มารู้จัก “Yakushima” กันสักนิด
เกาะ Yakushima ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู จังหวัด Kagoshima โดยใช้เวลานั่งเรือเฟอร์รี่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือเครื่องบินจาก Kagoshima ประมาณ 35 นาที เกาะนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เส้นรอบวงประมาณ 130 กิโลเมตร แต่เชื่อไหมว่าภายในพื้นที่เล็กๆ นี้ กลับเต็มไปด้วยระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ (UNESCO World Heritage) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 นับเป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในด้านธรรมชาติโดยเฉพาะเลยนะ
Yakushima ถูกยกย่องว่าเป็น “เกาะต้นแบบของระบบนิเวศที่สมบูรณ์” เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพที่สูงมากในพื้นที่จำกัด ภายในเกาะจะเห็นได้ชัดเจนถึงการแบ่งระดับของระบบนิเวศ (Vertical Ecosystem) ตั้งแต่ป่ากึ่งเขตร้อนบริเวณชายฝั่งไปจนถึงป่ากึ่งแอลไพน์ที่ยอดเขาสูง สัตว์ป่าและพืชพรรณก็เปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงด้วยเช่นกัน
บนเกาะมีพืชพรรณกว่า 1,900 ชนิด รวมถึงพืชหายากที่พบได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น เช่น ดอก Yakushima Rhododendron ซึ่งบานสวยมากในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากต้นซีดาร์แล้ว ยังมีต้นไม้มอสที่ขึ้นหนาแน่นทั่วเกาะจนถูกขนานนามว่าเป็น “เกาะแห่งมอส (Moss Island)” หรือ “Princess Mononoke’s Forest” เพราะป่าที่เต็มไปด้วยมอสหนาๆ นี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นระดับตำนานของ Studio Ghibli อย่าง Princess Mononoke อีกด้วย! มันจึงเป็นสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับคนรักธรรมชาติ นักปีนเขา ช่างภาพธรรมชาติ และแน่นอนสายสูตดิโอจิบลิ ! (แบบที่ไม่ต้องพึ่ง Ai)
เกาะแห่งนี้ยังมีฉายาว่าเป็น “ป่าแห่งเทพเจ้า” หรือ Forest of Gods เกาะนี้เป็นที่ตั้งของป่าดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะต้นสนยักษ์พันธุ์ซีดาร์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า Yaku-sugi (屋久杉) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะชื่อว่า Jōmon Sugi (縄文杉) มีอายุมากถึงประมาณ 2,000-7,000 ปี! คิดดูสิว่าต้นไม้ต้นนี้อยู่มาตั้งแต่ยุคหินเลยนะ มหัศจรรย์แค่ไหนล่ะเนี่ย !
สำหรับไฮไลท์ที่น่าสนใจ
ป่าดึกดำบรรพ์และต้นสนซีดาร์โบราณ (Yakusugi)
ต้นสน Yakusugi คือสนซีดาร์ญี่ปุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 1,000 ปีขึ้นไป ซึ่งความพิเศษของต้นสนเหล่านี้ก็คือ ยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งสวย มีลำต้นขนาดใหญ่และบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยลวดลายธรรมชาติสุดอัศจรรย์
ต้นสนที่โดดเด่นที่สุดคือ Jōmon Sugi (縄文杉) ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Yakushima อายุประมาณ 2,000-7,000 ปี และมีเส้นรอบวงประมาณ 16 เมตร เชื่อกันว่าต้นนี้เติบโตมาตั้งแต่สมัยยุคหิน (ยุค Jōmon ของญี่ปุ่น) การเดินทางไปพบต้นนี้จะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปสัมผัสประวัติศาสตร์โบราณที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เลยล่ะ
อีกต้นที่แนะนำมากๆ คือ Wilson’s Stump หรือ “ตอวิลสัน” นี่คือต้นสนซีดาร์เก่าแก่ที่ถูกโค่นลงเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ส่วนที่เป็นตอยังคงเหลืออยู่ โดยเมื่อเธอเข้าไปในตอไม้ขนาดยักษ์นี้แล้วมองขึ้นไป จะเห็นเป็นรูรูปหัวใจสวยงาม เป็นอีกหนึ่งจุดที่สายถ่ายรูปต้องไปเช็กอิน!
ภูมิอากาศที่มีฝนตกชุกตลอดปี
ความโดดเด่นของเกาะ Yakushima ยังอยู่ที่ลักษณะทางภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก เกาะนี้มีภูเขาสูงที่ยอดสูงที่สุดคือ ยอดเขา Miyanoura (宮之浦岳) สูงถึง 1,936 เมตร ซึ่งถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคิวชูด้วยนะ ทำให้บนเกาะมีสภาพอากาศที่หลากหลายมาก ภูเขาสูงทำให้เมฆฝนจากทะเลมาติดยอดเขาบ่อยๆ จนเกิดปรากฏการณ์ที่ฝนตกชุกอย่างมาก เฉลี่ยปีละกว่า 4,000–10,000 มิลลิเมตรเลยทีเดียว (เยอะกว่าไทยประมาณ 4-10 เท่า!) จนคนท้องถิ่นชอบพูดติดตลกว่าวันที่ฝนตกคือ “35 วันต่อเดือน” ดังนั้นเวลาไป Yakushima ต้องเตรียมเสื้อกันฝนดีๆ ไปด้วยนะ
เส้นทางเดินป่าสำหรับขาลุยธรรมชาติ !
ช่วงที่เหมาะสมกับการเดินทางคือฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) แต่ก็ยังต้องเตรียมชุดกันฝนไว้เสมอ เพราะฝนมาได้ทุกเมื่อ ! โดยเส้นทางเดินป่าที่เราแนะนำ จะมี 2 เส้นทางด้วยกัน
1. เส้นทางเดินชมต้น Jōmon Sugi
ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร (ไป-กลับ) ใช้เวลาเดินประมาณ 9-10 ชั่วโมง เส้นทางนี้ถือว่าท้าทายพอสมควร เพราะต้องเดินบนทางไม้ ทางหิน ทางชื้นๆ ที่เต็มไปด้วยมอส แต่บรรยากาศสุดยอด คุ้มเหนื่อยสุดๆ ไฮไลท์คือการได้เจอต้น Jōmon Sugi แบบใกล้ชิด มันคือประสบการณ์ที่ตราตรึงใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ
2. เส้นทาง Shiratani Unsuikyo
ระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง จุดเด่นคือวิวของป่าที่ปกคลุมไปด้วยมอสหนาๆ ราวกับฉากใน Princess Mononoke ของสตูดิโอ Ghibli เดินง่ายกว่า Jōmon Sugi และเหมาะกับการถ่ายรูปสวยๆ แบบฟีลป่าลึกลับ
สำรวจน้ำตกโอโกะ (Oko no Taki)
น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน “น้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น” ความสูงของน้ำตกประมาณ 88 เมตร มีปริมาณน้ำไหลลงมามหาศาลโดยเฉพาะหลังฝนตก ทำให้ได้ภาพน้ำตกสุดอลังการ เป็นจุดพักผ่อนที่ดีเยี่ยม สามารถนั่งเล่นพักเหนื่อย ถ่ายรูป และสูดอากาศบริสุทธิ์จากน้ำตกสวยๆได้อย่างเต็มที่
ยากูชิมะ (Yakushima)
ที่อยู่ | Yakushima, Kumage District, Kagoshima |
วิธีเดินทาง | จากสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) มีเที่ยวบินวันละหนึ่งรอบระหว่างฟุกุโอกะและ Yakushima ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website |
วิธีการเดินทาง
เนื่องจากที่เที่ยวแห่งนี้เป็นเกาะทางใต้ ฉะนั้นการเดินทางจึงทำได้หลากหลายเลย เราขอแนะนำ 2 รูปแบบ คือ
1. โดยเครื่องบิน
– จากสนามบินคาโกชิมะ (Kagoshima Airport):
มีเที่ยวบินหลายเที่ยวต่อวันจากสนามบินคาโกชิมะไปยังสนามบิน Yakushima ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวปกติประมาณ 19,000 เยน
– จากสนามบินโอซาก้า (Itami Airport):
Japan Air Commuter มีเที่ยวบินวันละหนึ่งรอบระหว่างสนามบิน Itami ของโอซาก้าและ Yakushima ใช้เวลาบินประมาณ 100 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียวปกติประมาณ 44,000 เยน
– จากสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport):
มีเที่ยวบินวันละหนึ่งรอบระหว่างฟุกุโอกะและ Yakushima ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารเที่ยวเดียวปกติประมาณ 32,000 เยน
2. โดยเรือเฟอร์รี่
จะโดยสารด้วยเรือเจ็ทฟอยล์ความเร็วสูง (Toppy & Rocket) เรือเจ็ทฟอยล์นี้ออกจากท่าเรือคาโกชิมะไปยังท่าเรือ Miyanoura หรือ Anbo บนเกาะ Yakushima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
1. อุทยานแห่งชาติ Yakushima
อุทยานแห่งชาติ Yakushima คือดินแดนป่าดึกดำบรรพ์ที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ตั้งอยู่บนเกาะที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของธรรมชาติบริสุทธิ์ ปกคลุมด้วยต้นสนซีดาร์โบราณ (Yakusugi) อายุกว่าพันปี โดยเฉพาะต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Jomon Sugi ที่ยืนหยัดผ่านกาลเวลานานนับพันปี บรรยากาศภายในป่าดูลึกลับสวยงาม ปกคลุมด้วยมอสสีเขียวหนาแน่น และเต็มไปด้วยความชุ่มชื้นจากสายฝนที่ตกตลอดปี เป็นจุดหมายสำคัญที่นักเดินป่าทั่วโลกต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต
อุทยานแห่งชาติ Yakushima
ที่อยู่ | Yakushima, Kumage District, Kagoshima |
วิธีเดินทาง | จากท่าเรือ Miyanoura (宮之浦港) ขับรถหรือนั่งรถบัสประมาณ 40 นาที ไปยังจุดเริ่มต้นเดินป่าที่ Arakawa Trail Entrance หรือบริเวณ Shiratani Unsuikyo สำหรับเส้นทางเดินป่าแต่ละจุดภายในอุทยาน |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | อุทยานแห่งชาติ Yakushima |
2. น้ำตกเซนปิโระ (Senpiro Falls)
น้ำตกเซนปิโระคือหนึ่งในน้ำตกที่มีความโดดเด่นที่สุดของเกาะ Yakushima น้ำตกแห่งนี้มีความสูงกว่า 60 เมตร โอบล้อมด้วยหุบเขาหินแกรนิตขนาดมหึมา ซึ่งเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามอลังการมาก เมื่อมองจากจุดชมวิวด้านบนจะเห็นน้ำตกไหลลงสู่แอ่งน้ำด้านล่างตัดกับภูมิทัศน์ภูเขาสีเขียวสดใสโดยรอบ สวยราวกับภาพวาดเลยทีเดียว ยิ่งช่วงหลังฝนตกหนัก น้ำตกจะยิ่งมีพลังสวยงามมากขึ้น ถือเป็นจุดชมธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพไม่ควรพลาด
น้ำตกเซนปิโระ (Senpiro Falls)
ที่อยู่ | Mugio, Yakushima, Kumage District, Kagoshima 891-4202 |
วิธีเดินทาง | จากท่าเรือ Anbo (安房港) ขับรถประมาณ 20 นาที หรือจากท่าเรือ Miyanoura ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากลานจอดรถเดินเท้าต่อเพียงประมาณ 5-10 นาทีก็จะถึงจุดชมวิวของน้ำตก |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | น้ำตกเซนปิโระ (Senpiro Falls) |
3. ชายหาด Nagata Inakahama (จุดดูเต่าทะเลวางไข่)
ชายหาด Nagata Inakahama (จุดดูเต่าทะเลวางไข่)
ชายหาด Nagata Inakahama ถือเป็นหาดทรายขาวที่สวยงามและสำคัญระดับโลกในฐานะจุดวางไข่ของเต่าทะเลสายพันธุ์ Loggerhead Turtle และ Green Turtle ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมของทุกปี เต่าทะเลจะขึ้นมาวางไข่บนหาดแห่งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แสนพิเศษแบบใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเป็นชายหาดที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกดินอันแสนโรแมนติก พร้อมวิวทะเลที่เงียบสงบ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน Yakushima
ที่อยู่ | Nagata, Yakushima, Kumage District, Kagoshima 891-4201 |
วิธีเดินทาง | จากท่าเรือ Miyanoura ขับรถประมาณ 30 นาทีมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ หรือนั่งรถบัสสาย Nagata ลงที่ป้าย Nagata Inakahama แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาทีถึงชายหาด |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | ชายหาด Nagata Inakahama (จุดดูเต่าทะเลวางไข่) |
สรุป
ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเกาะแห่งนี้ เป็นเกาะที่อาจเรียกได้ว่าสวรรค์แห่งธรรมชาติ ที่นี่คือหนึ่งในไม่กี่ที่ของโลกที่มีป่าดึกดำบรรพ์โบราณซึ่งยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ต้นสนซีดาร์ Yakusugi อายุกว่าพันปีและต้นไม้ระดับตำนานอย่าง Jomon Sugi ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี รอให้เราได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง สำหรับสายเที่ยวธรรมชาติที่ไม่อยากซ้ำใคร เราขอแนะนำให้มาที่เกาะยากูชิมะ (Yakushima) แห่งนี้เลย !