ทำความรู้จัก Mount Hakodate (ภูเขาฮาโกดาเตะ)
Mount Hakodate (ภูเขาฮาโกดาเตะ) ขึ้นชื่อในเรื่องของทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามจนหลายคนอยากไปสัมผัสด้วยสายตาตัวเอง การันตีด้วยด้วยการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 ของจุดชมวิวที่สวยที่สุดในประเทศญี่ป่น ซึ่งประกอบไปด้วยภูเขารอคโค(Mount Rokko) ที่โกเบ(Kobe), ภูเขาอินาซะ(Mount Inasa) ที่นางาซากิ(Nagasaki) แล้วก็ Mount Hakodate (ภูเขาฮาโกดาเตะ) แห่งนี้นั่นเอง โดยที่นี่ตั้งอยู่บริเวณปลายคาบสมุทรทางตอนใต้เรียกได้ว่าเกือบจะกลางใจเมืองฮาโกดาเตะเลยก็ว่าได้ โดยมีความสูงอยู่ที่ 334 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล พอรวมกับตำแหน่งที่ตั้งซึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง ทำให้สามารถมองเห็นท่าเรือและท้องทะเลได้อย่างชัดเจน เป็นภาพที่ผู้มาเยือนต่างประทับใจภาพหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ
จุดเด่นของภูเขาฮาโกดาเตะ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่า Mount Hakodate นั้น ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากหากอยากมองทัศนียภาพของเมืองนี้ ซึ่งบอกเลยว่าสะดวก รวดเร็ว และตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสุดๆ โดยหากเดินทางไปคลละฤดูก็จะได้สัมผัสภาพจำที่แตกต่างกันออกไป
โดยหากคุณมาท่องเที่ยวภูเขาฮาโกดาเตะในช่วงฤดูหนาว พอมองลลงมาด้านล่างก็จะพบกับสีขาวนวลของหิมะ ที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ซึ่งหาดูไม่ได้ในบ้านเรา เรียกว่า “มองความสวยจนลืมความสูงเลยล่ะ” โดยถ้าอยากให้คุ้มค่ากับการเดินทางควรมาถึงในช่วงเวลาราวๆ 15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ยังมีแสงแดดทำให้มองเห็นความสวยงามของหิมะที่ปกคลุมอยู่เบื้องล่าง แต่ฤดูอื่นก็สวยไม่แพ้กันทั้งฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงเวลาที่ใบใบไม้กำลังเปลี่ยนสีผลัดใบ
สำหรับสิ่งที่น่าจะประทับใจนักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่มาเยือน Mount Hakodate นั้นแน่นอนว่าสมคำร่ำลือ นั่นก็คือจุดชมวิวของที่นี่นั่นเอง บอกได้เลยว่าเป็น “วิวหลักล้าน” ที่แท้จริง ไม่ว่าคุณจะเดินทางด้วยวิธีไหน ระหว่างทางก็จะมีสิ่งสวยๆ งามๆ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ ซึ่งช่วงเวลาที่สวยที่สุดที่นักท่องเที่ยวต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันก็คือช่วงระหว่างพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน กับภาพอ่าวฮาโกดาเตะ ท่าเรือ ตัวเมือง และแสงของพระอาทิตย์ยามอัสดง
และพอถึงช่วงเวลาที่มืดสนิท มองลงไปจะเห็นแสงไฟระยิบระยับราวกับดวงดาวนับล้านดวง เป็นความทรงจำที่งดงามขนหลายคนจนอยากจะกลับมาอีกครั้งพร้อมแนะนำให้คนอื่นได้มาเห็น เพราะแต่ละช่วงที่เดียวกันแต่ความสวยงามจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อ่อแล้วใครที่กลัวว่าจะไม่มีของกินสบายใจได้ครับ เพราะข้างบนมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงร้านขายของที่ระลึกอีกด้วยล่ะ
การเดินทางสู่จุดชมวิวและหอดูดาวบน Mount Hakodate
สำหรับการเดินทางมุ่งสู่จุดชมวิวของภูเขาฮาโกดาเตะสามารถเดินทางได้หลายวิธีด้วยกัน แต่ที่ตื่นเต้นและท้าทายมากที่สุดก็คงจะเป็นการขึ้นกระเช้าลอยฟ้า (Mt. Hakodate Ropeway) ที่สถานีโมโตะมาจิ(Motomachi) ซึ่งมีออกทุกๆ 5-10 นาที ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 5 นาที เท่านั้น ซึ่งวิวบนกระเช้าลอยฟ้าก็อย่างที่บอกเอาไว้ตอนต้นว่า “สวยจนลืมความสูง” เตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพเอาไว้ได้เลย (แต่ช่วงนี้เขาปิดปรับปรุง ก่อนเดินทางควรตรวจสอบให้แน่ใจทางเว็บไซต์ https://334.co.jp/en
เวลาทำการของ Mt. Hakodate Ropeway
ช่วงเวลา | รอบแรก | เที่ยวสุดท้ายขาขึ้น | เที่ยวสุดท้ายขาลง |
---|---|---|---|
ระหว่าง 20 เม.ย. – 30 ก.ย. | เวลา 10:00 น. | เวลา 21:50 น. | เวลา 22.00 น. |
ระหว่าง 1 ต.ค. – 19 เม.ย. | เวลา 10:00 น. | เวลา 20:50 น. | เวลา 21.00 น. |
ราคาค่าโดยสาร Mt. Hakodate Ropeway
ช่วงวัย | ตั๋วเที่ยวเดียว | ตั๋ว ไป-กลับ |
---|---|---|
ผู้ใหญ่ | 1,200 เยน | 1,800 เยน |
เด็ก | 600 เยน | 900 เยน |
เด็กอายุ 0-3 ปี | ฟรี | ฟรี |
กรณีเข้าชมเป็นกลุ่ม 15 คนขึ้นไป | มีส่วนลด | มีส่วนลด |
โดยนอกจากการนั่งรถกระเช้าลอยฟ้าแล้ว ยังสามารถเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ อีก โดยเริ่มต้นจาก Hakodate Station
– เดินทางด้วยรถยนต์ ถึงยอดเขาโดยตรง ในช่วงกลางเดือนเมษายน ถึง กลางเดือนพฤศจิกายน (ปิดถนน 17.00-22.00 น.)
-ขึ้นรถบัสสาย 1 ไปลงที่ยอดเขา แต่ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ในหน้าหนาว
-นั่งรถรางลงที่สถานี Jujigai แล้วเดินราว 10 นาที ไปยัง Sanroku Eki-mae แล้วขึ้นกระเช้าลอยฟ้า
-ขึ้นรถ Shuttle Bus สายโรปเวย์เขาฮาโกดาเตะ ไปยัง Sanroku Eki-mae แล้วขึ้นกระเช้าลอยฟ้า
พิกัด Mount Hakodate (ภูเขาฮาโกดาเตะ)
ที่อยู่ | Hakodate, Hakodateyama, Hakodate, Hokkaido |
วิธีเดินทาง | – เดินทางด้วยรถยนต์ ถึงยอดเขาโดยตรง ในช่วงกลางเดือนเมษายน ถึง กลางเดือนพฤศจิกายน (ปิดถนน 17.00-22.00 น.) -ขึ้นรถบัสสาย 1 ไปลงที่ยอดเขา แต่ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ในหน้าหนาว -นั่งรถรางลงที่สถานี Jujigai แล้วเดินราว 10 นาที ไปยัง Sanroku Eki-mae แล้วขึ้นกระเช้าลอยฟ้า -ขึ้นรถ Shuttle Bus สายโรปเวย์เขาฮาโกดาเตะ ไปยัง Sanroku Eki-mae แล้วขึ้นกระเช้าลอยฟ้า |
เวลาทำการ | 10.00-22.00 น. |
ราคา | -ค่าขึ้นกระเช้าลอยฟ้าตั๋วเที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 1,200 เยน, เด็ก 600 เยน -ค่าขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไป-กลับ ผู้ใหญ่ 1,800 เยน, เด็ก 900 เยน |
Website | https://334.co.jp/en |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงภูเขาฮาโกดาเตะ
1. เนินฮาจิมัง-ซากะ
ใครชอบตามรอยซีรีส์หรือภาพยนตร์ ต้องไมพลาดกับการแวะชมเนินฮาจิมัง-ซากะ (Hachiman-Zaka Slope) เพราะที่นี่มักจะใช้สำหรับการถ่ายทำหนึ่งในนั้นก็คือหนังโรแมนติกของบ้านเราอย่าง “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” ด้วยวิวที่ทั้งสวยและโรแมนติก พื้นหลังเป็นท้องทะเล ตัดกับแสงไฟที่ระยิบระยับ ขนาบข้างด้วยต้นไม้เขียวขจี โดยในฤดูหนาวเนินฮาจิมัง-ซากะ จะถูกใช้เป็นที่จัดเทศกาลไฟแสงสี ยิ่งทำให้สวยมากขึ้นไปอีก ใครอยากทำเซอร์ไพรส์ขอแฟนแต่งงาน ที่นี่ก็เหมะสมไม่น้อย
พิกัด เนินฮาจิมัง-ซากะ
ที่อยู่ | Motomachi/Suehirocho, Hakodate-shi |
วิธีเดินทาง | นั่งรถ City Tram จากสถานี Hakodate ไปลงที่ Hakodate Dokku-mae หรือนั่ง JR Hakodate Main Line ลงที่ป้าย Suehirocho จากนั้นเดินต่ออีกราว 5 นาที |
เวลาทำการ | เปิดตลอดเวลา |
ราคา | ฟรี |
Website | – |
2. โกเรียวคาคุ
เมื่อมาเยือนเมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดฮอกไกโด ต้องไม่พลาดมาเช็คอินที่ Goryokaku (ป้อมโงเรียวกาคุ) หรือป้อม “ดาว 5 แฉก” แห่งฮาโกดาเตะ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ปกป้องเมืองนี้ ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้ไม่เพียงแค่ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่ ช่วยลดจุดบอดของวิถีการยิงได้มากขึ้น
ป้อมโงเรียวกาคุ ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย โดยมีการปลูกต้นซากุระเอาไว้โดยรอบมากกว่า 1,600 ต้น สองฝั่งของแนวคูน้ำ ที่สำคัญคือหากใครพลาดเทศกาลชมดอกซากุระจากที่อื่นสามารถมาชมได้ที่นี่ เนื่องจากพื้นที่ของฮอกไกโดจะเข้าสู่ฤดูร้อนช้ากว่าที่อื่นคือราวเดือนพฤษภาคม ทำให้ดอกซากุระของที่นี่ก็จะบานช้ากว่าที่อื่นด้วยนั่นเองครับ
พิกัด Goryokaku
ที่อยู่ | 43-9 Goryokakucho, Hakodate, Hokkaido, Japan |
วิธีเดินทาง | -จากสถานี Hakodate ใช้รถรางสาย 2 และ สาย 5 ลงที่ Goryokaku Koen Mae จากนั้นเดินต่อราว 10 นาที -จากสถานี JR Hakodate นั่งรถ Shuttle bus ไปลงที่หน้าป้อมได้เลย |
เวลาทำการ | 9.00-18.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | – |
3. ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ(Hakodate morning market)
ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ(Hakodate morning market) เป็นที่ที่คนรักการทานของทะเลสดๆ ไม่ควรพลาด แต่ต้องตื่นกันเร็วหน่อย คำถามคือแล้วดชเราต้องทำทานเองหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเราสามารถอิ่มอร่อยกันได้จากตลาดนี้เลย เพราะมีร้านค้าที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยของทะเลสดๆ เช่นข้าวหน้าอาหารทะเลสด ไคเซ็นด้ง หรือหากชอบความท้าทายก็มีร้านตกหมึกให้เราแสดงฝีมือ โดยปลาหมึกที่ตกได้ก็จะนำมาทำเป็นอาหารให้เราได้ทานนั่นเอง
พิกัด ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ
ที่อยู่ | 9-19 Wakamatsu-cho, Hakodate |
วิธีเดินทาง | ลงรถที่สถานี JR Hakodate แล้วเดินอีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงตลาดแล้ว |
เวลาทำการ | 5.00-14.00 น. ขึ้นอยู่กับร้าน |
ราคา | ฟรี |
Website | http://www.hakodate-asaichi.com/taxinfo/en/index.html |
4. Kanemori Red Brick Warehouse
ที่สุดท้ายที่เราอยากแนะนำในวันนี้ก็คือ Kanemori Red Brick Warehouse (โกดังอิฐแดงคาเนโมริ) จุดเด่นของที่นี่ก็คือตัวอาคารรูปทรงคลาสสิกอายุมากกว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวในย่านโมโตมาจิ ย่านนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร ลานเบียร์ ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งบรรยากาศกลางวันและกลางคืนก็จะสวยไปคนละแบบ เดิมทีคือ Kanemori Red Brick Warehouse เป็นเพียงโรงเก็บของ แต่เกิดไฟไหม้ขึ้น จึงได้ทำการสร้างและตกแต่งใหม่ดังที่เราเห็นกันอยู่ในวันนี้
พิกัด Kanemori Red Brick Warehouse
ที่อยู่ | 14-12 Suehirocho, Hakodate-shi |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Hakodate นั่งรถ City Tram หรือ JR Hakodate Main สาย 5 ไปยังสถานี Jujigai จากนั้นเดินต่อราว 5 นาที |
เวลาทำการ | ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน |
ราคา | ฟรี |
Website | https://hakodate-kanemori.com/ |
สรุป
สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น บอกเลยว่า ฮอกไกโด มีที่เที่ยวเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือ Mount Hakodate (ภูเขาฮาโกดาเตะ) จุดชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกหลายแห่ง เรียกว่าวันเดียวไม่พอแน่นอน ซึ่งครั้งหน้าเราจะพาคุณไปเที่ยวที่ไหนนั้น รอติดตามกันได้เลยครับ