ฮิโรชิมา (Hiroshima) ในอดีตเป็นเมืองหนึ่งบนเกาะฮอนชูที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก เพราะมีด้านชัยภูมิที่มีลักษณะเป็นอ่าว ทั้งยังมีการออกแบบผังเมืองที่ดีมานานกว่า 100 ปี แต่ภายหลังที่นี่กลับกลายเป็นศูนย์บัญชาการรบแนวหน้าของประเทศเมื่อครั้งที่เกิดสงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่น สงครามยืดเยื้อออกไปจนกลายเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เมืองฮิโรชิมากลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของระเบิดปรมาณู และถึงแม้ว่าเมืองแห่งนี้จะถูกทำลายไปมาก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นเมืองที่มีความสวยงามและเต็มไปด้วยความทรงจำ และยังเป็นที่ตั้งของ 2 สถานที่สำคัญที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) : ศาลเจ้าลอยน้ำที่สวยงามที่สุด
หลังจากข้ามฝั่งมาได้แล้ว เราจะได้รับการต้อนรับจากกวางท้องถิ่นที่เดินอยู่รอบเกาะ กวางเหล่านี้เป็นกวางป่าอย่างแท้จริง ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เพราะฉะนั้นต้องเล่นและถ่ายภาพพวกมันด้วยความระมัดระวังสักหน่อย ที่สำคัญเจ้ากวางทั้งหลายนั้นชอบกระดาษมาก หากถือกระดาษอยู่อาจโดนมันคาบไปได้
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) มีทำเลที่ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิมา (Miyajima) ตามตำนานกล่าวไว้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่สถิตของธิดาแห่งเทพพายุและท้องทะเลทั้ง 3 องค์ และเทพแห่งดวงอาทิตย์อามาเทราสุอีกด้วย
ความโดดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ที่ประตูโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางท้องทะเล มีโครงสร้างการออกแบบที่แข็งแรงแบบไร้ตะปูตอก มีพื้นที่บางส่วนที่ยื่นออกไปในทะเล ทำให้ที่นี่ถูกกล่าวขานว่าเป็นศาลเจ้าลอยน้ำเมื่อถึงช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง
และหากล่องเรือมาใกล้บริเวณศาลเจ้าแล้วจะสามารถมองเห็นเสมือนว่าศาลเจ้าและประตูโทริอิสีแดงนั้นกำลังล่องลอยอยู่บนผืนน้ำจริง ๆ และในช่วงเวลาที่น้ำลดต่ำลง นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินเข้าไปชมความมหัศจรรรย์อันสวยงามนี้ได้อย่างใกล้ชิดที่บริเวณฐานของประตูโทริอิ
และด้วยความสวยงามเช่นนี้เองทำให้ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำเมืองฮิโรชิมาสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ภายในศาลเจ้าถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วนตามกาารใช้งานในอดีต รวมไปถึงศาลเจ้าขนาดเล็กที่ตั้งอยู่รวมกันด้านใน โดยทุกส่วนถูกเชื่อมต่อเข้าหากันด้วยทางเดินกว้างขวางที่มีลักษณะคดเคี้ยวไปมา เป็นการเดินอยู่ในบริเวณศาลเจ้าที่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
ความสวยงามของศาลเจ้าวิวทะเลนี้ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ทำให้ที่นี่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเกาะมิยาจิมาอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ถือเป็นช่วงแห่งการจุดดอกไม้ไฟด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มระดับความสวยงามให้แก่ศาลเจ้ายิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ที่ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะจะมีการจุดดอกไม้ไฟติดต่อกันเป็นจำนวนกว่า 50,000 นัด โดยจุดต่อเนื่องนานกว่าหนึ่งชั่วโมง แสงสว่างจากดอกไม้ไฟส่องสะท้อนบนผิวน้ำสีครามเกิดเป็นภาพความสวยงามอร่ามตา ประทับใจไม่รู้ลืม
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (厳島神社)
ที่อยู่ | 1-1 Miyajima-cho, Hatsukaichi, Hiroshima Prefecture, Japan 739-0588 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย San-yo Line มาลงสถานี Miyajimaguchi แล้วเดินอีก 5 นาทีไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิมา |
เวลาทำการ | 06.30-18.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 100 เยน |
โทรศัพท์ | 0829-44-2020 |
Welcome to Miyajima |
A-Bomb Dome(原爆ドーム): ซากโดมแห่งความทรงจำ
Hiroshima Peace Memorial หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า Genbaku Dome นั้นก็เปรียบเหมือนเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์แห่งความสูญเสียเมื่อครั้งที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีที่ตั้งอยู่ใน Hiroshima Peace Memorial Park ซึ่งเป็นสวนแห่งความทรงจำที่ตั้งอยู่กลางเมืองฮิโรชิมา ที่นี่เป็นศูนย์รวมสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึก
ในอดีตนั้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของเมือง ฮิโรชิมา รูปแบบการก่อสร้างถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาว Czech ที่ชื่อว่า Jan Letzel ซึ่งรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปแห่งนี้ถือว่ามีความโดดเด่นมาก เมื่อเทียบกับบ้านเรือนในสมัยก่อนที่สร้างด้วยไม้และมีแค่ 2 ชั้น
ที่นี่ถูกเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง และในที่สุดก็มาลงตัวที่ชื่อ Hiroshima Prefectural Industrial Promotion Hall โดยถูกใช้เป็นพื้นที่ในการประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมของเมืองฮิโรชิมา จนเมื่อเข้าสู่สงคราม ที่นี่ถูกเปลี่ยนเป็นศูนย์บัญชาการการรบ และท้ายที่สุดก็ถูกทำลายโดยระเบิดปรมาณูเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945
โดมแห่งนี้ถูกสงครามอันโหดร้ายทำลายจนเสียอย่างหนัก เหลือไว้เพียงตัวอาคารส่วนหนึ่งและโครงเหล็กของยอดหลังคาโดมไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น และเมื่อเข้าสู่ช่วงการบูรณะเมืองนั้นก็เคยมีการวางแผนจะรื้อซากปรักหักพังแห่งนี้ออกไป แต่ก็มีชาวเมืองบางส่วนที่เห็นต่างและอยากเก็บโดมแห่งนี้ไว้ จนกระทั่งปี 1966 มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะอนุรักษ์โดมแห่งนี้ไว้ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Atomicbomb Dome” (A-bomb Dome)
ปัจจุบันที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1996 เป็นที่เรียบร้อยเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงความน่าสะพรึงกลัวของระเบิดปรมาณู และถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพของโลกอีกด้วย
ในทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมายังโดมหลังนี้เพื่อเยี่ยมชมส่วนหนึ่งของความเสียหายจากสงครามที่คงเหลืออยู่ และที่เราจะได้พบเห็นอยู่เสมอที่นี่คือกลุ่มเด็กนักเรียนที่ทางโรงเรียนพามาทัศนศึกษาเพื่อให้เด็ก ๆ ได้หวนรำลึกถึงความทรงจำในอดีตและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ
Memorial Tower to the Mobilized Students
ที่อยู่ใกล้กันกับ A-bomb Dome นั้นคือ “Memorial Tower to the Mobilized Students” เป็นอีกหนึ่งอนุสรณ์สถานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการใช้แรงงานเด็กเมื่อครั้งที่เกิดสงคราม เนื่องจากความต้องการแรงงานมีสูงมากจึงต้องเกณฑ์เด็กนักเรียนไปช่วยงาน ทำให้เด็กเหล่านี้ถูกระเบิดสังหารเสียชีวิตไปมากกว่า 6,300 ราย เมื่อสิ้นสุดสงครามจึงมีการระดมทุนเพื่อสร้างหอคอยแห่งนี้ขึ้น
Cenotaph for the A-bomb Victims
Cr: visithiroshima.net
และพื้นที่ตรงกลางที่อยู่ระหว่าง A-bomb Dome และ Memorial Tower to the Mobilized Students นั้นเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงของดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้ โดยมีการออกแบบให้เป็นรูปทรงของอานม้า และมีการสลักรายชื่อของผู้เสียชีวิตทุกคนทุกชนชาติเอาไว้ที่นี่
Hiroshima Peace Memorial Museum
เพื่อเป็นการศึกษาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราสามารถเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial Museum ได้ในราคาคนละ 50 เยนเท่านั้น โดยตัวอาคารจะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ภายในจะมีการจัดแสดงภาพความสูญเสีย ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน และข้าวของเครื่องใช้ที่หลงเหลือให้ได้ชมกัน
Children’s Peace Monument
อีกหนึ่งอนุสาวรีย์ที่มีความสำคัญก็คือ Children’s Peace Monument เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงหนูน้อยซาดาโกะ ซาซากิผู้โชคร้ายที่ได้รับรังสีจากเหตุการณ์ระเบิดเมื่ออายุ 2 ขวบ และหลังจากนั้นเธอก็เริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคลูคิเมียซึ่งเป็นผลจากการได้รับรังสีนั่นเอง เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1955 เพื่อนสนิทของเธอที่ชื่อว่าชิสุกะได้เดินทางมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลและเริ่มพับนกกระเรียนตัวแรกให้เธอพร้อมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการพับนักกระเรียนให้เธอฟัง จากนั้นซาดาโกะก็เริ่มพับนกกระเรียนให้ครบ 1,000 ตัว พร้อมกับอธิษฐานให้ตัวเธอเองหายป่วย แต่ท้ายที่สุดแล้ว คำอธิษฐานของเธอไม่สัมฤทธิ์ผล หนูน้อยซาดาโกะได้เสียชีวิตลงในเช้าวันที่ 25 ตุลาคม ปี 1955
เมื่อซาดาโกะจากไป เพื่อนร่วมชั้นของเธอร่วมกลุ่มกันเพื่อการระดมทุนจากเด็กนักเรียนมากกว่า 3,100 โรงเรียน ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พฤษภาคม ปี 1958 ซึ่งก็คือวันเด็กของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง โดยยอดของอนุสาวรีย์คือรูปปั้นของเด็กหญิงยืนชูนกกระเรียนสีทองไว้เหนือหัว เด็กคนนั้นก็คือหนูน้อยซาดาโกะ
Atomicbomb Dome(原爆ドーム)
ที่อยู่ | 1-10 Otemachi, Naka Ward, Hiroshima, Hiroshima Prefecture 730-0051, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Astramline มาลงสถานี Kencho-Mae แล้วเดินอีก 7 นาที |
ราคา | ค่าเข้าชม Hiroshima Peace Memorial Museum : 50 เยน |
Visit HIROSHIMA |
สะพานคินไตเคียว (錦帯橋) : 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
Iwakuni, Yamaguchi, Japan at Kintaikyo Bridge over the Nishiki River at dusk.
หากเดินทางมา เที่ยวฮิโรชิมา ทั้งทีก็ขอแนะนำให้แวะมาที่สะพานคินไตเคียวแห่งนี้ด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองฮิโรชิมาแต่ก็เดินทางมาไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจาก A-bomb Dome แต่รับรองว่ามาแล้วคุ้มค่าการเดินทางแน่นอนเพราะสะพานแห่งนี้มีความสวยงามมาก ๆ แนะนำให้มาช่วงซากุระเพื่อจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่ทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก
สะพานคินไตเคียว มีลักษณะเป็นสะพานไม้โบราณที่มีความสวยงามติดอันดับ 1 ใน 3 ของสะพานที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น สะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่ทอดยาวพาดผ่านแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki River) ข้ามไปสู่ปราสาทอิวาคูนิ (Iwakuni Castle) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอีกฝากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ
Kintai Bridge Arch bridge and Reflection Iwakuni Cityscape
ตัวสะพานมีความยาวถึง 193 เมตร กว้าง 5 เมตร และมีทั้งหมด 5 โค้งด้วยกัน ในอดีตฐานของสะพานแห่งนี้ถูกออกแบบให้สร้างด้วยหิน ส่วนรูปแบบการสร้างนั้นจะใช้ไม้และเส้นเหล็กมัดติดกัน ซึ่งเป็นหลักการที่ใช้มานานนับร้อยปีแล้ว นั่นหมายความว่าสะพานนี้สร้างโดยไม่ใช้ตะปูในการยึดติดไว้เลย
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปนาน สะพานนั้นก็ถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ จึงมีการบูรณะสะพานขึ้นใหม่เพื่อให้แข็งแรงขึ้นและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนได้อย่างในปัจจุบันนี้เอง
ช่วงที่สวยที่สุดที่ควรมาท่องเที่ยวที่นี่คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเราจะได้พบกับดอกซากุระที่แข่งกันผลิดอกเบ่งบานสะพรั่งไปทั่วทั้งพื้นที่ ทั้งบริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่ง และบนภูเขาที่อยู่รายล้อม กลายเป็นภาพของวิวสะพานที่สวยงามที่สุดนั่นเอง แต่ซากุระของที่นี่จะร่วงเร็วกว่าที่อื่นสักหน่อย เพราะฉะนั้นแนะนำให้มาไวสักนิด
สะพานคินไตเคียว (錦帯橋)
ที่อยู่ | 1-14-51 Imazumachi, Iwakuni city Yamaguchi, Japan 740-8585 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Gantoku Line มาลงสถานี Kawanishi แล้วเดินอีก 18 นาที |
เวลาทำการ | เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ค่าข้ามสะพาน 300 เยน |
โทรศัพท์ | 0827-29-5116 |
Website | สะพานคินไตเคียว (錦帯橋) |
ข้อสรุป
บอกแล้วว่าการไปเที่ยว ฮิโรชิมา มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจและคุ้มค่าต่อการเดินทางจริง ๆ ทุกสถานที่นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่รอให้เราได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ เพราะแม้จะเป็นอดีตอันโหดร้ายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้อง “ลืม” ซึงความงดงามในปัจจุบันนั้นคงเป็นสิ่งที่บอกว่า ทุกสิ่งเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ความประทับใจของเมืองฮิโรชิม่า จะไม่หมดเพียวเท่านี้ ยังมีอีกหลายที่รอคุณอยู่ ลองมาดูกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งวันเต็มๆกับสถานที่ท่องเที่ยวในฮิโรชิมา จะน่าสนุกขนาดไหน ลองดูบทความนี้กัน
ทริปสุดมันส์!!! 1 วัน ไปกับ Jr Pass Hiroshima ใบเดียวเที่ยวทั่วฮิโรชิม่า
Jr Pass Hiroshima ใบเดียว ที่เมืองฮิโรชิม่า ถ้าพูดถึงเมืองที่เที่ยวง่ายที่สุดในญี่ปุ่น ก็ฮิโรชิม่าเนี่ยแหละ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เที่ยวง่ายไม่แพ้กัน สำหรับการเดินทางภายในเมืองนี้ ถ้าใครมี JR Pass ก็สามารถใช้เที่ยวเมืองนี้ได้สบายๆ พอมีพาสก็เดินทางสะดวก ใบเดียวเอาอยู่เที่ยว Hiroshima ฟินๆ ทั้งที่เที่ยวและร้านอาหารครบจบที่นี่