EXPO2025 คืออะไร
งาน EXPO2025 เป็นงานแสดงระดับชาติที่จะจัดขึ้นที่โอซาก้า ภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ ธีมของงานคือ “การออกแบบสังคมแห่งอนาคตที่ชีวิตเปล่งประกาย”โดยวัตถุประสงค์ของงานคือ เพื่อส่งต่อความหวังเกี่ยวกับอนาคตไปทั่วทั้งโลก จุดเด่นของงานคือ เป็นเวทีที่รวบรวมเทคโนโลยี และไอเดียล่าสุดมาไว้ในที่เดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับส่งเสริมความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนระดับโลก รวมถึงเป็นสถานที่สำคัญที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกได้มารวมตัวกัน ได้แบ่งปันความรู้เพื่อมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในการแก้ปัญหาระดับโลกไปด้วยกัน
การออกเดินทางเพื่อ “การรักษาชีวิต” “การเติมพลังชีวิต” และ “เชื่อมโยงชีวิต” ทั่วประเทศญี่ปุ่น
งาน Osaka-Kansai Expo ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกและทั่วประเทศญี่ปุ่นจะมารวมตัวกันที่โอซาก้าซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ทั้งโลกจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ทุกคนจะตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ของแนวทางใหม่ ของชีวิต แต่ว่าสถานที่จัดงานก็ไม่ใช่สถานที่เดียวที่คุณสัมผัสถึง “ชีวิต” ได้ เพราะญี่ปุ่นมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ใช้หล่อเลี้ยงชีวิต มีวัฒนธรรมอาหารที่หยั่งรากลึกในแต่ละภูมิภาค และวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราเชื่อว่า “ทั่วทั้งญี่ปุ่นเป็นที่ของเรา” ลองก้าวออกจากที่จัดงาน Osaka-Kansai Expo และเริ่มต้นการเดินทางเพื่อสัมผัสธีมของงานเอ็กซ์โปและธีมย่อย 3 ธีม ได้แก่ “การช่วยชีวิต” “การเติมพลังแก่ชีวิต” และ “การเชื่อมโยงชีวิต” ดูสิ
การรักษาชีวิต
“ญี่ปุ่น: ดินแดนที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ สัมผัสวัฏจักรของชีวิตผ่านการเดินทาง”
ตั้งแต่อดีตประเทศญี่ปุ่นนั้นมีธรรมชาติรายล้อมมากมาย ทั้งท้องทะเล ภูเขา และแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งกำเนิด “ชีวิต” ของสรรพสิ่ง ดังนั้นชีวิตของชาวญี่ปุ่นจึงผูกพันกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านวิถีชีวิต ประเพณี และความเชื่อ จะพูดว่าคนญี่ปุ่นใช้ชีวิตร่วม กับธรรมชาติก็ไม่เกินจริง ธรรมชาติอันงดงามที่แปรเปลี่ยนตามฤดูกาล จะช่วยเยียวยาจิตใจ และร่างกาย การได้ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจึงถือเป็นการสัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับ “ชีวิต” ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ได้เรียนรู้ และตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับไปกับธรรมชาติ ผ่านการเดินทางที่เปิดประสบการณ์ “วัฏจักรของชีวิต”
การเติมพลังชีวิต
อาหารเป็นพื้นฐานของทุกชีวิต เดินทางเพื่อเสริมสร้างจิตใจและร่างกายของคุณ
มีอาหารมากมายที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยฤดูกาลทั้งสี่อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นและความรู้สึกตามฤดูกาล ผู้คนต่างชื่นชมวัฒนธรรมอาหารที่หยั่งรากลึกในแต่ละภูมิภาค ตั้งแต่อาหารจากทะเลและภูเขา ไปจนถึงรสชาติของภูมิภาคและบ้านเรือน ตลอดจนอาหารญี่ปุ่นซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO นอกจากนี้ ด้วยการผสานวัฒนธรรมอาหารของประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน วัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่นจึงมีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการที่ไม่เหมือนใคร ดังคำกล่าวที่ว่า อาหารคือยา และอาหารเป็นรากฐานของมนุษย์และเป็นแหล่งกำเนิดพลังแห่งชีวิต คุณสามารถทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเพลิดเพลินไปกับ “การเดินทาง” ที่เสริมสร้างร่างกายและจิตใจของคุณจากภายในสู่ภายนอก
การเชื่อมโยงชีวิต
“จิตวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในประเพณีวัฒนธรรม : การหวนนึงถึงอดีต และการสร้างสรรค์สังคมแห่งอนาคต”
สัมผัสจิตวิญญาณ และทักษะอันประณีตของช่างฝีมือ ศิลปิน ผ่านผลงานที่สืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และไปยังอนาคต ร่วมงานเทศกาล พิธีกรรม และงานฝีมือดั้งเดิมที่สะท้อนวัฒนธรรม และความเชื่อของท้องถิ่น เรียนรู้การพัฒนาของเทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่ผสมผสานอดีตและปัจจุบัน ประเพณีที่สืบทอดผ่าน “ชีวิต” เหล่านี้ ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เห็นได้จาก “อนิเมะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจของญี่ปุ่น ที่ยังคอยกระตุ้นความสนใจให้คนทั่วโลกติดตามชมกัน เชิญคุณมาสัมผัสแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมดั้งเดิมญี่ปุ่น และวัฒนธรรมที่จะได้รับการพัฒนาต่อไปจนถึงอนาคตได้ที่นี่โดยการหวยรำลึกนึกถึงอดีตพร้อมชื่นชมประเพณีให้ได้สืบสานต่อไปในอนาคต มาเพลิดเพลินไปกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจกัน
ภาพรวมของการจัดงาน EXPO2025
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับงาน EXPO2025 มีดังนี้
ชื่องาน | EXPO2025 |
ระยะเวลาจัดงาน | วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025– วันจันทร์ ที่ 13 ตุลาคม 2025 ระยะเวลา 184 วัน |
สถานที่จัดงาน | โอซาก้า ยูเมะชิมะ (Osaka Yumeshima) |
เว็บไซต์ทางการ | https://www.expo2025.or.jp/en/ |
ข้อมูลเกี่ยวกับตั๋ว | https://www.expo2025.or.jp/en/tickets-index/ |
แนะนำการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
พบกับแนวทางการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ได้รับการนำเสนอในงาน EXPO 2025
ค้นพบภูเขาไฟในฮอกไกโดตะวันออก (พื้นที่ฮอกไกโด)
การเดินทางสัมผัสความมหัศจรรย์ของ 3 ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ คุณจะได้พบกับอุทยานแห่งชาติที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ด้วยป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ และทะเลสาบที่สวยงาม สัมผัสวัฒนธรรมการแช่น้ำร้อนของญี่ปุ่นณบ่อน้ำพุร้อนคาวาโนะยุ แหล่งออนเซ็นที่ทีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานในฐานะบ่อแห่งการรักษา ท่องปั่นจักรยาน ชมวิวทิวทัศน์ภูเขาไฟอันงดงามในอุทยานแห่งชาติ
ต่อด้วยกิจกรรมปั่นจักรยานรอบภูเขาไฟในอุทยานแห่งชาติ พิชิตยอดเขา พร้อมสัมผัสความยิ่งใหญ่ของภูเขาเมอะคัง (Mount Meakan) เพื่อดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันตระการตา และพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ห้ามพลาดกิจกรรมปั่นจักรยาน และเดินป่าในผืนป่าลับแลริมทะเลสาบอะคังที่คุณจะได้สัมผัสความเงียบสงบของป่า ชมพืชพรรณและสัตว์ป่า มาเติมเต็มความประทับใจจากธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของฮอกไกโดตะวันออกกัน
เส้นทางสายลมทะเลมิชิโนะคุ (ภูมิภาคโทโฮคุ)
สัมผัสประสบการณ์ทางไปบนเส้นทางยาว “มิชิโนะคุ ชิโอะ คาเซะ เทรล” ที่ทอดยาวจาก เมืองฮาจิโนะเฮะ จังหวัดอาโอโมริ สู่ เมืองโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ เสน่ห์ของเส้นทางนี้อยู่ที่วิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทะเลอันยิ่งใหญ่ พบกับหน้าผาสูงชันที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ชายฝั่งทะเลรูปแบบเรียสที่แปลกตา รวมถึงหนึ่งในสามแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก
เพลิดเพลินกับธรรมชาติหลากหลายรูปแบบทั้ง ป่าไม้ หมู่บ้าน แม่น้ำ และ ท้องทะเล สัมผัส ความงดงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ทิวทัศน์อันน่าประทับใจ พร้อมสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ และรับสายลมสดชื่นจากท้องทะเล มาเก็บเกี่ยวความทรงจำอันล้ำค่าบนเส้นทาง “มิชิโนะคุ ชิโอะ คาเซะ เทรล” แห่งนี้กัน
สัมผัสความมหัศจรรย์ของป่าไผ่ “ฟาร์มวากาทาเกะ โนะ โมริ วาคายามะ” กับประสบการณ์แห่งความยั่งยืน (ภูมิภาคคันโต)
“วากายามะ ฟาร์ม” ตั้งอยู่ใน เมืองอุสึโนมิยะ จังหวัดโทจิกิ เป็นฟาร์มที่สืบทอดภูมิปัญญาด้านการเกษตรมายาวนานกว่า 100 ปี โดยสืบทอดมาถึง 3 รุ่น มุ่งเน้นการปลูก หน่อไม้ และ เกาลัด ฟาร์มแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการเกษตรแบบหมุนเวียนตามธรรมชาติ และ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการอนุรักษ์ป่าไผ่ และ ใช้ทรัพยากรจากไผ่อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้
เปรียบเสมือนกับโลกที่ล้ำขึ้นไปอีกขั้น นอกจากจะได้ผ่อนคลายในป่าไผ่ที่สวยงามราวกับแล้ว คุณยังได้เรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น งานประดิษฐ์จากไม้ไผ่ และการจิบชาเขียวมัทฉะจากถ้วยไม้ไผ่ได้อีกด้วย
สัมผัสประสบการณ์พิเศษ ” KURABITO STAY ” (พื้นที่โฮคุริคุ – โคชินเอ็ตสึ)
เมืองซากุ จังหวัดนากาโนะ เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย น้ำ และ ธรรมชาติ สำหรับ “KURABITO STAY” นั้นคือโรงกลั่นสาเกที่เปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าพักค้างคืนที่โรงกลั่นเหล้าอันมีอายุยาวนานกว่า 300 ปี และมีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการหมักเหล้าแบบชาวญี่ปุ่น ‘คุระบิโตะ’ อีกด้วย นักท่องเที่ยวจะได้เข้าพักแรมที่โรงกลั่นเหล้าเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
โดยปรับปรุงบ้านพักที่เหล่าผู้ผลิตเหล้า ‘คุระบิโตะ’ เคยใช้เป็นที่พักผ่อนนอนหลับเรียกว่า ‘ฮิโรชิกิ’ ตัวอาคารได้รับการสร้างใหม่ในแบบที่ยังคงกลิ่นอายของอาคารเก่าแก่ 100 ปีเอาไว้ นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหล้าญี่ปุ่นแล้ว ยังได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพทุ่งนาอันเงียบสงบในพื้นที่บริเวณซากุอีกด้วย
สัมผัสเสน่ห์ดั้งเดิมที่ ” THE OAK GUJO ” (พื้นที่โทไค)
เมืองกูโจ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดกิฟุ เป็นเมืองโบราณริมแม่น้ำใสที่ยังคงสภาพเมืองในยุคเอโดะไว้ราวกับหลุดออกมาจากกาลเวลา เมืองนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของวิถีชีวิตอันเรียบง่าย นับเป็นเมืองที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศวันวานของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล “กูโจ โอโดริ” ซึ่งเป็นเทศกาลฤดูร้อน ‘บงโอโดริ’ ที่จัดขึ้นยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น โดยใช้เวลากว่า 30 คืนเต็มตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ถึงต้นเดือนกันยายน
THE OAK GUJO เป็นโรงแรมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับบ้านหลังที่ 2 ตั้งอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยสายน้ำใส รวมถึงมีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมการเต้นรำอันยาวนานกว่า 420 ปี คุณจะได้เพลิดเพลินกับเวลาอันแสนสุขในพื้นที่อันหรูหราที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิม เข้ากับตัวอาคาร และการบริการรูปแบบทันสมัย
สัมผัส “วัฒนธรรมน้ำพุร้อน” หลากหลายรูปแบบ ทั้งแช่ตัว ดื่ม และกิน “น้ำพุร้อน” ที่ “ยูมุระออนเซ็น” (ภูมิภาคคันไซ)
เมืองน้ำพุร้อน ยูมุระ เป็นเมืองน้ำพุร้อนอันเงียบสงบ ตั้งอยู่ในหุบเขาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเฮียวโกะ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีน้ำพุร้อนถึง 63 แห่ง มีรัศมีประมาณ 400 เมตร และมีน้ำพุร้อนที่ร้อนที่สุดในญี่ปุ่น โดยอุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ 98 องศาเซลเซียส เมืองนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานย้อนหลังไปถึงปี 848 ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองนี้
ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ‘การต้มน้ำพุ’ ที่หยั่งรากลึกในชุมชน รวมถึงเพลิดเพลินกับการทำ “คาราเมลสด” โดยใช้น้ำพุร้อนจากบ่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ หากคุณพักที่เรียวกังออนเซ็น คุณจะได้สัมผัสกับวิธีการปรับอุณหภูมิแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ เช่น ระบบทำความเย็น และระบบทำความร้อนที่ใช้ความร้อนจากน้ำพุร้อนในการดูแล
สัมผัสความมหัศจรรย์ของเนินทรายทตโตริ (พื้นที่ซันอิน)
หากพูดถึงทะเลทรายทรายอันโด่งดังของญี่ปุ่น ทะเลทรายทรายทตโตริคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง ด้วยทิศทาง และความแรงของลมที่แตกต่างกัน ความงดงามของทะเลทรายแห่งนี้จึงมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเนินทราย ลานทราย และเสาหินทราย ล้วนเป็นผลงานศิลปะจากธรรมชาติที่คุณต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้ง
ทัวร์นี้จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับการชื่นชม และถ่ายภาพ ผลงานศิลปะเหล่านี้ มัคคุเทศก์ และช่างภาพผู้เชี่ยวชาญ ที่คุ้นเคยกับเนินทรายทตโตริจะนำทางคุณไปยังจุดถ่ายภาพสุดเก๋ และสอนเทคนิคการถ่ายภาพระดับมืออาชีพให้คุณได้ภาพสวย ๆ กลับไปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมหลากหลาย เช่น ขี่อูฐเที่ยว ขี่จักรยาน เล่นแซนด์บอร์ด และเล่นพาราไกลด์อีกด้วย
หลักสูตรการฟื้นฟู (พื้นที่เซโตะอุจิ)
เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงลึก 3 วัน เพื่อเรียนรู้ และขบคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูสังคม และธรรมชาติ การเดินทางในครั้งนี้จะเน้นการฟื้นฟูซึ่งเป็นหัวใจหลักของกิจกรรมที่จะพาให้คุณได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติในบริเวณพื้นที่เซโตะอุจิ เริ่มจากเกาะโทะชิมะ เกาะแห่งศิลปะที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการ และชาวบ้านในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังจากที่ถูกทิ้งขยะจำนวนมากอย่างผิดกฎหมาย
ต่อด้วยการไปเกาะโชโดชิมะ เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ได้รับการรักษาไว้ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนผู้สืบทอด การเดินทางในครั้งนี้จะพาให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเซโตอุจิ และได้รับรู้ถึงความพยายามของคนในชุมชนในการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ และขบคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูสังคม และธรรมชาติ
การเดินทางบนเส้นทางแสวงบุญชิโกกุ (พื้นที่ชิโกกุ)
เส้นทางแสวงบุญชิโกกุเป็นเส้นทางเดินแสวงบุญที่ยาว 1,400 กิโลเมตร เพื่อตามรอยสมเด็จพระสังฆราชคูไค ผู้ก่อตั้งวัดเซ็นทสึอุจิ โคะ ในจังหวัดคางาวะ โดยเส้นทางนี้นับเป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินแสวงบุญที่ยิ่งใหญ่ และหายากมากในโลก ว่ากันว่าเส้นทางนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อน และเป็นเส้นทางที่ดึงดูดใจชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
เส้นทางแสวงบุญชิโกกุได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยวัดต่าง ๆ ที่เป็นจุดแวะพักบนเส้นทางนี้ ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ และสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นเช่นกัน คุณจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของชิโกกุที่ผสมผสานระหว่างความเชื่อ และธรรมชาติ ในขณะที่คุณเดินบนเส้นทางแสวงบุญ
ล่องแพ็คแรฟท์สัมผัสธรรมชาติที่ “ทาคาจิโฮะ” (ภูมิภาคคิวชู)
ทาคิจิโฮะเป็นดินแดนที่ก่อตัวขึ้นจากแผ่นดินที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟอาโสะ แล้วถูกแม่น้ำโกะคาเซะกาวะ กัดเซาะจนเกิดเป็นหุบเขาลึก หน้าผาอันยิ่งใหญ่ของที่นี่ จึงเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามอลังการ ตั้งแต่สมัยก่อน ผู้คนต่างมองว่าธรรมชาติของทาคาจิโฮะเป็น “พรจากพระเจ้า” และได้ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร เช่น การแสดงคางุระที่อธิษฐานขอพรให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
ที่ทาคาจิโฮะ ยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่พึ่งพาน้ำจากแม่น้ำแห่งนี้ในการทำการเกษตร รวมถึงใช้ประโยชน์จากธรรมชาติพร้อมทั้งอนุรักษ์ธรรมชาติไปในตัว นักท่องเที่ยวจะได้ล่องแพ็คแรฟท์ บนเส้นทางที่ได้สัมผัส “พรจากพระเจ้า” โดยมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัททัวร์ในท้องถิ่นเป็นผู้แนะนำเส้นทางไปยังน้ำตกในตำนาน โปรแกรมนี้จะทำให้คุณสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างมนุษย์ กับธรรมชาติ
ปั่นจักรยานสำรวจธรรมชาติตอนเหนือของเกาะโอกินาว่า (พื้นที่โอกินาว่า)
สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจขณะปั่นจักรยานบนเส้นทางระยะทาง 22 กิโลเมตรที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 144 เมตร จากหมู่บ้านนาคิจินไปยังหมู่บ้านโอกิมิซน บนเกาะโอกินาว่าทางตอนเหนือ คุณจะได้สัมผัสกับความรู้สึกราวกับว่ากำลังปั่นจักรยานอยู่บนผืนน้ำที่ “สะพานโคริโอโอะฮาชิ” และป่าชายเลนขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะโอกินาว่า
สัมผัสกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใครในตอนเหนือ ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านคิโจกะ ที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนแบบดั้งเดิม หรือ “งานฝีมือผ้าบะโชวบุ” ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมน่าสนุกอื่น ๆ เช่น การเก็บเกี่ยวส้มชิคุวาซา ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของโอกินาว่าตอนเหนือ รวมถึงได้ลิ้มรสอาหารกลางวันที่ทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นอีกด้วย
สรุป EXPO 2025
เป็นยังไงบ้างกับการเดินทางผ่านภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ตามธีมหลักของงาน EXPO 2025 ที่จัดขึ้นในโอซาก้า ในหัวข้อ “การรักษาชีวิต” “การเสริมพลังให้กับชีวิต” และ “การเชื่อมโยงชีวิต” จากภูเขาไฟในฮอกไกโดไปจนถึงท้องทะเลสีครามของโอกินาว่า มาร่วมสัมผัสวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และร่วมค้นหาคำตอบว่า เราสามารถทำอะไรเพื่อ “ชีวิต” และ “อนาคต” ของเราได้บ้างกันเถอะ