เมื่อฮอกไกโดไม่จำเป็นต้องมาแค่หน้าหนาวอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park) อุทยานท่องเที่ยว 4 ฤดู

15/11/2023 (อัพเดทเมื่อ 16/11/2023)
“ฮอกไกโด” ในภาพจำของหลาย ๆ คน คงจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่เป็นสีขาวโพลนด้วยหิมะ
หากแต่ว่าความงดงามของฮอกไกโดนั้น อาจมีมากกว่าแค่หิมะในหน้าหนาว
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อาจไม่มีคนพูดถึงเยอะเท่าไร แต่เราคิดว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย สถานที่แห่งนี้คือ อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park) สถานที่ท่องเที่ยว 4 ฤดูที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ไหน ๆ มาแล้วก็ต้องมาให้สุดกันเลยเนอะ !!
Contents Index
  1. 1 ชวนเปิดประสบการณ์แนบชิดติดธรรมชาติ ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดประจำอุทยาน
    1. 1.1 1. กิจกรรมชื่นชมธรรมชาติต่าง ๆ
    2. 1.2 2. ส่องหมีน้ำตาล
    3. 1.3 3. ชมน้ำตกรอบอุทยาน
    4. 1.4 4. ทะเลสาบทั้งห้าแห่งชิเรโตโกะ (Shiretoko Five lake)
    5. 1.5 5. ไปแช่น้ำในน้ำตกที่อุ่นที่สุด (Kamuiwakka River)
    6. 1.6 6. ชมภูเขาราวสึ (Rausu)
    7. 1.7 7. ชมเมืองอุโทโระ (Utoro) และ หินโอรอนโกะ (Oronko Rock) เมืองแห่งชายฝั่งพักผ่อนยอดนิยมประจำอุทยาน
  2. 2 ความสวยงามที่แตกต่างกันใน 4 ฤดูกาลแห่งอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ
    1. 2.1 ฤดูใบไม้ผลิ (ตั้งแต่มีนาคม-พฤษภาคม)
    2. 2.2 ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)
    3. 2.3 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน)
    4. 2.4 ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)
  3. 3 วิธีเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park)
  4. 4 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    1. 4.1 1. Lake Kanayama
  5. 5 2. ฟาร์มโทมิตะ
    1. 5.1 3. Shikisai Hill
  6. 6 สรุป

มารู้จักที่มาของความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine) กันสักหน่อยดีกว่า

อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ติดกับคาบสมุทรชิเรโตโกะ อุทยานแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกในด้านความหลากหลายทางระบบนิเวศจากองกรค์ UNESCO ในปี 2005 รวมไปถึงบรรดาสัตว์ป่านานาชนิด เช่น หมีสีน้ำตาล กวาง สุนัขจิ้งจอก

ขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานทั้งที ก็ต้องมีพื้นที่กว้างมากถึง 386.33 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมทั้งบนบกและในทะเล (รวมถึงสัตว์น้ำในทะเลของพื้นที่อุทยานด้วยนะ) หรือมีขนาดใหญ่ประมาณ 1 ใน 4 เท่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ของจังหวัดกรุงเทพมหานครเลยทีเดียวนะ !

ส่วนชื่อของอุทยานแห่งนี้ ก็มาจากภาษาพื้นเมืองของชาวไอนุ “ชิเรโทโกะ” ซึ่งแปลว่า “จุดจบของโลก” ซึ่งเค้าหมายถึงว่าเป็นดินแดนที่เป็นจุดสิ้นสุดของโลก (ขอบโลก) ไม่ใช่ว่าโลกจะแตกนะคร้าบ

ชวนเปิดประสบการณ์แนบชิดติดธรรมชาติ ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดประจำอุทยาน

1. กิจกรรมชื่นชมธรรมชาติต่าง ๆ

อาทิเช่น เดินป่า ล่องเรือ เล่นสกี ล่องแก่ง แช่ออนเซ็นและปีนเขาไปยังจุดชมวิวต่าง ๆ 

2. ส่องหมีน้ำตาล

อุทยานแห่งนี้มีจำนวนของน้องพี่สีน้ำตาลที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งสัตว์ป่าประจำเกาะฮอกไกโดมากถึง 1,000 ตัว เพราะฉะนั้นการเดินทางภายในอุทยานแห่งนี้จะต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ

3. ชมน้ำตกรอบอุทยาน

– Oshinkoshin falls น้ำตกที่มีความสวยงามเเละเป็น 1 ใน 100 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับตัวอุทยาน (และใกล้กับเมืองอุโทโระ)

– Furepe falls น้ำตกที่มีต้นกำเนิดมาจากน้ำใต้ดิน ที่ชาวพื้นเมืองเปรียบเปรยว่าเป็นน้ำตาของหญิงพรหมจรรย์

4. ทะเลสาบทั้งห้าแห่งชิเรโตโกะ (Shiretoko Five lake)

หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ทะเลสาบทั้งห้านี้ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้มีน้ำพุจากใต้ดินไหลเข้ามาทำให้เกิดเป็นทะเลสาบขึ้นมานั่นเอง โดยระยะทางที่ให้เราสามารถเดินชมความงามของจุดที่ทะเลสาบทั้ง 5 ไหลมารวมกันจะประมาณ 1.6 กิโลเมตร (แบบระยะสั้น) และ 3 กิโลเมตร (แบบระยะยาว) 

โดยเค้าจะมีสะพานไม้ให้เราเดินไปตามทางได้ ไม่หลงแน่นอน 

แต่ต้องบอกว่าพื้นที่บริเวณที่เราเดินอยู่นี้คืออาณาเขตของหมีสีน้ำตาล (ในข้อ 2) ตรงนี้เราจะต้องระวังความปลอดภัยในกรณีที่น้องเดินเข้ามาใกล้ ๆ กับทางเดิน (เค้าจะมีวิดีโอแนะนำเราก่อน)

5. ไปแช่น้ำในน้ำตกที่อุ่นที่สุด (Kamuiwakka River)

น้ำตกแห่งนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอทำให้อุ่น(จนไปถึงร้อน) เฉลี่ยอยู่ที่ 38 องศา สมกับฉายา “Hot Waterfalls” นักท่องเที่ยวมากมายต่างมาเดินเทรลและปิดท้ายด้วยการแช่น้ำตกผ่อนคลาย

6. ชมภูเขาราวสึ (Rausu)

ภูเขาที่ตั้งอยู่ภายในตัวอุทยาน โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดของคาบสมุทรชิเรโทโกะ ซึ่งสูงถึง 1,661 เมตรเลยทีเดียว โดยภายในหุบเขาแห่งนี้จะมีเมืองเล็ก ๆ ให้ชมอยู่ข้างใน (เมือง Rausu) และมีทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ (แต่ต้องระวังหมีสีน้ำตาลกันให้ดีนะคร้าบ)

7. ชมเมืองอุโทโระ (Utoro) และ หินโอรอนโกะ (Oronko Rock) เมืองแห่งชายฝั่งพักผ่อนยอดนิยมประจำอุทยาน

เมืองนี้เป็นเมืองแห่งชาวประมงที่มีขนาดใหญ่ในรอบๆอุทยานแห่งนี้ โดยไฮไลท์สำคัญคือ ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 60 เมตรเเละตั้งอยู่ติดกับท่าเรือ 

ความสวยงามที่แตกต่างกันใน 4 ฤดูกาลแห่งอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ 

ฤดูใบไม้ผลิ (ตั้งแต่มีนาคม-พฤษภาคม)

หากมาเที่ยวในช่วงนี้ เพื่อน ๆ อาจจะได้เห็นหิมะหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งเราก็จะได้ไปชมทิวทัศน์กำแพงหิมะ(Shiretoko Wall Walk) กัน กำแพงหิมะ (Shiretoko Wall Walk) 

Cr.https://www.mlit.go.jp/sogoseisaku/region/infratourism/en/infralist/hokkaido/index01.html

จริง ๆ แล้วมันก็คือ หนึ่งในถนนของเส้นทางชิเรโทโกะ (Shiretoko Pass) นี้เค้าจะปิดในช่วงหน้าหนาวเพราะหิมะมันหนามาก แล้วจะเปิดให้บริการอีกทีในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งหากเรามาในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายนเนี่ย ก็จะได้พบกับวิวถนนที่ยังปกคลุมหิมะให้เดินเล่นและดูเพลิน ๆ ตา เพียงแต่..มันไม่ได้ดูฟรีนะคร้าบ เพื่อน ๆ ต้องทำการจองล่วงหน้า และมีค่าเข้าชมด้วยนะ สำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 2,500 เยน

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)

สำหรับหน้าร้อน หนึ่งในกิจกรรมที่เพลิดเพลินใจที่สุด คงไม่พ้นการล่องเรือนำเที่ยวชมธรรมชาติแนวชายฝั่งของอุทยาน หมีสีน้ำตาล กวาง และสุนัขจิ้งจอก บนชายหาด ปลาโลมา ปลาวาฬ สิงโตทะเล ในทะเล และนกต่างๆ เหนือผืนน้ำ โดยเพื่อน ๆ สามารถขึ้นได้ที่ท่าเรือเมืองอุโทโระ

โดยจะมีโปรแกรมการล่องเรืออยู่ 2 รูปแบบ 

Cr.https://ms-aurora.com/shiretoko/en/ 

แบบสั้น : ใช้เวลา 1.30 ชม

แบบยาว : ใช้เวลา 3.45 ชม. 

สำหรับการล่องเรือในแบบยาว เค้าก็จะพาเราล่องไปจนถึงแหลมชิเรโตโกะ และเราอาจจะได้ชมพระอาทิตย์ตกตามแนวชายฝั่งสุดโรแมนติก

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน)

แน่นอนว่าในฤดูนี้ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยสีสันหลากสี โดยเฉพาะสีของโมมิจิ หรือ ใบไม้สีแดง เราขอแนะนำเส้นทางชิเรโทโกะ(Shiretoko Pass) ชมวิวใบไม้สีแดงกันให้ฉ่ำตา โดยเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางระหว่างอุทยานชิเรโตโกะและหุบเขาราอุสุและเมืองอุโทโระ มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร โดยเส้นทางนี้จะปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาวของทุกปี สำหรับราคาค่าขับรถยนต์ผ่านเข้ามาในเส้นทางนี้จะอยู่ที่ 1,380 เยน ต่อท่าน

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)

สำหรับไฮไลท์ที่เหล่านักท่องเที่ยวนิยมมาชมกันในช่วงหน้าหนาวคือ รับชมปรากฏการณ์ Drift Ice

ปรากฏการณ์ Drift Ice หรือเรียกว่า ริวเฮียว (Ryuhyo) แปลง่าย ๆ คือธารน้ำแข็งที่ปกคลุมบนมหาสมุทร

ว่ากันว่าน้ำแข็งเหล่านี้

โดยเราสามารถนั่งเรือตัดน้ำเเข็ง ซึ่งจะล่องเรือผ่านธารน้ำเเข็งอยู่อย่างหนาเเน่น

สำหรับการล่องเรือตัดน้ำแข็งที่แนะนำที่ใกล้กับอุทยานที่สุดคือที่เมือง Abashiri โดย บริษัท Abashiri Drift Ice Sightseeing & Icebreaker Ship และ Aurora

พิกัด อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park)

ที่อยู่Hokkaido, Shari District, Shari,
วิธีเดินทางการเดินทางเราขอแนะนำจาก ชาริ (Shari) โดยนั่งรถบัสจากสถานี Shari Bus Terminal ใช้ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,650 เยน มาลงที่สถานี Utoro onsen station ที่เมืองอุโทโระ
เวลาทำการ เปิดทำการทุกวัน
ราคาฟรี
WebsiteShiretoko National Park

ดูแผนที่ อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park)

วิธีเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park)

เนื่องจากอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงขอบทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง จึงทำให้การเดินทางอาจจะยากลำบากสักหน่อย 

เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ พักค้างคืนที่เมือง อุโทโระ (Utoro) หรือเมืองชาริ (Shari ) สำหรับเมืองราวสึ (Rausu) ก็อยู่ติดกับอุทยาน แต่ว่าที่พักจะไม่ค่อยเยอะและเดินทางลำบากกว่าพอสมควร

การเดินทางเราขอแนะนำจาก ชาริ (Shari) โดยนั่งรถบัสจากสถานี Shari Bus Terminal ใช้ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,650 เยน มาลงที่สถานี Utoro onsen station ที่เมืองอุโทโระ ซึ่งเป็นทางเข้าสู่อุทยาน

สำหรับการเดินทางจากเมืองซัปโปโร (Sapporo) สามารถเดินทางได้จาก Chuo Bus Sapporo Terminal โดยแนะนำให้โดยสารรถบัสเดินทางแบบข้ามคืน (8 ชั่วโมง) มาลงที่สถานี Abashiri Eki mae แล้วนั่งรถไฟสายสีเขียวมาลงที่เมืองชาริ (Shiretokoshari Station) 

ขับรถท่องเที่ยวเอง : ใช้เวลาเดินทางจากเมืองชาริประมาณ และจากเมืองอุโทโระ สำหรับราคาค่าขับรถยนต์ผ่านเข้ามาในเส้นทาง Shiretoko Pass เพื่อชมความงามภายในอุทยานจะอยู่ที่ 1,380 เยน ต่อท่าน

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

1. Lake Kanayama

สถานที่เที่ยวพักผ่อนแสนสบายใจ เพราะมีทิวทัศน์ที่เป็นทะเลสาบและทุ่งลาเวนเดอร์สุดสวยงาม นอกจากชื่นชมความงามแล้ว เค้าก็ยังมีกิจกรรมให้ทำด้วยนะ เช่น พายเรือแคนนู ตกปลา (ปลาวะคะซะงิ) หรือกางเต๊นท์ก็นิยมเช่นกัน

พิกัด Lake Kanayama

ที่อยู่Minamifurano, Sorachi District, Hokkaido, Japan
วิธีเดินทางนั่งรถบัสจาก Chuo Bus Sapporo Terminal มาลงที่ Furano Eki mae แล้วนั่งรถบัสสายสีเขียว (Nemuro Line) มาลงที่ Higashi-Shikagoe Station
เวลาทำการเปิดทำการทุกวัน
ราคาฟรี
Website

ดูแผนที่ Lake Kanayama

2. ฟาร์มโทมิตะ

Cr.https://chillchilljapan.com/tomita-farm-hokkaido/

ทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ อีกหนึ่งไฮไลท์จุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดในฮอกไกโด เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ท่ามกลางธรรมชาติภูเขา ซึ่งที่นี่มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ภายในฟาร์มนั้นมีสถานที่ท่องให้เราแวะเที่ยวชม ชิมลิ้มลองอาหารหรือขนมที่ทำจากฟาร์ม รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย ถ้ายังไม่เห็นภาพเราจะอธิบายเป็นตัวเลขแทน คือที่นี่มีสวนดอกไม้ทั้งหมด 13 สวน และยังมีสถานที่ให้เที่ยวชมอีกมากมาย

พิกัด ฟาร์มโทมิตะ

ที่อยู่15 Kisenkita, Nakafurano, Sorachi District, Hokkaido 071-0704
วิธีเดินทางนั่งรถไฟจาก Sapporo สาย Lilac-Kamui มาลงที่ Asahikawa แล้วนั่งรถสาย Furano Line มาลงที่ Naka-Furano Station
เวลาทำการ08.30 – 18.00 น. เปิดทำการทุกวัน
ราคาฟรี
Websiteฟาร์มโทมิตะ

ดูแผนที่ ฟาร์มโทมิตะ

3. Shikisai Hill

Cr.https://chillchilljapan.com/shikisai-no-oka/

ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai No Oka) หรือที่มีชื่อเต็มว่า “Panoramic Flower Gardens Shikisai-no-oka” ตั้งอยู่ที่เมืองบิเอะ(Biei) ในจังหวัดฮอกไกโด เป็นสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีความงดงามทั้ง 4 ฤดูกาล พร้อมด้วยดอกไม้งามให้รับชมหลายสายพันธุ์ อาทิเช่น ลาเวนเดอร์ ทิวลิป โคเคีย ทานตะวัน และอื่นๆ นานากว่า 30 ชนิด

พิกัด Shikisai Hill

ที่อยู่Shinsei Dai-3, Biei, Kamikawa, Hokkaido 071-0473
วิธีเดินทางนั่งรถไฟสาย JR Furano Line มาลงที่สถานี Bibaushi นั่งแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 12 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาที
เวลาทำการมกราคมถึงเมษายน 9:00-17:00 น.
พฤษภาคม/ตุลาคม 8:40-17:00 น.
มิถุนายนถึงกันยายน 8:40-17:30 น.
พฤศจิกายนถึงธันวาคม 9:10-16:30 น.
ราคา500 เยน
WebsiteShikisai Hill

ดูแผนที่ Shikisai Hill

สรุป

ถึงแม้ว่าอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park) จะค่อนข้างห่างไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวจากใจกลางเกาะฮอกไกโดอยู่พอสมควร แต่ทว่าประสบการณ์ที่เพื่อน ๆ จะได้รับหากได้มาเยือนยังที่แห่งนี้ได้ทั้ง 4 ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ชมทิวทัศน์กำแพงหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ล่องเรือตามแนวชายฝั่งของคาบสมุทรชิเรโตโกะ ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางอุทยาน (Shiretoko Pass) หรือล่องเรือตัดหิมะในฤดูหนาว มาฮอกไกโดทั้งทีก็ต้องมาเปิดหูเปิดตาให้สุด !

Contents Index
  1. 1 ชวนเปิดประสบการณ์แนบชิดติดธรรมชาติ ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดประจำอุทยาน
    1. 1.1 1. กิจกรรมชื่นชมธรรมชาติต่าง ๆ
    2. 1.2 2. ส่องหมีน้ำตาล
    3. 1.3 3. ชมน้ำตกรอบอุทยาน
    4. 1.4 4. ทะเลสาบทั้งห้าแห่งชิเรโตโกะ (Shiretoko Five lake)
    5. 1.5 5. ไปแช่น้ำในน้ำตกที่อุ่นที่สุด (Kamuiwakka River)
    6. 1.6 6. ชมภูเขาราวสึ (Rausu)
    7. 1.7 7. ชมเมืองอุโทโระ (Utoro) และ หินโอรอนโกะ (Oronko Rock) เมืองแห่งชายฝั่งพักผ่อนยอดนิยมประจำอุทยาน
  2. 2 ความสวยงามที่แตกต่างกันใน 4 ฤดูกาลแห่งอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ
    1. 2.1 ฤดูใบไม้ผลิ (ตั้งแต่มีนาคม-พฤษภาคม)
    2. 2.2 ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)
    3. 2.3 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน)
    4. 2.4 ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)
  3. 3 วิธีเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko national park)
  4. 4 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    1. 4.1 1. Lake Kanayama
  5. 5 2. ฟาร์มโทมิตะ
    1. 5.1 3. Shikisai Hill
  6. 6 สรุป
Yuri

Blogger : Yuri

ผมเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เก่ง แต่ว่าชอบเที่ยวมาก ๆ (ซะอย่างนั้น) เพราะการท่องเที่ยวสำหรับผม คือการที่ได้เรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางที่ก็ไปเที่ยวซ้ำ ๆ แต่กลับได้ประสบการณ์ที่ไม่จำเจ สำหรับผมแล้ว "ญี่ปุ่น" เป็นหนึ่งในประเทศที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย มากกว่านั้น ผมมีความตั้งใจว่าจะออกไปเห็นโลกให้กว้างมากที่สุด แล้วนำสาระความรู้มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ในช่วงที่(ผม)ยังมีแรงเต็มที่ครับ !

46 Posts

CCJ Hotel Search

สถานที่เที่ยว

| Feature

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515