1 Day Trip เที่ยวถิ่นลับ Shibamata สัมผัสอีกหนึ่งย่านวินเทจโตเกียว ที่ไม่เหมือนใคร

Cr: HWAHEAR

นอกจากการมาเที่ยวโตเกียวเพื่อสัมผัสแสงสีแห่งเมืองหลวงของญี่ปุ่นแล้ว บริเวณรอบ ๆ โตเกียวยังมีที่เที่ยวอีกหลากหลายที่เราอาจจะยังไม่เคยได้ไปสัมผัส อย่างเราเองมาเที่ยวโตเกียวปกติก็มุ่งแต่การช้อปปิ้งและไปเดินเที่ยวตามแลนด์มารก์ต่าง ๆ พอไปหลายที่เข้าก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศหาที่เที่ยวแปลก ๆ ที่ให้เราได้สัมผัสฟิลลิ่งใหม่ ๆ บ้าง

แล้วเราก็ได้มารู้จักกับย่าน Shibamata ย่านหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกเมืองโตเกียวแต่ไกลจากย่านอุเอโนะแค่เพียง 10 กิโลเมตร นั่งรถไฟมาแป๊บเดียวก็เที่ยวได้อย่างไม่ยาก แถมย่านนี้ยังมีบรรยากาศที่แตกต่างจากในตัวเมืองโตเกียวลิบลับ เพราะมีความน่ารักสไตล์ญี่ปุ่นแบบวินเทจให้ได้มาสัมผัส

Cr: HWAHEAR

ไม่ว่าเราจะเดินทางจากโตเกียวมาด้วยรถไฟสายอะไรและต่อมากี่สาย สายสุดท้ายที่เราจะต้องนั่งและมาลงยังสถานีนี้ก็คือ รถไฟสาย Keisei-Kanamachi เพื่อมาลงยังสถานี Shibamata อันเป็นจุดหมายของเรา โดยเมื่อลงรถไฟมา ถ้าได้เห็นรูปปั้นผู้ชายใส่หมวกและผู้หญิงใส่ผ้ากันเปื้อนแล้ว ก็ถือว่ามาไม่ผิดที่แน่นอน

โดยรูปปั้นนี้ที่จริงก็คือตัวเอกจากละครเรื่อง Otoko wa tsurai yo ซีรี่ย์และภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ในสมัยก่อนถือว่าป๊อบมาก ๆ และถูกสร้างขึ้นด้วยกันถึง 48 ภาค ! และเนื่องจากพื้นที่บางส่วนภายในย่านนี้ก็ถูกใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำ ทำให้ที่นี่เป็นพิกัดที่เหล่าแฟนคลับมาตามรอยกันซะด้วย

Cr: HWAHEAR

เมื่อเดินออกจากสถานีมาให้เราเดินตรงไปตามเส้นทางของถนนเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างนั้นสองข้างทางก็จะมีร้านขายของและร้านอาหารเรียงรายอยู่เรื่อย ๆ

Cr: R.YaTaRN

เดินมาไม่ไกลก็จะถึงย่านร้านค้าของบริเวณนี้ ซึ่งจะให้บรรยากาศที่เก่าแก่มาก ๆ เนื่องจากแต่ละร้านล้วนมีบรรยากาศสไตล์ดั้งเดิมตามแบบฉบับของญี่ปุ่นสมัยก่อน ยิ่งถ้าใส่ชุดยูคาตะมาเดินด้วยแล้ว ยิ่งถ่ายรูปได้ฟิลสุด ๆ

Cr: R.YaTaRN

ร้านค้าสองข้างทางจะส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ร้านขนมและร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ แต่ละร้านล้วนเป็นร้านเก่าแก่เพราะฉะนั้นแนะนำให้แวะชิมกันได้ตามอัธยาศัย เพราะรสชาตินั้นอร่อยแบบดั้งเดิมแน่นอน

Cr: HWAHEAR

โดยย่านนี้เค้าจะดังในเรื่องของขนมเซมเบ้สูตรดั้งเดิมที่มีให้เลือกซื้อกันหลากหลายรสชาติ รวมไปถึงขนมดังโงะก็อร่อยอย่าบอกใคร แถมยังมีหลายรสชาติให้เลือกเช่นเดียวกัน

Cr: HWAHEAR

เป็นถนนเส้นไม่ยาวที่เราสามารถเดินเล่นเพลิน ๆ ได้ไม่ต้องรีบ บรรยากาศก็สงบเงียบและไม่มีรถยนต์แล่นผ่าน เรียกได้ว่าเดินชมวิวกินบรรยากาศและแวะทานของอร่อย ๆ กันได้ตามใจชอบเลย

Shibamata Toy Museum : ร้านขนมสุดวินเทจ

Cr: HWAHEAR

ในบริเวณของถนนเส้นนี้จะมีร้านขนมสุดวินเทจตั้งอยู่ร้านนึง ซึ่งร้านขนมร้านนี้เราชอบมาก ๆ เพราะตั้งแต่มองจากข้างนอกก็น่าสนใจมาก ๆ แล้ว ไม่ว่าตู้กดน้ำที่เป็นรูปหุ่นยนต์หรือบรรยากาศของร้าน

Cr: HWAHEAR

ภายในร้านมีขนมของเด็ก ๆ ญี่ปุ่นสมัยก่อนขายอยู่เพียบ ถ้าจะให้เปรียบเทียบน่าจะให้ความรู้สึกเหมือนเพลินวานฉบับย่อม ๆ ใครอยากลองชิ้นไหนก็ซื้อหากันได้ตามสบาย

Cr: HWAHEAR

ขนมเพียบเต็มร้านจริง ๆ จนเราเองก็ดูเพลิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ขนมจำหน่ายเพียงอย่างเดียวเพราะมีของเล่นสมัยก่อน รวมไปถึงการ์ดสะสม รูปถ่ายดาราสมัยอดีต

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

ถ้าเด็ก ๆ ได้เข้ามาบอกเลยว่าใช้เวลาพาออกจากร้านยากเหมือนกัน เพราะมีแต่ของน่าสนใจ เราเองเห็นแล้วก็ยังอยากได้ อย่างช็อกโกแลตพันเยนก้อนนี้ก็เผลอซื้อมาแล้วเพราะความฮา

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

นอกจากนั้นแล้วภายในร้านยังมีโซนพินบอลที่สามารถเล่นได้จริง และซุ้มยิงปืนแบบวินเทจให้ได้เล่นวัดฝีมือด้วย และในบริเวณชั้นสองของร้านยังเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นที่จะมีของเล่นรวมไปถึงเกมส์ในสมัยก่อนให้เราได้เดินชมด้วย สัมผัสความวินเทจกันได้เต็ม ๆ ที่ร้านขนมแห่งนี้ แถมยังมีขนมของฝากเก๋ ๆ ให้ซื้อเพียบ !

Shibamata Toy Museum

Taishakuten Daikyoji Temple : วัดเก่าแก่ประจำย่านวินเทจ

Cr: R.YaTaRN

เมื่อเราเดินไปจนสุดทางของถนนสายช้อปปิ้งประจำย่านนี้ ก็จะได้พบกับศาลเจ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ ที่นี่คือวัด Taishakuten Daikyoji ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ ทั้งยังมีความสวยงามด้านประติมากรรมไม้แกะสลัดที่เราจะเห็นกันตั้งแต่ประตูทางเข้า

Cr: R.YaTaRN

วันนี้ยังมีขื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในการขอพรเรื่องสุขภาพ ทำให้มีคนในท้องถิ่นและเหล่าชาวญี่ปุ่นแวะเวียนกันมาของพรอย่างสม่ำเสมอ

จุดเด่นอีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก้คือต้นส้นที่แผ่กิ่งก้านยาวอยู่ตรงหน้าอุโบสถ โดยเป็นกิ่งจากต้นสนเพียงต้นเดียวซะด้วย

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

พื้นที่ของทางวัดมีบริเวณค่อนข้างกว้างใหญ่ เนื่องจากเราสามารถเดินจากตรงอุโบสถและจ่ายเงินที่เคาท์เจอร์ด้านในเพื่อเข้าชมประติมากรรมงานแกะสลักสุดตระการตาที่ทางวัดเก็บรักษาไว้อย่างดี โดยมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ 400 เยน และยังมีโซนที่เป็นสวนญี่ปุ่นในได้นั่งพักผ่อนจิบชาด้วย

Cr: HWAHEAR

ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อเครื่องรางต่าง ๆ พกตกตัวเพิ่มสิริมงคลให้ตัวเอง โดยเฉพาะใครที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพหรืออยากให้สุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยไม่ไข้

Cr: R.YaTaRN

Cr: HWAHEAR

อีกหนึ่งความสนุกที่เราได้ไปลองมาคือการเสี่ยงเซียมซีแบบหยอดเหรียญ ในราคา 200 เยน โดยก่อนอื่นให้เรายอดเงิน 200 เยนไปให้เรียบร้อยก่อน แล้วจากนั้นให้เลือกหมวดเซียมซีที่เราอยากจะเสี่ยง เราเลือกเป็นหมวดความรัก จากนั้นหุ่นเฉิดข้างในจะเต้นระบำและคาบเซียมซีเอามาหย่อนในช่องให้เราหยิบ! บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจมากต้องลอง! (แต่เซียมซีเป็นภาษาญี่ปุ่นนะ 5555)

Taishakuten Daikyoji Temple

Tora-san Museum : พิพิธภัณฑ์ซีรี่ย์ดัง

Cr: R.YaTaRN

อย่างที่บอกไปตอนต้นบทความว่าย่านนี้เค้าเป็นโลเคชั่นสำคัญในการถ่ายทำซีรี่ย์ชื่อดัง Otoko wa tsurai yo ของญี่ปุ่น ที่นี่ก็เลยมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับซีรี่ย์เรื่องนี้เอาไว้ด้วย

Cr: R.YaTaRN

Tora-san Museum แห่งนี้จะมีทั้งในส่วนของเรื่องราวประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับซี่รี่ย์เรื่องนี้และประวัติความเป็นมาของผู้กำกับผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา

Cr: HWAHEAR

เราสามารถซื้อตั๋วที่เข้าพร้อมกันได้ทั้งสองแห่ง แถมด้วยตั๋วราคาพิเศษที่จะรวมค่าเข้าชมสวนญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันอย่าง Yamamoto-Tei อีกด้วย เราแพลนว่าจะไปด้วยก็เลยซื้อตั๋วแบบรวดเดียวไปเลย เพราะซื้อตั๋วแบบนี้แล้วได้ลดราคาไปตั้ง 50 เยนแหน่ะ !

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

เมื่อเข้ามาเราก็จะได้เห็นประวัติความเป็นมาต่าง ๆ ของซีรี่ย์เรื่องนี้ บอกเลยว่าเค้าจัดแสดงไว้ดีมาก ๆ ถึงจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเท่าไหร่ แต่เค้าจะมีให้ส่วนของโรงละครเล็ก ๆ ที่เล่าประวัติความเป็นมาด้วยการสร้างฉากจำลองที่มาพร้อมเสียงเอฟเฟ็กและตัวตุ๊กตุ้นในฉากสามารถขยับเขยื่อนไปได้ด้วยกลไก

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

นอกจากนั้นแล้วยังมีเซ็ตฉากของในละครมาให้เราดูอีกด้วย รวมถึงบรรยากาศในการถ่ายทำห้องทำงานหรือกรรมวิธีในการถ่ายทำต่าง ๆ เรียกได้ว่าถึงเราจะไม่ได้อินกับซีรี่ย์เรื่องนี้นักแต่เข้ามาแล้วก็สนุกได้ ด้วยบรรยากาศวินเทจ ๆ ของที่นี่

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

นอกจากนั้นเค้ายังจำลองย่านชิมาบาตะในอดีตให้ได้ดูกันในสัดส่วนที่เล็กลง ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของ ร้านเซมเบ้ หรือผู้คนดูมีชีวิตชีวามาก ๆ

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

ที่ชอบอีกอย่างคือเค้าทำสถานีชิบามาตะจำลองขึ้นมาด้วย ! ทำให้เราได้เห็นว่าสถานีรถไฟสมัยก่อนของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร แม้แค่บริเวณเคาท์เตอร์ซื้อตั๋ว เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติแบบนี้หรอกนะ!

Cr: R.YaTaRN

แน่นอนว่ามีจำลองขบวนรถไฟให้เราได้ไปนั่งถ่ายรูปกันด้วย น่ารักสุด ๆ

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

สำหรับคนญี่ปุ่นที่อินกับซีรี่ย์เรื่องนี้มาก ๆ คงจะฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง ส่วนชาวต่างชาติอย่างเราก็เที่ยวสนุกได้เหมือนกัน เพราะได้มาเห็นอะไรแปลกใหม่ และสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายของญี่ปุ่นในอดีตได้แบบเต็มที่

Cr: HWAHEAR

เมื่อเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ในส่วนของความเป็นมาของซีรี่ย์ดังแล้ว ก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ในส่วนของผู้กำกับผู้สร้างซีรี่ย์เรื่องนี้ขึ้นมานั่นเอง

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

ที่เจ๋งมาก ๆ ก็คือจะมีการฉายฟิลม์ให้ดูด้วย เราเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนถึงจะเป็นการฉายสั้น ๆ แต่ก็ตื่นเต้นดี

Cr: R.YaTaRN

ซึ่งผลงานของผู้กำกับคนนี้นั้นก็ไม่ใช่จะมีแค่ซีรี่ย์ดังเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ยังมีซีรี่ย์ยุคปัจจุบันอีกมากมาย โดยภายในส่วนนี้จะจัดแสดงไว้ทั้งหมด ใครสนใจซีรี่ย์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะหรืออยากสัมผัสบรรยากาศวินเทจเราขอแนะนำให้ลองมาเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันดู

Tora-san Museum

Yamamoto-Tei : สวนสวยบรรยากาศสงบเงียบ

Cr: R.YaTaRN

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จตั๋วของเรายังสามารถไปเข้าชมสวนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Yamamoto-Tei ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นซะด้วย

Cr: R.YaTaRN

เพียงเดินเข้าประตูก็จะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าแก่ แต่ที่จริงที่นี่ถูกสร้างโดยสถาปัตยกรรมการออกแบบอย่างตะวันตกและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ซึ่งเดิมทีเป็นที่อยู่ของนักธุรกิจ Einosuke Tamamoto นั่นเอง

Cr: HWAHEAR

เมื่อถึงโซนทางเข้าให้เราถอดรองเท้าและเก็บในล็อกเกอร์ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งโชว์ตั๋วที่เราซื้อมาพร้อมกับตอนที่จะเข้าพิพิธภัณฑ์ Tora-san Museum แต่ถ้าใครไม่ได้มาตาม Route แบบเราก็สามารถจ่ายค่าเข้ากันได้เพียง 100 เยนเท่านั้น

นอกจากนี้เราขอแนะนำให้ทุกท่านสั่งเซ็ตขนมและน้ำชาเขียวทาน เนื่องจากเราจะได้นั่งจิบชาทานขนมกันแบบสดชื่น ๆ พร้อมกับชมวิวของสวนญี่ปุ่นแห่งนี้ไปด้วย

Cr: R.YaTaRN

เดินเข้ามาภายในเราจะพบกับห้องมากมาย ในส่วนนี้เราสามารถเดินชมได้ตามสบาย เนื่องจากแต่ละห้องก็มีความสวยงามสไตล์ญี่ปุ่น และมีข้างของเครื่องใช้สไตล์โบราณที่เราอาจไม่เคยเห็นให้ชมด้วย

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

แต่ละห้องสามารถมองเห็นสวนญี่ปุ่นในการตกแต่งที่แตกต่างกันไป เราสามารถเลือกนั่งได้ตามใจ

Cr: R.YaTaRN

Cr: HWAHEAR

โดยจะมีโซนที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่สุด และมองเห็นสวนสวยได้ชัดที่สุดอยู่ด้วย แน่นอนว่าเราเลือกนั่งชิลล์ตรงที่โซนนี้แหละ

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

ถึงจะมีแขกคนอื่นมาเรื่อย ๆ แต่บรรยากาศเงียบสงบมาก ๆ รู้สึกได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เพราะแค่นั่งชมสวนไปเรื่อย ๆ จิตใจก็สงบและสบายขึ้นมากเลยทีเดียว พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย

Cr: R.YaTaRN

Cr: HWAHEAR

นั่งจากนั่งรอสักพักทางพนักงานก็จะมาเสิร์ฟชาให้เราตามคิว เราสั่งชาเขียวเย็นและขนมญี่ปุ่นไป บอกเลยว่ากินแล้วสดชื่นมาก ๆ ตัวขนมที่หวานหน่อย ๆ กินกับชาเขียวเย็นรสออกขมแล้วเข้ากันดีสุด ๆ ชื่นใจแม้ว่าตอนที่ญี่ปุ่นจะอากาศร้อนมาก ๆ ก็ตาม

Cr: R.YaTaRN

ใครอยากได้รูปสวย ๆ ก็ผลัดกันมานั่งถ่ายรูปกับเพื่อนได้ บอกเลยว่าจะได้รูปสวย ๆ มีแบคกราวน์เป็นสวนญี่ปุ่นแถมไปด้วย

Yamamoto-Tei

ข้อสรุป

เป็นยังไงกันบ้างกับการใช้เวลาเที่ยวชิลล์ ๆ ที่ Shibamata เที่ยวที่นี่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่มีความวุ่นวายและได้สัมผัสบรรยากาศเก่าแก่ที่หาไม่ได้ในเขตตัวเมืองของโตเกียว ใครอยากเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะเที่ยวใกล้ ๆ โตเกียวในบรรยากาศที่แตกต่างแล้วล่ะก็ ลองมา 1 Day Trip ที่นี่ดู ได้ฟิลลิ่งใหม่ ๆ กลับไปแน่นอน

กลับมาแวะเที่ยวในตัวเมืองโตเกียว จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนะ มาอ่านต่อกัน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ถ้าชอบ Shibamata น่าจะชอบบทความนี้ด้วย อ่านต่อด้านล่าง

ที่เที่ยว โตเกียว (Tokyo) 12 ย่านดัง และ 17 ที่เที่ยวแนะนำอัพเดทใหม่ 2023

โตเกียว เมืองยอดฮิตติดชาร์ตเที่ยวญี่ปุ่นตลอดกาล มีที่เที่ยวและกิจกรรมครบรสหลากสีสัน ไปกี่ครั้งก็ยังไปซ้ำได้ไม่มีเบื่อ