รีวิว นอนสนามบินคันไซ ที่ Kansai airport lounge ถึงดึกมีที่พัก อีกทางเลือกสุดสะดวก

04/11/2017 (อัพเดทเมื่อ 07/05/2021)
ถึงสนามบินดึกก็มีที่นอน วันนี้จะมารีวิวประสบการณ์ นอนสนามบินคันไซ ที่ Kansai airport lounge อีกหนึ่งทางเลือกแสนสะดวกสำหรับพักผ่อนยามค่ำคืน ถึงสนามบินแล้วไปยังไงต่อ ในพื้นที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง พร้อมแนะนำวิธีเข้าพักแบบสเต็ปต่อเสต็ป ตามมาดูกันเลย
Meiji Step RakuRaku Cube LP R1
Meiji Step RakuRaku Cube LP R2

อาจมีหลายครั้งที่เราต้องเดินทางจากเมืองไทยด้วยไฟลท์บินที่ออกเดินทางจากสนามบินบ้านเราแล้วไปถึงที่นู้นดึก และหลายทีที่ต้องต่อคิวตม.ยาว ๆ กว่าจะได้ออกจากสนามบินก็ใช้เวลาไปนานโข ทำให้บางทีก็พลาดรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองไปเหมือนกัน

เราเองก็เป็นหนึ่งคนที่เลือกบินไฟลท์บินไปถึงที่ญี่ปุ่นตอนดึกด้วยเหตุผลเพราะราคาถูกโดยมีจุดหมายปลายทางเป็นสนามบินคันไซเพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองนารา

เวลาที่เครื่องบินของเราแลนด์ดิ่งก็คือ 22.00 น. หรือสี่ทุ่มครึ่ง กว่าเราจะผ่านตม. รับกระเป๋าก็ปาไปห้าทุ่มหน่อย ๆ จริง ๆ ช่วงเวลานี้ยังสามารถเดินออกไปขึ้นรถไฟแล้วเข้ามืองโอซาก้าได้อยู่ แต่ด้วยความตั้งแต่ที่จะไปเมืองนาราจากสนามบินคันไซของเราจึงทำให้เราตัดสินใจเลือกว่าคืนนี้จะ นอนสนามบินคันไซ ให้เป็นประสบการ์ครั้งหนึ่งในชีวิตด้วยแหละ

แล้วก็รู้มาว่าที่สนามบินคันไซเขามี Kansai airport lounge พื้นที่สำหรับพักผ่อนของคนที่ยังไม่สะดวกเดินทางออกจากสนามบินนั่นเอง

Kansai airport lounge : พื้นที่พักผ่อน 24 ชั่วโมง

Cr: kansai-airport.or.jp

พิกัดของ Kansai airport lounge นั้นอยู่ในบริิเวณ Terminal 1 ฝั่งเหนือ (North) ชั้น 2 เดินมาง่าย ๆ จากช่องส่วนของการรับกระเป๋าแล้วให้เดินมาจนถึงโถงของสนามบินจากนั้นให้มองหาขึ้นไปชั้น 2

Kansai airport lounge ที่เราตามหาจะตั้งอยู่ติดกับ McDonald’s เลย เพราะฉะนั้นหากกว่าว่าจะหาไม่เจอให้มองหาร้านฟาสฟู๊ดชื่อดังนี้ก่อนเป็นอันดับแรก

สำหรับ Kansai airport lounge นั้นเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน 24 ชั่วโมงอีกหนึ่งสถานที่ที่เราสามารถเข้ามานอนหลับเอาแรงได้ นอกจากบริเวณโซน Aero Plaza ของสนามบินคันไซซึ่งเลาจ์นี้จะให้ความเป็็นส่วนตัวมากกว่า

อย่างที่บอกว่าที่น่ีเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนจึงไม่มีเตียงให้นอนจริงจัง แต่มีเป็นเก้าอี้เบาะหนานุ่มที่สามารถเอนตัวลงนอนได้เสมือนเตียงผ้าใบให้เราพักผ่อนนอนหลับได้อย่างจริงจังไม่แพ้เตียง โดยภายในจะจัดเป็นโซนต่าง ๆ ให้แขกผู้เข้าพักเลือกกันตามสะดวก จะแตกต่างกันที่ระดับความเป็นส่วนตัว โดยจะคิดค่าบริการตามแพ็กเกจที่จัดไว้

Cr: kansai-airport.or.jp

  • เวลาในการใช้งาน


    30 นาที

    10 นาทีหลังจาก

    3 ชั่วโมง

    6 ชั่วโมง

    9 ชั่วโมง

  • โซนเปิด (Open Seats)


    310 เยน

    100 เยน

    1,540 เยน

    2,670 เยน

    3,290 เยน

  • โซนส่วนตัว (Booth Seats / Group room)

    410 เยน

    120 เยน

    1,850 เยน

    3,090 เยน

    3,910 เยน



  • อัตราค่าบริการตามแพ็กเกจที่จัดไว้นั้นแยกเรทคิดค่าบริการออกเป็นสองแบบคือ
    ค่าบริการของผู้เข้าพักผ่อนในโซนเปิด (Open Seats)
    ค่าบริการของผูู้เข้าพักผ่อนในโซนส่วนตัว (Booth Seats/Group room)

    โดยค่าบริการจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนเวลาที่เราใช้บริการ คิดเป็น 3 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง หากพักไม่ถึงคิดเป็น 30 นาที หลังจากนั้นเพิ่มขึ้นทุก 10 นาทีจะต่างกันที่ตามเรทของโซนเหมือนในตาราง (แบบโซนส่วนตัวจะแพงกว่านั่นเอง)

    ค่าบริการนี้ไม่รวมการใช้บริการอาบน้ำ สำหรับคนที่เข้าพักที่เลาจ์แห่งนี้จะเสียค่าอาบน้ำครั้งละ 310 เยน หากไม่ได้พักที่นี่เสียค่าอาบน้ำ 510 เยน

    หมายเหตุ
    เด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่เสียค่าใช้บริการ
    ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่สามารถเข้าใช้บริการที่นี่ในช่วงเวลา 22.00-5.00 น. ได้หากไม่มีผู้ปกครอง

    ซึ่งที่นี่ไม่มีบริการจองล่วงหน้า เรียกได้ว่าต้องเสี่ยงดวงมาดูว่าโซนที่เราต้องการจะพักนั้นเต็มหรือไม่ ยังไงก็แนะนำให้แวะมาทันทีหลังจากที่ผ่านระบบการตรวจของสนามบินและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

    Cr: kansai-airport.or.jp

    สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีด้วยกัน 4 แบบ แบ่งออกเป็นโซนแบบเปิด 1 แบบ และแบบปิด 3 แบบ มีชื่อแตกต่างกันไปคือ

    Open Seat พื้นที่พักผ่อนแบบเปิด
    Single Booths พื้นที่พักผ่อนแบบบูธส่วนตัว
    Group room พื้นที่พักผ่อนแบบห้อง สำหรับกลุ่ม
    Smoking room พื้นที่พักผ่อนแบบบูธส่วนตัว สูบบุหรี่ได้

    นอกจากนั้นจะมีพื้นที่ส่วนรวมเป็น พื้นที่สำหรับดื่ืมเครื่องดื่มหรือสั่งอาหาร โซนห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัวและ โซนหนังสือการ์ตูน หลังจากนี้เราจะพาชม Kansai airport lounge พร้อมกับวิธีเข้าใช้และโซนต่าง ๆ กัน

    สเต็ปแรกของการเข้าพักที่นี่คืือบอกกล่าวเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณเคาท์เตอร์กันก่อนเหมือนเข้าเช็คอิน แล้วเขาก็จะอธิบายลักษณะของโซนที่พักและส่วนต่าง ๆ ของที่นี่ให้แก่เรา เราก็มีหน้าที่เลือกว่าอยากพักโซนแบบไหน อย่างเรามาคนเดียวก็เลยเลือกพักแบบโซนส่วนตัวไม่สูบบุหรี่ ตั้งใจว่าจะพักอยู่นี่ประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นก็ยื่นพาสปอร์ตให้

    เขาออกใบเสร็จพร้อมของเก้าอี้ในโซนส่วนตัวที่เราจะได้ใช้มาให้ (ระบบเหมือนกับแต่ละเก้าอี้เป็นห้องพักหมายเลขต่าง ๆ) ซึ่งเขาจะระบุเวลาและวันที่ที่เราเข้าพักเอาไว้ในใบนี้ โดยเราจะยังไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะเขาจะเรียกเก็บเงินเราทีเดียวตอนจะออกจากที่พัก เพราะฉะนั้นต้องคำนวนเวลากันดี ๆ นะจ๊ะว่าจากเวลาที่เข้าพักมาจะนอนกี่ชั่วโมงออกเวลากี่โมง

    ถ้าใครอยากอาบน้ำด้วยแนะนำให้แจ้งเขาไว้ตั้งแต่ตรงนี้เลยเพราะว่าห้องอาบน้ำของที่นี่มีจำนวนจำกัดและมีเวลาในการอาบด้วย เมื่อแจ้งเขาว่าต้องการอาบน้ำแล้วเราจะต้องเซนต์ชื่อและดูเวลาที่เราสามารถเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำได้ จากนั้นค่อยมารับกุญแจของห้องอาบน้ำที่เราจะได้ไปอาบพร้อมรับตะกร้าและไดร์เป่าผม อย่างเราเองก็จองได้คิวอาบน้ำตอนตี 2 หลับไปตื่นหนึ่งแล้วถึงจะได้ตื่นมาอาบ 5555

    Cr: kansai-airport.or.jp

    แผนที่ภายใน Kansai airport lounge

    Cr: kansai-airport.or.jp

    หลังจากผ่านเคาท์เตอร์มาแล้วเราก็จะมาเจอโซนที่พักผ่อนแบบเปิด (Open Seat) ในโซนนี้จะมีเครื่องดื่มร้อนเย็นให้เราดื่มได้ฟรีไม่อั้น พร้อมกับนิตยสารและการ์ตูน (แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ) ให้อ่านฟรี ถือเป็นบริการที่เขาจัดมาเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเรา

    จริง ๆ สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอลภายในนี้ได้ด้วย แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่รวมกับค่าที่พักที่จ่ายไปแล้วนะจ๊ะ

    ในส่วนของเครื่องดื่มฟรีเราว่าก็มีความดีงามประทับใจแล้ว เพราะมีทั้งน้ำอัดลมรสชาติต่าง ๆ เครื่องดื่มร้อน ๆ กินอุ่นท้องก่อนนอนอย่าง กาแฟ โกโก้ ชาเขียวมัจฉะ ชาต่าง แน่นอนว่าน้ำเปล่าก็มี

    นี่จัดชาเขียวมานั่งกิน จริง ๆ กินไปหลายอย่างมาก ทั้งคาพิตเลคโตะ โค้ก โกโก้ร้อน และมัจฉะร้อนแก้วนี้คือดี มีความเข้มข้นอร่อยและฟินเพราะมันกินได้เรื่อย ๆ ไม่มีอั้น

    Cr: kansai-airport.or.jp

    ฝั่งตรงข้ามของโซนเครื่องดื่มจะเป็นพื้นที่พักผ่อนแบบเปิด ตรงส่วนนี้จะราคาถูกกว่าแบบส่วนตัวนะ และเลือกนั่งตรงไหนก็ได้

    ใกล้ ๆ กันนั้นมีโซนห้องพักส่วนตัวแบบกลุ่มอยู่ด้วย ห้องแบบนี้มีให้เลือกตั้งแต่ตอนก่อนเข้าพักตรงเคาท์เตอร์ถึง 4 แบบ มีทั้งแบบที่มีลักษณะเป็นห้องประชุมและห้องที่มีโซฟา (ห้องที่มีโซฟาจะมีแค่สองห้องนะจ๊ะ) คือ
    Living room : พัก 2-4 คน
    Theater room (จำนวน 2 ห้อง) : พัก 6-8 คน มีโซฟา
    Conference room : พัก 6-8 คน เป็นแบบห้องประชุม
    Japanese-style room : พัก 4-6 คน

    เดินเลยเข้ามาอีกหน่่อยใกล้กับกันโซนเก้าอี้พักผ่อนแบบเปิดก็ได้พบกันตู้หนังสือที่มีหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เราได้บอกเล่ากันไว้ข้างต้น ไม่ว่าจะการ์ตูนแนวสาวน้อยหรือการ์ตูนแบบผู้ชายก็มีให้เลือกอ่าน แต่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ ยังไงก็หยิบมาดูเล่นค่าเวลาได้เพลิน ๆ ใกล้ๆ กันนั้นก็มีนิตยสารให้หยิบอ่านด้วยเผื่อใครไม่ชอบอ่านการ์ตูน

    ตรงข้ามกับตู้หนังสือการ์ตูนจะเป็นโซนที่พักแบบส่วนตัว (Singel Booths) เขาจะมีให้เราเลือกสามแบบแตกต่างกันที่ลักษณะของเก้าอี้และความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น ดังนี้
    Desk Chairs : บูธแบบมีเก้าอี้และโตีะคอมพิวเตอร์
    Reclining Chairs : บูธแบบปรับแอนนอนได้
    Massage Chairs : บูธแบบมีเก้าอี้นวด

    อย่างในรูปเป็น Desk Chairs ตรงนี้มีแผงกั้นไว้เป็นส่วนตัวก็จริงแต่อาจจะมีเสียงคนเดินผ่านไปผ่านมาข้างหลังหน่อย ซึ่งหากโซนนี้เต็มแล้วเราต้องการเข้าพัก ให้แจ้งพนักงานไว้แล้วนั่งรอก่อน เมื่อมีบูธที่ว่างเจ้าหน้าที่จะมาแจ้งกับเราค่ะ

    สำหรับที่พักที่เราเลือกนั้นเป็นแบบส่วนตัว และเลือกเป็นโซน Premium Lounge (แบบไม่สูบบุหรี่) โซนนี้จะอยู่ลึกเข้าไปข้างในจัดเป็นห้องเฉพาะ มีแผงกั้นและมีพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าด้านนอก ราคาจะแพงกว่าแบบเปิด แต่ด้วยความตั้งใจว่าจะใช้เลาจ์แห่งนี้ในการหลับพักผ่อนก็เลยเลือกตรงนี้ที่คิดว่าน่าจะนอนหลับได้สนิทแบบสบายใจ

    เราได้บูธ A หมายเลข 401 เพราะไปจองห้องโซนนี้เป็นคนแรก (รีบมากกลัวเต็ม 555) ภายในบูธมีพื้นที่เหยียดแข้งเหยียดขาพอสมควรสามารถวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้และมีพื้นที่พอให้กางออกเก็บของ ในส่วนของเก้าอี้ในบูธนี้จะเป็นแบบ Reclining Chairs ปรับแอนนอนได้เหมาะเตียงของเราในคืนนี้นั่นเอง

    ภายในนอกจากเก้าอี้แอนนอนแล้วยังมีทีวีให้ดูพร้อมหูฟังให้ฟังเสียงแบบไม่รบกวนผู้ใด และมีคู่มือใช้บูธแบบคร่าว ๆ ให้ราวกับเรากำลังเข้าพักนอนโรงแรมห้องหนึ่งอยู่

    ความใส่ใจเล็ก ๆ เขามีให้ก็คือ มีไม้แขวนเสื้อสำหรับแขวนเสื้อผ้าของเราให้ด้วย

    นอกจากนั้นภายในยังมีปลั๊กสำหรับชาร์ตแบตให้ด้วยนะ ใครกลัวว่าจะไม่มีที่ชาร์ตแบตกล้องหรือมือถือละก็หายห่วง

    Cr: pinoypassportstamps.blogspot.com

    หลังจากพักผ่อนนอนเล่นนอนจริงไปสักพักก็ถึงเวลาตีสอง อันเป็นเวลาที่ถึงคิวของเราไปใช้บริการห้องอาบน้ำ ขั้นตอนของการเข้าใช้ห้องน้ำก็คือก่อนอื่นให้เดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อมาคอนเฟิร์มว่าถึงคิวเราแล้ว พนักงานเขาก็จะมอบตระกร้าใส่เสื้อผ้า ไดร์เป่าผม กุญแจห้องน้ำ (ต้องเข้าห้องที่เราได้กุญแจมานะ)และเหรียญสำหรับใช้อาบน้ำมาให้ด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้พกผ้าขนหนูมาเองสามารถเช่ากับพนักงานได้

    ตอนที่รับกุญแจคุณพนักงานเขาก็จะชี้แจงกับเราถึงวิธีการใช้ห้องอาบน้ำ โดยเราจะมีเวลาในการใช้ห้องอาบน้ำ 45 นาที ใน 45 นาทีนี้น้ำฝักบัวจะไหล่ให้เราอาบได้ 15 นาที หากอยู่เกินเวลาไฟก็จะดับลง และอาจมีคนรอต่อคิวเรา หากยังเป่าผมไม่เสร็จก็มานั่งเป่ากันตรงห้องแต่งตัวได้

    Cr: kansai-airport.or.jp

    เมื่อได้รับอุปกรณ์ไปอาบน้ำแล้ว ก็ถึงเวลาไปอาบจริง ในโซนห้องอาบน้ำนั้นจะแบ่งออกเป็นโซนแต่งตัว ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ บริเวณโซนแต่งตัวตรงนี้จะมีโฟมล้างหน้าและสำลีเช็ดหน้าไว้ให้ด้วยล่ะ มาแปรงฟันกันตรงนี้ได้ ทั้งยังมีล็อกเกอร์หยอดเหรียญไว้ให้เก็บของมีค่าด้วย

    ด้านนี้เป็นโซนห้องอาบน้ำด้วยความที่ไม่ได้มีห้องอาบน้ำจำนวนมาก ก็เลยเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเราต้องลงชื่อต่อคิวรออาบน้ำนั่นเอง

    เมื่อไขกุญแจตามหมายเลขห้องที่ได้มาแล้ว เลื่อนประตูเข้าไปภายในให้เราเอากุญแจเสียบเข้ากับช่องเสียบเพื่อให้ไฟในห้องติดก่อน

    ด้านข้างจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำหรือสัมภาระต่าง ๆ ของเราพร้อมกับไม้แขวนเสื้อ

    สำหรับพื้นที่ในการอาบน้ำของเราก็คือ ห้อง Shower House นี้นั่นเอง ซึ่งเราก็จะผลักประตูห้องนี้เข้าไปอาบน้ำกัน และแน่นอนว่ามีวิธีใช้คร่าว ๆ ติดอยู่ที่หน้าห้องด้วย

    เมื่อเข้ามาแล้ว ก่อนอื่นให้หยอดเหรียญที่ได้รับมาจากพนักงานลงไปในเครื่องก่อน จากนั้นก็จะมีตัวเลขสีแดงขึ้นเพื่อจับเวลาน้ำไหล โดยระหว่างอาบเราสามารถกดปุ่นสีแดงเพื่อหยุดน้ำและเวลาได้ด้วย เมื่อจะให้น้ำไหลต่อก็กดปุ่มสีฟ้า

    ข้อควรระวังคือต้องปิดประตูห้อง Shower House ให้สนิทนะจ๊ะ ไม่งั้นน้ำจะไม่ไหล และน้ำจะหยุดทันทีที่เปิดประตูของห้องนี้ (แต่จะกลับมาไหลต่อเมื่อปิดประตูสนิทหากเวลายังไม่หมดนะ)

    ส่วนตัวคืออาบได้สบายดีน้ำอุ่นสบายใจ 15 นาทีที่น้ำไหลก็ไม่ได้เร็วเกินไปนะอาบน้ำ สระผมได้ทันเวลาอยู่ และหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่งตัวเรียบร้อยจะเป่าผมในห้องน้ำหรือไปนั่งเป่าที่โซนแต่งตัวเพื่อดูกระจกไปด้วยก็ได้ตามสบายเลย

    หลังจากอาบน้ำแล้วเราก็ไปดื่มอะไรอุ่น ๆ สักแก้วก่อนจะนอนหลับไปโดยตั้งนาฬิกาไว้ว่าจะตื่นมาตอนหกโมงเพื่อเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ ซึ่งตอนเช็คเอาท์ออกนี่แหละที่จะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายที่เราเข้าพักที่นี่ เราเสียไปทั้งหมด 4,220 เยน (ค่าชั่วโมงเข้าพัก 3,910 เยน + ค่าอาบน้ำ 310 เยน) เท่ากับว่าเรามานอนพักที่นี่เป็นเวลาทั้งหมด 9 ชั่วโมงนั่นเอง

    จริง ๆ แล้วเราถือว่าค่อนข้างแพงนะในการมานอนคนเดียว เพราะราคานี้สามารถนอนโฮสเทลหรือโรงแรมถูก ๆ ได้อยู่ แต่ดีตรงที่คุ้มค่าในเรื่องความสะดวกสบาย ไม่ต้องจองล่วงหน้าเข้าพักได้เลยและเหมาะกับคนที่บินมาถึงญี่ปุ่นตอนดึก ไม่มีรถไฟเข้าเมืองนั่นแหละ

    คำแนะนำสำหรับการ นอนสนามบินคันไซ Kansai airport lounge

    1. ที่นี่เป็นเลาจ์สำหรับพักผ่อนที่ไม่มีเตียงนอนแต่มีบูธพักผ่อนแบบส่วนตัวและเก้าอี้ที่แอนนอนได้ มาพักผ่อนนอนหลับได้ แต่ไม่สบายเท่าโรงแรม
    2. เหมาะสำหรับผู้ที่มาถึงสนามบินเวลารถไฟหมดและไม่อยากนั่งแท็กซี่เข้าเมือง
    3. สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนช่วงครู่แล้วเดินทางต่อออกจากเมืองโอซาก้าก็เหมาะจะพักที่นี่เหมือนกัน
    4. หากไม่ต้องการเข้าพักภายในเลาจ์แต่ก็สามารถเสียเงินเข้ามาอาบน้ำในห้องอาบน้ำที่นี่ได้เช่นกัน (แต่ราคาจะแพงกว่าหน่อย)
    5. เครื่องดื่มฟรีมีให้ดื่มไม่อั้นไม่ว่าจะร้อนเย็นบริเวณ Drink Bar เว้นแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอลนะ
    6. เลือกแบบบูธที่พักให้เหมาะกับลักษณะการเข้าพักของเราและจำนวนคนที่มาด้วยกัน
    7. การคำนวนเวลาในการเข้าพักที่นี่สำคัญมาก เพราะเขาจะเก็บเงินเราตอนเช็คเอาท์ไม่ใช่เช็คอิน ฉะนั้นถ้าอยู่เกินเวลาที่ตัวเองคิดไว้ก็เสียเงินเยอะขึ้นตามระเบียบ
    8. สามารถมาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ช่่วงกลางคืนอาจคนเยอะและเต็มได้ ยังไงเมื่อมาถึงแล้วตั้งใจจะพักที่นี่ให้รีบมาดูมาเลือกก่อน
    9. หากเข้าพักและต้องการอาบน้ำด้วยให้แจ้งพนักงานตั้งแต่ตอนเช็คอิน
    10. ไม่ต้องนอนรวมกับคนเยอะ ๆในโซน Aero Plaza ที่เปิดให้นอนฟรีและไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ

    ข้อสรุป

    Kansai airport lounge เป็นอีกหนึ่งทางเลือกและเป็นที่พึ่งยามยากของผู้ที่มาบินมาถึงญี่ปุ่นในช่วงห้าทุ่มจนถึงหกโมงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่รถไฟไม่ให้บริการ หากไฟลท์บินของคุณดีเลย์จนแผนเปลี่ยน ต้อง นอนสนามบินคันไซ ละก็ลองมาพักที่เลาจ์นี้ดูได้นะ

    เผื่อใครอยากประหยัดที่ Kansai Airport มีโซนให้นอนพักได้ฟรีอยู่ด้วยนะ อ่านรายละเอียดได้ที่ลิงก์ด้านล่างจ้า

    นอนสนามบิน คันไซ แบบประหยัด ปลอดภัย ที่ Aero Plaza สบายใจ ไม่ตกเครื่อง

    บางครั้งเมื่อไฟลท์บินไม่เป็นใจ หรือกลัวมาไม่ทันเดินทางไฟลท์เช้า การนอนค้างที่สนามบินรอเวลาคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เอาใจคนอยากเที่ยวภูมิภาคคันไซด้วยข้อมูล นอนสนามบิน คันไซ แบบประหยัด ปลอดภัย สบายใจ ไร้ปัญหา ต้อง Aero Plaza เลย

Meiji Step RakuRaku Cube LP R3
Meiji Step RakuRaku Cube LP R4
HWA ハワ

Blogger : HWA ハワ

? บล็อกเกอร์ชื่อประหลาด ติดโยเกิร์ต ตระเวนกินไอศกรีม ชอบดูหนัง รักการเดินทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ประเทศที่ไปกี่ครั้งควาามรู้สึกก็แตกต่างกัน จึงอยากซอกแซกไปให้ทั่ว เพราะชอบความสุขและบรรยากาศสนุก ๆ ระหว่างการเดินทาง ??

311 Posts

Meiji Step RakuRaku Cube LP R5

สถานที่เที่ยว

| Feature
Meiji Step RakuRaku Cube LP R6

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515

Meiji Step RakuRaku Cube LP R7