ทริป เที่ยวโอตารุ ใบไม้เปลี่ยนสี ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว เมืองเล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้ เหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวแบบชิลๆ สบายๆ เที่ยวง่ายๆ ถ้าใครมาฮอกไกโดสักครั้งรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนนอกจากคลองโอตารุแล้วเมืองแห่งนี้ก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างเช่น รูปปั้นสุนัขบุนโค ตั้งอยู่ด้านหน้าของ Tourist Information, จตุรัส Machen Square, ทางรถไฟสาย Temiya ซึ่งเป็นทางรถไฟสายเก่าของเมือง และร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดที่สามารถเห็นได้ทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้ผมก็จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวเมืองนี้กัน
การนั่งรถไฟจากซัปโปโรไปยังเมืองโอตารุนั้น ขาไปถ้านั่งฝั่งขวาก็จะได้เห็นวิวทะเลที่สวยงามแบบนี้ด้วยนะ
เมื่อมาถึงสถานีโอตารุแล้ว ถ้าหากยังไม่รับประทานอาหารเช้ามา ที่สถานีก็จะมีร้านอาหารประเภทฟาสฟู้ด อย่างเช่น Burger King ไว้ให้แวะทานกันด้วยครับ โดยจากสถานีโอตารุสามารถเดินไปยังคลองโอตารุโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระหว่างทางก็จะพบกับทางรถไฟสายเก่า Temiya Line
ทางรถไฟ Temiya Line
ทางรถไฟสายนี้มีความยาวเพียง 2.8 กิโลเมตร โดยเปิดใช้เมื่อประมาณปี ค.ศ.1880 จนถึงปี ค.ศ. 1962 โดยปัจจุบันทางรถไฟสายนี้ถูกดัดแปลงเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งก็เป็นอีก 1 สถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป
โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ตรงจุดนี้จะเหมาะกับการถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีแบบสวยๆ ได้ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปจุดนี้เยอะมาก
ทางรถไฟ Temiya Line
วิธีเดินทาง | สามารถเดินจากสถานีโอตารุ ไปทางคลองโอตารุ ทางรถไฟจะอยู่ระหว่างทาง |
---|
เดินต่อจากทางรถไฟสายเก่าก็จะพบกับคลองโอตารุครับ แต่ว่าอย่าเพิ่งข้ามถนนให้หันไปทางซ้ายก่อนครับ จะพบกับ Canal Plaza Tourist Information Center ซึ่งด้านหน้าของอาคาร จะมีรูปปั้นสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง
รูปปั้นสุนัขดับเพลิงบุนโค
สุนัขตัวนี้จะมีชื่อว่า บุนโค ซึ่งในอดีตเจ้าบุนโคเป็นสุนัขของหน่วยดับเพลิงของโอตารุ โดยมันมักจะนั่งรถไปกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยดับเพลิงและได้ช่วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงปฏิบัติหน้าที่หลายต่อหลายครั้ง จึงกลายเป็นที่รักของชาวเมืองโอตารุ บุนโคเสียชีวิตตอนอายุ 24 ปี ซึ่งถือว่าอายุยืนมากๆ หลังจากบุนโคเสียชีวิตไปทางเมืองจึงหล่อรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่บุนโด เพื่อให้คนรุ่นหลังทราบถึงความกล้าหาญของสุนัขตัวนี้
เสื้อผ้าของบุนโคนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ถ้ามาช่วงหิมะตกก็พบกับบุนโค ที่ใส่เสื้อกันหนาว
รูปปั้นสุนัขดับเพลิงบุนโค
ที่อยู่ | 2-1-20 Ironai, Otaru, Hokkaido 047-0031 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจากสถานีโอตารุ ไปทางคลองโอตารุ เมื่อถึงทางข้ามยังคลองให้ เลี้ยวซ้าย รูปปั้นจะอยู่หน้า Canal Plaza Tourist Information Center |
เวลาทำการ | เปิด24ชั่วโมง |
คลองโอตารุ Otaru Canal
จากรูปปั้นสุนัขบุนโคก็ให้ข้ามถนนมาก็จะพบกับคลองโอตารุ คลองนี้ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองโอตารุ โดยนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปสวยๆ กันที่คลองนี้ ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้เห็นต้นไม้ที่เลื้อยขึ้นตามอาคารที่มีใบไม้เปลี่ยนเปลี่ยนสีอีกด้วย
ส่วนตอนกลางคืนนั้นที่นี่จะเปิดโคมไฟแบบโบราณ ทำให้ได้บรรยากาศแบบโรแมนติก ซึ่งก็เป็นอีกแบบนึงกับตอนกลางวัน
ที่คลองโอตารุนอกจากเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมแล้ว ที่นี่ยังมีเรือไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเก็บบรรากาศการล่องเรือในคลองก็สามารถไปใช้บริการได้ โดยใช้เวลาล่อง 40 นาที โดยจะมีเวลาล่องเรืออยู่ 2 ช่วงคือ กลางวันและกลางคืน โดยกลางวันราคาจะอยู่ที่ 1500 เยนต่อคน กลางคืน 1800 เยนต่อคน
คลองโอตารุ Otaru Canal
ที่อยู่ | 5 Minatomachi, Otaru, Hokkaido 047-0007 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี โอตารุ 10 นาที |
Website | Otaru |
ศูนย์อาหาร Otaru Denuki Koji
บริเวณคลองโอตารุนั้นนอกจากจะมีจุดถ่ายรูปที่สวยงามแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ประกอบไปด้วยร้านอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านซูชิ, ร้านเนื้อย่าง, ร้านราเมง หรือ โรงเบียร์โอตารุ แต่ที่ที่ผมจะมาแนะนำคือ ศูนย์อาหาร Otaru Denuki Koji ซึ่งที่นี่จะตั้งอยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามกับสะพานที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของคลองโอตารุ ที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ตกแต่งเป็นสไตล์โบราณและรวบรวมร้านอาหารไว้ให้เลือกทานมากมาย ที่นี่ยังมีร้านไก่ทอดนารุโตะอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นของกินห้ามพลาดเมื่อมายังเมืองโอตารุ
ไก่ทอดนารุโตะ
ไก่ทอดนารุโตะ ที่ร้านจะทอดร้อนๆ แล้วเสิร์ฟให้ลูกค้าทันที โดยไก่จะกรอบนอกนุ่มใน โดยลูกค้าจะต้องสั่งแล้วชำระเงินก่อน เนื่องจากที่นี่เป็นสาขาเล็กจึงไม่มีเก้าอี้หรือโต๊ะให้นั่ง จึงต้องยืนรับประทานหน้าร้าน และที่ร้านยังมีเบียร์ท้องถิ่นของโอตารุขายอีกด้วย ถ้าซื้อมาดื่มพร้อมกับไก่ทอด รับรองอร่อยสุดๆ
ร้าน Robataya Turukichi
ร้านนี้จะตั้งอยู่ข้างซ้ายมือของไก่ทอดนารุโตะเป็นอาหารประเภททะเลปิ้งย่าง โดยมีเมนูภาษาอังกฤษไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย และราคาก็ไม่แพงมาก
ที่ร้านนี้จะมีม้านั่งสำหรับลูกค้าที่สั่งอาหารกินที่ร้านด้วย หรือจะสั่งกลับบ้านก็ได้เช่นกัน
ร้าน Ungaya
ร้านนี้จะตั้งอยู่ทางขวามือของไก่ทอดนารุโตะเป็นขายซาลาเปา มีเมนูแนะนำคือ ซาลาเปาไส้หมู, ซาลาเปาไส้ปู และมันฝรั่งอบเนย
นอกจากร้านที่ผมกล่าวข้างต้นแล้ว ที่นี่ยังมีร้านที่ชื่อว่า popura farm ซึ่งทีเด็ดของร้านนี้คือ ซอฟต์ครีมเมล่อน
ศูนย์อาหาร Otaru Denuki Koji
ที่อยู่ | 1-1 Ironai, Otaru, Hokkaido 047-0031 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน2นาทีจากคลองโตารุ |
เวลาทำการ | 12:00~15:00(L.O.), 18:00~20:00(L.O.) |
ราคา | Dinner¥2,000~¥2,999, Lunch:¥1,000~¥1,999 |
โทรศัพท์ | 075-204-5543 (+81-75-204-5543) |
Website | Otaru Denuki Koji |
การเดินทางไปยังจัตุรัส Marchen Square
จากศูนย์อาหาร Otaru Denuki Koji ให้เดินไปจนถึง Otaru Unga Terminal ซึ่งจะตั้งอยู่หัวมุมถนนพอดี แล้วให้เดินเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจัตุรัส Marchen Square
ถนนสายนี้จะชื่อว่า Sakaimachi hondori ซึ่งระหว่างทางจะผ่านร้านค้า, ร้านเครื่องแก้ว, ร้านขนมมากมาย อย่างเช่น LeTao ร้านขนมหวานขึ้นชื่อของโอตารุ, จุดถ่ายรูปต่างๆ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นตึกที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดงและเหลืองที่สวยงาม นอกจากนั้นระหว่างทางยังมีร้านอาหารมากมายให้เลือกรับประทาน
อย่างเช่นร้านนี้ ซึ่งหน้าร้านจะเขียนว่า Grilled Seafood ซึ่งจะเป็นอาหารทะเลประเภทเสียบไม้ย่าง วิธีการซื้อให้หยอดเหรียญที่ตู้อัตโนมัติเล็กหน้าร้าน ตามหมายเลขของเมนูที่ต้องการสั่ง
อย่างเช่น ถ้าต้องการสั่งหอยเชลล์ย่างกับเนื้อปู ก็ให้กดหมายเลข 12 ที่ตู้กด
หลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อย ทางร้านก็จะย่างหอยให้ดูกันหน้าร้านเลย
หน้าตาของหอยเชลล์ย่างกับเนื้อปู น่ารับประทานมากๆ
จัตุรัส Marchen Square
ย่านนี้จะประกอบไปด้วย พิพิธภัณ์กล่องดนตรี, ร้านขนมหวาน LeTao เป็นต้น โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ แบบจำลองประภาคารขนาดเล็กซึ่งคล้ายๆ กับเป็นมุมมหาชนที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป ซึ่งอาคารแถบนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป
ซึ่งช่วงที่ผมไปนั้นจะเป็นช่วงวันฮาโลวีนพอดี ดังนั้น ที่บริเวณนั้นจึงประดับประดาไปด้วยฟักทองมากมาย
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี Otaru Music Box Museum
ที่นี่จะมีไฮไลท์อยู่ที่ นาฬิกาไอน้ำโบราณ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ โดยทั้งโลกจะมีอยู่เพียง 2 เรือนเท่านั้น คือที่โอตารุแห่งนี้กับแคนาดา โดยนาฬิกาไอน้ำอันนี้จะส่งเสียงทุก15 นาที พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมา
ส่วนด้านในของพิพิธภัณฑ์นั้นจัดแต่งเป็นสไตล์ยุโรป จะมีกล่องดนตรีหลายชนิดให้เลือกซื้อ รวมทั้งยังสามารถสั่งทำกล่องดนตรีแบบพิเศษได้อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี Otaru Music Box Museum
ที่อยู่ | 4-1, Sumiyoshi, Otaru, Hokkaido 047-0015 |
---|---|
วิธีเดินทาง | อยู่ตรงข้ามกับจัตุรัส Marchen Square |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 18.00 น. |
ราคา | Dinner¥2,000~¥2,999, Lunch:¥1,000~¥1,999 |
โทรศัพท์ | 075-204-5543 (+81-75-204-5543) |
Website | Otaru Music Box Museum |
Hello Kitty Otaru Cafe
คาเฟ่แห่งนี้จะอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (ถ้าหันหน้าเข้าพิพิธภัณฑ์ ต้องข้ามถนนไปทางขวามือ) จะพบกับอาคาร ซึ่งมีคาเฟ คิตตี้ โดยจะต้องเดินขึ้นบันไดที่ชั้น2
โดยจะมีเครื่องดื่ม ขนม และอาหารขาย นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกี่ยว hello Kitty ขายด้วย
เมนูอาหารสามารถดูได้จากเว็บไซต์นี้ เว็บไซต์นี้
Hello Kitty Otaru Cafe
ที่อยู่ | 1-2-32 Irifune, Otaru, Hokkaido 047-0021 |
---|---|
วิธีเดินทาง | อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 9.30 น. – 17.30 น. |
Website | Hello Kitty Otaru Cafe |
ส่วนขากลับนั้นถ้าหากต้องการนั่งรถไฟกลับไปยังซัปโปโร ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินย้อนกลับไปยังสถานีโอตารุ แต่ให้เดินขึ้นบนถนนที่อยู่ระหว่าง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี กับ Hello kitty Cafe ซึ่งจะเป็นทางลาดยาวขึ้นข้างบนให้เดินไปจนสุดหัวมุมถนน
เมื่อเดินมาถึงหัวมุม (ตามรูปบน) ให้เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงสถานี Minami-Otaru ซึ่งสามารถซื้อตั๋วรถไฟกลับไปยัง Sapporo ได้เลย
ซึ่งถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะมีต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองให้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ
สรุป
เมืองโอตารุ เมืองเล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้ เหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวแบบชิลๆ สบายๆ เที่ยวง่ายๆ ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นประจำ ซึ่งถ้าใครมาฮอกไกโด ก็อยากให้มาสร้างความทรงจำดีๆ เที่ยวโอตารุ ใบไม้เปลี่ยนสี สักครั้งรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เป็นอีกฤดูกาลที่สวยและน่ารักมาก
ถ้าหากใครที่อ่านรีวิวแล้วอยากไปเที่ยวตาม หรืออยากลองไปเที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเองสักครั้งล่ะก็ ลองหาข้อมูลท่องเที่ยวกันเลย
รวมบทความท่องเที่ยวฮอกไกโด
เที่ยวฮอกไกโด 10 สถานที่ ไปฤดูไหนก็ฟินได้ ว่าแต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้างลองไปดูเลย
ที่เที่ยวฮอกไกโด 10 แลนด์มาร์ก สวยตะลึง น่าตะลุย
ถ้าพูดถึงฮอกไกโดหลายๆ คนคงนึกถึงสภาพอากาศที่เย็นจนสุดขั้วหัวใจแน่นอน แถมยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยและสถานที่ท่องเที่ยวสุดแสนจะธรรมชาติ ทั้งภูเขา น้ำพุร้อน หรือกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่าง การเล่นสกี ก็มีให้เลือกหลายระดับ และไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็สามารถเที่ยวได้อย่างสบายกายและสบายใจ เพราะอากาศดีสุดๆ