ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine) เป็นศาลเจ้าที่สำคัญของศาสนาชินโต
ว่ากันว่าที่นี่นอกจากจะเป็นบ้านเกิดทางจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของศาสนาชินโตในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของเทพีแห่งดวงอาทิตย์อามาเทราสึ (Amaterasu-Omikami) และมีดาบศักดิ์สิทธิ์ (Kusanagi-no-Mitsurugi) เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิญี่ปุ่นด้วย นอกจากนั้นตัวศาลเจ้ายังตั้งอยู่ในสวนที่มีต้นไม้ร่มรื่นทางตอนใต้ของเมืองนาโกย่าช่วงยุคเมจิอาคารของศาลเจ้าได้รับการปรับปรุงใหม่ตามแบบศาลเจ้าอิเสะ ที่จังหวัดมิเอะ โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชินเมอิซึกุริแบบญี่ปุ่นแท้ๆ
ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine) สถานที่แห่งพลังลึกลับใจกลางเมืองใหญ่
มาย้อนกลับไปทำความรู้จักประวัติของศาลเจ้ากันก่อน โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,900 ปี โดยคนในท้องถิ่นเรียกศาลเจ้าแห่งนี้ว่า “Atsuta-san” และได้รับการยกย่องให้เป็นศาลเจ้าที่มีเกียรติมาตั้งแต่สมัยโบราณ ศาลเจ้าแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 190,000 ตารางเมตร และเมื่อเดินผ่านเสาโทริอิของศาลเจ้า คุณจะสัมผัสได้ถึงร่องรอยของประวัติศาสตร์อันยาวนานได้
และแม้ว่าศาลเจ้าจะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่อย่างนาโกย่า แต่บริเวณศาลเจ้าก็ยังคงเงียบสงบ และนักท่องเที่ยวจากทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลกต่างเดินทางมาที่นี่เพื่อสัมผัสกับสถานที่ลึกลับแห่งนี้ซึ่งโอบล้อมไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติมากมาย เหล่าต้นการบูรขนาดใหญ่ อายุกว่าพันกว่าปีเรียงรายหนาแน่น นอกจากนั้นยังมี ต้นเซลโควา ต้นโอ๊ค ต้นบีช และต้นแปะก๊วย ภายในบริเวณศาลเจ้าที่กว้างขวาง ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง
ไฮไลท์สำคัญเมื่อมาเยือนยังศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)
ภายในศาลเจ้ามีจุดท่องเที่ยวแนะนำหลายจุด เรียกว่าอย่าพลาดการเข้าชมอย่างเด็ดขาด เริ่มตั้งแต่
ดาบศักดิ์สิทธิ์ Kusanagi -no-Tsurugi
เมื่อมีโอกาสไปเยี่ยมชมศาลเจ้าอัตสึตะ อย่าลืมไปชมห้องสมบัติ (Kusanagi Kan) ที่ภายในมีของล้ำค่าประมาณ 6,000 ชิ้นที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี รวมถึงดาบสมบัติศักดิ์สิทธิ์โบราณ หน้ากากเต้นรำบุกาคุ และอัตสึตะบง นิฮอนโชกิ สิ่งของที่จัดแสดงจะเปลี่ยนทุกเดือน ของมากกว่า 170 ชิ้นได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติหรือเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดด้วย
เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุซานางิโนะมิสึรุกิ ทำให้ดาบในคอลเลกชันมีจำนวนมากเป็นพิเศษและห้องสมบัติแห่งนี้เป็นที่รู้จักทั่วทั้งญี่ปุ่นในฐานะแหล่งสะสมดาบที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ผู้เยี่ยมชมยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศาลเจ้ากับดาบได้ อีกทั้งเมื่อเข้าชมแล้วสามารถยกดาบตัวอย่างในมุมทดลองได้อีกด้วย เปิดตั้งแต่เวลา 9.00 -16.30 น. ค่าเข้า 500 เยน
ร้านอาหารพื้นเมืองหน้าศาลเจ้า Miyakishimen Jingu
อีกหนึ่งไฮไลท์เมื่อมาเยือนที่ศาลเจ้านี้คือการลองชิมบะหมี่คิชิเมน ที่ร้านมิยะ คิชิเมน จิงกุซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของนาโกย่า เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศสดชื่นล้อมรอบด้วยแมกไม้เขียวขจีที่เนืองแน่นไปด้วยผู้สักการะและนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Atsuta, สถานี Jingumae และสถานี Jingu Nishi ดังนั้นเมื่อได้แวะมาเยี่ยมชมศาลเจ้า Atsuta ก็อย่าลังเลที่จะลองกินเมนู คิชิเมน ใช้เส้นบะหมี่แป้งสาลีที่มีขนาดกว้างและหนาคล้ายกับอุด้ง โดยสาขานี้ซึ่งเปิดตั้งแต่เวลา 9.00 -16.30 น.
ต้นการบูรยักษ์ศักดิ์สิทธิ์ Giant Camphor Tree
แม้ว่าพื้นที่ของศาลเจ้าจะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและเป็นที่รักในฐานะโอเอซิสสำหรับชาวเมือง โดยเฉพาะต้นการบูรยักษ์ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มีอายุมากกว่า 1,000 ปี กล่าวกันว่าปลูกโดยโคโบ ไดชิ นักบวชในพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียง เชื่อกันว่าต้นการบูรยักษ์นี้จะเปล่งพลังออกมา และผู้คนจํานวนมากที่มาเยี่ยมชมศาลเจ้าจะได้รับพลังนั้น
กำแพงของ Oda Nobunaga
ท่ามกลางต้นไม้โบราณและศาลเจ้าขนาดเล็กในศาลเจ้าอัตสึตะนี้ ยังมีกำแพงสูงแข็งแรงที่ด้านบนปูด้วยกระเบื้อง ซึ่งทำจากกระเบื้องหลังคาคาวาระแบบดั้งเดิม นี่คือกำแพงนที่สร้างขึ้นรอบศาลเจ้าอัตสึตะโดย Oda Nobunaga ขุนศึกแห่งไอจิตะวันตก หลังจากที่ได้รับชัยชนะ 10-1 ในยุทธการที่ Okehazama ในปีค.ศ.1560 ซึ่งเขาได้เอาชนะซามูไร 25,000 คนของ Imagawa Yoshimoto ด้วยกองทัพของเขาเองที่มีเพียง 2,500 คน Oda Nobunaga ได้มาอธิษฐานขอชัยชนะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อนที่จะเข้าร่วมการรบ และเพื่อเป็นการขอบคุณเขาจึงสร้าง “กำแพง Nobunaga” ที่น่าประทับใจขึ้นมาแต่น่าเสียดายที่กำแพงเดิมเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกทำลายไประหว่างการโจมตีทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยตลอดทั้งปีมีผู้คนมาเยี่ยมชมศาลเจ้าจำนวนไม่น้อย และมีการจัดพิธีกรรมและเทศกาลมากกว่า 70 งานในแต่ละปีปี ช่วง 2- 3 วันแรกของเดือนมกราคมเป็นช่วงที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดช่วงหนึ่ง ซึ่งผู้คนนับพันจะมาสวดมนต์ในวันปีใหม่ บรรยากาศที่ศาลเจ้าจึงแตกต่างออกไป ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่พิเศษ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่สามารถค้นหาความสงบและสัมผัสวัฒนธรรมโบราณของญี่ปุ่นได้ในคราวเดียวกัน
ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)
ที่อยู่ | 1 Chome-1-1 Jingu, Atsuta Ward, Nagoya, Aichi 456-8585 |
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟสาย JR Tokaido จากสถานี Nagoya ไปยังสถานี Atsuta จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Atsuta Shrine |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
มาเที่ยวศาลเจ้าที่มีประวัติความเป็นมาและทำให้ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของจังหวัดกันพอสมควรแล้ว ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ และสวนดอกไม้ที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ
พิพิธภัณฑ์เก็บรักษาโบราณวัตถุ (Bunkaden Treasure House)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ทำการเก็บรักษาโบราณวัตถุหลายประมาณ 4,000 ชิ้นตั้งแต่สิ่งของที่คนทั่วไปใช้ไปจนถึงสิ่งของที่ราชวงศ์ใช้ สมบัติเหล่านี้จัดแสดงโดยผลัดกันในห้องโถงเพื่อแสดงต่อสาธารณชนเป็นประจำทุกเดือน โดยผู้จัดแสดงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมมองเห็นศรัทธาอันลึกซึ้งที่ผู้คนมีต่อศาลเจ้ารวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน อีกทั้งตัวพิพิธภัณฑ์ยังได้รับการกําหนดให้เป็นสมบัติของชาติหรือทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สําคัญของจังหวัดไอจิอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์เก็บรักษาโบราณวัตถุ (Bunkaden Treasure House)
ที่อยู่ | 1-1-1 Jingu, Atsuta Ward, Nagoya, Aichi 456-0031 |
วิธีเดินทาง | เดินจากศาลเจ้าอัตสึตะ ประมาณ 13 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 16.30 น. (ปิดวันพุธและพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน และวันที่ 25-31 ธันวาคม) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กประถม 200 เยน |
Website | Bunkaden Treasure House |
สวนจินกุ ฮิกาชิ (Jingū Higashi Park)
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เดินทางสะดวกไม่ไกลจากสถานี Atsuta และศาลเจ้า Atsuta เป็นเป็นสวนสาธารณะที่เปิดในปีค.ศ.1985 (โชวะ 60) และสร้างขึ้นบนพื้นที่ของโรงงานผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นและไม้อัดโทโย เป็นสวนที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในขณะที่ชมทัศนียภาพหลากสีสัน ในแต่ละฤดูกาลเนื่องจากมีการปลูกต้นไม้และดอกไม้จํานวนมากในสวน ท่ามกลางสระน้ำตรงกลางสวน จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยม ทั้งมาออกกำลังกาย มีสนามเด็กเล่นสําหรับเด็ก จึงส่งผลให้ในวันหยุดจะคลาคล่ำไปด้วยครอบครัวคนญี่ปุ่น
สวนจินกุ ฮิกาชิ (Jingu Higashi Park)
ที่อยู่ | 2-5-19 Mutsuno, Atsuta Ward, Nagoya, Aichi 456-0023 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Atsuta เดินต่ออีก 10 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Jingu Higashi Park |
สวนชิโรโทริ (Shirotori Garden)
สวนชิโรโทริเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เงียบสงบครอบคลุมพื้นที่ 3.7 เฮกตาร์ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับสวนญี่ปุ่นโบราณ ท่ามกลางทัศนียภาพการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ตามแสงแดดที่ส่องกระทบบนผืนน้ำ สามารถชมสถาปัตยกรรมที่น่ารื่นรมย์ในมุมมองที่แตกต่างกันทุกครั้งที่มาเยือน นอกจากนั้นยังถูกออกแบบให้สระน้ำหลักของสวนแสดงถึงภาพของอ่าวอิเสะ มุมตะวันตกเฉียงใต้ของสวนสื่อถึงภาพภูเขาไฟ Mt. Ontake และลําธารที่ไหลเอื่อยๆ ออกมาจากเนินเขา พิกัดแนะนำคือบริเวณใจกลางของสวนมี Seiu-tei ซึ่งเป็นห้องชงชาที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำชาเขียวกับขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในขณะที่คุณเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าได้
สวนชิโรโทริ (Shirotori Garden)
ที่อยู่ | 2-5 Atsuta Nishimachi, Atsuta Ward, Nagoya, Aichi 456-0036 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Atsuta Jingu Nishi เดินประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 16.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมต้นหรือต่ํากว่าเข้าฟรี |
Website | Shirotori Garden |
สรุป
ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งเมื่อก้าวเท้าเข้าไปแล้ว ก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่บำบัดจิตใจที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เป็นสถานที่ที่สามารถเดินเล่นชิลๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางแสวงบุญเล็กๆ ที่ทอดผ่านป่าและผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ตลอดพื้นที่ภายในวัด มีดาบโบราณและสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชมประวัติศาสตร์อันยาวนานอีกแห่งหนึ่งของเมืองนาโกย่า