เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
มาชิโกกุ ก็ต้องมาที่นี่ เนินทรายทตโตริ เนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ใครมาที่นี่ต้องนึกว่าตัวเองอยู่ที่ทะเลทรายอียิปต์แน่นอนเลย เพราะจะเจอแต่พื้นที่กว้างใหญ่ที่มีทรายสีเหลืองเต็มไปหมด และห้ามพลาดไฮไลท์สำคัญที่จะทำให้เราได้พบกับวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทะเลอันกว้างใหญ่ เด็ดขาด นั่นก็คือ “อุมะ โนะ เสะ” จุดชมวิวที่เป็นเนินทรายสูงสุด จะทำให้ได้เห็นธรรมชาติที่อยู่รอบๆ บริเวณเนินทรายได้ชัดขึ้น แถมข้างๆ ยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายอีกด้วยนะ
ขอแนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว เพราะจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงขอเนินทรายนี้อย่างชัดเจนเลยแหละ ฤดูใบไม้ร่วงจะมีทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ ส่วนฤดูหนาวล่ะก็เนินทรายกลายเป็นเนินหิมะไปเลย ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันก็เป็นพวก ขี่ม้า ขี่อูฐเดินเล่นชมทัศนียภาพของที่นี่ อยากให้ทุกคนได้ลองมากันนะ แล้วจะติดใจ
เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
ที่อยู่ | 2164-971 Yuyama, Fukube, Tottori, Tottori 689-0105 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Tottori มายังป้ายรถบัสประมาณ 230 เมตร ขึ้นรถบัสไปลงที่ ป้าย Kodomonokuniiriguchi และเดินต่อไปยังเนินทรายทตโตริอีกประมาณ 1 นาที |
เวลาทำการ | 09.00 – 17.00 น. |
Website | sakyu-vc (ภาษาญี่ปุ่น) |
สวนอุตสึบูกิ (Utsubuki Park)
ใครกำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่สามารถชมดอกซากุระได้ล่ะก็ ต้องมาที่นี่เลย เพราะที่นี่ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น พอเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาชมความสวยงามของดอกซากุระกัน ทั่วทุกพื้นที่ในสวนจะมีแต่สีชมพูอ่อน สดใสสุดๆ ตอนกลางคืนก็มีการประดับไฟให้ได้เห็นความสวยงามไปอีกแบบ จุดไฮไลท์ก็จะเป็นสะพานสีแดงที่ตัดกับสีสมพูขาวของดอกซากุระ ใครสายถ่ายรูปล่ะก็ต้องชอบแน่นอน
และถ้ามาฤดูอื่นต้นไม้ใบหญ้าก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อย่างฤดูใบไม้ร่วงก็จะเห็นสีแดง สีส้ม เต็มไปหมด ฤดูหนาวก็จะมีดอกทสึบะกิสวยงาม ก็คือเที่ยวได้ทั้งปีเลยทีเดียว นอกจานี้ที่สวนอุตสึบุกิยังมีหอที่เป็นจุดชมวิวอีกด้วย ถ้าขึ้นไปก็จะมองเห็นวิวของเมืองคุระโยชิอีกด้วย
สวนอุตสึบูกิ (Utsubuki Park)
ที่อยู่ | Nakanocho, Kurayoshi, Tottori 682-0824 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Kurayoshi ไปยังที่ป้ายรถบัส ประมาณ 170 เมตร และนั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Kurayoshi และเดินต่อไปยังสวนอุตสึบูกิ อีกประมาณ 9 นาที |
เวลาทำการ | 24 ชั่วโมง |
Website | kurayoshi (ภาษาญี่ปุ่น) |
หมู่บ้านซามูไร (Matsue Former Samurai District)
หมู่บ้านซามูไร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีเสน่ห์มากๆ เราสามารถเข้าไปชมบรรยากาศของหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่นี้ได้ รวมไปถึงอาคารมัตสึเอะ บูเกะยาชิกิ บ้านพักของตระกูลซามูไรที่เรืองอำนาจระดับต้นๆ ในอดีต ที่ตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม ใครชอบสถานที่ท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมต้องถูกใจแน่นอน จะได้พบกับบรรยากาศรอบๆ ที่มีกลิ่นอายความเก่าแก่สุดๆ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจดจำมากๆ เลย
หมู่บ้านซามูไร (Matsue Former Samurai District)
ที่อยู่ | 1206-2 ,Hanyuu, Yatsuka, Matsue, Shimane 690-1492 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Matsue-Shinjiko-Onsen นั่งรถบัสมาประมาณ 4 นาที ลงรถป้าย Kokuhomatsuejokenchozen จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 11 นาที ก็จะถึงหมู่บ้านซามูไร |
เวลาทำการ | 1 เมษายน – 30 กันยายน เปิด 8.30-18.30 น. ( เข้าชมได้ถึง 18.00 น.) / 1 ตุลาคม – 31 มีนาคม เปิด 8.30-17.00 น (เข้าชมได้ถึง 16.30 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 310 เยน (กลุ่ม 240 เยน) / นักเรียนประถมและมัธยมต้น 150 เยน (กลุ่ม 120 เยน) / ชาวต่างชาติ 210 เยน (เด็ก 100 เยน) |
Website | matsue-bukeyashiki (ภาษาญี่ปุ่น) |
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมาเนะ (Shimane AQUAS Aquarium)
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ในชูโกกุ และเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่เพาะพันธุ์ปลาโลมาและวาฬเบลูกา แถมยังมีการจัดแสดงความสามารถของวาฬเบลูกาที่สามารถเป่าลูกโป่งเป็นรูปวงแหวนได้ ทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวเลย และไม่ใช่ว่ามีแค่สัตว์สองชนิดเท่านั้นนะ แต่ยังมีอีกเพียบ ทั้งเจ้าแพนกกวินตัวกลม ปลานานาชนิด สัตว์น้ำอีกเกือบ 400 ชนิดเลยทีเดียว
ในตัวพิพิธภัณฑ์จะมีอุโมงค์ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่สามารถเดินผ่านได้ ระหว่างทางเดินก็จะได้เห็นสัตว์ทะเลแหวกว่ายกันเต็มไปหมด มีปลาฉลามด้วยนะ ถ้าออกมาข้างนอกก็จะได้พบกับทะเลฮามาดะ เพราะว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
ชิมะเนะแห่งนี้ตั้งยู่ติดกับทะเล เย็นๆ หน่อยจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ บรรยากาศดี กิจกรรมเพียบ ยังไงก็ต้องมาให้ได้เลยนะ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมาเนะ (Shimane AQUAS Aquarium)
ที่อยู่ | 1117-2 Kushirocho Hamada, Shimane 697-0004 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR จากสถานี Kushiro มาลงที่สถานี Hashi และเดินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมะเนะ ใช้เวลาประมาณ 13 นาที / เดินจากสถานี Kushiro มาขึ้นรถบัสที่ป้าย Hisayo (Hamada-shi)มาลงที่ป้าย Nishi Hashi และเดินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมะเนะ ประมาณ 4 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 น. * ปิดทุกวันอังคาร* |
ราคา | ทั่วไป : ผู้ใหญ่ 1,550 เยน เด็กประถม – มัธยมปลาย 500 เยน / กลุ่ม : ผู้ใหญ่ 1,250 เยน นักเรียนประถม – มัธยมปลาย 400 เยน *ราคากลุ่มจะนำมาปรับใช้เฉพาะในกรณีที่มีผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะเดียวกันจำนวน 20 คนขึ้น ไป โดยสมาชิกทุกคนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในเวลาเดียวกัน |
Website | aquas (ภาษาไทย) |
สวนสาธารณะฟูจิ (Fuji Park)
อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย (ดอกฟูจิ) ที่ย้อยลงมาเป็นทางเดินย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งมันสวยมากๆ ที่นี่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะได้รวบรวมสายพันธุ์ดอกวิสทีเรียไว้ถึง 100 สายพันธุ์ อุโมงค์นี้มีความยาวประมาณ 500 เมตร ถ้าได้เดินเข้าไปล่ะก็หาทางออกไม่เจอแน่ เพราะจะหลงอยู่กับความสวยงามและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่กระจายอยู่ไปอุโมงค์แน่นอนเลย
Cr: okayama
แนะนำให้มาช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม จะได้เห็นดอกวิสทีเรียสีขาวและสีชมพู ที่สามารถหาดูได้ยาก แต่ว่าที่นี่มี เพราะฉะนั้นก็ห้ามพลาดเด็ดขาด
Cr: okayama
สวนสาธารณะฟูจิ (Fuji Park)
ที่อยู่ | 1893 Fujino, Wake, Wake, Okayama 709-0412 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Yoshinaga มายังสวนสาธารณะฟูจิ ใช้เวลาประมาณ 8 นาที |
เวลาทำการ | 8.00 – 21.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน (250 เยนสำหรับกลุ่ม 15 คนขึ้นไป) / เด็ก (นักเรียนมัธยมต้นนักเรียนประถม) 150 เยน (กลุ่ม 15 คนขึ้นไป 100 เยน) * ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าสวนโดยเด็ดขาด |
Website | fujiMatsuri (ภาษาญี่ปุ่น) |
เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
ใครชอบสถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ล่ะก็ อยากให้ลองมาที่นี่ดู เพราะที่นี่เจ็มไปด้วยบ้านเรือนญี่ปุ่นสีขาวสะอาดตา รูปร่างหน้าตาเป็นแบบสมัยก่อน เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำคุราชิกิ ใครมาที่นี่ก็จะได้พบกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายเลย ทั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Ohara Museum of Art) โรงงานทอผ้าที่เคยเป็นสถานที่สำคัญของ Kurashiki มาบูรณะขึ้นใหม่ เป็นต้น
Cr: okayama
กิจกรรมก็มีให้ทำหลากหลายไม่มีเบื่อ จะนั่งเรือชมความสวยงาม นั่งสามล้อ ใส่ชุดยูกะตะถ่ายรูปเล่น และถ้ามาในช่วงมีนาคมล่ะก็ ห้ามพลาดเทศกาลประดับไฟเลย เพราะตลอดทั้งพื้นที่จะมีแสงไฟอยู่ทั่วไปหมด เพลิดเพลินจนไม่อยากกลับเลยแหละ
เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
ที่อยู่ | Honmachi, Kurashiki, Okayama 710-0054 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสสาย 55 จากสถานี Kurashiki มาลงที่ป้าย Oharabijutsukan และเดินต่อไปยัง เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6 นาที |
Website | okayama (ภาษาไทย) |
ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)
ปราสาทฮิโรชิม่านั้น สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1589 แต่ได้รับความเสียหายจากระเบิด และที่เห็นในปัจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมที่บูรณะสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนสภาพเดิม เป็นปราสาทที่ถ้าพูดถึงญี่ปุ่นก็คงจะนึกถึงปราสาทนี้
เป็นอันดับต้นๆ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ ตั้งตระหง่านอยู่กลางสายน้ำที่รายล้อม เวลาเห็นเงาสะท้อนมาที่พื้นน้ำจะเป็นภาพที่สวยงามมากๆ
ตัวปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นบนสุดจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองฮิโรชิมะได้ทั่วเลย ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเจอกับความสวยงามของดอกซากุระ และถ้าฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นสีแดง สีส้ม จากการเปลี่ยนสีของต้นไม้ ต้องเป็นภาพที่สวยมากๆ แน่
ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)
ที่อยู่ | 21-1, Motomachi, Naka, Hiroshima 730-0011 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Hiroshima ไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Hiroshima ที่อยู่ห่างออกมาประมาณ 130 เมตร และมาลงที่ป้าย Godo Chosha และเดินต่อไปยัง ปราสาทฮิโรชิม่า ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | เดือนมีนาคม – เดือนพฤศจิกายน : 09.00 – 18.00 น. (เข้าชมได้ถึง 17.30 น.) / เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ : 09.00 – 17.00 น. (เข้าชมได้ถึง 16.30 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 370 เยน / ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) และนักเรียนมัธยม 180 เยน / นักเรียนมัธยมต้น และเด็กเล็ก ฟรี |
Website | rijo-castle (ภาษาญี่ปุ่น) |
สวนโมมิจิดานิ (Momijidani)
สวนโมมิจิดานิ หรือเรียกอีกอย่างว่า “หุบเขาใบไม้แดง” เพราะมีต้นเมเปิ้ลจำนวนมาก มีหลากหลายสายพันธุ์ ประมาณ 700 ต้น พอถึงฤดูใบไม้ร่วงล่ะก็ แดง ส้ม มาเต็มแน่นอน สวยงามมากๆ แถมยังมีต้นไม้อื่นๆ ที่ให้ร่มเงาอีกเพียบ สวนนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขามิเซน ทอดยาวไปตามแม่น้ำ เดินชมกันได้ยาวๆ เลย
นอกจากนี้ยังอยู่ใก้ลกับสะพานคินไตเคียว ที่เป็น 1 ใน 3 สะพานไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วแวะมาภูมิภาคชูโกกุก็ห้ามพลาดเด็ดขาดเลย จะไปสวนโมมิจิดานิก่อนแล้วมาที่สะพานนี้ก็ไม่เลวเลยนะ 2 ที่เที่ยวใกล้ๆ กันเลย
สวนโมมิจิดานิ (Momijidani)
ที่อยู่ | Momijidani, Miyajima, Hatsukaichi, Hiroshima 739-0541 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากท่าเรือ JR West Miyajima Ferry มาลงอีกฝั่ง และเดินต่อไปยัง สวนโมมิจิดานิ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 40 นาที |
Website | miyajima (ภาษาญี่ปุ่น) |
ศาลเจ้าโมโตโนะซุมิอินาริ (Motonosumi Inari)
ศาลเจ้าโมโตโนะซุมิอินาริ ถูกสร้างขึ้นในปี 1955 ว่ากันว่าศาลเจ้าโมโตโนสุมิอินาริแห่งนี้เกิดจากเทพเจ้าที่แปลงเป็นสุนัขจิ้งจอกมาเข้าฝันชาวประมงเพื่อให้สร้างศาลเจ้าขึ้นที่นี่ เราจึงจะเห็นว่าที่ศาลเจ้านี้จะมีการตกแต่งด้วยรูป
สุนัขจิ้กจอกสีขาวด้วย จุดเด่นของศาลเจ้านี้คงไม่พ้น เสาโทริอิ สีแดงประมาณ 123 ต้น เรียงกันไปจนถึงปลายหน้าผาที่ยาวประมาณ 100 เมตร มาถึงสุดทางก็จะเห็นวิวทะเลที่สวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูปสุดๆ
นอกจากนี้เหล่านักท่องเที่ยวจะเดินลอดเสาโทริอิเพื่อขอพร ทั้งเรื่องค้าขาย การประสบความสำเร็จทางธุรกิจต่างๆ แถมที่นี่ยังมีกล่องทำบุญที่เป็นกล่องไม้วางไว้บนยอดเสาสีแดงตรงทางเข้า ให้ผู้ที่มาเยือนได้โยนเหรียญลงไปในกล่องก่อนที่จะขอพร ถ้าใครโยนเข้าเนี่ย คำอธิฐานอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ
ศาลเจ้าโมโตโนะซุมิอินาริ (Motonosumi Inari)
ที่อยู่ | 498 Yuyatsuo, Nagato, Yamaguchi 759-4712 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Nagato-Furuichi ไปยังศาลเจ้าโมโตโนะซุมิอินาริ ใช้เวลาประมาณ 13 นาที |
เวลาทำการ | ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก * ไม่อนุญาตให้เข้าในเวลากลางคืน |
Website | motonosumi (ภาษาญี่ปุ่น) |
วัดรูริโคจิ (Rurikoji Temple)
วัดรูริโคจิ วัดดังจังหวัดยามากุจิ ติด 1 ใน 3 เจดีย์ที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และติดอันดับ 10 ที่เก่าแก่ที่สุดอีกด้วย มีลักษณะเป็นเจดีย์ห้าชั้น มีความสุูง 31.2 เมตร ตั้งอยู่ภายในวัด แถมเจดีย์แห่งนี้เป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวที่ก่อตั้งในสมัยปลายปี 1400 อีกด้วย ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงโมเดลจำลองเจดีย์ห้าชั้น และเจดีย์อื่นๆ ของญี่ปุ่นไว้ที่นี่ด้วย ไม่ต้องไปที่อื่น มาที่นี่ก็ได้เห็นครบหมดเลย ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเห็นความสวยงามของดอกซากุระและดอกบ๊วยที่จะบานในฤดูหนาวด้วยนะ เตรียมกล้องไปถ่ายด้วยล่ะ ห้ามพลาดเด็ดขาด
วัดรูริโคจิ (Rurikoji Temple)
ที่อยู่ | 7-1 Kozan, Kozan, Yamaguchi 753-0081 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานี Miyano ไปลงที่ป้าย Nodagakuenmae และเดินต่อไปยัง วัดรูริโคจิ ใช้เวลาประมาณ 18 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 น. |
ราคา | ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ 200 เยน / นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย 100 เยน / นักเรียนประถม 50 เยน |
Website | yamaguchi (ภาษาญี่ปุ่น) |
ข้อสรุป
ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากได้ความรู้สึกถึงความแตกต่างของญี่ปุ่นในแบบสมัยก่อน กับญี่ปุ่นในปัจจุบัน ก็อย่าลืมแวะมาที่ภูมิภาคชูโกกุนะ เพราะอย่างที่เราได้เกริ่นไปว่า ที่นี่มีทั้งฝั่งที่ยังคงความดั้งเดิม และอีกฝั่งมีความเจริญขึ้นมา ให้ได้เลือกเที่ยวกัน แต่ก็อยากให้ลองไปเที่ยวทั้งสองแบบ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งเลย ยังไงก็ฝากสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้แนะนำไว้ในลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวในชูโกกุด้วยนะ