มารู้จัก “เมืองฮิดะ ทากายามะ (Hida Takayama)” กันสักนิด
ฮิดะ ทากายามะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งอยู่ในภูมิภาคฮิดะ จังหวัดกิฟุ (Gifu) บริเวณตอนกลางของญี่ปุ่น พื้นที่นี้เคยเป็นเขตที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและการทหารมากในสมัยโบราณ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง การพัฒนาของเมืองจึงมีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งในด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต” เนื่องจากบรรยากาศที่คล้ายคลึงกับเกียวโต แต่มีความสงบและชิลล์กว่า
แต่ถ้าดูสถาปัตยกรรมของบ้านเมืองแล้ว เราก็พบว่าบ้านเขามีลักษณะเหมือนหมู่บ้านญี่ปุ่นในช่วงยุคสมัยเอโดะเลย ซึ่งจริง ๆ แล้ว ชื่อเสียงของเมืองทากายามะก็เริ่มต้นในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603–1868) เป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองแห่งช่างไม้ เนื่องจากภูมิภาคฮิดะมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ จึงมีช่างไม้ฝีมือดีมากมายที่ถูกเรียกว่า “ช่างไม้ฮิดะ” (Hida no Takumi) ฝีมือของช่างไม้เหล่านี้โดดเด่นมากจนได้ทำงานในโครงการใหญ่ ๆ เช่น การก่อสร้างวัดและปราสาทในเกียวโตและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน)
ทากายามะเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะ (Tokugawa Shogunate) โดยตรง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พิเศษมาก เพราะส่วนใหญ่พื้นที่ในญี่ปุ่นจะถูกปกครองโดยไดเมียว (เจ้าเมือง) แต่ทากายามะได้รับการควบคุมโดยตรงจากรัฐบาล ทำให้เมืองนี้มีการดูแลอย่างดีในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
สำหรับไฮไลท์ที่น่าสนใจ
ตลาดเช้า (Miyagawa Morning Market)
ตลาดเช้าของทากายามะเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสด และผักผลไม้ต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิยากาวะ (Miyagawa River) นอกจากของกินแล้ว เพื่อน ๆ จะได้เดินชมงานฝีมือ และของฝากต่าง ๆ บรรยากาศของตลาดเช้าเป็นกันเองของชาวญี่ปุ่น ชาวบ้านจะมาตั้งร้านขายของพร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจ เช่น แป้งข้าวปั้น (gohei mochi) และซาลาเปานึ่งเนื้อฮิดะ
ชมถนน Sanmachi Suji ใจกลางเมืองเก่า
ย่านเมืองเก่าทากายามะ ย่านนี้เต็มไปด้วยถนนสายเล็ก ๆ อย่างเช่นถนน Sanmachi Suji เส้นนี้ที่เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณและร้านค้าพื้นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยเราสามารถเดินชมบรรยากาศบ้านเมืองสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีฉายาว่า “ลิตเติ้ลเกียวโต” ได้อย่างเต็มอิ่ม
Takayama Jinya
สถานที่แห่งนี้ เป็นอาคารที่เคยถูกใช้เป็นสำนักงานรัฐบาลในสมัยเอโดะ ตั้งแต่ปี 1692 ถึงปี 1868 แต่ว่าตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ภายในมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองทากายามะและการบริหารในยุคสมัยนั้น พร้อมด้วยสวนสวย ๆ และห้องต่าง ๆ ที่เคยใช้งานจริง
Hida Folk Village
หมู่บ้านโบราณฮิดะเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวบรวมบ้านเรือนเก่าแบบดั้งเดิมจากภูมิภาคฮิดะกว่า 30 หลัง สร้างขึ้นเพื่อแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบ้านในภูมิภาคนี้ โดยนอกจากเราจะได้เดินสำรวจในหมู่บ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว เรายังสามารถหาของฝากงานฝีมือน่ารัก ๆ ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วยนะ
เทศกาล Takayama Matsuri
หนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น Takayama Matsuri จัดขึ้นปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน) และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม) งานนี้มีขบวนแห่รถดาเระ (Yatai) ซึ่งเป็นรถลากที่ตกแต่งอย่างสวยงามและละเอียดประณีต เป็นโอกาสที่ดีในการชมงานศิลปะและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองนี้
แล้วก็มีการแสดงคาราคุริ(Karakuri) ซึ่งเป็นตุ๊กตาจำลองที่สามารถเต้นรำได้
มาเมืองฮิดะทั้งที ต้องห้ามพลาดอาหารจานเด็ด เนื้อฮิดะ (Hida Beef ) !
เนื้อฮิดะ (Hida Beef) เป็นเนื้อวัวคุณภาพสูงจากภูมิภาคฮิดะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อวัวที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ความโดดเด่นของเนื้อฮิดะอยู่ที่ลายมันแทรกในเนื้อ (marbling) ที่ทำให้เนื้อมีความนุ่ม แทบจะละลายในปาก
เอาจริง ๆ นะ หนึ่งในเรื่องที่ยากสำหรับเราคือ จะไปหาร้านเนื้อย่างฮิดะกินที่ไหนในเมืองนี้ดี เพราะมันมีตัวเลือกเยอะแยะเต็มไปหมด แถมแต่ละที่ก็คือ Google Review หลักครึ่งหมื่น 4 ดาว+ ซะหมดเลย สุดท้ายก็ต้องไปจบกับร้านที่เราสามารถไปต่อคิวแบบคนไม่เยอะจ้า เราเลือกไปที่ร้าน Hidagyu Maruaki (จะบอกว่าคนเยอะมาก บางร้านเนื้อย่าง ต่อคิวรอกันเป็น 1 ชม. ไม่มีระบบโทรตามนะ ตะโกนขานชื่อ ไม่มาก็คือจบเลย)
เย้ ! ได้เข้ามากินแล้ว ดูความมันที่แทรกเข้ามาในเนื้อ A5 นี้สิ !
เนื้อวัวฮิดะคุณภาพสูงที่เราเห็นอยู่นี่ มาจากวัวพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ (Japanese Black Cattle) ซึ่งถูกเลี้ยงในภูมิภาคฮิดะ จังหวัดกิฟุ (Gifu) เนื้อฮิดะถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเนื้อวัวของญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงคล้ายกับเนื้อวากิว (Wagyu) หรือเนื้อโกเบ (Kobe Beef)
วัวที่ใช้ผลิตเนื้อฮิดะได้รับการเลี้ยงดูอย่างพิถีพิถันในภูมิภาคฮิดะ ซึ่งมีอากาศที่บริสุทธิ์และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ดี ชาวฮิดะให้ความใส่ใจกับอาหารและการดูแลวัวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ลดความเครียดของวัว ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้วัวเติบโตแข็งแรงและมีเนื้อที่มีคุณภาพสูง
ขอบอกว่าผักที่นี่กรอบม๊ากกก มันเข้ากับความอร่อยของเนื้อได้ดีเยี่ยม
เนื้อฮิดะต้องผ่านมาตรฐานการคัดเกรดที่เข้มงวดของญี่ปุ่น โดยเกรดที่สูงที่สุดคือ A5 ซึ่งก็จะเป็นเซ็ตที่เราสั่งมาทั้งตัวยาคินิกุและตัวซูชิด้านบน โดยเนื้อ A5 จะเน้นความสมดุลของคุณภาพเนื้อและไขมัน ลายมันแทรกที่ดี รวมถึงรสสัมผัสที่นุ่มและชุ่มฉ่ำ นอกจากนี้ยังมีการวัดความเข้มของลายไขมัน (marbling score) ซึ่งเกรดสูงจะมีลายมันที่ละเอียดและกระจายทั่วทั้งชิ้น
เราขอบอกว่าตลอดทั่วเมืองฮิดะเนี่ย เค้าจะมีร้านอิซากายะเล็ก ๆ แบบนี้ ที่จะคอยให้บริการเยื้อฮิดะ A4-A5 ย่างสดๆเสียบไม้ให้เราชิม (สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่อยากจะกินเป็นมื้อใหญ่)
Hida Takayama
ที่อยู่ | Shimosannomachi, Takayama, Gifu 506-0841 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสายฮิดะ JR มาลงที่สถานี Takayama Station |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Hida Takayama |
วิธีการเดินทาง
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟจากเมืองนาโกย่า โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานี Nagoya Station โดยเดินทางด้วยรถไฟ JR Hida สาย 3 Limited ExpressToyama ซึ่งเดินขึ้นมาก็จะตรงใจกลางเมืองทากายามะ (Tayakama Station) พอดี
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
1. หมู่บ้าน Shirakawa-go
เป็นหมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของภูมิภาคฮิดะ ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากการเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 1995 ด้วยความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า กัสโชซึคุริ (Gassho-zukuri) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับศตวรรษ
Shirakawa-go
ที่อยู่ | Ogimachi, Shirakawa, Ono, Gifu 501-5627 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถจาก Takayama Nohi Bus Center ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคา เที่ยวละ 2600 เยนใช้ takayama-hokuriku area tourist pass จองและขึ้นฟรี |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Shirakawa-go |
2. Gero Onsen
เมืองแห่งนี้จะเต็มไปด้วยน้องกบ (เกโระ) ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงกับชื่อของเมืองพอดี เราจึงได้เห็นอะไรสนุกๆที่มีสัญลักษณ์รูปกบอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้ากบ ฝาท่อลายกบ หรือพื้นถนนยังโรยหินเป็นรูปกบเลย ไฮไลท์ที่น่าสนใจนอกจากน้องกบแล้ว ก์คือกาาแช่ออนเซ็นท่ามกลางหุบเขาในเมืองแห่งนี้
นอกจากออนเซ็นแล้ว ก็ยังมีตลาดเช้า Ideyu Morning Market และติดกับหมู่บ้านโบราณ Gassho-Muraให้เราได้เดินชมบรรยากาศอีกด้วยนะ
Gero Onsen
ที่อยู่ | 2369 Mori, Gero-shi, Gifu |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR ลงที่สถานี Gero และเดินประมาณ 15 นาที |
เวลาทำการ | 8:00 – 12:00 น. ต้นเดือนมี.ค. – ปลาย พ.ย. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Gero Onsen |
3. Kamikochi
คามิโคจิ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Japanese Alps ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ธรรมชาติที่งดงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น คามิโกจิถือเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชูบุซังกากุ (Chubu Sangaku National Park) และได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญระดับชาติ (Special Natural Monument) และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพงดงาม (Special Place of Scenic Beauty) โดยรัฐบาลญี่ปุ่น
Kamikochi
ที่อยู่ | 上高地 Azumi, Matsumoto, Nagano 390-1516 |
วิธีเดินทาง | สามารถขึ้นรถบัสจากสถานีรถบัสทาคายาม่าโนฮิ (Takayama Nohi Bus Center) ไปลงที่ป้ายฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen / Hirayu Bus Terminal) โดยตารางรถจะวิ่งทุกๆ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 7:00 – 17:30 โดยจะใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 05:00 – 19:00 คามิโคจิเปิดเส้นทางให้ท่องเที่ยวระหว่างช่วง กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Kamikochi |
สรุป
เมืองทากายามะ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงด้านทัศนียภาพของตัวเมืองที่อยู่ใจกลางธรรมชาติ มีหุบเขาล้อมรอบและลำธารตัดผ่านตัวเมือง รวมถึงเนื้อย่างวากิวญี่ปุ่นอย่างเนื้อฮิดะ (Hida Beef) นอกจากนี้แล้ว งานฝีมือแฮนด์เมดญี่ปุ่นต่าง ๆ และตลาดเช้า ก็ชวนให้เราเพลิดเพลินกับการชมเมืองแห่งนี้ได้แบบจัดเต็ม