พระราชวังหลวงเกียวโต (Kyoto Imperial Palace) พระราชวังเก่าแก่อายุพันปีแห่งเมืองหลวงเก่า

มารู้จัก “พระราชวังหลวงเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)” กันสักนิด

พระราชวังหลวงเกียวโต หรือ Kyōto Gosho เป็นที่พำนักของจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเฮอัน จนกระทั่งย้ายเมืองหลวงไปยังโตเกียว

โดยเริ่มแรกสร้างภายในเมืองเฮอันเกียว (Heian-kyō) ซึ่งก็คือเมืองเกียวโตในปัจจุบัน ก่อตั้งขึ้นในปี 794 โดยจักรพรรดิ Kammu เพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่ของญี่ปุ่น พระราชวังหลวงเกียวโตจึงได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อเป็นที่พำนักของจักรพรรดิและศูนย์กลางการปกครอง

เวลาได้ผ่านไปพร้อมการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัยของญี่ปุ่น ที่เห็นได้ชัดที่สุดคงเป็นการเมืองอำนาจทางการเมือง อย่างเช่น การย้ายอำนาจถ่ายไปยังโชกุนในยุคคามาคุระและมุโรมาจิ แต่พระราชวังหลวงเกียวโตยังคงเป็นที่พำนักของจักรพรรดิและเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจจักรพรรดิเฉกเฉ่นเดียวกับสมัยก่อน

ตัวพระราชวังยังได้ผ่านการฟื้นฟูมาหลายต่อหลายหนในยุคเอโดะ ภายใต้การปกครองของโชกุนโตกุงาวะ การบูรณะครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1855 หลังจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1854 ทำให้พระราชวังได้รับการสร้างใหม่ให้คงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม

จนมาถึงในยุคเมจิ ที่ได้ทำการย้ายเมืองหลวง โดยในปี 1869 จักรพรรดิเมจิได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปยังโตเกียว ตรงจุดนี้จึงทำให้พระราชวังหลวงเกียวโตจึงไม่ได้เป็นที่พำนักของจักรพรรดิอีกต่อไป

แม้ว่าเมืองหลวงได้ย้ายไปแล้ว แต่พระราชวังหลวงเกียวโตยังคงเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่ยังคงตั้งอยู่ในใจกลางสวนจักรพรรดิของเกียวโตและยังคงรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและอดีตของราชวงศ์ญี่ปุ่นไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในพระราชวังหลวงเกียวโต

เราขอพาเพื่อน ๆ ไปชมภายในพระราชวังแห่งนี้กันสักนิด 

หมายเหตุ : หลายส่วนภายในพระราชวัง เพื่อน ๆ จะไม่สามารถเข้าไปดูได้ และบางพื้นที่อาจมีการจำกัดการถ่ายรูป สำหรับการเดินชมรอบด้านนอกพระราชวังสามารถเดินชมได้ฟรี

ประตู Jomeimon

เริ่มจากประตู Jomeimon เป็นอันดับแรก ประตูแห่งนี้เป็นประตูหลักที่เชื่อมต่อระหว่างภายในพระราชวังและภายนอกใช้เป็นทางเข้าสำหรับกิจกรรมและพิธีการสำคัญ เช่น การรับรองแขกสำคัญ การเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ และการต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยประตูนี้มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม สำหรับส่วนของหลังคา เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า ตัวหลังคาจะมีความโค้งที่ปกคลุมและตกแต่งด้วยลวดลายที่ละเอียดอ่อน และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างมีความคงทนและสวยงาม เช่น ไม้และกระเบื้องดินเผา

ห้องโถงชิชินเด็น (Shishinden Hall) 

ใช้จัดพิธีราชาภิเษกและพิธีการของรัฐ สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและสง่างามซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างไม้ ประตูบานเลื่อน และเสื่อตาตามิ สะท้อนให้เห็นถึงหลักการความงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

บริเวณ Oike-niwa

หรือสวนที่อยู่ภายในบริเวณพระราชวัง เป็นสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และบ่อน้ำ มีทางเดินหินที่ออกแบบมาอย่างสวยงามเพื่อการเดินเล่นและพักผ่อน

ห้องเซย์เรียวเด็น (Seiryoden Hall) 

บริเวณห้องแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักของจักรพรรดิ ที่นี่เราจะเห็นความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรม โดยมีสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงามเป็นฉากหลังที่เงียบสงบให้กับอาคารไม้ รเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลในสวน ตั้งแต่ดอกซากุระที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงใบเมเปิ้ลที่สดใสในฤดูใบไม้ร่วง ช่วยเสริมความสงบและความงามของพระราชวัง

Shunkōden

เป็นส่วนอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาสิ่งของมีค่าและพระพุทธรูป โดยภายในอาคารจะมีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่แข็งแรงและประณีต มีการตกแต่งด้วยศิลปะที่สะท้อนถึงศาสนาและความเชื่อในสมัยนั้น

การเข้าชม

เดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 9:00 －16:00 

เดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม 9:00 －17:00 

เดือนมีนาคมและเดือนกันยายน 9:00 －16:30 

ประตูทางเข้าปิดก่อนเวลาปิดของพระราชวังประมาณ 40 นาที

วิธีการจอง

สำหรับบริเวณภายนอก สามารถเดินชมได้ฟรี แต่สำหรับการเข้าชมภายในพระราชวังแห่งนี้จะต้องทำการจองผ่านกรุ๊ปทัวร์เท่านั้นโดยสามารถจองผ่านได้ที่เว็ปไซต์ Imperial Household Agency’s

พระราชวังหลวงเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)

ดูแผนที่ พระราชวังหลวงเกียวโต (Kyoto Imperial Palace)

วิธีการเดินทาง

วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟ โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานีรถไฟใต้ดิน Imadegawa Station จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือสามารถมาได้โดยรถบัส ให้ลงที่ Karasuma-Imadegawa bus stop แล้วเดินไปอีกประมาณ 5 นาที 

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

1. ศาลเจ้าเฮอัง

ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1895 เนื่องในโอกาสครบรอบ 1100 ปีของการก่อตั้งเมืองหลวงในเกียวโตและอุทิศแก่ดวงวิญญาณของจักรพรรดิองค์แรกและสุดท้ายที่ครองราชย์จักรพรรดิคัมมุ (ค.ศ.737-806) และจักรพรรดิโคเมอิ (ค.ศ.1831-1867) ส่วนชื่อเฮอัน มาจากชื่อเดิมของเมืองเกียวโต

ศาลเจ้าเฮอัง

ดูแผนที่ ศาลเจ้าเฮอัง

2. ปราสาทนิโจ

Nijo Castle สร้างเสร็จในปี 1603 ตามคำสั่งของโทคุงาวะ อิเอยาสุ ผู้ก่อตั้งและโชกุนคนแรกของโชกุนโทคุงาวะ ซึ่งเป็นผู้รวมให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากผ่านสงครามมาอย่างยาวนาน

ปราสาทนิโจ

ดูแผนที่ ปราสาทนิโจ

3. วัดนันเซนจิ

วัด Nanzenji เป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง Kyoto โดยเป็นวัดนิกายเซน ซึ่งภายในวัดนี้ก็ยังมีวัดย่อยๆอยู่ภายในด้วย และเป็นสำนักใหญ่ของนิกายที่เรียกกันว่า รินไซ อีกด้วย โดยช่วงพีคที่สุดในการมาเยือนวัดแห่งนี้คือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีที่มีสีสันสวยงาม ทำให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายในวัดมากขึ้นไปอีก

วัดนันเซนจิ

ดูแผนที่ วัดนันเซนจิ

สรุป

พระราชวังหลวงเกียวโตเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ตั้งแต่การก่อตั้งในยุคเฮอันจนถึงปัจจุบัน พระราชวังนี้ได้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและวัฒนธรรมมากมาย การเยี่ยมชมพระราชวังหลวงเกียวโตไม่เพียงแต่ให้เราได้เห็นสถาปัตยกรรมและสวนที่สวยงาม แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจและชื่นชมประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่น