คู่มือเที่ยวคิวชูชมใบไม้เปลี่ยนสีปี 2025 พร้อมเคล็ดลับการเดินทาง ถ่ายภาพ และที่พักแนะนำ

20/11/2025
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2025 ใน คิวชู กำลังจะกลับมาย้อมสีต้นไม้ตามภูเขา วัดโบราณ และสวนสาธารณะด้วยโทนสีแดง ส้ม และทอง อีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ ฟุกุโอกะ ไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมที่ คาโกชิม่า ภูมิภาคนี้มีเสน่ห์ที่แตกต่างจาก โทโฮคุ หรือ คันไซ เพราะอุณหภูมิเฉลี่ย 10–18 องศาเซลเซียส สบายกว่า ไม่หนาวจัด และที่สำคัญคือผู้คนยังไม่พลุกพล่านเท่าภาคอื่น
บทความนี้ครอบคลุมจุดชมในภูมิภาคคิวชูทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ ฟุกุโอกะ (Fukuoka), ซากะ (Saga), คุมาโมโต้ (Kumamoto), โออิตะ (Oita), คาโกชิม่า (Kagoshima), มิยาซากิ (Miyazaki), และ นางาซากิ (Nagasaki) โดยเชื่อมต่อเส้นทางเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยรถไฟและรถบัส
สีสันของใบไม้ในคิวชูมาจากความหลากหลายของพันธุ์ไม้ ทั้ง เมเปิล (Momiji) ที่ให้โทนแดงสด เกาลัด (Kuri) ที่ให้สีเหลืองทอง และ แปะก๊วย (Ichou) ที่ให้โทนส้มอ่อน เมื่อรวมกันแล้วเป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาดสีน้ำ
อีกหนึ่งจุดเด่นคือบรรยากาศอบอุ่นของเมืองรอง ที่แม้จะไม่ใหญ่โตเท่าโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์หลายร้อยปี ออนเซ็นที่มีวิวภูเขาสวยงาม หรือร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟเมนูตามฤดูกาล การเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีในคิวชูจึงเหมาะกับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัณธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างเต็มอิ่ม
Link to Meiji RakuRaku cube LP
Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP
Contents Index
  1. 1 พยากรณ์ + ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2025
    1. 1.1 อิทธิพลสภาพอากาศปีนี้
    2. 1.2 ข้อแนะนำในการวางแผนเผื่อเวลา
  2. 2 10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ยอดนิยม ใน คิวชู
    1. 2.1 1. วัดไรยามะ เซ็นเนียวจิ (Raiyama Sennenyoji Temple / 雷山千如寺) – ฟุกุโอกะ
    2. 2.2 2. วัดนิโอรินจิ (Niorini-ji Temple / 如意輪寺) – ฟุกุโอกะ
    3. 2.3 3. สวนคุเน็นอัน (Kunenan Garden / 九年庵) – ซากะ
    4. 2.4 4. หุบเขาคิคุจิ (Kikuchi Gorge / 菊池渓谷) – คุมาโมโต้
    5. 2.5 5. เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen / えびの高原) – อุทยานแห่งชาติคิริชิมะ-คินโควัน (มิยาซากิ-คาโกชิม่า)
    6. 2.6 6. ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu Shrine / 霧島神宮) – คาโกชิม่า
    7. 2.7 7. วัดจูฟุคุจิ (Jufukuji Temple / 寿福寺) – นางาซากิ
    8. 2.8 8. หุบเขายาบะเค (Yabakei / 耶馬渓) – โออิตะ
    9. 2.9 9. หุบเขาคิวซุยเคียว (Kyosui Valley / 京水渓谷) – โออิตะ
    10. 2.10 10. สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน (Mifuneyama Rakuen / 御船山楽園) – ซากะ
  3. 3 การเดินทาง และ พาสที่ใช้ได้ทั่วคิวชู
  4. 4 Kyushu Rail Pass ประเภท All Kyushu (3 / 5 / 7 วัน)
    1. 4.1 เส้นทางแนะนำจาก ฟุกุโอกะ – ซากะ– คาโกชิม่า
    2. 4.2 แผน เที่ยว 5 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี คิวชู
  5. 5 เคล็ดลับถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสี ให้สวยเหมือนมืออาชีพ
    1. 5.1 การใช้เลนส์ และ จุดยืน
  6. 6 ของกิน และ อาหารตามฤดูกาล ในคิวชู
    1. 6.1 เมนูเด่นฤดูใบไม้ร่วง
    2. 6.2 ของฝากประจำจังหวัด
  7. 7 ที่พักใกล้จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี
  8. 8 วางแผนเผื่ออากาศ และ แผน B ในวันที่ฝนตก
    1. 8.1 แผนสำรอง เมื่อใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่
  9. 9 สรุปทริป: แผนเที่ยวครบจบในบทความเดียว

พยากรณ์ + ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2025

ที่มา https://www.visit-kyushu.com/en/see-and-do/spots/ebino-plateau/

การวางแผนเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีจะสมบูรณ์แบบที่สุด หากรู้ช่วงเวลาที่แม่นยำของแต่ละจังหวัด โดยในปี 2025 นี้ มีพยากรณ์ดังนี้:

•     ฟุกุโอกะ ( Fukuoka ): ปีนี้จะค่อนข้างเปลี่ยนสีช้า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีคือประมาณต้น – กลางเดือนธันวาคมจะมีทั้งใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วยให้ชมกันแบบฉ่ำๆ สิ้นสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคม 

•     คุมาโมโต้(Kumamoto): ช่วงพีคที่สุดคือกลางเดือนธันวาคมสำหรับใบเมเปิ้ล ต้นเดือนธันวาคมสำหรับใบแปะก๊วย

•     โออิตะ (Oita): ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือต้นเดือนธันวาคมสำหรับใบเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสี กลางเดือนธันวาคม (ประมาณวันที่ 10 – 12 ธันวาคม ) สำหรับใบแปะก๊วย

•     นางาซากิ (Nagasaki) : ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีคือ กลางธันวาคมทั้งใบเมเปิ้ลและแปะก๊วย

•     มิยาซากิ ( Miyazaki ) : ช่วงที่พีคที่สุดประมาณต้นเดือนธันวาคมสำหรับดูใบแปะก๊วย และจุดพีคสำหรับใบเมิ้ลคือประมาณกลางเดือนธันวาคม

•     ซากะ (Saga): ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือต้นเดือนธันวาคมสำหรับใบแปะก๊วย กลางเดือนธันวาคมสำหรับใบเมเปิ้ล

•     คาโกชิม่า ( Kagoshima ): ที่นี่จะเปลี่ยนสีช้าสุดในญี่ปุ่น จุดพีคจะอยู่ในช่วงต้นเดือนธันวาคมสำหรับใบแปะก๊วย และสำหรับใบเมเปิ้ลจะอยู่ช่วงกลางเดือนธันวาคม

อิทธิพลสภาพอากาศปีนี้

สังเกตได้ว่าจุดพีคของใบไม้เปลี่ยนสีของคิวชู มักจะอยู่ที่ช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งมีสาเหตุคือ ในปี 2025 นั้น ได้คาดการณ์ว่าอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ส่งผลให้ช่วงพีคของใไม้เปลี่ยน อาจเลื่อนออกไปช้ากว่าปกติ 3-5 วัน โดยเฉพาะในจังหวัดทางเหนืออย่าง ฟุกุโอกะ และ ซากะ

นอกจากนี้ยังมีโอกาสเจอฝนมากขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจจะทำให้ใบไม้ร่วงเร็วกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะยังมีช่วงท้ายๆของฤดู ที่สามารถชมได้อย่างสวยงาม

ข้อแนะนำในการวางแผนเผื่อเวลา

เพื่อไม่ให้พลาดความสวยงาม ควรวางแผน A และแผน B ดังนี้:

•     แผน A: เดินทางตรงตามช่วง Peak ที่พยากรณ์ไว้ (ช่วงต้น – กลางเดือนธันวาคม)

•     แผน B: หากอุณหภูมิอบอุ่นกว่าปกติจริง ให้เผื่อเวลาเดินทางช้ากว่าปกติ 3-5 วัน และค่อยหมั่นเช็คพยากรณ์เป็นระยะ

•     คำแนะนำเพิ่มเติม: หากต้องการเลี่ยงนักท่องเที่ยว ควรไปในวันธรรมดา (Weekday) และเลือกจุดชมที่อยู่นอกเมืองใหญ่ เพราะจะสงบและสามารถถ่ายรูปได้สบายกว่า

หมายเหตุสำคัญ: ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นฤดูท่องเที่ยวหลัก ควรจองที่พัก (โดยเฉพาะเรียวกังที่มีออนเซ็น) และรถเช่าล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากที่พักจะเต็มเร็วมากและราคาสูงขึ้นในช่วง Peak

10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ยอดนิยม ใน คิวชู

1. วัดไรยามะ เซ็นเนียวจิ (Raiyama Sennenyoji Temple / 雷山千如寺) – ฟุกุโอกะ

ที่มา https://sennyoji.or.jp/

วัดพุทธโบราณที่ตั้งอยู่ที่เมือง Itoshima ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้คือต้นเมเปิลยักษ์ที่มีอายุ 400 ปี ซึ่งผู้คนและนักท่องเที่ยวต่างก็อยากมาเห็นความงามที่ไร้ขีดจำกัดของเมเปิลอายุกว่า 400 ปีต้นนี้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต

นอกจากต้นเมเปิ้ลยักษ์แล้วที่บริเวณสวนจะมีเมเปิลกว่า 200 ต้นที่เปลี่ยนเป็นสีแดงสดในช่วงกลางถึงปลายพฤศจิกายน โดยเฉพาะตอนที่ใบไม้สีแดงของต้นเมเปิ้ลได้ร่วงจากต้นจำนวนมาก จะมีลักษณะคล้ายพรมสีแดงที่สวยงามตระการตาซึ่งเป็นไฮไลท์รองจากต้นเมเปิ้ลยักษ์เลยทีเดียว และภาพสะท้อนของใบเมเปิลบนสระน้ำหน้าวัดถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดด้วยเช่นกัน

•     ช่วงเวลา Peak: ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากสถานีฮาคาตะ ขึ้นรถไฟสาย JR ไป Chikuzen-Maebaru Station ประมาณ 30 นาที จากนั้นแนะนำให้เช่ารถหรือใช้แท็กซี่ประมาณ 15 นาที (รถบัสท้องถิ่นมีรอบน้อย ไม่แนะนำ)

•     พาสที่ใช้ได้: JR Kyushu Pass (เฉพาะถึงสถานี)

•     ที่พักใกล้เคียง: โรงแรมในเมือง Itoshima หรือ โรงแรมในตัวเมืองฟุกุโอกะ

2. วัดนิโอรินจิ (Niorini-ji Temple / 如意輪寺) – ฟุกุโอกะ

วัดนี้มีอีกฉายาว่า วัดกบ ที่มาของฉายานี้คือ จุดเด่นของวัดนี้ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆก็คือรูปปั้นกบมากกว่า 1,000 ตัว ซึ่งการถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่นั้น มักจะถ่ายกบเป็นฉากหน้าแล้วมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามเป็นฉากหลัง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่เหมือนใคร และตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟเป็นเวลา 3 วัน โดยมักจะจัดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นระยะเวลา 3 วันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

•     ช่วงเวลา Peak: ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากสถานีฮาคาตะ ขึ้นรถไฟไป JR Chikuzen-Harada Station จากนั้นต่อรถบัสประมาณ 20 นาที

•     พาสที่ใช้ได้: JR Kyushu Pass 

•     คาเฟ่ใกล้เคียง: มีร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่มีวิวมองเห็นวัด เมนูแนะนำคือ ชาเขียวและมันหวานอบ

3. สวนคุเน็นอัน (Kunenan Garden / 九年庵) – ซากะ

ที่มา https://kunenan-saga.jp/

สวนสไตล์ญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้วยการจัดวางต้นเมเปิล และต้นมอสที่มีสีเขียว และหลังคาฟางของอาคาร ทำให้ได้บรรยากาศที่พิเศษสุดๆสำหรับการดูใบไม้เปลี่ยนสี สำหรับสวนแห่งนี้นั้นไม่ได้เปิดให้คนเข้าชมตลอดเวลา แต่จะเปิดเป็นช่วงๆ สำหรับใบไม้เปลี่ยนสีนั้นจะเปิดให้ชมเพียง 9 วันต่อปี แต่สำหรับปีนี้จะพิเศษหน่อย จะเปิดให้ชมเป็นเวลา 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน – 30 พฤศจิกายน ซึ่งถ้าใครไปช่วงนั้นห้ามพลาด

•     ช่วงเวลา Peak: 15 พฤศจิกายน – 30 พฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Kanzaki นั่งรถแท็กซี่ 15 นาที

•     พาสที่ใช้ได้: Jr Kyushu Pass

•     ของฝาก: ขนมมันหวานของซากะ และเซรามิกท้องถิ่น

4. หุบเขาคิคุจิ (Kikuchi Gorge / 菊池渓谷) – คุมาโมโต้

ที่มา https://kikuchikeikoku.com/about/#autumn

หุบเขาธรรมชาติที่ติด 1 ใน 100 จุดชมวิวที่เกี่ยวกับน้ำ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีน้ำตกและต้นเมเปิ้ลใบไม้สีแดงปกคลุมอย่างสวยงาม พลางฟังเสียงน้ำไหล อากาศสบายๆ เรียกได้ว่าหาดูจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

•     ช่วงเวลา Peak: 10-15 พฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากเมือง Kumamoto ขึ้นรถบัสไป Kikuchi Onsen แล้วนั่งแท็กซี่ไปลงที่หุบเขาคิคุจิ แต่แนะนำให้เช่ารถขับจะสะดวกกว่า

•     แนะนำ: แวะแช่ออนเซ็นใน Kikuchi Onsen หลังเดินป่าเพื่อคลายความเมื่อยล้า

5. เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen / えびの高原) – อุทยานแห่งชาติคิริชิมะ-คินโควัน (มิยาซากิ-คาโกชิม่า)

ที่มา https://www.kagoshima-kankou.com/guide/10094

ที่ราบสูงที่มีทุ่งหญ้าสีทองและต้นเมเปิลสีแดงกระจายอยู่โดยรอบ มีบึง Rokkannonmi ที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นเมเปิ้ลที่มีใบไม้สีส้ม สีแดง สวยงามตระการตา สถานที่นี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติคิริชิมะ-คินโควัน คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดมิยาซากิและคาโกชิม่า นอกจากนั้นแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเขาระดับเบา-กลาง ได้อีกด้วย มีเส้นทางเดินหลายเส้นให้เลือก ทั้งแบบสั้น และแบบยาว  นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมกับเสียงนกจากธรรมชาติ ทำให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์กันเลย

•     ช่วงเวลา Peak: ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: แนะนำให้เช่ารถจะสะดวกที่สุด 

6. ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu Shrine / 霧島神宮) – คาโกชิม่า

ที่มา https://www.kagoshima-kankou.com/guide/10113

ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเซดาร์และเมเปิล มีบรรยากาศลึกลับและสงบเงียบ ทางเดินขึ้นศาลเจ้ารายล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่เปลี่ยนสีในช่วงปลายตุลาคม จุดถ่ายรูปยอดนิยมคือประตูโทริอิสีแดงท่ามกลางใบไม้สีแดงที่ย้อมต้นไม้แถวนั้นแทบทั้งหมด เป็นภาพที่งดงาม ซึ่งเปรียบเสมือนนักท่องเที่ยวกำลังเดินอยู่ในดินแดนเทพนิยาย

•     ช่วงเวลา Peak: สำหรับปีนี้นั้นอาจจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – กลางธันวาคม เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปีก่อนๆ

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Kagoshima – Chuo นั่งรถไฟมาลงสถานี  Kirishima Jingu Station แล้วขึ้นรถบัส 10 นาที มาลง Kirishima National Park

•     พาสที่ใช้ได้: JR Kyushu Pass

•     กิจกรรมเสริม: ขอพรที่ศาลเจ้า และซื้อของที่ระลึก โอมามอริ (ถุงเครื่องราง)

7. วัดจูฟุคุจิ (Jufukuji Temple / 寿福寺) – นางาซากิ

ที่มา https://www.sasebo99.com/spot/61278

วัดนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ไฮไลท์ของการดูใบไม้เปลี่ยนสีของวัดนี้ก็คือ การดูใบไม้เปลี่ยนแบบกลับหัว ( Inverted Autumn Leaves ) โดยการเอาเสื่อทาทามิออกบางส่วนแล้วนำแผ่น อะคริลิกมาวางแทนซึ่งก็จะสะท้อนภาพให้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีแบบกลับหัว ซึ่งวัดนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูใบไม้เปลี่ยนแบบกลับหัว ( Inverted Autumn Leaves ) เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น สำหรับปี 2025 จะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 15- 24 พฤศจิกายน 2025

•     ช่วงเวลา Peak:  15- 24 พฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Sasebo นั่งรถไฟมาลงสถานี Emukae-Shikamachi แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เช่ารถหรือขึ้นรถบัสท้องถิ่น 25 นาที

•     พาสที่ใช้ได้: JR Kyushu Pass ใช้ได้แค่สถานี Sasebo

8. หุบเขายาบะเค (Yabakei / 耶馬渓) – โออิตะ

ที่มา https://nakatsuyaba.com/kouyou2025/#page-content

ที่นี่หุบเขายาบะเคนั้น ถือว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของคิวชู เมื่อนักท่องเที่ยวไปถึงจะได้เห็นโขดหิน 8 ก้อน ที่มีต้นเมเปิลสีแดงล้อมรอบ ซึ่งถ้าได้ไปเห็นของจริงแล้ว คำว่าหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดของคิวชูไม่ได้เกินจริงเลย

•     ช่วงเวลา Peak: กลาง – ปลายเดือนพฤศจิกายน (หรืออาจจะช้ากว่านั้น)

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Nakatsu นั่งรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

9. หุบเขาคิวซุยเคียว (Kyosui Valley / 京水渓谷) – โออิตะ

ที่มา https://nakasato-kiyotsu.com/about/#ank-how

หุบเขาที่มีลำธารไหลผ่านท่ามกลางหน้าผาหินและต้นเมเปิล บรรยากาศสงบและเย็นสบาย เหมาะกับการเดินเล่นพักผ่อน มีเส้นทางเดินป่าที่ไม่ชันมาก ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จุดเด่นคือสะพานแขวนที่มองเห็นวิวหุบเขาแบบ 180 องศา สำหรับหุบเขาคิวซุยเคียวนั้น ถือว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เข้าสู่ช่วงพีคได้เร็วที่สุดของคิวชู แนะนำให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีจากสะพาน  Kokonoe Yume Otsuribashi นักท่องเที่ยวจะมีความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนอากาศขณะชมใบไม้เปลี่ยนสี

•     ช่วงเวลา Peak: ปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน 2025

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Yufuin Station เช่ารถประมาณ 30 นาที

•     พาสที่ใช้ได้: JR Kyushu Pass (ถึงสถานีเท่านั้น)

•     คำเตือน: เส้นทางอาจลื่นในวันฝนตก ควรสวมรองเท้ากันลื่น

10. สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน (Mifuneyama Rakuen / 御船山楽園) – ซากะ

ที่มา https://www.asobo-saga.jp/spots/detail/a9685299-7bc0-4634-88be-2af700f4b54e

สวนแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่บึงที่สะท้อนใบไม้เปลี่ยนสีแบบกลับหัว ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย และช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟสร้างบรรยากาศที่โรแมนซ์ติกอีกด้วย

•     ช่วงเวลา Peak: 6 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2025 เป็นเทศกาลใบไม้ร่วง

•     วิธีเดินทาง: จากสถานี Takeo onsen นั่งรถแท็กซี่ 5 นาที•     ค่าเข้าชม: 600 เยน สำหรับกลางวันหรือกลางคืน
900 เยน สำหรับทั้งกลางวันและกลางคืน

การเดินทาง และ พาสที่ใช้ได้ทั่วคิวชู

Kyushu Rail Pass ประเภท All Kyushu (3 / 5 / 7 วัน)

พาสนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟและครอบคลุมพื้นที่กว้าง รองรับรถไฟเกือบทุกสายในคิวชู รวมถึงรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) ที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

•     ราคาโดยประมาณ: 3 วัน: 21,000 เยน / 5 วัน: 23,000 เยน / 7 วัน 25,000 เยน  (สำหรับผู้ใหญ่ที่ซื้อนอกประเทศ / ราคาอาจเปลี่ยนแปลง

•     ครอบคลุมเส้นทาง: ทั่วคิวชู

•     ข้อจำกัดสำคัญ: ไม่ครอบคลุมรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) ที่วิ่งระหว่าง Hakata และ Kokura (ต้องซื้อตั๋วแยก หากต้องการใช้เส้นทางนี้)

•     ซื้อได้ที่: ออนไลน์ผ่าน JR Kyushu หรือที่สถานีรถไฟใหญ่ หรือเอเจนซี่ต่างๆเช่น HIS หรือ Klook

•     ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว และสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ 

เส้นทางแนะนำจาก ฟุกุโอกะ – ซากะ– คาโกชิม่า

เส้นทางยอดนิยมที่ครอบคลุมจุดชมหลักๆ ใช้เวลา 5-7 วัน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความสนใจ

•     วันที่ 1: ฟุกุโอกะ (วัดนิโอรินจิ, ย่านเทนจิน)

•     วันที่ 2: ซากะ (สวนคุเน็นอัน) → ค้างที่ซากะซักคืน

•     วันที่ 3: ซากะ →  สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน

•     วันที่ 4: คาโกชิม่า (ศาลเจ้าคิริชิมะ, เอบิโนะโคเก็ง)

•     วันที่ 5: คุมาโมโต้ (หุบเขาคิคุจิ, ปราสาทคุมาโมโต้) 

•     แนะนำ: ใช้ JR Kyushu Pass 5 วัน สำรองที่นั่งล่วงหน้า และเช็คเวลารถไฟให้ดี

แผน เที่ยว 5 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี คิวชู

Day 1: ฟุกุโอกะ – วัดนิโอรินจิ

เดินทางถึงสนามบินฟุกุโอกะ รับ JR Kyushu Pass ที่สถานี Hakata ชมวัดนิโอรินจิ ถ่ายรูปภาพใบเมเปิลกับรูปปั้นกบที่สวยงาม  กลับเมืองฟุกุโอกะ เดินเล่นย่านเทนจิน ช้อปปิ้งและชิมของกินท้องถิ่น สำหรับอาหารแนะนำให้ลอง Hakata Ramen แนะนำให้พักใกล้ๆสถานี Hakata เช่น Hakata Green Hotel หรือ Duke Hotel

Day 2: ซากะ – สวนคุเน็นอัน

ขึ้นรถไฟไปซากะ (30 นาที) ชมสวนคุเน็นอัน ถ่ายรูปกับใบเมเปิลแดง จากนั้นเช็คอินที่พักในซากะ (แนะนำ Takeo Onsen ) แช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลาย

Day 3: ซากะ →  สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน

ตื่นเช้ามาเดินทางไปสวนสวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนกลางน้ำที่สวยงาม จากนั้นเดินทางไปคาโกชิม่า ต้องไปที่สถานี Kagoshima – Chuo เข้าพักที่คาโกชิม่า แนะนำให้พักที่โรงแรม JR Kyushu ภายในสถานี Kagoshima – Chuo

Day 4: คาโกชิม่า (ศาลเจ้าคิริชิมะ, เอบิโนะโคเก็ง)

จากสถานี Kagoshima – Chuo นั่งรถไฟมาลงสถานี  Kirishima Jingu Station แล้วขึ้นรถบัส 10 นาที มาลง Kirishima National Park เพื่อไปศาลเจ้าคิริชิมะ แต่แนะนำให้เช่ารถจะสะดวกในการเที่ยวทั้ง 2 ที่ จากนั้นเดินทางไปยัง เอบิโนะโคเก็ง แล้วกลับที่พักในช่วงเย็น มาถึงคาโกชิม่าแนะนำให้ลองเมนูหมูคุโรบูตะ

Day 5:  คุมาโมโต้ (หุบเขาคิคุจิ, ปราสาทคุมาโมโต้) 

ตอนเช้าเดินทางกลับ Fukuoka โดยชินคันเซ็น  ระหว่างทางแวะเที่ยว Kumamoto ให้นั่งรถบัสไปหุบเขาคิคุจิ หากมีเวลาเหลือแนะนำให้ไปเที่ยวปราสาท Kumamoto

หมายเหตุนักท่องเที่ยวสามารถปรับแพลนได้ตามความเหมาะสมและสไตล์การเที่ยวของแต่ละคน

เคล็ดลับถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสี ให้สวยเหมือนมืออาชีพ

ที่มา https://unsplash.com/photos/a-tree-with-red-leaves-in-a-forest-rpTFdi9Lers

ช่วงเวลาทอง (เช้า / เย็น / Light Up)

แสงธรรมชาติมีผลอย่างมากต่อความสวยงามของภาพถ่าย โดยเฉพาะใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้องการแสงที่อ่อนนุ่มเพื่อเน้นสีสันที่สดใส

•     Golden Hour เช้า: 6.00-8.00 น. แสงอ่อนนุ่ม สีสันสดใส และคนไม่เยอะ หากสถานที่ท่องเที่ยวมีบึงที่สะท้อนภาพใบไม้เปลี่ยนสีได้ จะสวยงามมกา

•     Golden Hour เย็น: 16.00-17.30 น. แสงแดดช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เหมาะกับภาพบรรยากาศโรแมนติก

•     Light Up กลางคืน: สถานที่เช่น สวนคุเน็นอัน และ สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน มีการเปิดไฟ 18.00-21.00 น. เหมาะกับภาพแนวดรามาติก

การใช้เลนส์ และ จุดยืน

ที่มา https://unsplash.com/photos/macro-photography-of-red-leafed-plant-Klr-OwiR0kc

การเลือกเลนส์และมุมถ่ายที่เหมาะสมจะช่วยให้ภาพมีมิติและดึงดูดสายตามากขึ้น

•     เลนส์ 24-70 mm: เหมาะกับภาพทิวทัศน์กว้าง และภาพระยะใกล้

•     เลนส์ 70-200 mm: เหมาะกับการซูมเข้าไปถ่ายใบไม้ใกล้ๆ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและมีพื้นหลังเบลอสวย (Bokeh)

•     จุดยืนที่ควรลอง: ถ่ายจากมุมสูง (เพื่อเห็นภาพรวม), มุมต่ำ (เพื่อเน้นใบไม้ด้านหน้า), และมุมข้าง (เพื่อเน้นความลึกของภาพ)

•     เทคนิค: ใช้ Rule of Thirds (แบ่งภาพเป็น 9 ส่วน) วางวัตถุหลักให้อยู่บนเส้นหรือจุดตัด เพื่อให้ภาพดูสมดุล เพื่อนสามารถศึกษาการถ่ายรูปวิธีนี้ได้จากที่นี่ https://digital-photography-school.com/rule-of-thirds/ 

 ของกิน และ อาหารตามฤดูกาล ในคิวชู

ที่มา https://unsplash.com/photos/a-group-of-sausages-D_kDbGGQ9zE

เมนูเด่นฤดูใบไม้ร่วง

ฤดูใบไม้ร่วงในคิวชูไม่เพียงแต่สวยงามด้วยสีสันของธรรมชาติ แต่ยังเป็นช่วงที่อาหารตามฤดูกาลออกมาอร่อยที่สุด

•     มันหวานญี่ปุ่น (Satsumaimo): มันหวานอบ ไอศกรีมรสมันหวาน หรือมันทอด หวานหอมนุ่ม โดยเฉพาะของจังหวัด Kagoshima 

•     เกาลัดญี่ปุ่น (Kuri): เกาลัดย่างหอมกรุ่น หรือขนมเกาลัด (มอนต์บลังค์) หรือข้าวอบเกาลัด

•     ปลาซันมะ (Sanma): ปลาย่างเกลือที่มีรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟกับไดคงโรส และอาจจะมีการนำไข่ปลาเมนไทโกมายัดไส้ด้วย

•     เห็ดชิตาเกะ: เห็ดชิตาเกะ ถ้าหากเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะความหอมละมุนเป็นพิเศษ จังหวัดที่นิยมปลูกเห็ดชนิดนี้คือ จังหวัด Oita

•     ชาเขียวร้อน (Matcha): เข้มข้น หอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมวากาชิตามฤดูกาล โดยเฉพาะชาจากเมือง ยาเมะในจังหวัด Fukuoka

ของฝากประจำจังหวัด

ที่มา https://unsplash.com/photos/black-and-white-panda-statue-4UAdWJOfxUA

แต่ละจังหวัดในคิวชูมีของฝากเฉพาะถิ่นที่น่าซื้อกลับไปฝาก

•     ฟุกุโอกะ: ขนมเม็นไทโกะ (Mentaiko) และ ฮาคาตะโทริมอน (ขนมทาร์ตเนย)

•     ซากะ: เซรามิกอิมาริ และ ชาอุเระชิโนะ

•     คุมาโมโต้: ตุ๊กตามาสคอตคุมามง 

•     โออิตะ: ขนม Xavier , ขนมเซนเบ้ Toriten

•     คาโกชิม่า: มันหวาน

ที่พักใกล้จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี

ที่มา https://unsplash.com/photos/a-river-running-through-a-lush-green-forest-01gTvHYIjD4

เรียวกัง พร้อม ออนเซ็น วิวภูเขา

สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เรียวกังแบบดั้งเดิมพร้อมออนเซ็นจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

•     Yufuin Sansuikan (Yufuin, โออิตะ): เรียวกังหรูพร้อมห้องออนเซ็นส่วนตัว วิวภูเขาสวยงาม ราคาเริ่ม 18,000 เยน/คืน

•     Kurokawa Onsen Ryokan (คุมาโมโต้): หมู่บ้านออนเซ็นบรรยากาศสงบ เหมาะกับคู่รัก ราคาเริ่ม 12,000 เยน/คืน

โรงแรมในเมือง เดินทางง่าย

สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและเดินทางง่าย โรงแรมในเมืองใหญ่เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

•     Hakata Green Hotel (Hakata, ฟุกุโอกะ): ใกล้สถานีฮาคาตะ 5 นาที สะดวกสบาย ราคาเริ่ม 8,000 เยน/คืน

•     Kumamoto Castle Hotel (Kumamoto, คุมาโมโต้): วิวปราสาทคุมาโมโต้ ใกล้จุดท่องเที่ยว ราคาเริ่ม 10,000 เยน/คืน

•     Jr Kyushu Hotel (Kagoshima, คาโกชิม่า): โรงแรมหรูตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ Kagoshima – Chuo สะดวกมากๆ ราคาเริ่ม 10,000 เยน/คืน

วางแผนเผื่ออากาศ และ แผน B ในวันที่ฝนตก

แม้วันฝนตก ยังมีกิจกรรมในร่มที่น่าสนใจมากมายในคิวชู

•     Fukuoka Art Museum (ฟุกุโอกะ): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยและโบราณ ค่าเข้าชม 200 เยน

•     Kumamoto Prefectural Museum of Art: พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะของคิวชู เหมาะกับผู้รักศิลปะ ค่าเข้าชม 430 เยน

•     ปราสาท Kumamoto: ปราสาทที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินชมด้านในที่จัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้นั่งท่องเที่ยวได้ดูกัน

•     Tenjin Underground Shopping (ฟุกุโอกะ): ห้างใต้ดินขนาดใหญ่ มีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าหลากหลาย

•     Yufuin No Mori Train (โออิตะ): นั่งรถไฟชมวิวท่ามกลางฝน บรรยากาศโรแมนติก

•     Fukuoka Tower: ชมวิวเมือง Fukuoka แบบพาโนราม่า ที่หาดูจากที่ไหนไม่ได้

แผนสำรอง เมื่อใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่

หากมาถึงและพบว่าใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่ หรือเปลี่ยนสีช้ากว่าที่คาด ยังมีทางเลือกอื่นๆ

•     ปรับเส้นทาง: เดินทางไปยังจังหวัดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วกว่า แนะนำให้ดูพยากรณ์บ่อยๆ

•     ชมใบไม้เปลี่ยนสีบนภูเขา: พื้นที่สูงเช่น เอบิโนะโคเก็ง หรือ ภูเขาคิริชิมะ จะเปลี่ยนสีเร็วกว่าพื้นที่ราบ

•     Light Up กลางคืน: สถานที่ที่จัด Light Up เช่น สวนคุเน็นอันจะช่วยเสริมบรรยากาศให้สวยงามแม้ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่

•     เพิ่มกิจกรรมอื่น: เช่น การแช่ออนเซ็น ชิมอาหารท้องถิ่น หรือเที่ยวชมวัฒนธรรม

สรุปทริป: แผนเที่ยวครบจบในบทความเดียว

ที่มา https://unsplash.com/photos/a-building-with-a-tower-TuTiKzZElBU

การชมใบไม้เปลี่ยนสีในคิวชู ปี 2025 ไม่เพียงแต่จะได้ชมความงามของใบไม้สีแดง ส้ม และทองทั่วภูเขาและวัดโบราณ แต่ยังได้สัมผัณวัฒนธรรมท้องถิ่น อาหารตามฤดูกาลโดยเฉพาะอาหารในฤดูใบไม้ร่วง และความสงบของเมืองรองที่ไม่พลุกพล่านเหมือนโตเกียวหรือโอซาก้า

สิ่งที่ทำให้คิวชูพิเศษคือบรรยากาศที่อบอุ่น อุณหภูมิไม่หนาวจัด และการเดินทางที่สะดวกด้วย JR Kyushu Pass คุณสามารถวางแผนทริป 5-7 วัน เพื่อชมจุดชมหลักทั้งหมดใน 7 จังหวัด และพักผ่อนในเรียวกังพร้อมออนเซ็นวิวภูเขา

จุดเด่นของทริปนี้:

•     ชมใบไม้เปลี่ยนสีจาก 10 จุดยอดนิยม ตั้งแต่วัดโบราณไปจนถึงหุบเขาธรรมชาติ

•     พยากรณ์ช่วงเวลาเพื่อไม่พลาดความสวยงามในช่วง Peak

•     ตัวอย่างแผนเที่ยว 5 วัน พร้อมคำแนะนำการเดินทาง

•     เคล็ดลับการถ่ายภาพ เพื่อเก็บภาพสวยๆ กลับบ้าน

•     อาหารตามฤดูกาล 

•     ที่พักที่แนะนำ 

ลิงก์ที่เป็นประโยชน์:

•     JR Kyushu Pass: https://www.jrkyushu.co.jp/english/

•     JNTO Forecast Update: https://www.japan.travel/en/

 เคล็ดลับสุดท้าย: อย่าลืมจองที่พักและรถเช่าล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเป็นฤดูท่องเที่ยวหลักของคิวชู ที่พักจะเต็มเร็วมากและราคาสูงขึ้นในช่วง Peak

พร้อมแล้วหรือยังสำหรับการผจญภัยไปกับสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงในคิวชู? จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก เตรียมกล้อง และเริ่มต้นทริปที่จะทำให้ประทับใจไปอีกนาน อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วย!

สนุกกับการเดินทาง และขอให้มีความสุขกับสีสันแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีใน คิวชู 2025!

Contents Index
  1. 1 พยากรณ์ + ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี ปี 2025
    1. 1.1 อิทธิพลสภาพอากาศปีนี้
    2. 1.2 ข้อแนะนำในการวางแผนเผื่อเวลา
  2. 2 10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ยอดนิยม ใน คิวชู
    1. 2.1 1. วัดไรยามะ เซ็นเนียวจิ (Raiyama Sennenyoji Temple / 雷山千如寺) – ฟุกุโอกะ
    2. 2.2 2. วัดนิโอรินจิ (Niorini-ji Temple / 如意輪寺) – ฟุกุโอกะ
    3. 2.3 3. สวนคุเน็นอัน (Kunenan Garden / 九年庵) – ซากะ
    4. 2.4 4. หุบเขาคิคุจิ (Kikuchi Gorge / 菊池渓谷) – คุมาโมโต้
    5. 2.5 5. เอบิโนะโคเก็ง (Ebino Kogen / えびの高原) – อุทยานแห่งชาติคิริชิมะ-คินโควัน (มิยาซากิ-คาโกชิม่า)
    6. 2.6 6. ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Jingu Shrine / 霧島神宮) – คาโกชิม่า
    7. 2.7 7. วัดจูฟุคุจิ (Jufukuji Temple / 寿福寺) – นางาซากิ
    8. 2.8 8. หุบเขายาบะเค (Yabakei / 耶馬渓) – โออิตะ
    9. 2.9 9. หุบเขาคิวซุยเคียว (Kyosui Valley / 京水渓谷) – โออิตะ
    10. 2.10 10. สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอน (Mifuneyama Rakuen / 御船山楽園) – ซากะ
  3. 3 การเดินทาง และ พาสที่ใช้ได้ทั่วคิวชู
  4. 4 Kyushu Rail Pass ประเภท All Kyushu (3 / 5 / 7 วัน)
    1. 4.1 เส้นทางแนะนำจาก ฟุกุโอกะ – ซากะ– คาโกชิม่า
    2. 4.2 แผน เที่ยว 5 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี คิวชู
  5. 5 เคล็ดลับถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสี ให้สวยเหมือนมืออาชีพ
    1. 5.1 การใช้เลนส์ และ จุดยืน
  6. 6 ของกิน และ อาหารตามฤดูกาล ในคิวชู
    1. 6.1 เมนูเด่นฤดูใบไม้ร่วง
    2. 6.2 ของฝากประจำจังหวัด
  7. 7 ที่พักใกล้จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี
  8. 8 วางแผนเผื่ออากาศ และ แผน B ในวันที่ฝนตก
    1. 8.1 แผนสำรอง เมื่อใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่
  9. 9 สรุปทริป: แผนเที่ยวครบจบในบทความเดียว
Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP
Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP
Kitslaughter666

Blogger : Kitslaughter666

ผมชื่อ กิด เป็นคนที่สนใจประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และชอบทานราเมง กับ ปลาปักเป้า เป็นชีวิตจิตใจ รักการถ่ายเซลฟี่กับกวางที่เกาะมิยาจิม่า ชอบภูมิภาคชูโกกุ ชอบเที่ยวสถานที่Unseenของญี่ปุ่น

112 Posts

Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP

โหวต

| Polls
โหวต | Polls
  • เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณมี “เมนูในดวงใจ” ที่ตั้งใจจะไปกินให้ได้ไหม?

    View Results

    Loading ... Loading ...

สถานที่เที่ยว

| Feature
Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515

Link to Meiji Step RakuRaku Cube LP