การเที่ยวญี่ปุ่นให้คุ้มค่าในเรื่องของการเดินทาง การท่องเที่ยวด้วย พาส (Pass) ต่าง ๆ นั้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวของเราได้เพียบ
อย่าง YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS ที่สามารถพาเราเดินทางไปได้ไกลตั้งแต่ย่านอาซากุสะโตเกียวจนถึงเมืองไอสุวากามัตสึ (Aizu Wakamatsu) จังหวัดฟุคุชิมะ
YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS เน้นให้เราเดินทางเที่ยวสบาย ๆ นั่งรถไฟชิลล์ ๆ เที่ยวได้โดยเริ่มเดินทางจากอาซากุสะไปเที่ยวที่นิกโก้ (Nikko) เมืองที่มีมรดกโลกอันสวยงาม ไปได้ไกลถึงเมือง Kitakata ของจังหวัดฟุคุชิมะ ทั้งยังสามารถใช้เดินทางกลับมาในระยะเวลาที่กำนหนดไว้ในพาสได้ด้วย
โดยเลือกได้ว่าเราจะเดินทางจากสถานีไหนและไปสิ้นสุดที่สถานีไหน ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามระยะทางนั่นเอง และถ้าใช้พาสนี้ในการท่องเที่ยวแล้วยังได้รับส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วยนะ
เอาล่ะหลายคนคงเริ่มสนใจว่าพาสคุ้มๆ แบบนี้จะพาเราไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง บอกเลยว่าเพียบ! ไปชมได้ตั้งแต่มรดกโลกสุดอลังการ สัมผัสบรรยากาศชิลล์ๆ ในเมืองเล็ก ได้จนถึงแช่ออนเซ็นที่แหล่งกำเนิด!
รีวิวเที่ยวด้วย YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS ไปไหนได้บ้าง!
พาสนี้ไปเที่ยวนิกโก้เมืองมรดกโลกได้
อย่างที่บอกว่าพาสนี้คุ้มค่า เพราะเดินทางจากอาซากุสะในย่านโตเกียวไปยังนิกโก้เมืองมรดกโลกสุดฮิตที่ใคร ๆ ก็อยากมาเยือน ซึ่งที่นิกโก้นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย โดยเฉพาะวัดวาอารมและศาลเจ้าต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างงดงาามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ต่อจากนี้จะขอมารีวิวว่าเราใช้พาสนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง!
Rinnoji Daizenin Nitenmon (輪王寺大猷院 二天門)
ขอเกริ่นก่อนว่าช่วงเวลาที่เราเดินทางไปนั้นเป็นช่วงเดือนกันยายนที่ญี่ปุ่นอากาศก็เริ่มเย็นสบายเป็นบรรยากาศที่เหมาะจะเที่ยวเล่นเป็นที่สุด เริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นอยู่บ้างประปราย
ที่แรกที่เราไปเยือนนั้นคือ Rinnoji Daizenin Nitenmon วัดเก่าแก่ที่มีความสวยงาม อลังการและประณีต ซึ่งหาชมได้ยาก
อีกทั้งบรรยากาศที่ร่มเย็นจากเหล่าต้นไม้สูงใหญ่ ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากจะเพลินกับการเดินทางชมความสวยงามของวัดวาอารมแล้ว ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
Nikko Futarasan Jinja (日光二荒山神社 拝殿)
Nikko Futarasan Jinja เป็นหนึ่งในพิกัดที่ไม่ควรพลาดมาชมในนิกโก้ เพราะศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุยาวนานกว่าพันปี มีบรรยากาศสุดขลังและอบอวลไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ดูเหมือนว่าจะศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความรักซะด้วยเพราะมีป้ายเขียนขอพรเป็นรูปหัวใจสุดน่ารัก ทั้งยังมี power spot ที่จะมอบพลังให้เรา ใครตั้งใจจะมาขอพรไม่ควรพลาดศาลเจ้าแห่งนี้
Nikko Toshogu (日光東照宮)
มานิกโก้แล้วไม่ได้มา Nikko Toshogu เนี่ย บอกเลยนะว่าเหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่คือแลนด์มาร์กของเมืองนี้ โดยเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญกับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นถึงมรดกโลกประจำชาตินั่นเอง
การตกแต่งของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นจะมีการออกแบบมาเป็นพิเศษโดยเน้นที่การแกะสลักและประดับประดาด้วยทองเพื่อให้เกิดแสงระยิบระยับ เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพแห่งแสงสว่างด้วยนั่นเอง
โดยเฉพาะรูปสลักลิงปิดหู ปิดตาและปิดปากอันเป็นจุดเด่นอีกอย่างของศาลเจ้าแห่งนี้ มาถึงกันแล้วก็อย่าลืมมาดู
ภายในมีบริเวณกว้างขวาง มีเจดีย์แดงที่สูงราว Tokyo Skytree อยู่ด้วย เป็นศาลเจ้าที่ตระการตา พอได้ไปมาแล้วถึงเข้าใจว่าที่นี่สวยงามมากและเหมาะที่จะได้รับเลือกเป็นมรดกแห่งวัฒนธรรมที่งดงามชิ้นหนึ่งของโลกใบนี้เลยจริงๆ
Shinkyo Bridge (神橋)
Shinkyo Bridge หรือสะพานแดงที่หลาย ๆ คนเรียกกันก็เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองนิกโก้อีกเช่นเดียวกัน ด้วยทิวทัศน์ที่มองเห็นไปพร้อมกับสะพานแห่งนี้ยัง จึงติดอันดับ 1 ใน 3 ของสะพานที่แปลกตาที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
การจะเดินขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานนั้นจะต้องเสียค่าเข้าชมนิดหน่อย แต่บอกเลยว่าเดินขึ้นมาบนสะพานนี้แล้วจะยิ่งได้เห็นทิวทัศน์สวย ๆ ที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล บอกเลยว่าเป็นภาพที่สวยจับใจเลยล่ะ
พาสนี้ไปเที่ยวได้ถึงฟุคุชิมะ สนุกกับเมืองสงบไอสึวากามัตสึ
นอกจากพาสนี้จะพาเราไปเที่ยวที่นิกโก้ได้แล้ว เรายังสามารถนั่งรถไฟไปยาว ๆ ถึงเมืองไอสุวากามัตสึของจังหวัดฟุคุชิมะ ที่เมืองแห่งนี้มีบรรยากาศสงบ น่ารักและมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่เพียบจนไม่อยากให้พลาด
Iimori yama hill
ที่แรกที่แนะนำให้ไปเที่ยวกันในเมืองนี้คือจุดชมวิวบนภูเขาที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองไอสุวากามัตสึแห่งนี้ได้ทั้งเมือง
会津さざえ堂 Sazaedo temple
ไม่ไกลจากจุดชมวิวอันสวยงามแล้ว ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่อีกหนึ่งแห่ง คือวัดที่มีชื่อว่า Sazaedo ความพิเศษของวัดแห่งนี้คือมีรูปทรงเป็นหกเหลี่ยม ทำจากไม้ทั้งหมดด้วยลักษณะพิเศษนี้จึงทำให้ที่นี่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
โดยทางเดินภายในวัดแห่งนี้นั้นจะเป็นทางลาดให้เราได้เดินขึ้นไป จึงอาจจะต้องระวังสักหน่อย บรรยากาศภายในวัดจะค่อนค้างขลังอยู่มากทีเดียว สำหรับใครที่ชอบสถานที่แปลก ๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้ละก็พลาดไม่ได้
Sazaedo temple
ที่อยู่ | Takizawa-155 Itsukimachi Oaza Yahata, Aizuwakamatsu, Fukushima 965-0003 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานี Aizu-Wakamatsu มาขึ้นรถที่ป้าย Wakamatsuekimae จากนั้นลงที่สถานี Iimoriyamashita จากนั้นเดินประมาณ 6 นาที |
เวลาทำการ | เดือนเมษายนถึงธันวาคม 8.15-ช่วพระอาทิตย์ตกดิน เดือนมกราคมถึงมีนาคม 9.00-16.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน นักเรียนมัธยมปลาย 300 เยน นักเรียนมัธยมต้น 200 เยน |
Oyakuen (御薬園)
มาต่อกันที่สวนสวยแห่งเมืองไอสุวากามัตสึที่จะมีการจัดแสดงพืชพรรณไม้ต่าง ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาล และนอกจากควมสวยงามของเหล่าดอกไม้ใบหญ้าแล้วภายในสวนยังมีโซนให้เราได้จิบชาเขียวพร้อมชมวิวสวย ๆ อีกด้วย
ภายในสวนจะมีการจัดโซนทั้งในสไตล์ญี่ปุ่นและโซนที่เป็นสไตล์ยุโรปอยู่ด้วยกัน ข้ามมาแล้วจะได้สัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของเหล่าพันธุ์ไม้และการตกแต่งอันงดงามของสวนแห่งนี้
Aizu samurai residence (会津武家屋敷)
เมืองไอสุวากามัตสึแห่งนี้คือดินแดนแห่งซามูไร เราก็ต้องไม่พลาดที่จะมาเรียนรู้เรื่องราวของเหล่าซามูไรกันซะหน่อยกับที่นี่ Aizu samurai residence
ที่นี่ จะจำลองวิธีการใช้ชีวิตของเหล่าครอบครัวซามูไรให้อดีตให้เราได้เห็นผ่าน บ้านพักของตระกูลซามูไรในอดีต
โดยจัดแสดงบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นให้เราได้ชมกว่า 38 ห้อง ตั้งแต่ชนชั้นเจ้านายไปจนถึงคนรับใช้ในสมัยนั้น
นอกจากเรื่องราวการเรียนรู้วิธีขีวิตซามูไรแล้ว ที่นี่ย้งมีการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของดีของอร่อยของเมืองไอสุวากามัตสึ รวมไปถึงสินค้าคุณภาพของฟุคุชิมะด้วย
Higashiyama Onsen
ถึงไอสุวากามัตสึจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ที่นี่ก็มีย่านออนเซ็นอยู่ด้วยนะ แน่นอนว่าเราก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเยือน Higashiyama Onsen ซึ่งเป็นย่านออนเซ็นกลางหุบเขาของเมืองนี้
บรรยากาศของย่านออนเซ็นแห่งนี้มีความร่มรื่นย์ หากมาในช่วงเดือนกันยายนอย่างเราก็จะได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีสวยงาม แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวบรรยากาศก็จะยิ่งสวยขึ้นไปอีก
ความพิเศษของที่นี่คือมีออนเซ็นแช่เท้าให้ได้แช่กันฟรี ๆ มาแช่เท้าผ่อนคลายกันให้สบายใจก่อนได้ เค้าเปิดให้บริการตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่มเลยนะ
ในบริเวณย่านออนเซ็นแห่งนี้ก็จะมีเรียวกังหลากหลายให้เราได้เลือกเข้าพักแนะนำให้จองโรงแรมนอนค้างที่นี่ เราได้เข้าพักที่ Harataki Ryokan ที่นี่เป็นเรียวกังเก่าแก่บรรยากาศอบอุ่นพร้อมด้วยบริการชั้นเลิศ และที่นี่ยังมีออนเซ็นให้เราได้แช่ทั้งแบบกลางแจ้ง ในร่ม และยังมีให้บริการออนเซ็นส่วนตัวที่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มนิดหน่อย
แน่นอนว่าเนื่องจากเป็นเรียวกังก็ต้องมีการให้บริการอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าด้วย บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ และเขาบริการเราด้วยอาหารชั้นดี เรายังมาสามารถเดินไปตักอาหารที่อยู่ในโซนบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมได้อีกด้วย
Tsurugajo ( 鶴ヶ城)
มาไอสุวากามัตสึบอกเลยว่าคุณจะพลาดแลนด์มาร์กแห่งนี้ไปไม่ได้ ปราสาท Tsurugajo แห่งนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองซึ่งมีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังไม่แพ้ปราสาทแห่งไหนในญี่ปุ่น ในปราสาทได้จัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของปราสาทและเมืองไอสุวากามัตสึเอาไว้
ที่ชั้นบนสุดของปราสาทยังสามารถขึ้นไปชมวิวสวย ๆ ของเมืองนี้ได้ด้วย
ในบริเวณปราสาทยังมีโรงน้ำชาเก่าแก่ ที่เคยเป็นที่ทำพิธชงชาของเหล่าขุนนางในสมัยก่อนอยู่ด้วย มาที่นี่แล้วเราสามารถจิบชาเขียวกับขนมญี่ปุ่น และเพลิดเพลินไปกับสถานที่แห่งนี้ได้
Nanukamachi Street (七日町通り)
อีกพิกัดที่ห้ามพลาดของเมืองนี้คือ Nanukamachi Street ถนนที่เหมาะกับการเดินเล่นชิลล์ ๆ
ตลอดสองข้างทางเราได้จะเห็นร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมทั้งยังจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น บอกเลยว่าถ้าใครชอบเดินถนนคนเดิน หรือรักสินค้าพื้นบ้านจะต้องเดินเล่นบนถนนสายนี้จนเพลินลืมเวลา
เหล่าของกินและขนมอร่อย ๆ ก็มีเพียบ รวมไปถึงของฝาก ใครมาเที่ยวที่นี่ก่อนจบทริปบอกเลยว่าช้อปได้ตามสบาย ของน่าช้อปเพียบ !
ซื้อพาสนี้ที่ไหน ซื้อยังไงดี?
ยกตัวอย่างกันไปแล้วกับสถานที่ที่น่าสนใจซึ่งพาสสุดพิเศษ สำหรับใครที่เริ่มสนใจ YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS จะพาเราไปได้ สำหรับใครที่เริ่มสนใจพาสนี้จะมีขายเฉพาะ โดยจะสามารถซื้อได้ทั้งจากบริษัททัวร์อน่าง Tobu Top Tours, JTB แต่ที่มีชัวร์ ๆ แน่ ๆ ก็คือที่สถานี Asakusa Station Travel Center แห่งนี้
ยกตัวอย่างกันไปแล้วกับสถานที่ที่น่าสนใจซึ่งพาสสุดพิเศษ สำหรับใครที่เริ่มสนใจ YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS จะพาเราไปได้ สำหรับใครที่เริ่มสนใจพาสนี้จะมีขายเฉพาะ โดยจะสามารถซื้อได้ทั้งจากบริษัททัวร์อน่าง Tobu Top Tours, JTB แต่ที่มีชัวร์ ๆ แน่ ๆ ก็คือที่สถานี Asakusa Station Travel Center แห่งนี้
ที่นี่จะมีทั้งศูนย์ให้บริการการท่องเที่ยวของทาง TOBU Railway ที่พร้อมจะให้บริการและยินดีตอบคำถามต่าง ๆ ให้แก่เรานักท่องเที่ยวมือใหม่
และแน่นอนว่ามี YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS จำหน่ายด้วย โดยก่อนจะซื้อนั้นแนะนำให้เรากำหนดจุดหมายปลายทางในการเดินทางของเราก่อน ว่าจะเริ่มจาก Asakusa ไปสิ้นสุดที่สถานีไหน
และที่เคาน์เตอร์นี้เรายังสามารถซื้อตั๋วรถไฟ Limited express เพิ่มความรวดเร็วหรือเลือกขึ้นรถไฟขบวนพิเศษได้
เมื่อกำหนดได้แล้ว เราก็จะได้พาสมาเป็นที่เรียบร้อย ใครอยากนั่งรถไฟขบวนพิเศษให้แจ้งไปได้เลยว่าจะนั่งจาก Asakusa ไปถึงสถานีไหน อย่างของเรานั่งยาวไปจนถึงสถานี Shimo imaichi แล้วจากนั้นไปเปลี่ยนรถไฟเพื่อไปต่อยังสถานี Tobu nikko ในส่วนนี้จะต้องเพิ่มเงินค่ารถไฟขบวนด่วนนี้นิดหน่อย
ส่วน YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS ก็จะได้รับมาแยกกัน ในส่วนนี้จะใช้งานได้ทั้งหมดสี่วันจากวันที่เราซื้อตั๋ว ทางเจ้าหน้าที่เค้าจะประทับตราด้วยนะว่าเราใช้ตั๋ววันไหนบ้าง เนื่องจากเราตั้งใจจะไป ไอสุวากามัตสึพาสนี้ เราจึงเลือกพาสที่สามารถนั่งไปได้ยาวถึง Kitakata เลย
และนี่ก็คือรถไฟขบวนด่วนพิเศษของเรา โดยรถไฟขบวนพิเศษแบบนี้จะมีรอบรถและเวลาระบุเอาไว้ชัดเจนแล้ว พร้อมทั้งยังล็อกที่นั่งสำหรับคนที่จองไว้ล่วงหน้าด้วย อย่าลืมสังเกตกันให้ดี ๆ
ที่อยู่ | 1-4-1 Hanakawado, Taito, Tokyo 111-0033 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มาลงที่สถานี Asakusa ออกทางประตู 7 ต่อจากนั้นเดินมาเพียง 1 นาที |
เวลาทำการ | 7.20-19.00 น. |
YUTTARI AIZU TOBU FREE PASS เป็นพาสที่สามารถพาเราเที่ยวได้ไกลจากโตเกียวไปยันฟุคุชิมะ ในราคาสุดคุ้ม และเนื่องจากตัวพาสสามารถใช้ได้เป็นระยะเวลายาวถึง 4 วัน จึงหมาะกับคนที่มีเวลาในการมาเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า 4 วัน อยากสัมผัสกับญี่ปุ่นในหลาย ๆ บรรยากาศ เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวแบบชิลล์ ๆ นั่งรถไฟฟิน ๆ ตลอดระยะเวลาการเดินทางด้วยพาสนี้ คุณจะได้เห็นทิวทัศน์สวย ๆ จากบนรถไฟที่ไม่มีกับการเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและราคาของพาสได้ที่นี่
http://www.tobu.co.jp/foreign/en/pass/aizu.html (ภาษาอังกฤษ)
บอกเลยว่าเดินทางได้ไกลและราคาประหยัดขนาดนี้ไม่มีคุ้มเกินใครแน่นอน !