นได้อีกว่าชินคันเซ็นมีหลายเส้นทางที่เชื่อมโยงไปตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นเช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฟุกุโอกะ และจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย

อยากชวนมาทำความรู้จักกับเส้นทางหลัก ประเภทขบวน และคลาสที่นั่งของชินคันเซ็น หรือรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นซึ่งมีอยู่ 7 เส้นทางหลักๆ ดังต่อไปนี้ โดยเริ่มจาก Tōkaidō Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานีโตเกียว – โอซาก้า เป็นเส้นทางยอดนิยมแลมีความเก่าแก่ที่สุด เส้นทางยอดนิยมต่อมาคือ San’yō Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานีชินโอซาก้า – ฮากาตะ (ฟุกุโอกะ) สามารถเชื่อมต่อกับ Tōkaidō Shinkansenได้ และอีกเส้นทางหลัก Kyūshū Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานีฮากาตะ – คาโกชิมะ เป็นเส้นทางหลักในภูมิภาคคิวชู

ไปกันต่อที่เส้นทาง Tōhoku Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานีโตเกียว – ชินอาโอโมริ เหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปในญี่ปุ่นทางตอนเหนือ อีกเส้นทางขึ้นไปทางเหนือของเกาะญี่ปุ่นเช่นกันคือ Hokkaidō Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานีชินอาโอโมริ – ฮาโกดาเตะ (ฮอกไกโด) เส้นทางของขบวน Jōetsu Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานี โตเกียว – นีงาตะ และเส้นทางหลักแนะนำสุดท้ายคือเส้นทาง Hokuriku Shinkansen ให้บริการในเส้นทางระหว่างสถานี โตเกียว – คานาซาวะ เป็นเส้นทางน่าเที่ยวแนะนำอีกเส้นทางในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

รถไฟชินคันเซ็นของญี่ปุ่นมีหลายประเภทขบวน ที่มีการพัฒนาทั้งคุณภาพ และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเร็ว ความสะดวก และความปลอดภัย โดยเริ่มจากรุ่นแรก 0 Series ซึ่งเปิดให้บริการในปีค.ศ.1964 ตามด้วยรุ่นต่าง ๆ เช่น 100, 200, 300, 400 Series และขบวนที่เน้นความเร็วสูงอย่าง 500, 700, N700 Series จนถึงรุ่นใหม่ล่าสุด N700S Series ที่ประหยัดพลังงานและปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับภูมิภาคต่าง ๆ ก็มีขบวนเฉพาะ เช่น E2, E3, E5, E6, E7, W7 Series ใช้ในเส้นทางโทโฮคุ โฮคุริคุ ยามากาตะ อาคิตะ รวมถึง 800 Series และ H5 Series บนเส้นทางคิวชู และฮอกไกโดทำให้ชินคันเซ็นครอบคลุมทั่วญี่ปุ่น ดังต่อไปนี้
Nozomi เป็นขบวนรถไฟชินคันเซ็นที่เร็วและพรีเมียมที่สุดบนเส้นทาง Tōkaidō Shinkansen และ Sanyō Shinkansen ซึ่งเชื่อมต่อเมืองใหญ่ระหว่าง โตเกียว – นาโกย่า – เกียวโต – โอซาก้า และต่อไปยังฮิโรชิม่าและฮากาตะในจ.ฟุกุโอกะ
Kodama ขบวน Kodama เป็นขบวนรถไฟชินคันเซ็นที่ให้บริการบนเส้นทาง Tōkaidō Shinkansen และ Sanyō Shinkansen โดยเป็น ขบวนที่จอดทุกสถานี ซึ่งทำให้ใช้เวลาเดินทางนานที่สุดเมื่อเทียบกับขบวน Nozomi และ Hikari
Mizuho รถไฟขบวนนี้เป็นหนึ่งในขบวนของชินคันเซ็นสาย San’yō Shinkansen ที่ทำการเชื่อมต่อไปยัง Kyūshū Shinkansen ให้บริการระหว่างสถานี Shin-Osaka กับ Kagoshima-Chūō รุ่นรถไฟที่ใช้คือรุ่น N700A ขบวน San’yō Shinkansen และ รุ่น N700-8000, N700S ขบวน Kyūshū Shinkansenมีความรวดเร็วและจอดน้อยสถานี
Sakura เป็นหนึ่งในขบวนยอดนิยมของชินคันเซ็นสาย San’yō Shinkansen ที่ทำการเชื่อมต่อไปยัง Kyūshū Shinkansen เช่นกัน เป็นขบวนรถไฟที่มีความด่วนรองลงมาจากขบวน Mizuho แต่ยังเร็วและสะดวกมาก จอดสถานีมากกว่าขบวน Mizuho แต่เร็วกว่าขบวน Tsubame รุ่นรถไฟที่ใช้คือรุ่น N700 Series (N700-7000, N700-8000) รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน Kyūshū Shinkansen
Tsubame เป็นหนึ่งในขบวนหลักของชินคันเซ็นสาย Kyūshū Shinkansen เลยก็ว่าได้ โดยวิ่งระหว่างสถานี Hakata กับสถานี Kagoshima-Chūō เท่านั้น เป็นขบวนที่จอดทุกสถานีหรือเกือบทุกสถานีในเส้นทางนี้ เหมาะสำหรับเดินทางระยะสั้นหรือผู้ที่ไม่รีบมาก ภายในขบวนรถไฟ Tsubame มีความสวยงาม ดีไซน์หรูหราในแบบรถไฟของภูมิภาคคิวชู
Hayabusa หนึ่งในขบวนชินคันเซ็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว (ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.) และหรูหราที่สุดของญี่ปุ่น วิ่งในเส้นทางหลักคือTokyo กับ Shin-Hakodate-Hokutoให้บริการสำหรับเส้นทางระยะไกล ตั้งแต่ Tokyo ไปยัง Aomori และ Hokkaidō จอดน้อยสถานีจึงเหมาะกับการเดินทางไกลที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย
Yamabiko เป็นหนึ่งในขบวนสำคัญของ Tōhoku Shinkansen วิ่งในเส้นทางจากTokyo ไปยัง Sendai หรือ Morioka ในจ.อิวาเตะเป็น ขบวน Semi-fast (ความเร็วปานกลาง) ของสาย Tōhokuจอดมากกว่าขบวน Hayabusa แต่เร็วกว่าขบวน Nasunoเหมาะกับผู้โดยสารที่ต้องการความยืดหยุ่นและลงสถานีย่อยต่างๆจอดหลายสถานี เหมาะสำหรับการเดินทางไปเมืองต่างๆ ในภูมิภาคโทโฮคุ
Nasuno เป็นหนึ่งในขบวนของ Tōhoku Shinkansen วิ่งระหว่างเส้นทาง Tokyo กับ Koriyama กับ Nasushiobara เป็น ขบวน Local (จอดทุกสถานี) ของ Tōhoku Shinkansenให้บริการเฉพาะช่วงต้นของสาย ไม่วิ่งไปถึง Sendai หรือ Aomori วิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่าขบวน Hayabusa และ Yamabiko จึงเหมาะสำหรับการเดินทางในระยะสั้นและลงตามสถานีย่อย
Toki ซึ่งเป็นขบวนหลักของ Joetsu Shinkansen Tokyo Niigata ใช้รถไฟรุ่นใหม่ เช่น E7 Series และบางส่วนยังใช้ E2 Seriesชื่อมต่อเมืองหลวง โตเกียว กับภูมิภาค โฮคุริคุ-ชูโอเอะทสึ (Hokuriku-Chūetsu) ไปจนถึง Niigata
Kagayaki ซึ่งเป็นขบวนที่เร็วและหรูที่สุดของ Hokuriku Shinkansen วิ่งระหว่างTokyo กับ Kanazawa เป็น ขบวนด่วนพิเศษ (Limited Express) ของ Hokuriku Shinkansenเร็วที่สุด ในสายนี้ (ไม่จอดทุกสถานี)เชื่อมโตเกียวกับเมืองสำคัญอย่าง Nagano, Toyama และ Kanazawa E7 Series (JR East) และสามารถใช้ W7 Series (JR West)จอดน้อย เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความรวดเร็ว
Hakutaka ในสาย Hokuriku ShinkanseTokyo กับ Kanazawaโดย Hakutaka จะจอดสถานีมากกว่าขบวน Kagayaki (จึงช้ากว่า)เป็นขบวนด่วนรองของ Hokuriku Shinkansenจอดหลายสถานีมากกว่าขบวน Kagayaki เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการราคาย่อมเยากว่าแต่ยังเดินทางได้รวดเร็ว

เส้นทางชินคันเซ็นสายหลักของญี่ปุ่นครอบคลุมทั่วประเทศ ที่มีตั้งแต่เส้นทางยอดนิยม ไปจนรถไฟสายเก่าแก่และมีผู้ใช้งานมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีขบวนที่ทำการเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคตะวันตกหรือวิ่งขึ้นเหนือถึงภูมิภาคโทโฮคุ รวมทั้งลงใต้ไปยังคิวชู เส้นทางเหล่านี้รองรับทั้งการเดินทางเพื่อการทำธุรกิจและการท่องเที่ยว ด้วยการบริการที่ยอดเยี่ยม ความเร็วสูงและตรงต่อเวลาซึ่งเป็นจุดเด่นของรถไฟชินคันเซ็นของญี่ปุ่น นอกจากนั้นในแต่ละเส้นทางและขบวนต่างๆ ยังมีทั้งขบวนเร็วพิเศษที่จอดบางสถานี และขบวนธรรมดาที่จอดหลายสถานี ให้เลือกได้ตามเวลาและจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้
สาย Tokaido Shinkansen เชื่อมต่อ โตเกียว – นาโกย่า – เกียวโต – โอซาก้า
ขบวนหลัก: Nozomi, Hikari, Kodama เป็นเส้นทางยอดนิยมที่สุด เพราะเชื่อมเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ
สาย Sanyo Shinkansen เชื่อมต่อโอซาก้า – โอคายามะ – ฮิโรชิม่า – ฟุกุโอกะ (ฮากาตะ)
ขบวนหลัก: Mizuho, Sakura, Hikari, Kodama นิยมเดินทางไปคิวชูหรือฮิโรชิม่า
สาย Tohoku Shinkansenเชื่อมต่อ โตเกียว – เซนได – โมริโอกะ – อาโอโมริ
ขบวนหลัก: Hayabusa, Yamabiko, Nasuno เส้นทางยอดนิยมช่วงฤดูหนาว ชมซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี
สาย Hokkaido Shinkansen เชื่อมต่อ อาโอโมริ – ฮาโกดาเตะ – ซัปโปโร (ในอนาคต)
ขบวนหลัก: Hayabusa สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปฮอกไกโด
สาย Joetsu Shinkansen เชื่อมต่อโตเกียว – กาลุอิซาวะ – เอจิโกะยูซาวะ – นีงาตะ
ขบวนหลัก Toki, Tanigawaนิยมสำหรับท่องเที่ยวลานสกีและออนเซ็น
สาย Hokuriku Shinkansenเชื่อมต่อ โตเกียว – นากาโนะ – โทยามะ – คานาซาวะ (ต่อไปยังสึรุงะ ปี 2024)
ขบวนหลัก: Kagayaki, Hakutaka, Asama เส้นทางยอดฮิตสำหรับเที่ยวภูเขา แช่ออนเซ็น และเมืองเก่า

ส่วนต่างราคาขึ้นอยู่กับ ระยะทาง, เส้นทาง, ขบวน และ ช่วงเวลาเดินทางด้วย แต่ขออธิบายคร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
| ประเภท | คำอธิบาย |
| Ordinary Class (2nd Class) | มาพร้อมราคาประหยัด เบาะ 3+2 ที่นั่ง เหมาะสำหรับนักเดินทางทั่วไป |
| Green Car (1st Class) | ที่นั่งกว้าง สบาย พื้นที่วางขากว้าง พื้นที่บริการคล้าย Business Class |
| Gran Class | เป็นคลาสที่มีความหรูหราที่สุด เหมือน First Class มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบางขบวน โดยใช้กับบางเส้นทาง เช่น Tōhoku และ Hokuriku เท่านั้น |

การจองชินคันเซ็นให้คุ้มค่าที่สุดควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 7–30 วันผ่านระบบออนไลน์ เช่น SmartEX หรือ e5489 เพื่อรับส่วนลด Early Bird ที่ช่วยประหยัดได้ถึง 20% – 50% โดยเฉพาะถ้าเดินทางในช่วงโปรโมชั่นหรือเทศกาลสำคัญควรจองให้เร็วขึ้นเพื่อไม่ให้ที่นั่งเต็ม ส่วนผู้ที่เดินทางหลายเมือง หรือระยะไกลควรใช้ JR Pass ซึ่งจะคุ้มค่ากว่าการซื้อตั๋วแยกหลายเที่ยว ทั้งนี้การจองล่วงหน้ายังช่วยให้เลือกเวลารถไฟและที่นั่งได้ตรงตามต้องการอีกด้วย
สิ่งที่ต้องแนะนำเลยคือการจองซื้อตั๋วชินคันเซ็นล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและประหยัดเงินในกระเป๋า โดยมีวิธีการจองหลายแบบตามความเหมาะสมกับนักเดินทาง แม้ช่วงท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่นก็จะได้ไม่ต้องกังวล
1. จองล่วงหน้า 21–28 วัน ผ่าน SmartEX (EX Hayatoku-21 / 28) การจองล่วงหน้า 21 วัน (EX Hayatoku‑21) จะได้ส่วนลดประมาณ 2,350 เยน เช่นการเดินทางจากโตเกียวไปเกียวโต ส่วนการจองล่วงหน้า 28 วัน (Hayatoku‑28) ได้ส่วนลดประมาณ 25% หรือราว 3,500 เยน
ซึ่งข้อดีคือราคาถูกลงมาก แต่ข้อเสียก็มีคือตารางเดินรถและเก้าอี้จะถูกล็อก ไม่สามารถเปลี่ยนได้หลังจอง
2. จองล่วงหน้า 3 วันผ่าน JR หรือ SmartEX หากไม่สะดวกจองล่วงหน้า 3 – 4 สัปดาห์ก่อนเดินทางก็ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าได้จองที่นั่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นหมู่คณะ
Early-Bird Discount หรือ ส่วนลดสำหรับผู้ที่จองล่วงหน้า ผ่านระบบออนไลน์ เช่น SmartEX หรือ EX App ถ้าจองล่วงหน้า 3–28 วัน จะได้ราคาถูกกว่าราคาปกติ
ส่วนลด e5489 และ SmartEX สูงสุด 40 %
ตอนนี้ระบบจองตั๋วชินคันเซ็นออนไลน์ของญี่ปุ่น เช่น e5489 (JR West) และ SmartEX (JR Central) มีโปรโมชั่น Early-Bird ลดสูงสุดถึง 40% สำหรับบางเส้นทางและบางช่วงเวลาด้วย

1.e5489 (JR West Online Reservation) คือระบบจองตั๋วรถไฟออนไลน์ของ JR West (West Japan Railway Company) ซึ่งสามารถใช้จองตั๋วรถไฟชินคันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษ และรถไฟท้องถิ่นของ JR West รวมถึงบางพื้นที่ของ JR Kyushu และ JR Shikoku ได้ ซึ่งมีส่วนลดสำหรับผู้ที่จองตั๋วล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ใช้ JR Pass แต่ต้องการราคาถูกกว่าตั๋วปกติซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือก

2.SmartEX (JR Central Online Reservation) คือบริการจองตั๋วชินคันเซ็นออนไลน์อย่างเป็นทางการของ JR Central, JR West และ JR Kyushu (ใช้กับเส้น Tokaido‑Sanyo‑Kyushu Shinkansen) ซึ่งมีระบบราคาพิเศษเมื่อจองล่วงหน้าเรียกว่า Hayatoku ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญเลยคือสามารถจองล่วงหน้า 7 วัน 21 วัน หรือ 28 วันได้ (ขึ้นอยู่กับประเภท) ใช้ได้กับบางขบวน และบางช่วงเวลาเท่านั้น บางโปรไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้
ถ้าอยากได้ราคาคุ้มแนะนำว่าการจองผ่านช่องทางออนไลน์ (พร้อมรับตั๋วล่วงหน้า) แต่ถ้าอยากได้ความรวมเร็วและสะดวก แนะนำการจองผ่านตู้จำหน่ายตั๋ว แต่ถ้าอยากได้ความมั่นใจ หรือมีคนให้สอบถามคลายความสงสัย แนะนำให้พุ่งตัวไปที่เคาน์เตอร์ได้เลย
ซื้อทางออนไลน์ (Online: e5489, SmartEX, JR East app ฯลฯ)
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| จองล่วงหน้าได้ง่าย (สูงสุด 1 เดือนก่อนเดินทาง) | ต้องสมัครสมาชิกบางระบบ (ต้องมีบัตรเครดิตที่รองรับ) |
| มีโปร Early Bird และส่วนลดพิเศษ (บางเส้นทางลดสูงสุด 0%) | บางแอพพลิเคชั่น หรือบางเว็บไซต์รองรับเฉพาะภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ |
| ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว | ต้องไปรับตั๋วที่ตู้หรือสถานีก่อนขึ้นรถ (บางกรณี) |
| สามารถเลือกที่นั่งเองได้ (หน้าต่าง/ริมทางเดิน) | อาจสับสนสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับระบบ |
| ยกเลิก หรือทำการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายผ่านแอพพลิเคชั่น |

ซื้อที่ตู้จำหน่ายตั๋ว (Ticket Machine)
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องต่อคิวเคาน์เตอร์ | ไม่รองรับโปรลดราคาพิเศษ (ส่วนมากได้ราคาเต็ม) |
| มีเมนูภาษาอังกฤษ จีน หรือเกาหลีให้เลือก | อาจยุ่งยากถ้าไม่ชินกับเครื่อง |
| ชำระเงินสดหรือบัตรเครดิตได้ | ถ้าเที่ยวที่ต้องการเต็ม อาจต้องลองหลายรอบ |
| สามารถเลือกระบุที่นั่งได้ทันที |

ซื้อที่เคาน์เตอร์ (Ticket Counter – Midori no Madoguchi)
| ข้อดี | ข้อเสีย |
| มีพนักงานช่วยเหลือ (เหมาะกับผู้ที่ไม่คุ้นกับระบบ) | อาจต้องรอคิวนานโดยเฉพาะสถานีใหญ่หรือช่วงพีค |
| เห็นตัวเลือกขบวนและที่นั่งชัดเจน | ไม่มีส่วนลดพิเศษแบบออนไลน์ |
| ใช้ JR Pass หรือตั๋วพิเศษต่างๆ ได้ง่าย | ใช้เวลานานกว่าตู้หรือออนไลน์ |
| ชำระด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตได้ตามความสะดวก |
ขั้นตอนการจองตั๋วชินคันเซ็นออนไลน์ผ่านระบบยอดนิยมมี 2 ช่องทางด้วยกันนั่นคือ SmartEX (สำหรับเส้นทาง JR Central & JR West) และ e5489 (สำหรับ JR West, JR Kyushu)
โดยขั้นตอนการจองออนไลน์ SmartEX / e5489 มีดังต่อไปนี้
1. สมัครสมาชิก (ครั้งแรกเท่านั้น)
– เข้าเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น : SmartEX: https://smart-ex.jp และ e5489: https://www.jr-odekake.net/e5489/
– ลงทะเบียนด้วย อีเมลและรหัสผ่าน
– กรอกข้อมูลส่วนตัว + ข้อมูลบัตรเครดิต (VISA/Master/JCB ฯลฯ)
– เสร็จแล้วจะได้ บัญชีผู้ใช้
2. เลือกเส้นทางและวันที่เดินทาง
– เลือกสถานีต้นทาง–ปลายทาง (เช่น Tokyo ไป Kyoto)
– เลือกวันเดินทางและเวลา (เลือกขาไปและขากลับได้)
– ระบบจะขึ้นรายชื่อขบวน (Nozomi, Hikari, Kodama ฯลฯ) ให้เลือก
3. เลือกขบวนและที่นั่ง
– เลือกขบวนและเวลาที่ต้องการ
– เลือก: ที่นั่ง Reserved (ระบุที่นั่ง) หรือ Non-Reserved (ไม่ระบุที่นั่ง) บางระบบให้เลือก ริมหน้าต่างหรือริมทางเดิน ได้
4. ชำระเงิน
– ตรวจสอบข้อมูลการจอง
– ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้
5. รับตั๋ว (ก่อนขึ้นรถ)
โดยวิธีการรับตั๋วมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ :
1.QR Code (บางเส้นทางใช้แตะผ่านประตูได้เลย เช่น Tokaido-Sanyo Line ผ่าน SmartEX)
2.พิมพ์ตั๋วจริง ที่: Midori no Madoguchi (เคาน์เตอร์) และจำหน่ายตั๋วสีเขียว (Ticket Machine) โดยใช้รหัสการจอง และหมายเลขบัตรเครดิตเพื่อพิมพ์ตั๋ว
6. ขึ้นชินคันเซ็นนำตั๋ว (หรือ QR Code) ไปแตะหรือเสียบที่ประตูกั้น (Gate) เพื่อเข้าสู่ชานชาลาได้
ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (Ticket Machine) ของบริษัท JR สำหรับซื้อตั๋วชินคันเซ็น ส่วนใหญ่รองรับได้หลายภาษา โดยเฉพาะที่สถานีหลักๆ ในญี่ปุ่น โดยมีภาษาดังนี้ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน (ตัวย่อและตัวเต็ม) และภาษาเกาหลี

ประเภทของตู้ที่ใช้ได้
1.ตู้สีเขียว (Midori no Kenbaiki) จำหน่ายตั๋วชินคันเซ็น (Reserved/Non-Reserved) ตั๋ว JR ทั่วไป และทำการออกตั๋วสำหรับการจองออนไลน์ (SmartEX/e5489) ได้ และรองรับได้หลายภาษา
2.ตู้สีม่วง (Shitei-seki Kenbaiki) สำหรับซื้อตั๋วที่นั่ง Reserved Seat มีเมนูหลายภาษาเช่นกัน เป็นตู้ที่สามารถใช้งานง่ายและรวดเร็ว
ขั้นตอนใช้ตู้ (แบบหลายภาษา)
ข้อดีของตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
– รองรับหลายภาษา
– ไม่ต้องรอคิวเคาน์เตอร์นาน
– ใช้งานง่ายและสะดวก
– ออกตั๋วที่จองออนไลน์ (SmartEX/e5489) ได้

โดยขั้นตอนซื้อตั๋วชินคันเซ็นผ่าน “ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ” มีดังนี้
1. หาตู้จำหน่ายตั๋ว (Ticket Machine)
– มีให้บริการที่ สถานี JR ทุกแห่ง (โดยเฉพาะสถานีชินคันเซ็น)
– หน้าตาคล้าย ATM สีเขียวหรือสีฟ้า
2. เลือกภาษา (English / 中文 / 한국어 / ไทย)
– แตะที่หน้าจอเพื่อเริ่มต้น แล้วเลือกภาษาที่ถนัด
3. เลือกประเภทตั๋ว
– Shinkansen / Limited Express
– เลือก One-way (เที่ยวเดียว) หรือ Round-trip (ไป-กลับ)
4. เลือกสถานีต้นทางและปลายทาง
– กรอกชื่อสถานีหรือแตะเลือกจากแผนที่
– เลือกวันที่เดินทางและเวลา
5. เลือกขบวนและที่นั่ง
– เลือกขบวน (Nozomi, Hikari, Sakura ฯลฯ)
– เลือก Reserved seat (指定席) หรือ Non-reserved seat (自由席)
– สามารถเลือกที่นั่ง (ติดหน้าต่าง/กลาง/ริมทางเดิน) ได้
6. ยืนยันและชำระเงิน
– ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
– ชำระผ่าน เงินสด, บัตรเครดิต, IC Card (Suica, ICOCA)
7. รับตั๋ว
– ตั๋วจะออกมาพร้อมใบเสร็จ
– ใช้ตั๋วสอดที่ประตูชินคันเซ็นเพื่อเข้าไปขึ้นรถไฟ
ช่องทางการชำระเงินมีดังนี้
1. เงินสด (Cash)
– รับเฉพาะ เยน (JPY)
– ใส่ธนบัตรและเหรียญได้ (ธนบัตร 1,000 / 5,000 / 10,000 เยน)
– ทอนเงินให้ครบ
2. บัตรเครดิต (Credit Card)
– รับบัตรหลัก ๆ เช่น: VISA / MasterCard / JCB / American Express / Diners Club
– ต้องใช้ PIN (บางเครื่อง)
– ระบบรองรับบัตรที่ออกต่างประเทศ
3. IC Card (บางตู้)
ตู้รุ่นใหม่บางแห่งรองรับ:
– Suica
– PASMO
– ICOCA
– IC Cards อื่น ๆ ที่ใช้ในญี่ปุ่น
เหมาะกับการซื้อตั๋วระยะสั้นหรือรถไฟขบวนท้องถิ่นมากกว่า (ไม่ใช่ทุกตู้จะรองรับสำหรับชินคันเซ็น)
การตัดสินใจว่าจะซื้อ JR Pass หรือ Regional Pass หรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับเส้นทางการเดินทาง ระยะเวลา และงบประมาณของคุณเป็นหลัก
มาทำความเข้าใจในการคิดราคาบัตรโดยสาร และตั๋วโดยสารแยก พร้อมตัวอย่าง 3 เส้นทางฮิตสำหรับการเดินทางโดยการใช้ JR Pass มีดังนี้
| ส่วนประกอบ | คำอธิบาย |
| 1. บัตรโดยสาร (Fare Ticket) | ค่าโดยสารพื้นฐานตามระยะทาง (เหมือนค่าเข้ารถไฟ) |
| 2. ตั๋วแยก (Limited Express Ticket) | ค่าขบวนด่วนพิเศษ (ค่ารถไฟชินคันเซ็น) + ค่าที่นั่ง (จอง/ไม่จอง) |
สังเกตง่ายๆ ว่าถ้าเดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่น จะจ่ายเฉพาะ Fare Ticket แต่ ถ้าเดินทางด้วยชินคันเซ็นต้องจ่ายทั้ง Fare Ticket + Limited Express Ticket เราจึงขอยกตัวอย่าง “3 เส้นทางยอดฮิต” ชินคันเซ็น พร้อมราคา (ปี 2025) ให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น

1. เส้นทางระหว่างโตเกียว – เกียวโต (Tokaido Shinkansen)
ขบวนยอดนิยม: Nozomi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที
| รายการ | ราคา (เยน) |
| Fare Ticket | 8,360 เยน |
| Limited Express Ticket (Reserved / Nozomi) | 5,760 เยน |
| รวมราคาตั๋วชินคันเซ็น | ประมาณ 14,120 เยน (เที่ยวเดียว) |
2. เส้นทางระหว่างโตเกียว – โอซาก้า (Tokaido Shinkansen)
ขบวนยอดนิยม: Nozomi, Hikari ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
| รายการ | ราคา (เยน) |
| Fare Ticket | 8,910 เยน |
| Limited Express Ticket (Reserved / Nozomi) | 5,940 เยน |
| รวมราคาตั๋วชินคันเซ็น | ประมาณ 14,850 เยน (เที่ยวเดียว) |
3.เส้นทางระหว่างโตเกียว – เซนได (Tohoku Shinkansen)
ขบวนยอดนิยม: Hayabusa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
| รายการ | ราคา (เยน) |
| Fare Ticket | 5,940 เยน |
| Limited Express Ticket (Reserved / Hayabusa) | 5,500 เยน |
| รวมราคาตั๋วชินคันเซ็น | ประมาณ 11,440 เยน (เที่ยวเดียว) |
เคล็ดลับแนะนำการเดินทางโดยการใช้ JR Pass :
1.บางโปรโมชั่น เช่น Puratto Kodama หรือ Hayatoku จะลดราคาเฉพาะ Limited Express Ticket ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้
2.เครื่องคิดราคา มีในเว็บไซต์ JR และเครื่องจำหน่ายตั๋ว สามารถแยกราคาให้เห็นชัดเจน
3.JR Pass ครอบคลุมทั้ง 2 ส่วน (Fare + Limited Express) ซึ่งคุ้มกว่าเมื่อเดินทางหลายครั้ง
ราคาใหม่ JR Pass (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2023 – จนถึงปัจจุบัน) ตามข้อมูลจาก JR Pass เว็บไซต์หลัก ซึ่งสามารถเลือกระยะเวลาการใช้งานได้ตั้งแต่ 7 วัน 14 วัน และ 21 วันด้วยกัน
JR Pass (Ordinary Class)
| จำนวนวัน | ราคา (เยน) |
| 7 วัน | 50,000 เยน |
| 14 วัน | 80,000 |
| 21 วัน | 100,000 เยน |
JR Pass (Green Class)
| จำนวนวัน | ราคา (เยน) |
| 7 วัน | 70,000 เยน |
| 14 วัน | 110,000 |
| 21 วัน | 140,000 เยน |
เห็นอย่างนี้แล้วนึกสงสัยต่อว่าแล้วใช่ไหมคะ ว่าเราควรวางแผนอย่างไรให้คุ้มค่าคุ้มราคาทั้งการเดินทางและการใช้บัตรโดยสารต่างๆ
Regional Pass เป็นบัตรโดยสารยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เพราะราคาถูกกว่า JR Pass แบบ nationwide และเน้นเที่ยวเฉพาะพื้นที่ คันโต, คันไซ, ชูโกกุ, คิวชู ฯลฯ
เรามาแนะนำบัตรโดยสารในแบบต่างๆ กันเลย
1.JR West Kansai Area Pass
คุ้มสำหรับใช้ท่องเที่ยวในแถบโอซาก้า เกียวโต นารา ฮิเมะจิ โดยไม่ต้องนั่งชินคันเซ็น
| ใช้ได้ที่ | Osaka, Kyoto, Kobe, Nara, Himeji, Wakayama |
| ราคา 1 วัน | 2,800 เยน |
| ราคา 4 วัน | 8,000 เยน |
| จุดเด่น | ราคาถูกมาก เหมาะกับเที่ยวรอบๆ คันไซ |
2. Kansai–Hiroshima Area Pass
คุ้มมากถ้าจะไป Hiroshima หรือ Miyajima จาก Osaka
| ใช้ได้ที่ | Osaka, Kyoto, Okayama, Hiroshima, Miyajima |
| ราคา 5 วัน | 17,000 เยน |
| จุดเด่น | ขึ้น Sanyo Shinkansen ได้ (ไม่รวม Nozomi) ถึง Hiroshima |
3.Hokuriku Arch Pass
คุ้มสำหรับผู้ที่เดินทางระหว่าง Tokyo และ Osaka โดยอ้อมผ่านภูเขา/ทะเลฝั่ง Hokuriku
| ใช้ได้ที่ | Tokyo, Nagano, Kanazawa, Kyoto, Osaka |
| ราคา 7 วัน | 24,500 เยน |
| จุดเด่น | วิ่งวน Tokyo – Kanazawa – Kyoto – Osaka ได้ |
การเลือกที่นั่ง และจองที่เก็บสัมภาระมราใรขนาดใหญ่นั้น สำหรับผู้ใช้ JR Pass (ทั้ง Nationwide และ Regional) มีขั้นตอนและข้อควรรู้ดังนี้

1. วิธีเลือกที่นั่ง (Reserved Seat) ด้วย JR Pass
ผู้ถือ JR Pass สามารถจองที่นั่งฟรีผ่านช่องทางต่อไปนี้:
วิธีจองที่นั่งมีดังนี้
1.ที่สถานี
– ไปที่ Midori no Madoguchi (สำนักงานขายตั๋วสีเขียว)
– แสดง JR Pass + แจ้งขบวน, วัน, เวลา, ปลายทางที่ต้องการ
– เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ตั๋วที่นั่งระบุเลขที่นั่งให้ฟรี
2.เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (เฉพาะบางสถานี)
– บางสถานีมีเครื่องที่รองรับ JR Pass
– สลับเมนูภาษาอังกฤษได้
– สแกน QR Code / ใส่เลข JR Pass เพื่อจอง
3.ออนไลน์ (บาง Pass เท่านั้น)
Nationwide JR Pass (แบบใหม่) ที่ซื้อออนไลน์จาก JR สามารถจองผ่านเว็บไซต์: JR Reservation System (Eki-net)
บาง Regional Pass (เช่น JR West) ใช้เว็บ e5489 ได้

2. Oversized Baggage (สัมภาระขนาดใหญ่)
ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ผู้ถือกระเป๋าใหญ่ ต้องจองที่นั่งเฉพาะโซน Oversized Baggage Area บนรถไหชินคันเซ็นสาย Tokaido Shinkansen Sanyo Shinkansen และ Kyushu Shinkansen
ขนาดสัมภาระ:
– วัดจาก “ความสูง + กว้าง + ลึก”
– ขนาดเกิน 160 ซม. – 250 ซม. = ต้องจองล่วงหน้า!
– มากกว่า 250 ซม. = ขึ้นไม่ได้
วิธีจอง Oversized Baggage Area:
– เมื่อจองที่นั่ง ให้แจ้งว่า “With Oversized Baggage”
– เจ้าหน้าที่จะจัดที่นั่งใกล้ท้ายตู้ (ใกล้ที่วางกระเป๋าใหญ่)
– ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ถ้าไม่จองล่วงหน้า และกระเป๋าใหญ่:
– จะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นบนขบวน หรืออาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 1,000 เยนได้
ตารางเปรียบเทียบขนาดสัมภาระ
| ขนาดสัมภาระ | ต้องจองหรือไม่? | หมายเหตุ |
| ≤ 160 ซม. | ไม่ต้องจอง | วางบนชั้นเหนือศีรษะได้ |
| 160–250 ซม. | ต้องจอง | ใช้ที่วางท้ายตู้โดยสาร |
| > 250 ซม. | ห้ามนำขึ้น | ถือว่าขนาดเกินข้อกำหนด |
การชมภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) บนรถไฟชินคันเซ็นนั้นก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่เดินทางระหว่างโตเกียวไปกลับโอซาก้า หรือเกียวโต โดยสามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้อย่างชัดเจนในบางช่วงของเส้นทางระหว่างที่ทำการโดยสาร

แนะนำจุดชมฟูจิจากชินคันเซ็น (เส้นทาง Tokaido Shinkansen) ระหว่างเส้นทาง: โตเกียว – โอซาก้า หรือขบวนตรงจาก โตเกียว – เกียวโต นาโกย่า หรือโอซาก้า
– ช่วงชมฟูจิแนะนำ อยู่ระหว่างสถานี Shin-Yokohama – Shizuoka – Shin-Fuji – Hamamatsu
– ระยะเวลาในการชม ประมาณ 35–45 นาที หลังออกจากโตเกียว
– ที่นั่งที่ดีที่สุดแนะนำให้เลือกฝั่ง “ขวา” ของขบวน (ด้านทิศเหนือ)
– เมื่อเดินทาง โตเกียว – โอซาก้า ให้เลือก: ที่นั่งฝั่ง E (เช่น 1E, 2E, 3E …) ในรถชั้นธรรมดา จะมีที่นั่งเรียงกันเป็น: A – B – C (ซ้าย) และ D – E (ขวา)
– ขากลับ: Osaka → Tokyoให้เลือก: ฝั่ง “ซ้าย” (ที่นั่ง A) สามารถชมฟูจิได้เช่นกัน โดยช่วงเวลาที่เห็นภูเขาฟูจิชัดคือก่อนถึง Shin-Fuji Station

เวลาดีที่สุดในการชม:
| ช่วงเวลา | เหตุผล |
| เช้า (7.00 – 10.00 น.) | ท้องฟ้าใส เห็นฟูจิชัด ไม่มีเมฆบังยอดของภูเขา |
| ฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว | อากาศแห้ง ท้องฟ้าสวย มีฟูจิมีหิมะคลุมยอด |
เคล็ดลับถ่ายรูปภูเขาฟูจิจากบนขบวนรถไฟชินคันเซ็น
– เตรียมกล้องหรือมือถือไว้ก่อนเวลา ~35 นาทีหลังออกจาก Tokyo
– เมื่อรถผ่าน Shin-Fuji Station ให้เตรียมตัวถ่ายทันที- ถ่ายจากกระจกหน้าต่าง (ที่นั่ง E) โดยเปิดโหมดชัตเตอร์เร็วหากใช้กล้อง
ชวนทำความรู้จักกับ Green Car และ Gran Class ซึ่งเป็นคลาสที่นั่งพิเศษของ รถไฟชินคันเซ็น พร้อมสรุปสิทธิประโยชน์ สำหรับผู้โดยสารแต่ละคลาสไว้ให้เข้าใจง่ายๆ โดยระดับที่นั่งบนชินคันเซ็นนั้นสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับหลักๆ คือ
| ระดับ | ความหรูหรา | ที่นั่ง | สิทธิพิเศษ |
| Ordinary | ปกติ | 2+3 ที่นั่ง/แถว | ไม่มีพิเศษ |
| Green Car | พรีเมียม | 2+2 ที่นั่ง/แถว | กว้าง สงบ บริการดี ที่นั่งปรับเอนได้ดี มีที่พักเท้า แอร์แยกเฉพาะโซน |
| Gran Class | หรูหราสุด | 2+1 ที่นั่ง/แถว | เบาะระดับ First Class พร้อมบริการเสิร์ฟ เครื่องดื่ม ขนม และอาหารเบาๆ นอกจากนั้นยังมีผ้าห่ม รองเท้าแตะ ที่ปิดตา ฯลฯ ในบางขบวนด้วย |
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับขบวนรถไฟชินคันเซ็นกันมาจุกๆ แล้ว ถึงเวลาตอบหลายข้อสงสัยสำหรับผู้ที่ใช้บริการชินคันเซ็กันบ้าง เราได้ลองลิสต์มา ตั้งแต่เรื่องของมารยาทบนรถไฟ ข้อมูลปลั๊กไฟและWi‑Fi วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ดีเลย์ รวมทั้งการคืนเงิน จบในหัวข้อเดียวเลย
มารยาทบนรถชินคันเซ็นเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น โดยผู้โดยสารชาวต่างชาติควรพูดคุยเบาๆ หลีกเลี่ยงเสียงดังหรือคุยโทรศัพท์ในที่นั่ง
(หากมีความจำเป็นแนะนำให้ไปคุยที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตู้รถ) ตั้งเสียงมือถือเป็นโหมดเงียบ ไม่ยืดขาเกะกะทางเดินหรือที่นั่งข้างๆ เก็บกระเป๋าไว้บนชั้นวางหรือบริเวณหลังที่นั่งอย่างเรียบร้อย หากนั่งเบาะหมุนได้และต้องการหันเก้าอี้ ควรระวังไม่รบกวนผู้อื่น และไม่ทิ้งขยะไว้บนรถ (ให้นำไปทิ้งในถังขยะที่จัดไว้ที่ปลายตู้รถ) โดยรวมคือการเคารพพื้นที่และความสงบของผู้โดยสารที่โดยสารร่วมกันด้วยนั่นเอง
อย่างที่รู้กันดีว่าการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นของญี่ปุ่นนั้น มีความตรงเวลาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ในบางกรณี เช่นหากเกิดเหตุการณ์ พายุ หิมะ แผ่นดินไหว หรืออุบัติเหตุบนราง ก็อาจเกิดความล่าช้า (Delay) หรือยกเลิกเที่ยวรถไฟได้ ซึ่งบริษัท JR มีนโยบายคืนเงิน (Refund) อย่างชัดเจนอยู่เหมือนกัน และต้องทำรายการที่สถานี JR ในวันนั้นทันทีเท่านั้น
วิธีขอคืนเงิน (Refund)
| สถานการณ์ | ตั๋วแบบทั่วไป | ผู้ถือ JR Pass |
| รถดีเลย์ >2 ชม. | ขอคืนค่าที่นั่งจองได้ | ไม่สามารถขอคืน |
| รถยกเลิกทั้งเที่ยว | คืนเงินเต็ม | ไม่คืน (แต่เปลี่ยนขบวนได้) |
| ตกรถจากดีเลย์ขบวนก่อนหน้า | เปลี่ยนตั๋วฟรีได้ | เปลี่ยนตั๋วฟรีได้ |
เอกสารที่ควรมีตอนขอคืนเงิน:
– ตั๋วต้นฉบับ (กระดาษ) หรือ E-ticket
– พาสปอร์ต (ในกรณีใช้ JR Pass)
– สลิปการจ่ายเงิน (หากใช้บัตรเครดิต)
– ถ้าใช้แอป เช่น SmartEX, Ekinet → คืนเงินออนไลน์ได้บางกรณี

เป็นหนึ่งในบริการบนรถไฟชินคันเซ็น โดยแยกตามสายหลักและประเภทขบวน เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวใช้งานอินเทอร์เน็ตและชาร์จอุปกรณ์ได้สะดวกระหว่างเดินทางบนรถไฟได้
Wi‑Fi บนชินคันเซ็นมีขบวนไหนบ้าง
| สาย | ขบวนที่มี Wi‑Fi | หมายเหตุ |
| Tokaido Shinkansen (Tokyo–Nagoya–Osaka) | Nozomi, Hikari, Kodama | ครอบคลุมทุกขบวนแล้ว (จาก JR Central) |
| Sanyo Shinkansen (Osaka–Hakata) | Sakura, Mizuho | ครอบคลุมเกือบทุกขบวน |
| Kyushu Shinkansen (Hakata–Kagoshima) | Tsubame, Sakura | มีบางขบวน |
| Tohoku / Joetsu / Hokuriku / Hokkaido Shinkansen | Yamabiko, Hayabusa, Toki, Kagayaki ฯลฯ | มีเกือบทุกขบวน (โดย JR East) |
วิธีเชื่อมต่อ Wi‑Fi:
ปลั๊กไฟ (Power Outlet) บนชินคันเซ็น
| ประเภทที่นั่ง | มีปลั๊กหรือไม่ | รายละเอียด |
| Green Car (ชั้นหนึ่ง) | มีทุกที่นั่ง | ทั้งหมดมีปลั๊กส่วนตัว |
| Gran Class | มีทุกที่นั่ง | ระดับ First Class |
| Ordinary Car (ชั้นธรรมดา) | เฉพาะบางที่นั่ง | ขึ้นอยู่กับขบวนและตำแหน่งที่นั่ง |
หมายเหตุ :-ขบวนใหม่ (เช่น N700S / E7 / H5 / W7) มีปลั๊กทุกที่นั่ง ทั้งแถว A, B, C, D, E
-ขบวนเก่า (เช่น N700A) มีเฉพาะที่นั่ง แถวริมหน้าต่าง (A / E) และ แถวหน้าสุดของแต่ละตู้
หากต้องการแน่ใจเรื่องปลั๊กไฟ ให้จองที่นั่งริมหน้าต่าง (A หรือ E) หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ขอ “ที่นั่งมีปลั๊ก” ขณะจองตั๋ว
กระเป๋าเดินทาง 30 นิ้ว สามารถนำขึ้นชินคันเซ็นได้แต่มีเงื่อนไขที่ต้องรู้ โดยเฉพาะขนาดกระเป๋าและการจองที่นั่งล่วงหน้า
ข้อกำหนด “กระเป๋า Oversized Baggage” บนชินคันเซ็น
หากกระเป๋า “ใหญ่เกิน” 160 ซม. (เมื่อวัดรอบขนาด): จะต้อง จองที่นั่งแบบพิเศษ ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายของตู้โดยสาร โดยคำนวนจากความสูง + ความกว้าง + ความลึก (รวมล้อ + ด้ามจับ)
| ขนาดรวม | ขนาดกระเป๋าโดยทั่วไป | เงื่อนไข |
| ≤ 160 ซม. | กระเป๋า 24–26 นิ้ว | ขึ้นได้ตามปกติ วางเหนือศีรษะ |
| 160–250 ซม. | กระเป๋า 28–32 นิ้ว รวมถึง 30 นิ้ว | ต้องจองที่นั่ง Oversized Baggage Area |
| > 250 ซม. | กระเป๋าไซส์ใหญ่มาก / อุปกรณ์กีฬา | ไม่อนุญาตให้นำขึ้นชินคันเซ็น |
หมายเหตุ :
-ไม่จองได้ไหม? ถ้าไม่จองแต่ถือกระเป๋าใหญ่ขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นอาจถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1,000 เยนได้
ตารางเวลาเส้นทาง Tokyo ไปยัง Kyoto (ระยะทางประมาณ 513 กม.) สำหรับชั้น Ordinary Car (ชั้นธรรมดา) บนชินคันเซ็น Tokaido Line ซึ่งเป็นสายหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยบัตรโดยสาร JR Pass
| ประเภทที่นั่ง | ขบวน Hikari / Kodama | ขบวน Nozomi* |
| Ordinary (ไม่จอง) | 13,320 | 13,870 |
| Ordinary (จองที่นั่ง) | 14,170 | 14,720 |
| Green Car (ชั้นหนึ่ง) | 19,640 | 20,190 |
| Gran Class | ไม่มีบริการ | ไม่มีบริการ |
หมายเหตุ:
JR Pass ปกติใช้กับ Hikari หรือ Kodama เท่านั้น ถ้าใช้ JR Pass (แบบใหม่) แล้วจะจอง Nozomi ได้ ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 4,000 เยน/เที่ยว
ตัวอย่างราคาสำหรับผู้ไม่ใช้ JR Pass:
| ประเภทที่นั่ง | ราคา | หมายเหตุ |
| ตั๋วไม่จองที่นั่ง (Kodama/Hikari) | 13,320 | ถูกสุด |
| ตั๋วจองที่นั่ง (Hikari) | 14,170 | แนะนำที่สุด |
| ตั๋ว Nozomi (จองที่นั่ง) | 14,720 | เร็วสุด แต่ใช้ JR Pass ไม่ได้ |
หากใช้ JR Pass:
สำหรับผู้ที่ซื้อ JR Passสำหรับ 7 วัน (ราคา 50,000 เยน) สามารถใช้ขึ้นลงขบวนรถไฟในเส้นทางนี้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แถมยังใช้ขึ้นขบวน Hikari / Kodama ได้ฟรี แต่ถ้าอยากขึ้นขบวน Nozomi ต้องจ่ายเพิ่มอีก 4,000 เยน
ขั้นตอนการจอง SmartEX : ใช้จองชินคันเซ็นสายหลัก เช่น Tokyo – Kyoto – Osaka รองรับ Nozomi, Hikari, Kodama มีภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนมีดังนี้:
– สมัครสมาชิกผ่านแอปหรือเว็บไซต์ SmartEX
– กรอกข้อมูลพาสปอร์ต / เลือกวิธีจ่ายเงิน (บัตรเครดิต)
– เลือกเส้นทาง (เช่น Tokyo → Kyoto)
– เลือกวัน เวลา ขบวน และที่นั่ง
– เลือกประเภท: Reserved / Non-reserved / Green
– ยืนยัน และชำระเงิน
– จะได้รับ QR Code / Reservation No. สำหรับไปรับตั๋วที่สถานี
ขั้นตอนการจอง e5489 : ใช้จองชินคันเซ็นและรถไฟ JR ในภูมิภาค Kansai, Chugoku, Kyushu มีส่วนลด Early Bird และพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว มีภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนมีดังนี้:
– สมัครสมาชิกที่ e5489.jr-odekake.net
– เลือกประเภทตั๋ว: JR-West Rail Pass / Normal ticket
– เลือกเส้นทาง (เช่น Shin-Osaka → Hiroshima)
– เลือกขบวน – วัน – เวลา
– เลือกที่นั่ง
– ยืนยัน และเลือกวิธีชำระเงิน
– รับ Reservation No. สำหรับออกตั๋วที่สถานี
การรับตั๋ว:
– ไปที่สถานี JR ที่มีเครื่อง “Ticket Vending Machine” หรือ “Midori no Madoguchi”
– นำ QR Code หรือหมายเลขจอง + บัตรเครดิต (ใบเดียวกับตอนจอง) ไปยืนยัน
แนะนำไฮไลต์ใหม่อย่าง “Fukui Dinosaur Station” ซึ่งเปิดให้บริการ ตั้งแต่ 16 มีนาคม 2024 เป็นจุดท่องเที่ยวมาแรงแห่งปีเลยก็ว่าได้ จากเดิม Hokuriku Shinkansen เดินรถจาก Tokyo ไปยัง Kanazawa ซึ่งตั้งแต่เดือนมี.ค. 2024 ได้มีการขยับขยายเส้นทางจาก Kanazawa ไปยังเมือง Tsuruga โดยผ่านจังหวัด Ishikawa และ Fukui รวมระยะทางใหม่เพิ่มประมาณ 125 กม.ทำให้เดินทางจาก Tokyo ไปยัง Fukui ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอีกต่อไป สะดวกสุดๆ ไปเลย
เส้นทางใหม่ Hokuriku & Fukui Dino
แนะนำต่อ Thunderbird หรือ Wide View Hida ไป Fukui Dinosaur Museum ใช้กับ Pass Hokuriku Arch ถ้าคุณต้องการเดินทางไป พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุคุอิ (Fukui Dinosaur Museum) โดยใช้เส้นทางรถไฟวิวสวย เช่น Limited Express Thunderbird หรือ Wide View Hida และใช้ Hokuriku Arch Pass ให้คุ้มสุด โดยเส้นทางแนะนำ จากฝั่ง Osaka หรือ Kanazawa ไปยัง Fukui นั่นเอง
ตัวเลือก 1: จาก Osaka หรือ Kyoto ไป Fukui ขึ้น Limited Express Thunderbird ไปลง Fukui Station
– จาก Osaka ไป Fukui ประมาณ 2 ชม. 10 นาที
– จาก Kyoto ไป Fukui ประมาณ 1 ชม. 30 นาที
ตัวเลือก 2: จาก Nagoya หรือ Gifu ไป Fukui ขึ้น Limited Express Wide View Hida ไป Toyama ต่อ Hokuriku Shinkansen หรือ Thunderbird ไป Fukui
ข้อดีของเส้นทางใหม่:จาก Tokyoไป Fukui ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 10 นาที (เร็วกว่าเดิม 40 นาที) สะดวกมากขึ้นในการเที่ยว Hokuriku & Kansai ในทริปเดียว เช่นเดินทางจาก Tokyo → Kanazawa → Fukui → Tsuruga → Kyoto → Osaka
Pass ที่ใช้ได้มีดีงนี้
| JR Pass | ใช้ได้ถึง |
| JR Pass Nationwide | ทั้งเส้นทาง Tokyo → Tsuruga |
| Hokuriku Arch Pass | ได้ถึง Kanazawa (ยังไม่รวมส่วนขยายไป Fukui) |
| JR West Kansai–Hokuriku Pass | ใช้ได้ทุกสถานีถึง Tsuruga |
รถด่วนพิเศษของ JR West ที่ให้บริการเส้นทางยอดนิยมระหว่าง Osaka – Kyoto – Fukui – Kanazawa เหมาะมากสำหรับใช้เดินทางไป พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ Fukui หรือเชื่อมกับ Hokuriku Shinkansen ได้อย่างสะดวก
ค่าโดยสาร (ราคา ณ ปี 2025):
| เส้นทาง | Ordinary (จอง) | Green Car |
| Osaka ไป Fukui | 5,720 เยน | 8,300 เยน |
| Kyoto ไป Fukui | 4,730 เยน | 7,300 เยน |
หมายเหตุ :
1.ผู้ถือ JR Pass / Kansai–Hokuriku Pass / Nationwide JR Pass ฟรี (รวมทั้งจองที่นั่งได้ด้วย)
2. หากคุณใช้ Hokuriku Arch Pass (24,500 เยน / 7 วัน) สามารถใช้ Thunderbird ได้เต็มเส้นทาง
ชินคันเซ็น หรือรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นหลายสายหลักทั่วประเทศ โดยแต่ละสายมีขบวนให้บริการต่างกัน ซึ่งแต่ละขบวนมีจุดเด่นทั้งด้านความเร็ว จำนวนจุดจอด และพื้นที่ให้บริการ การเลือกเส้นทางและขบวนให้เหมาะกับแผนการเดินทางสามารถช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากใช้ JR Pass หรือจองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์อย่าง SmartEX หรือ e5489 ที่มีส่วนลดเพิ่มเติมอีกด้วย ถือเป็นอีกข้อมูลในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้สนุกสนาน คุ้มค่าและน่าประทับใจยิ่งขึ้นได้

Blogger : Pennapa Uttamang
อดีตบรรณาธิการผู้รับใช้ถ้อยคำมาตลอดหลายสิบปี ปัจจุบันก็ยังคงทำงานเขียน วาดภาพประกอบ เลี้ยงแมว และทำสตูดิโอออกแบบเล็กๆ เกี่ยวกับโบรชัวร์ญี่ปุ่น เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนผ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมายเช่นกัน
86 Posts

รวม แอพ รถไฟ ญี่ปุ่น เช็คได้ทั่วประเทศ ใช้สะดวก ไม่มีหลง
รวม แอพ รถไฟ ญี่ปุ่น สุดสะดวก จัดให้แบบเต็มๆ ทุกแอเรีย หาสาย เช็คเวลากันแบบชิล...

จากนาริตะไปโตเกียว รวมวิธีเดินทางสุดสะดวก เข้าเมืองชิลๆ
รวมมิตรวิธีการเดินทาง จากนาริตะไปโตเกียว ที่รู้ไว้ก่อนออกเดินทางแล้วรับรองไม่ม...

วิธีเดินทางสุดประหยัดจากโตเกียว เที่ยวฟูจิ ที่คาวากูจิโกะ
ทริป เที่ยวฟูจิ คราวนี้ไม่มีหลง เพราะเรารวบรวมวิธีการเดินทางจากกรุงโตเกียวไปยั...

รีวิว “Eslead Hotel Osaka Shinsaibashi” ที่พักสไตล์เหมือนพักที่บ้านใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางโอซาก้า
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับคนที่วางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือที่พัก ครั้งนี้เร...

พยากรณ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2025
อัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น มาให้ดูกันล่วงนี้ เอาไว้จองตั๋วมาเที่ยวญ...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515