มนุษย์ชาวออฟฟิศ หรือคนวัยทำงานที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้พาครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายาย หรือลูกเมียไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นสักครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าจะคุมสถานการณ์ไหวไหม หรือจะต้องเจออะไรในทริปบ้าง พอถึงเวลาจริงจะเอาอยู่ไหมนะ? ใครคิดจะ พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น มาอ่านบทความนี้ด่วน!
การเตรียมเครื่องแต่งกาย
ควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า 1 เดือน – 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม เช่น ถ้าเดินทางในช่วงฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อกันหนาว ฮีทเทค หมวก ถุงเท้า รองเท้า ให้พร้อม ถ้าเดินทางในช่วงฤดูร้อนก็ควรพกเสื้อผ้าที่โปร่งสบายไปจะดีที่สุด ยิ่งถ้าเป็นหน้าร้อนที่ญี่ปุ่น ควรพกร่มกันแดดและครีมกันแดดไปด้วย เพราะอากาศร้อนกว่าเมืองไทยมากๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดิน เช่น รองเท้าสำหรับเดินนานๆ รองเท้าเพื่อสุขภาพ หรือแผ่นซิลิโคนถนอมส้นเท้า ใช้รองส้นเท้ากันช้ำ หรือลดความเจ็บปวด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางนานๆ ได้มากขึ้น หรือหากมีอาการเมื่อยล้าที่ฝ่าเท้า ก็ลองหาซื้อแผ่นแปะฝ่าเท้ามาแปะก่อนนอน ช่วยบรรเทาความปวดเมื่อยได้
การเลือกตำแหน่งที่นั่งบนเครื่องบิน
ตลอดช่วงเวลา 6 ชั่วโมงที่ต้องอยู่บนเครื่องบิน แน่นอนจะต้องมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง หากไม่มีงบพอสำหรับจองตั๋วแบบ First class หรือ Business class ที่มีที่นั่งกว้างและเป็นส่วนตัว เราก็ควรจะมีทริคเลือกที่นั่งกันซักหน่อย
ที่ไม่มีแถวด้านหน้า เพื่อให้สามารถเหยียดขาได้เต็มที่ จะช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางได้
เพราะเดินทางค่อนข้างนาน อาจจะทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย จึงควรเลือกที่นั่งแถวที่อยู่ใกล้ๆห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องเดินบนทางแคบๆ บนเครื่องไกลจนเกินไป เพราะคนสูงอายุอาจจะควบคุมจังหวะการเดินบนเครื่องได้ยากกว่า ป้องกันการเดินเซแล้วล้ม
จะทำให้มีพื้นที่วางแขนด้านข้างเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ยิ่งถ้าหากเป็นคนน้ำหนักเยอะ ก็จะรู้สึกอึดอัดน้อยกว่านั่งด้านในติดกระจก (แต่ต้องระวังแขนหรือตัวเวลามีคนเดินผ่านไปมาด้วยนะ)
การใช้รถโดยสารสาธารณะ
รถโดยสารสาธารณะที่ญี่ปุ่นเป็นวิธีเดินทางที่สะดวกที่สุด ทั้งรถบัส รถไฟ ชินคันเซน ใกล้ไกลแค่ไหนก็ไปถึง อยากข้ามเกาะก็มีให้บริการเรืออีกต่างหาก ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางมาก เพียงแต่ต้องศึกษาเส้นทางรถไฟ ชื่อสถานี หรือหมายเลขรถบัสที่ต้องขึ้น จดบันทึกหรือเซฟวิธีการเดินทางเอาไว้ในโทรศัพท์ เพื่อป้องกันการหลงทาง จะได้ไม่เสียเวลา หากเดินขึ้นลงบันไดสถานีรถไฟแล้วเมื่อย เค้าก็มีลิฟท์โดยสารไว้คอยให้บริการเกือบทุกสถานี ตามชานชาลารอรถบัสก็มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งคอย สะดวกสบายมากๆ
หรือถ้ามีแพลนเช่ารถขับเที่ยวในญี่ปุ่นก็ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ ทั้งเป็นส่วนตัวและสามารถแวะชมวิวข้างทางได้ด้วย แต่อย่าลืมดูข้อกำหนดและเอกสารที่ต้องเตรียมไปใช้ในการเช่ารถด้วยนะ
การใช้บัตรโดยสาร
การเดินทางที่ญี่ปุ่นทั้งรถบัสและรถไฟจะต้องใช้บัตรโดยสารแยกกัน แต่เพื่อความสะดวกและป้องกันการสับสน ควรให้คนในทริปใช้บัตร IC Card เช่น Icoca หรือ Suica ที่สามารถใช้ชำระค่าโดยสารได้ทั้งรถบัสและรถไฟ หรือบัตรอื่นๆ
เพียงแค่แปะบัตรลงบนแถบทางเข้าและออก / ขึ้นและลง ก็จะสามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะได้เลย พกใบเดียวก็เที่ยวได้ตลอดทริป แต่อาจจะต้องเช็คยอดเงินคงเหลือในบัตรด้วย เผื่อเงินไม่พอก็สามารถเติมเงินเข้าได้ที่ตู้ซื้อบัตรรถไฟ หรือตามร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายค่าสินค้าตามร้านสะดวกซื้อได้ด้วยนะ
การจองโรงแรมที่พัก
ควรเลือกขนาดห้องพัก และจำนวนเตียงนอนให้เพียงพอต่อคนในทริป เพราะที่พักเป็นจุดที่เราจะได้พักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน และได้เพิ่มพลังเตรียมไว้สำหรับเช้าวันถัดไป หากมีผู้สูงอายุอยู่ในทริปก็ควรเลือกที่พักที่สะดวกสบายประมาณหนึ่ง และควรมีลิฟท์ให้บริการ เพราะการลากกระเป๋าหนักๆ หลายใบขึ้นบันไดโรงแรมคงทำให้หมดแรงก่อนได้ไปเที่ยวแน่ๆ
ถ้าไม่ประหยัดงบจนเกินไป ควรเลือกห้องที่มีห้องน้ำส่วนตัวในห้องแทนการใช้ห้องน้ำรวม เพราะเราจะได้ดูแลเด็กๆและคนแก่ได้สะดวกกว่า อยู่ในสายตา และป้องกันการลืมข้าวของเครื่องใช้ด้วย
การจองร้านอาหาร
จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องจองร้านอาหารก็ได้ หากว่าครอบครัวของคุณสามารถทานได้ทุกอย่าง ทานอาหารง่ายๆ ได้ หรือเลือกร้านอะไรก็ได้ที่เจอระหว่างทริป แต่ถ้าต้องการจองร้านอาหารที่เล็งไว้ก็ควรเลือกร้านที่มีที่นั่งเป็นเรื่องเป็นราว และไม่ต้องรอคิวนาน ควรเป็นร้านที่ไม่แออัดจนเกินไป จะทำให้สามารถนั่งทานอาหารได้อย่างสบายใจและได้ลิ้มรสชาติอาหารอย่างเต็มที่
ระหว่างทริป
ระหว่างการเดินทางในทริปควรดูแลเด็กและผู้ใหญ่ในทริปให้อยู่ในสายตาเสมอ เพราะหากพลัดหลงแล้วอาจเกิดปัญหาได้ ทั้งเรื่องการจดจำเส้นทางและการสื่อสาร แต่ยังไงก็ตาม โอกาสเกิดการพลัดหลงกันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ควรเขียนชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่โรงเแรมของคุณให้ทุกคนพกติดตัวไว้ เมื่อเกิดการพลัดหลงอาจจะขอให้คนญี่ปุ่น หรือตำรวจช่วยติดต่อเราแทนได้
อาจจะพิมพ์คำว่า “私は道に迷いました。こちらの電話番号に連絡をお願いします。” แปลว่า “ฉันหลงทาง กรุณาติดต่อเบอร์นี้ให้หน่อย” พกติดตัวไว้ สำหรับยื่นให้กับคนญี่ปุ่นก็ได้
ข้อสรุป
และนี่ก็คือแนวทางการเตรียมตัว พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ถ้าหากในทริปของคุณมีเด็กเล็กและผู้สูงอายุมากๆ หรือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ที่อาจจะต้องใช้รถเข็นในการเดินทาง เราอยากแนะนำให้ใช้บริการทัวร์มากกว่าการไปด้วยตัวเอง เพราะจะสะดวกสบายกว่ามากสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากทัวร์ส่วนใหญ่มีรถบัสให้บริการ และมีไกด์คอยให้ความช่วยเหลือตลอดทั้งทริป แต่ถ้าครอบครัวของคุณเป็นขาลุย ร่างกายฟิตปั๋ง เดินได้ทั้งวันก็ลุยเลย !