คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
10%
15%
THE OUTLETS KITAKYUSHU คือเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 270,000 ตารางเมตร และมีร้านค้าประมาณ 170 ร้าน ในบรรดาร้านค้าต่าง ๆ มีร้านแบบที่เป็นเอ้าท์เล็ต 48 ร้าน มีแบรนด์แฟชั่นยอดนิยม เช่น Coach และ Michael Kors นอกจากนี้ ยังมีสินค้าลดราคาหลากหลายประเภท เช่น นาฬิกาข้อมือของ Seiko และแบรนด์เครื่องครัวของฝรั่งเศส Tefal รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Space LABO ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย และสวนสนุก ASOBLE ที่ชวนให้คุณได้วาดฝันเกี่ยวกับอนาคตผ่านการเล่นกิจกรรม ก็นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเลยทีเดียว *ร้านค้าข้างต้นเป็นข้อมูลลำดับถัดมาของเดือนมกราคม 2024

THE OUTLETS KITAKYUSHU
| ที่อยู่ | 4-1-1 Higashida, Yahata Higashi Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture |
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR Kagoshima Main Line มาลงที่สถานี Space World แล้วเดินประมาณ 2 นาที หรือ นั่งรถจากทางออก Edamitsu ของทางด่วนเมืองคิตะคิวชู ประมาณ 2 นาที |
| เวลาเปิดให้บริการ | 10:00 – 20:00 น. (Lawson 9:00-21:00 น., STARBUCKS COFFEE 10:00-21:00 น., ร้านเนื้อย่าง / ร้านสุกี้ขาบู อนโดรุ 11:00-22:00 น.) |
| Website | https://th.aeonmall.global/mall/theoutletskitakyushu/ |
ปราสาทโคคุระเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ต่อมาถูกเพลิงไหม้ทำลายลง และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1959 และยังคงสภาพไว้จนถึงปัจจุบันนี้ หอคอยปราสาทแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ โดยจะมีการฉายวิดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ 400 ปีของปราสาทโคคุระ และนิทรรศการเกี่ยวกับ “มิยาโมโตะ มูซาชิ” หนึ่งในนักดาบชั้นนำของญี่ปุ่น นอกจากนี้บริเวณรอบปราสาทยังมีต้นซากุระประมาณ 300 ต้นที่ปลูกล้อมรอบ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมคือช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งในช่วงเวลานั้นจะมีการจัดงานที่เรียกว่า “เทศกาลซากุระ” รอบๆ ปราสาทโคคุระอีกด้วย นอกจากจะได้ชมการแสดงต่าง ๆ แล้ว คุณจะได้อื่มอร่อยกับอาหารขึ้นชื่อของคิตะคิวชูอีกด้วย

Kokura Castle
| ที่อยู่ | 2-1 Jonai, Kokura Kita Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture |
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR Kagoshima Main Line มาลงที่สถานีโคคุระ (Kokura Station) แล้วเดินต่อ 20 นาที หรือ เดิน 10 นาทีจากสถานีนิชิโคคุระ (Nishi-Kokura Station) หรือ ขับรถประมาณ 8 นาทีจากทางออก Otemachi ของทางด่วนเมืองคิตะคิวชู |
| เวลาเปิดให้บริการ | 09:00 – 20:00 น. (เดือนพฤศจิกายน-เดือนมีนาคม : 09:00-19:00 น.) ค่าเช้าชม : ผู้ใหญ่ 350 เยน ※ เทศกาลชมซากุระสามารถเข้าฟรี |
| ค่าเช้าชม | ผู้ใหญ่ 350 เยน ※ เทศกาลชมซากุระสามารถเข้าฟรี |
| Website | https://www.kokura-castle.jp/overview-en/ |
สวนดอกไม้คาวาอุจิ ฟูจิเอ็น (Kawauchi Fujien) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่รายการ CNN ของสหรัฐอเมริกาแนะนำไว้ว่าเป็นหนึ่งใน “31 จุดชมดอกไม้ที่สวยงามของญี่ปุ่น” ในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกวิสทีเรียกว่า 22 สายพันธุ์ การเดินลอดอุโมงค์ที่ทำจากดอกวิสทีเรียสีม่วงน่าหลงไหลนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว นอกจากนี้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม ใบไม้จากบนต้นไม้ประมาณ 700 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงซึ่งนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการชมใบไม้ร่วง ทั้งเส้นทางชมดอกวิสทีเรีย และเส้นทางชมใบไม้เปลี่ยนสี ใช้เวลาเดินชมประมาณ 30 นาที ดังนั้นขอแนะนำให้สวมรองเท้าที่ใส่สบาย และสำหรับในฤดูชมดอกวิสทีเรีย คุณจำเป็นต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าจากบนเว็บไซต์ทางการ เพราะจะไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่หน้างานดังนั้นโปรดระวัง

สวนดอกไม้คาวาอุจิ ฟูจิเอ็น ดอกวิสทีเรีย


สวนดอกไม้คาวาอุจิ ฟูจิเอ็น ใบไม้เปลี่ยนสี
| ที่อยู่ | 2-2-48 Kawachi, Yahata Higashi Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture |
| วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์โดยใช้ทางด่วน Kitakyushu Urban Otani Ramp ใช้เวลาประมาณ 20 นาที |
| ค่าเช้าชม | 【ปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม】 เวลาเปิดให้บริการ : 08:00 – 18:00 น. ค่าเช้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน ※ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้าชม 【กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม】 เวลาเปิดให้บริการ : 09:00 – 17:00 น. ค่าเช้าชม : 500 เยน |
| Website | https://kawachi-fujien.com/ |
ในปี 2022 เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ได้รับเลือกจากทั่วทั้งประเทศให้เป็นอันดับ 1 ของ “3 เมืองที่มีทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันงดงามที่สุดของญี่ปุ่น” นอกจากทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันทรงพลังของช่องแคบคันมง (Kanmon) ซึ่งถูกจัดเป็น 1 ใน 9 ของ “ทัศนียภาพยามค่ำคืนอันทรงคุณค่าของญี่ปุ่น” แล้ว ที่คิตะคิวชูแห่งนี้ทุกท่านยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อีกหลากหลายรูปแบบ เช่นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเขตอุตสาหกรรมเป็นต้น ในบรรดานั้นจุดที่ยอดนิยมที่สุดคือ ทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากบนภูเขาซาราคุระ (Sarakura) โดยสามารถนั่งเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) ต่อด้วยสโลปคาร์ (Slope Car) ไปยังจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนความสูง 622 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลได้ เมื่อมองลงไป จะเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันงดงามของเมืองคิตะคิวชูเปล่งประกายระยิบระยับอยู่เต็มพื้นที่เบื้องล่าง เรียกได้ว่าสวยจนลืมหายใจเลยทีเดียว

Sarakura
| ที่อยู่ | 1481-1 Ogura, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture (สถานีเคเบิ้ลคาร์ บริเวณเชิงเขา) |
| วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์โดยใช้ทางด่วน Kitakyushu Urban Otani Ramp ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ※มีรถรับส่ง (Shuttle Bus) ให้บริการฟรีจากสถานียาฮาตะ (Yahata) ของรถไฟ JR สายคาโกชิมะ (Kagoshima) จนถึงสถานีเคเบิ้ลคาร์ บริเวณเชิงเขา |
| เวลาให้บริการของเคเบิ้ลคาร์ | ช่วงเดือนเมษายน-เดือนมิถุนายน และเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม เวลา 10:00-21:00 น. (ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 20:20 น.) ช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม เวลา 10:00-22:00 น. (ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 21:20 น.) ※ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมีนาคมของปีถัดไป เวลา 10:00-20:00 น. (ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 19:20 น.) |
| ตั๋วเคเบิ้ลคาร์ และสโลปคาร์แบบไป-กลับ | ผู้ใหญ่ ราคา 1,230 เยน, เด็ก ราคา 620 เยน |
| Website | http://www.sarakurayama-cablecar.co.jp/ |
ภายในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่างย่านโมจิโค เรโทร (Mojiko Retro) ซึ่งเป็นแหล่งที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นอาคารสไตล์เรโทรที่ตั้งเรียงรายอยู่ อย่างอดีตอาคารของโมจิมิตซุยคลับ อดีตอาคารของบริษัทโอซาก้าโชเซ็น หรืออดีตอาคารสำนักงานศุลกากรเขตโมจิ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ช่องแคบคันมง (Kanmon) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นให้ผู้เข้าชมมีประสบการณ์ร่วม โดยประตูสู่ย่านโมจิโคเรโทร (Mojiko Retro) เหล่านี้ก็คือ สถานีโมจิโค (Mojiko Station) นั่นเอง หลังจากการก่อสร้างซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมเสร็จสิ้นในปี 2019 อาคารต่าง ๆ ก็กลับมามีสภาพเหมือนตอนที่สร้างแรก ๆ ในปี 1914 อาคารสถานีรถไฟซึ่งเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่นั้นเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ (Neo-Renaissance) โดยสถาปัตกรรมรูปแบบนี้จะมีลักษณะเด่นอยู่ที่โครงสร้างอาคารด้านซ้ายและขวาจะมีสัดส่วนสมมาตรกัน ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นจากที่อื่นมากนัก บริเวณสถานีเองก็มีหลายจุดที่เหมาะแก่ การถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นห้องพักผู้โดยสารที่ตกแต่งอย่างงดงาม และน้ำพุที่อยู่บริเวณหน้าสถานี

Mojiko Station
| ที่อยู่ | 1-5-31 Nishikaigan, Moji Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture |
| เวลาจัดแสดงน้ำพุหน้าสถานี | เวลา 10:00-19:20 น. |
| Website | https://www.jrkyushu.co.jp/company/mojiko_sta/english/aisatu/index.html |
สะพานแขวนแห่งนี้เปิดให้ใช้ในปี 1973 เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเขตโมจิ (Moji) เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) กับเมืองชิโมโนะเซกิ (Shimonoseki) ของจังหวัด ยามากุจิ (Yamaguchi) มีความยาวรวมทั้งหมด 1,068 เมตร เนื่องจากตัวสะพานมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ทำให้สามารถมองเห็นได้จากหลายที่ อย่างจากจุดชมวิวที่ 2 ของสวนสาธารณะเมคาริ (Mekari Park) ก็สามารถมองเห็นทั้งสะพานคันมง และช่องแคบคันมงได้พร้อมกัน ส่วนจุดที่เหมาะแก่การชมวิวคือ จุดชมวิวระเบียงไม้ และลานจอดรถริมทะเล นอกจากนี้ บริเวณจุดพักรถเมคาริ (Mekari PA) ซึ่งตั้งอยู่บนทางด่วนฝั่งเมืองคิตะคิวชูก็มีดาดฟ้าที่ถูกออกแบบให้เป็นจุดชมวิวด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถชมสะพานคันมงอย่างใกล้ชิดจากที่นั่นได้ หรือหากเดินเล่นโดยใช้เส้นทางเดินเล่นชมทะเล ก็จะสามารถมองเห็นสะพานที่อยู่เบื้องบนได้อีกด้วย

Kanmon Bridge
| ที่อยู่ | 1 Chome, Mojiko Okubo, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture (Mojiko IC) |
| Website | https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kanmon-bridge |
ที่ราบสูงฮิราโอได (Hiraodai) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 3 พื้นที่ราบสูงคาสต์ (ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการกัดกร่อนของหินปูนจนมีรูปร่างแปลกตา) ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งยังได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัด อุทยานแห่งชาติ และอนุสรณ์สถานธรรมชาติ ที่นี่ตั้งอยู่บนระดับความสูงประมาณ 300-700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีหินปูนกระจายตัวอยู่เต็มทุ่งหญ้ากว้างซึ่งมีความยาวจากเหนือถึงใต้ 6 กิโลเมตร และจากตะวันออกถึงตะวันตก 2 กิโลเมตร เนื่องจากมีโขดหินรูปทรงแปลกตาอย่าง “โขดหินสิงโต” และ “โขดหินจูบกัน” ทำให้ระหว่างเดินตามหาโขดหินเหล่านี้ก็จะได้สนุกกับการเดินเล่นชมภายในอุทยานไปด้วย นอกจากการตระเวนเที่ยวชมถ้ำต่าง ๆ อย่างถ้ำหินปูนเซ็นบุทสึ (Senbutsu Cave) และถ้ำหินปูนเมจิโระ (Mejiro Cave) แล้ว “กิจกรรมสำรวจถ้ำ” ที่เปิดโอกาสให้ออกผจญภัยสำรวจถ้ำตามธรรมชาติได้ ก็เป็นอีกกิจกรรมที่แนะนำ

Hiraodai
| ที่อยู่ | 2-2-48 Kawachi, Yahata Higashi Ward, Kitakyushu City, Fukuoka Prefecture |
| เวลาเช้าชม | ศูนย์ศึกษาธรรมชาติฮิราโอได (Hiraodai Nature Observation Center) เปิดให้เข้าชมเวลา 9:00-17:00 น. (สามารถเข้าได้ถึง 16:30 น.), ถ้ำหินปูนเซ็นบุทสึ (Senbutsu Cave) เปิดให้เข้าชมเวลา 9:00-17:00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดถึง 18:00 น.), ถ้ำหินปูนเมจิโระ (Mejiro Cave) เปิดให้เข้าชมเวลา 10:00-17:00 น., ถ้ำหินปูนโอจิกะ (Ojika Cave) เปิดให้เข้าชมเวลา 10:00-17:00 น.(วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดถึง 18:00 น.) |
| Website | http://www.hiraodai.jp/ |
ตลาดแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 100 ปี และยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมไว้ ที่นี่ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “ห้องครัวของคิตะคิวชู” (Kitchen of Kitakyushu) เนื่องจากมีอาหารทะเล และผักผลไม้ซึ่งเป็นผลผลิตในท้องถิ่น รวมถึงอาหารสดวางขายเรียงรายอยู่มากมาย และในบรรดานั้นก็มีอาหารขึ้นชื่ออย่าง “ต้มจินดานิ” (Jindani) ซึ่งเป็นเครื่องเคียงชนิดหนึ่งที่ทำโดยการนำปลาอย่างปลาซาบะ หรือปลาอิวาชิมาเคี่ยวกับนุกะมิโซะ (Nuka Miso) หรือมิโซะรำข้าวจนงวด นอกจากนี้ภายในตลาดยังมีร้านอาหารอีกมากมาย รวมถึงร้านที่เสิร์ฟเมนูประจำท้องถิ่นอย่าง “คาชิวะอุด้ง” (Kashiwa Udon) ซึ่งปกติจะหาทานได้แค่ที่ชานชาลาของสถานีโคคุระ (Kokura Station) เท่านั้นอีกด้วย หลังจากนี้ทางตลาดมีแผนจะปรับปรุงพื้นที่ตลาดใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าเสร็จสิ้นในปี 2027 ดังนั้นใครที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศสไตล์เรโทรก็อย่ามัวแต่รอช้า ต้องรีบมากันแล้ว

Tanga Market
| ที่อยู่ | 4-2-18 Uomachi, Kokurakita Ward, Fukuoka Prefecture |
| Website | https://www.tangaichiba.jp/ |
หากพูดถึงอาหารขึ้นชื่อที่สุด 2 เมนูที่ถือกำเนิดขึ้นที่คิตะคิวชูก็คงหนีไม่พ้นผัดยากิ อุด้ง (Yaki Udon) และแกงกะหรี่อบ (Yaki Curry) ผัดยากิอุด้งเป็นเมนูที่นำเส้น อุด้งมาผัดกับวัตถุดิบอื่นอย่างเนื้อและผัก แล้วปรุงรสด้วยซอสและเครื่องปรุงต่าง ๆ ปกติแล้วเมนูนี้มักใช้เส้นสดแบบนุ่มกัน แต่ที่นี่ซึ่งเป็นต้นตำรับของเมนูนี้จะใช้เส้นอบ แห้งนำมาต้ม ทำให้ได้รสสัมผัสที่หนุบหนับเคี้ยวเพลินกว่า ส่วนแกงกะหรี่อบเป็นเมนูที่นำไข่และชีสมาวางลงบนข้าวราดแกงกะหรี่แล้วนำไปอบต่อจนสุกและมีสีสันน่าทาน โดยต้นกำเนิดของเมนูเหล่านี้คือ ท่าเรือโมจิโค (Mojiko Port) ซึ่งเป็นสถานที่ที่วัฒนธรรมอาหารตะวันตกพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเคยเป็นท่าเรือที่ใช้ในการค้าขายระหว่างประเทศที่เจริญรุ่งเรืองมากในอดีต

เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) เป็นเมืองที่หันหน้าเข้าหาทะเล จึงมีอาหารทะเลให้ทานอยู่ตลอดไม่เคยขาด รอบ ๆ สถานีโคคุระ (Kokura Station) เองก็มีร้านซูชิที่ได้รับการการันตีความอร่อยตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ตั้งแต่ร้านซูชิสุดหรูไปจนถึงร้านซูชิสายพาน ในบรรดานั้น ซูชิที่อยากให้ได้ลิ้มลองคือ ซูชิสไตล์ดั้งเดิมของคิวชูที่เรียกว่า “คิวชูมาเอะ” (Kyushumae) ซึ่งเป็นซูชิที่ปรุงรสด้วยผลไม้ตระกูลซีตรัสให้รสเปรี้ยวอย่างคาโบซุ (Kabosu) และเกลือแทนการใช้โชยุ ทำให้ดื่มด่ำกับรสชาติที่แท้จริงของอาหารทะเลสด ๆ ได้ ทั้งยังเป็นการปรุงรสแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ผู้ทานจึงสามารถสัมผัสได้ถึงฝีมืออันละเอียดละออของเชฟซูชิผ่านลิ้นได้ โดยสามารถหาทานได้ตามร้านซูชิอย่าง “ร้านเท็นซูชิ เคียวมาจิ” (Tenzushi Kyomachi) แต่เนื่องจากร้านได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงต้องจองล่วงหน้าก่อนไปทาน

ในบรรดาวัวญี่ปุ่นพันธุ์ขนดำที่ถูกเพาะเลี้ยงภายในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) “เนื้อโคคุระ” (Kokura Gyu) คือแบรนด์เนื้อที่ได้รับเครื่องหมายการค้าที่ให้เฉพาะกับเนื้อวัวที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดเท่านั้น จุดเด่นของเนื้อชนิดนี้คือ ลายหินอ่อนที่งดงาม ความเงางาม และสีสันที่น่าทานของเนื้อ ทั้งยังมีรสสัมผัสที่ละลายทันทีเมื่อเข้าปาก ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมชุ่มฉ่ำที่ออกมาจากเนื้ออย่างเต็มปากเต็มคำ วัวโคคุระจะถูกขุนให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ด้วยอาหารอย่างดี ในเนื้อจะอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี แร่ธาตุ และวิตามินหลากหลายชนิด จึงทำให้ได้รับความสนใจ ในฐานะที่เป็น “เนื้อที่ดีต่อสุขภาพ” หากต้องการซื้อ ขอเชิญที่ร้านเนื้อโคคุระที่ได้รับการรับรองภายในเมืองคิตะคิวชู

หากพูดถึงปลาปักเป้า เมืองชิโมโนะเซกิ (Shimonoseki) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับช่องแคบคันมง (Kanmon) นั้นขึ้นชื่อมาก แต่บริเวณท่าเรือโมจิโค (Mojiko Port) ก็มีร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูแสนอร่อยจากปลาปักเป้าอยู่จำนวนมากเช่นกัน โดยสไตล์ของร้านจะมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ภัตตาคารเก่าแก่ไปจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ราคา จับต้องได้ เมนูที่อยากให้ได้ลิ้มลองเป็นอันดับแรกคือ ปลาดิบซาชิมิ (Sashimi) เนื้อปลาปักเป้าที่ถูกแล่จนบางเฉียบ เมื่อถูกเคี้ยวก็จะมีรสหวานอ่อน ๆ แผ่ซ่านอยู่ในปาก นอกจากนี้เมนูหม้อไฟเนื้อปลาปักเป้า “ฟุกุจิริ” (Fuguchiri) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใครมาก็ต้องสั่ง รสชาติอร่อยกลมกล่อมเหนือคำบรรยายที่ได้จากกระดูก และเนื้อส่วนคางของปลาปักเป้าจะละลายออกมาผสมในน้ำซุป ในตอนท้ายหากใส่ข้าวสวยลงไปในน้ำซุปก็จะได้เป็นข้าวต้มทรงเครื่องอีกหม้อเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยว และอาหารขึ้นชื่อของเมืองคิตะคิวชู (KITAKYUSHU) แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ? บอกเลยว่านอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาหารท้องถิ่นรสเลิศ งานเทศกาล และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายให้คุณได้รู้จักกัน เมืองคิตะคิวชูนั้นก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของเมือง 5 แห่งในปี 1963 ดังนั้นแต่ละเขตจึงมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ยิ่งคุณได้รู้จักข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกอยากกลับไปเยี่ยมชมอีกครั้งมากขึ้นเท่านั้น สุดคุ้มเพราะเรามีคูปองแจกให้กับนักท่องเที่ยวจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024 ถ้าคุณวางแผนที่จะไปเมืองคิตะคิวชู โอกาสทองของคุณมาถึงแล้ว!

สนุกกับการเที่ยวรอบเมืองฟุกุโอกะให้เต็มที่ ด้วยบัตรโดยสาร “Fukuoka City 1-Day Pass” ที่ทั้งคุ้มและสะดวก!
บัตร Fukuoka City 1-Day Pass ช่วยให้คุณสามารถนั่งรถบัสของ Nishitetsu ภายในเมือ...

ไปคิวชูทั้งที ต้องไม่พลาด SUNQ Pass! พาเที่ยวทั่วเกาะ คุ้ม ครบ จบในใบเดียว
SUNQ Pass คือบัตรโดยสารสุดคุ้มที่ให้คุณขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัด ทั้งรถบัสด่วนและรถ...

รีวิวที่พักฟุกุโอกะ Cross Life Hakata Yanagibashi และ Cross Life Hakata Tenjin
รีวิว Cross Life Hakata Yanagibashi Hotel และ Cross Life Hakata Tenjin มีสิ่งอ...

อยากเที่ยวคิวชูให้คุ้ม ต้องรู้จัก! SUNQ Pass กับ 4 ข้อดีที่คุณไม่ควรพลาด
ไปคิวชูทั้งที เที่ยวยังไงให้คุ้มที่สุด? คำตอบคือ... SUNQ Pass! บัตรเดียวขึ้นรถ...

เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515