คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
10%
5%
17%
ถึงแม้ว่าคุณจะมีใบขับขี่รถยนต์ของประเทศไทยแล้ว แต่การจะ ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น จำเป็นที่ต้องมีต้องมีใบขับขี่สากลซึ่งเปรียบเสมือนใบผ่านทางสำหรับการขับขี่รถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น โดยการทำใบขับขี่สากลนั้นหากเตรียมทำไปจากประเทศเลยจะสะดวกที่สุดโดยติดต่อทำใบขับขี่สากลผ่านกรมการขนส่งทางบก
ซึ่งขั้นตอนการขอใบขับขี่สากลก็ไม่ยาก เพียงคุณมีใบขับขี่รถยนต์ที่ยังไม่หมดอายุ เพียงยื่นเอกสารตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดมาก็สามารถรับใบขับขี่สากลเพื่อเตรียมตัว ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น ได้เลย โดยมีราคาค่าทำเนียมเพียง 505 บาทเท่านั้น ซึ่งใบขับขี่ที่สามารถเดินเรื่องขอใบขับขี่สากลแบบไร้ปัญหาจะต้องอัพเดทข้อมูลในบัตรให้เรียบร้อย ใบขับขี่สากลนั้นนอกจากจะมีความสำคัญในด้านกฎหมายในญี่ปุ่นแล้ว ยังต้องแสดงเมื่อต้องเช่ารถอีกด้วย ดังนั้นควรเตรียมให้พร้อม ไม่งั้นอดขับรถเที่ยวแน่ๆ
ใบขับขี่สากลนั้นจะใช้ได้ตามปกติโดยไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมกรณีใช้วีซ่านักท่องเที่ยว
รายละเอียดการทำใบขับขี่สากลที่เว็บไซต>>กรมการขนส่งทางบก
ภาษิตโบราณยังบอกเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เช่นเดียวกับการขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นที่นอกจากจะต้องศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวแล้วกฎจราจรและป้ายสัญญาณต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องศึกษาไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากวนใจ
รูปแบบการขับรถที่ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่เมืองไทย เพราะลักษณะรถนั้นเป็นพวงมาลัยขวาเหมือนกัน ปกติจะวิ่งกันที่เลนซ้าย เวลาจะแซงจะใช้เลนขวา โดยมีกฏเกณฑ์เรื่องความเร็วดังต่อไปนี้
การขับรถทีญี่ปุ่นจะไม่มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ต้องรอสัญญาณไฟเว้นแต่จะมีป้ายบอก เมื่อเจอสี่แยกไฟแดงรถที่ไปทางซ้ายสามารถไปได้เลยโดยต้องระวังคนข้ามถนน เมื่อจะเลี้ยวขวาต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมขับไปกลางแยกก่อนเลี้ยวขวา และเปิดโอกาสให้ผู้ข้ามทางเท้าไปก่อนเช่นกัน ซึ่งหากขับรถคล่องไปจากเมืองไทยก็ไม่มีอะไรน่ากังวล หลักๆคือถ้าไม่มีป้ายห้ามสามารถทำได้

ป้ายจราจรที่มีลักษณะเป็นภาพสัญลักษณ์ส่วนมากจะเหมือนแบบสากล เช่น ป้ายถนนลื่น ซึ่งทำให้เราสามารถทราบถึงสภาพถนนได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามก็มีคำบางคำบนป้ายหลายแบบที่เราควรจดจำลักษณะให้ได้ เพราะเป็นป้ายที่มีภาษาญี่ปุ่นประกอบ หากไม่จำเอาไว้อาจสับสน เช่น ตัวอักษรที่บอกให้หยุดรถสามตัว ที่บางครั้งอาจไม่ปรากฎบนป้ายแต่ปรากฎที่พื้นถนนแทน นอกจากนี้คำประเภทลดความเร็วก็ควรจดจำไว้
ทิ้งความเคยชินเกี่ยวกับสัญญาญไฟในไทยซะเพราะสำหรับญี่ปุ่น ไฟเหลืองหมายถึงหยุดค่ะ หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ใช่สัญญาณเตือนเตรียมหยุดแต่อย่างใด ขืนฝ่าไฟเหลืองไปเจอใบสั่งอย่างแน่นอน ส่วนไฟแดงนั้นหมายถึงหยุดมาซักพักนึงแล้วและกำลังหยุดอยู่
นอกจากสัญญาณไฟสามสีแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงคือลูกศรสีเขียวบนสัญญาณไฟจราจร ซึ่งสามารถเดินรถไปตามลูกศร ได้แต่หากไฟเขียวลูกศรไม่เปิด หรือมีไฟแดงกำกับก็ต้องรอก่อน จุดนี้แหละที่ต้องระวังกันมากๆ เพราะไฟสัญญาณที่นี่แตกต่างจากเมืองไทย อย่าทำตามความเคยชินเพียงอย่างเดียวไม่งั้นล่ะยุ่งแน่
ศึกษากฎจราจรและข้อปฏิบัติในสถานการต่างๆเพิ่มเติม ที่>>jaf.or.jp<<
ก่อนเดินทางควรวางแผนให้ดี ตัวช่วยง่ายๆคือ Google Map ที่จะช่วยให้เราศึกษาเส้นทางล่วงหน้าเพิ่มความคุ้นชินในการใช้รถใช้ถนนก่อนเดินทาง ทั้งยังได้รู้ว่าแต่ละจุดหมายจะมีจุดแวะพักระหว่างทางที่น่าสนใจอย่างไร เพื่อให้แผนทางเดินทางท่องเที่ยวโดยการขับรถนั้นสมบูรณ์แบบ
นอกจากGPS จาก Google แล้ว GPS ในรถยนต์หรือ GPS แบบออฟไลน์เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีไว้ในยามขับรถท่องเที่ยวเพราะเราไม่อาจแน่ใจว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตจะสเถียรขนาดไหน เกิดสัญญาณขาดหายไปอาจทำให้หลงทางดังนั้นควรเช็คให้แน่ใจว่ารถที่ใช้มีระบบ GPS ซึ่งไม่ต้องกังวลใจเรื่องการพิมจุดหมายเพราะเพียงแค่ใส่เบอร์โทรศัพท์ของจุดหมายก็สามารถระบุตำแหน่งได้ที่สำคัญ GPS รองรับภาษาอังกฤษ การใช้งานจึงไม่ยากนัก นอกจากนี้ในรุ่นใหม่ก็จะคำนวนค่าทางด่วนให้เสร็จสรรพทีเดียว
การดูป้ายบอกทางก็เป็นตัวช่วยสำคัญให้ไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ซึ่งนอกจากภาษาญี่ปุ่นแล้วยังมีภาษาอังกฤษกำกับ เพียงเรารู้ว่าสถานที่ที่เราจะไปอยู่เมืองหรือเขตไหนก็จะช่วยใด้เราหาทางไปจากป้ายบอกทางได้แล้ว
การศึกษาเส้นทางให้ดีจะทำให้เราพร้อมในการขับรถเที่ยว และดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างทางโดยปราศจากความกังวลใจว่าจะหลงทาง แต่อย่ามัวแต่เพลินเพลินจนลืมช่วยกันดูทางนะ
เจ้าบัตร ETC นี้เป็นบัตรบริการทางด่วน (Central Nippon Expressway Pass) ที่การใช้งานคล้ายกับบัตรจ่ายค่าทางด่วนแบบเติมเงินหรือ Easy Pass ของประเทศไทยเลยล่ะ
ข้อดีของเจ้าบัตร ETC คือความสะดวกสบายที่ช่วยให้เราผ่านด่านทางด่วนแบบง่ายๆ ไม่ต้องเตรียมเงินและต่อคิวยาวจ่ายเงินในช่องปกติ ที่สำคัญจะช่วยประหยัดมากกว่า โดยส่วนมากบริษัิทให้เช่ารถจะมีบริการบัตร ETC แบบไม่จำกัดเที่ยว ทางที่ดีจึงควรซื้อบัตร ETC กับบริษัทให้เช่ารถได้จะสะดวกสบายพร้อมเดินทาง
การใช้ช่องทางพิเศษนี้ต้องสังเกตป้ายสีม่วงที่เขียนว่า ETC ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ การใช้บัตรเพียงแค่สอดบัตรลงในช่องที่มีป้ายสีม่วง ETC รอจนสัญญาณว่าเสร็จเรียบร้อยขึ้น เป็นอันเสร็จ เดินทางต่อได้เลย ส่วนป้ายสีเขียวหรือที่เขียนว่า ippan [一般] จะหมายถึงเส้นทางธรรมดาที่ต้องจ่ายเงินสด ซึ่งบางด่านเก็บเงินต้องหยอดเหรียญด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีบัตร ETC ก็ต้องเตรียมตัวหน่อยนะ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับETC ที่>>go-etc.jp<<
แม้ว่าการ ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น อาจไม่สะดวกสบายเท่ากับการใช้ขนส่งสาธารณะ แต่การศึกษาหาข้อมูลล่วงหน้าร่วมกับการวางแผนเที่ยวจะช่วยให้ทริปขับรถเที่ยวของคุณสนุกและได้ประสบการณ์ดีๆ ทั้งยังเป็นมิติใหม่แห่งการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วย เอาเป็นว่าถ้าใจพร้อม กายพร้อม แผนพร้อม ก็จัดเลย
ขับรถที่ญี่ปุ่น ไม่ยากอย่างที่คิด พร้อมคำแนะนำดีๆ ที่อยากแชร์
รวมข้อมูลการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น จากการขับจริง

Blogger : Gashapond
สาว(ไม่)น้อย ผู้รักใน การถ่ายภาพ ท่องเที่ยว ชิมของอร่อย ซอฟต์ครีม และบ้าเครื่องสำอางชนิดเสพติด ขอทำหน้าที่พาคุณเที่ยว หาโปรเด็ด ให้ทริปญี่ปุ่นของคุณสนุกสบาย ??
470 Posts

พยากรณ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2025
อัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น มาให้ดูกันล่วงนี้ เอาไว้จองตั๋วมาเที่ยวญ...

รวม แอพ รถไฟ ญี่ปุ่น เช็คได้ทั่วประเทศ ใช้สะดวก ไม่มีหลง
รวม แอพ รถไฟ ญี่ปุ่น สุดสะดวก จัดให้แบบเต็มๆ ทุกแอเรีย หาสาย เช็คเวลากันแบบชิล...

10 ที่เที่ยวฟูจิ เปิดพิกัดที่เที่ยวแบบใหม่ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine ศาลเจ้าที่อุดมไปด้วยพลังงานของขุนเขา คิตะกุ...

เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...

จากนาริตะไปโตเกียว รวมวิธีเดินทางสุดสะดวก เข้าเมืองชิลๆ
รวมมิตรวิธีการเดินทาง จากนาริตะไปโตเกียว ที่รู้ไว้ก่อนออกเดินทางแล้วรับรองไม่ม...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515