ฟุกุโอกะ เที่ยว 1 วันด้วย Subway One Day Pass ช้อป เที่ยว กิน ครบจบในวันเดียว

มารู้จักจังหวัดฟุกุโอกะกันซักนิด

จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นจังหวัดที่อยู่ทางเหนือของภูมิภาคคิวชู โดยมีเมืองหลวงชื่อ ฟุกุโอกะ (Fukuoka) ตามชื่อจังหวัด โดยในปี 2018 นั้น จังหวัดฟุกุโอกะจัดว่าเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของญี่ปุ่น

ฟุกุโอกะ เปรียบเสมือนประตูสู่เกาะคิวชู เพราะไม่ว่าจะขับรถ หรือโดยสารรถไฟจากเกาะฮอนชูมายังเกาะคิวชู ก็ต้องผ่านจังหวัดฟุกุโอกะเป็นจังหวัดแรก โดยสถานีรถไฟหลักของจังหวัดฟุกุโอกะ คือ สถานี Hakata

วิธีการเดินทางมาฟุกุโอกะ

การเดินทางมายังจังหวัดมีวิธีการเดินทางดังนี้

• โดยเครื่องบิน ปัจจุบัน มีสายการบินที่บินตรงจากไทยมายังฟุกุโอกะ เช่น การบินไทย และแอร์เอเชีย เป็นต้น
• โดยรถไฟ เนื่องจากฟุกุโอกะ เป็น 1 เมืองที่มีรถไฟชินคันเซนวิ่งผ่าน ดังนั้นการนั่งรถไฟชินคันเซน จึงเป็นอีก 1 วิธีที่สะดวกที่สุด สามารถลงที่สถานี Hakata หรือจะลงที่ Kokura ก็ได้
• โดยรถยนต์
• โดยรถบัส

ตั๋ว Subway One Day Pass

Cr: Fukuoka Subway

ตั๋ว Subway One Day Pass เป็นตั๋วที่สามารถนั่งรถไฟใต้ดินได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 1 วัน สามารถซื้อได้จากตู้ขายตั๋วรถไฟได้เลย

ราคาตั๋ว

• ผู้ใหญ่ ราคา 620 เยน
• เด็ก ราคา 310 เยน
• คนพิการ ราคา 310 เยน

เส้นทางรถไฟใต้ดินของฟุกุโอกะ

Cr: Fukuoka Subway

สถานที่ท่องเที่ยวในฟุกุโอกะ

หลังจากที่ได้รู้จักจังหวัดฟุกุโอกะ และ ตั๋ว Subway One Day Pass แล้ว งั้นเราก็มาเริ่มเที่ยวกันเลย โดยจะเริ่มจาก

• วัดโทโช-จิ (Tocho-ji Temple) : วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สักการะ “ฟุกุโอกะ ไดบุทสึ” พระที่แกะสลักด้วยไม้ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น
• เทนจิน และ ถนนคนเดินย่านคาวาบาตะ (Tenjin and Kawabata Shopping Arcade) : สองแหล่งช็อปปิ้งที่ไม่ควรพลาด
• คาแนลลซิตี้ และ ราเมง สเตเดี้ยม (Canal City and Ramen Stadium) : ชิมราเมงสไตล์ฮากาตะ
• วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple) : วัดพระนอนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
• สวนโอโฮริ (Ohori Park) : สวนสาธารณะที่เปรียบเสมือนปอดของชาวฟุกุโอกะ
• ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) : ชมวิวเมืองฟุกุโอกะ
• โมโมชิ (Momochi Seaside Park) : เดินเล่นสูดกลิ่นอายทะเลตอนเย็นๆ

งั้นเรามาเริ่มที่แรกกันเลย!!!!

วัดโทโชจิ Tochoji temple

ที่แรกที่ผมจะเริ่มเที่ยวในวันนี้คือที่นี่ “วัดโทโชจิ”

วัดโทโชจิ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองฟุกุโอกะ อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟใต้ดิน Gion วัดโทโชจิ ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของญี่ปุ่น โดยสร้างเมื่อ ค.ศ.806 โดยวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของ องค์พระฟุกุโอกะ ไดบุตสึ ซึ่งเป็นพระที่แกะสลักด้วยไม้ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูงถึง10.8 เมตร และหนักถึง 30 ตัน แต่ที่วัดจะห้ามให้ถ่ายรูปองค์พระ นอกจากนั้นแล้วในบริเวณวัดยังมีเจดีย์ 5 ชั้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ลานวัดเราสามารถชมต้นซากุระได้อีกด้วย

วัดโทโชจิ ในช่วงซากุระบาน

อาคารหลักของวัด โดยอาคารข้างๆ จะเป็นที่ประดิษฐานของ ฟุกุโอกะ ไดบุทสึ ซึ่งจะต้องขึ้นบันไดไปชั้น2 เพื่อไปสักการะ

วัดโทโชจิ Tochoji Temple

ย่านเทนจิน และ ถนนชอปปิ้งคาวาบาตะ

หลังจากที่เที่ยววัดโทโชจิเสร็จแล้วให้นั่งรถใต้ดินจากสถานี Gion มายังสถานี Tenjin
ย่านเทนจิน และ คาวาบาตะ เป็น 2 ย่านที่อยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินไปก็ได้

โดยย่านเทนจินจะเป็นย่านที่ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาช้อปปิ้งกัน ซึ่งที่นี่รวมห้าง ร้านขายและร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย เช่น ห้าง Parco ร้านขายสินค้ามือสอง ชื่อดังอย่าง Book off ร้านขายเสื้อฟุตบอล Kamo ร้านราเมง อิจิรัน ร้าน Luke Lobster เป็นต้น และบริเวณสถานีรถไฟใต้ดินก็ยังมีแหล่งช้อปปิ้งใต้ดินอีกด้วย

ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้งแล้ว ยังมีศาลเจ้าให้ประชาชนเข้าไปสักการะด้วย ซึ่งศาลเจ้านี้จะชื่อว่า Suikyo Tenmangu

ย่านเทนจิน

ศาลเจ้า Suikyo Tenmangu

ย่านคาวาบาตะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเทนจินมากนัก ย่านนี้จะมีถนนคนเดินซึ่งจะเรียกกันว่า Kawabata Shopping Arcade ถือว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ของฟุกุโอกะ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากกว่า 100 ร้าน รวมทั้งร้านอาหารอีกมากมาย โดยถนนคนเดินแห่งนี้ จะสามารถเดินไปถึงห้าง คาแนลซิตี้ได้ ซึ่งเรียกว่าขาช้อปพลาดไม่ได้เด็ดขาด!!!

Kawabata Shopping Arcade

คาแนลซิตี้ และ ราเมง สเตเดี้ยม

คาแนล ซิตี้ เป็นห้างขนาดใหญ่โดยจะตั้งอยู่ริมคลอง ซึ่งถ้าใครเดินช้อปปิ้งที่ Kawabata Shopping Arcade ก็สามารถเดินทะลุมายังห้างแห่งนี้ได้ โดยห้างแห่งนี้รวบรวมร้านค้ากว่า 250 ร้านดัง นอกจากนั้นแล้วยังมีสิ่งบันเทิงครบครัน เช่น ร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ เกมเซนเตอร์ และด้านบนชั้น 5 ของห้าง ยังมีโซนที่เรียกว่า ราเมง สเตเดี้ยม (Ramen Stadium) ซึ่งจะเป็นโซนที่รวมราเมงชั้นยอด 8 ร้านมาให้ได้รับประทานกัน

ราเมงสเตเดี้ยม Ramen Stadium

เดินเที่ยวมาครึ่งวัน ก็ต้องเติมพลังงานซักหน่อย ที่นี่จะประกอบไปด้วยร้านราเมง 8 ร้านด้วยกัน

Cr: คาแนล ซิตี้

มาฟุกุโอกะทั้งทีก็ต้องทานราเมงสไตล์ฮากาตะกันซักชามนึง โดยผมจะแนะนำร้านที่ชื่อว่า Ramen Jinanbo ถ้าดูในรูปจะเป็นร้านที่เขียนว่า 博多ら-めん二男坊 (ทางซ้ายบนของรูป)

Cr: คาแนล ซิตี้

หน้าตาของราเมงร้านนี้ครับ โดยราเมงสไตล์ฮากาตะ จะเป็นเส้นบะหมี่จะเล็กกว่าราเมงของที่อื่นๆ น้ำซุปจะเป็นทงคตสึ (กระดูกหมู) เสริฟพร้อมไข่ยางมะตูมร้อนๆ กับหมูชาชู และที่สำคัญร้านส่วนใหญ่จะถามเราก่อนว่าให้ลวกเส้นระดับไหน(ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ส่วนใหญ่เขาจะมีใบภาษาอังกฤษมาให้อ่าน แนะนำว่า แบบ Hard จะอร่อยที่สุด)

เว็บไซต์ของร้านนี้ที่สาขาคาแนลซิตี้

Ramen Jinanbo

คาแนลซิตี้ Canal City

วัดนันโซอิน Nanzoin temple

หลังจากอิ่มแล้วที่ต่อไปที่ผมจะพาไปก็คือ วัดนันโซอิน
โดยผมจะเดินย้อนกลับมาที่สถานี Nakasu-kawabata แล้วนั่งรถใต้ดินไปยังสถานี Hakata แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟเจอาร์ ไปยังสถานี Kidonanzoinmae

วัดนันโซอินตั้งอยู่ที่เมือง Sasaguri ในจังหวัด Fukuoka เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน หรือที่เรียกกันว่าพระนอน ซึ่งทำจากทองสำริดประดิษฐานอยู่ โดยองค์พระมีความยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร และหนักกว่า 300 ตัน มีความเชื่อกันว่าเงินส่วนหนึ่งในการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ มาจากการที่ท่านเจ้าอาวาสถูกล็อตเตอรี่หลายๆ ครั้ง

วัดแห่งนี้แต่เดิมตั้งอยู่ที่ภูเขาโคยะซัง จังหวัดวาคายาม่า แต่ถูกทำลายลงในปี ค.ศ.1886 จึงได้ย้ายมาสร้างที่ Sasaguri ที่วัดแห่งนี้นอกจากมีองค์พระแล้ว ที่นี่ยังมีเทวรูปไม่ต่ำกว่า 1000 รูป และยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่นอีกด้วย การเที่ยววัดนี้ทุกคนจะต้องสำรวม ที่สำคัญคือห้ามส่งเสียงดัง และ ห้ามใช้ไม้เซลฟี่เด็ดขาด

การเดินทางมายังวัดนี้ช่วงระหว่างสถานี Hakata – Kidonanzoinmae ไม่สามารถใช้ตั๋ว Subway One Day Pass เพราะเป็นรถไฟของเจอาร์ แต่สามารถใช้ Jr Pass แบบที่ครอบคลุมการเดินทางในพื้นที่ คิวชูเหนือ ได้

เทวรูปต่างๆ ในวัดนี้ และ บรรยากาศอันร่มรื่น

สถานี Kidonanzoinmae สถานีที่จะต้องนั่งรถไฟมาลงที่วัดนี้ ค่อนข้างเงียบสงบ และ คลาสสิค มากๆ

วัดนันโซอิน

สวนโอโฮริ Ohori Park

หลังจากเที่ยววัดนันโซอินเสร็จแล้ว ให้นั่งรถไฟกลับมายังสถานี Hakata แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟใต้ดิน ซึ่งสามารถใช้ตั๋ว Subway one day pass ได้ โดยให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Ohorikoen สวนจะอยู่ใกล้ๆ สถานีเลย
สวนโอโฮริ นั้นเปรียบเสมือนปอดของชาวฟุกุโอกะ ที่นี่มักจะใช้เป็นที่ออกกำลังกาย หรือ มานั่งพักผ่อน โดยสวนแห่งนี้ยังมีศาลาทรงหกเหลี่ยมที่รอบล้อมไปด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งจุดนี้สามารถเดินมาถ่ายรูปแบบพาโนราม่าได้ด้วย

ศาลาหกเหลี่ยมกลางน้ำ จุดที่ผู้คนมักจะมาถ่ายรูปสวนนี้แบบ พาโนราม่า

ใกล้สวนโอโฮริ ยังมีซากปราสาทฟุกุโอกะ ถ้ามาช่วงซากุระบาน ที่นี่จะถือว่าเป็นจุดชมซากุระที่ดีจุดนึงของฟุกุโอกะ โดยชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะซื้ออาหาร เบียร์มาปูเสื่อนั่งรับประทาน ใต้ต้นซากุระกัน

สวน Ohori

ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ Fukuoka Tower

ตึกฟุกุโอกะ ทาวเวอร์นั้น เป็นตึกที่ความสูง 234 เมตร สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1989 ด้านในฟุกุโอกะทาวเวอร์ จะมีทั้งจุดชมวิว ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก โดยจุดชมวิวจะอยู่สูงจากพื้นดิน 123 เมตร สามารถชมวิวได้ 360 องศา

ในวันนี้ผมเริ่มเดินทางจากสวนโอโฮริ ให้กลับมานั่งรถใต้ดินที่สถานี Ohorikoen มาลงสถานี Nishijin และจากสถานี Nishijin ไปยังฟุกุโอกะทาวเวอร์ นั้นสามารถไปได้ 2 วิธีคือ

ส่วนตัวผมเลือกวิธีเดินเท้าไป เพื่อจะได้เดินชมเมืองถ่ายรูปไปด้วย ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 20-25 นาที โดยจะผ่านสถานที่สำคัญๆ ของเมืองอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์เมืองฟุกุโอกะ และห้องสมุดเมืองฟุกุโอกะ

ส่วนวิธีอื่นๆที่เดินทางมายังฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ยังมีอีกเช่น การนั่งรถเมล์จากสถา Hakata มายัง Fukuoka Tower

พิพิธภัณฑ์เมืองฟุกุโอกะ

fukuoka city public library

ด้านบนจุดชมวิวก็จะเป็น Theme ต่างๆ อย่างช่วงที่ผมไปก็จะเป็น Theme ก็อตซิล่า

ด้านบนสามารถชมวิวสวยๆได้ แบบสุดลูกหูลูกตา

ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์

โมโมชิ Momochi seaside park

เพียงแค่ข้ามถนนจากฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ ก็จะพบกับที่นี่ Momochi Seaside Park ซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจริมหาดฮากาตะ ในบริเวณนี้มีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายของเล็กๆ น้อยไว้ให้บริการด้วย

ส่วนโซนที่ยื่นออกไปตรงทะเลจะเรียก Marizon ตกแต่งเป็นอาคารสไตล์อิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาจัดงานแต่งงานกัน

ส่วนวิธีการเดินทางกลับไปยังสถานี Hakata นั้น สามารถขึ้นรถเมล์จากฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ ได้เลย หรือ เดินเท้ากลับไปที่สถานี Nishijin แล้วนั่งรถไฟใต้ดินกลับก็ได้

Momochi Seaside Park

สรุป

เป็นอันว่าจบลงไปแล้วสำหรับทริปเที่ยวฟุกุโอกะ 1 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินเพียง 620 เยน แต่สามารถไปได้หลายที่ (สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ เจอาร์พาสจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับไปยังวัดนันโซอิน ไป-กลับ 740 เยน) สำหรับผู้ที่ต้องเที่ยวฟุกุโอกะ 1 วัน สามารถใช้รีวิวนี้ตามรอยได้เลย รับรองว่าได้ครบทั้ง ช้อป เที่ยว กิน

หากใครสนใจ อ่านบทความท่องเที่ยวอื่นๆ ติดตามได้ที่นี่

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับใครที่สนใจพิกัดเที่ยวฟุกุโอกะเพิ่มเติม ลองอ่านได้ที่บทความนี้

20 ที่เที่ยวฟุกุโอกะ (Fukuoka) ประตูสู่เกาะคิวชู เที่ยวฟิน เดินทางสะดวก

จังหวัดฟุกุโอกะ หนึ่งในเมืองน่าเที่ยว ประตูสู่คิวชู กับที่เที่ยว 20 แลนด์มาร์กเด็ดจุใจ ที่ต้องไปให้ได้ และสำหรับใครที่อยากทำความรู้จักฟุกุโอกะมากขึ้น อ่านได้ที่นี่เลย