คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
5%
3,000 เยน
ก่อตั้งขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่จังหวัดนาราเป็นเมืองหลวง โดยถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าที่รับผิดชอบในการปกป้องเมือง ศาลเจ้าคะซุงะไทฉะยังเป็นศาลเจ้าที่ดูแลตระกูลฟูจิวาระ ซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงยุคนาราและเฮอัน นอกจากนั้นศาลเจ้าคะซุงะยังเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้า 4 องค์นั่นคือ เทพเจ้าในศาลเจ้าคาชิมะ (จังหวัดอิบารากิ) เทพเจ้าในศาลเจ้าคาโทริ (จังหวัดชิบะ) และเทพเจ้าในศาลเจ้าฮิราโอกะ (โอซาก้า) ซึ่งแตกต่างจากศาลเจ้าทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น
ศาลเจ้าคะซุงะจึงเป็นเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ทางตะวันออกของเมืองนารา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 93 เฮกตาร์ ศาลเจ้าสามารถเข้าถึงได้โดยใช้เส้นทางยาวผ่านป่า ซึ่งจบลงที่อาคารศาลเจ้าขนาดเล็ก 4 แห่งที่เป็นที่ตั้งของเทพเจ้าคะซุงะ อาคารแต่ละหลังตั้งเคียงข้างกันจากตะวันออกไปตะวันตกมีหลังคาหน้าจั่วที่ยกขึ้นอย่างสง่างามที่เรียกว่าหลังคาคิริซุมะ มุงหลังคาด้วยเปลือกไม้ไซเปรส เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมศาลเจ้าที่เรียกว่า Kasuga-zukuri ชานชาลาขนาดเล็กคล้ายเฉลียงและฉากสูงชันที่ด้านหน้าของห้องโถงแต่ละห้องได้รับการปกป้องด้วยหลังคาหลังคาที่ยื่นออกมาจากปลายหน้าจั่ว
และในเดือนธันวาคมปี ค.ศ.1998 ที่นี่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของนาราโบราณ” หรือขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก รวมถึงป่าดึกดําบรรพ์คะซุงะไทฉะ และคะซุงะยามะอีกด้วย ซึ่งในทุกวันนี้ยังมีการสวดมนต์เพื่อสันติภาพระดับชาติและระดับโลก เพื่อความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนตลอดมา
ย้อนกลับไปราวๆ 1,300 ปีก่อนที่เมืองหลวงของประเทศถูกสร้างขึ้นที่จังหวัดนารา เทพเจ้าทาเคมิคาซึจิโนะมิโคโตะได้เดินทางจากศาลเจ้าคาชิมะ (อยู่ในจังหวัดอิบารากิ) ไปยังภูเขามิคาสะซึ่งถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู๋ในจังหวัดนาราแห่งนี้ และอาศัยอยู่บนยอดเขา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและความสุขของประชาชน ต่อมาเมื่อวัฒนธรรมเท็มเปียวเจริญรุ่งเรืองมีการ สร้างอาคารอันงดงามบนที่ตั้งปัจจุบันของศาลเจ้าแห่งนี้ซึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของ Kasuga Taisha นั่นเอง
ย้อนกลับไปราวๆ 1,300 ปีก่อนที่เมืองหลวงของประเทศถูกสร้างขึ้นที่จังหวัดนารา เทพเจ้าทาเคมิคาซึจิโนะมิโคโตะได้เดินทางจากศาลเจ้าคาชิมะ (อยู่ในจังหวัดอิบารากิ) ไปยังภูเขามิคาสะซึ่งถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู๋ในจังหวัดนาราแห่งนี้ และอาศัยอยู่บนยอดเขา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและความสุขของประชาชน ต่อมาเมื่อวัฒนธรรมเท็มเปียวเจริญรุ่งเรืองมีการ สร้างอาคารอันงดงามบนที่ตั้งปัจจุบันของศาลเจ้าแห่งนี้ซึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของ Kasuga Taisha นั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับศาลเจ้าคะซุงะไทฉะก็คือ ที่นี่มีโคมไฟหินเรียงรายอยู่ประมาณ 2,000 ดวง และโคมไฟสัมฤทธิ์แขวนอีก 1,000 ดวง รวมเป็นโคมไฟทั้งหมดประมาณ 3,000 ดวง โคมไฟบางอันยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย เช่น โคมไฟยูซึกิที่อุทิศโดยฟูจิวาระ โนะ ทาดามิจิ บุคคลสำคัญทางการเมืองในสมัยเฮอันซึ่งกล่าวกันว่าเป็นโคมไฟหินที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของประเทศ และโคมไฟรูริ ซึ่งกล่าวกันว่าได้รับบริจาคโดยฟูจิวาระ โนะ โยริมิจิ ตั้งแต่เมื่อประมาณ 800 ปีที่แล้ว โคมไฟนี้ได้รับการอุทิศให้กับขุนนาง ซามูไร และประชาชนทั่วไป
ส่วนพิธีกรรมชินโตที่มีความเกี่ยวข้องกับโคมไฟที่นี่เรียกว่า “มันโตโระ” โคมไฟจะถูกจุดไฟขึ้นเพียงปีละสองครั้งในช่วงเทศกาลโคมไฟช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และในช่วงกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี
นอกจากนั้นมีศาลเจ้าขนาดเล็กอีกหลายแห่งในป่ารอบๆ ศาลเจ้าคะซุงะไทฉะ โดยศาลเจ้าขนาดเล็กทั้ง 15 แห่งตั้งอยู่ริมเส้นทางผ่านกลุ่มศาลเจ้าหลัก และอุทิศให้กับเทพเจ้านำโชคทั้ง 15 องค์ด้วยกัน นักท่องเที่ยวมักจะหยุดที่แต่ละจุดเพื่อสวดมนต์ขอพรได้โดย 1 ใน 3 บรรดาศาลเจ้าเหล่านั้น ได้แก่ ศาลเจ้าหมายเลข 1 ศาลเจ้าวากะมิยะ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญที่ขึ้นชื่อในเรื่องเทศกาลเต้นรำ เป็นสถานที่ในการจัดงานเทศกาลที่เหมาะกับการชมศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิม และยังเป็นศาลเจ้าที่ช่วยในเรื่องส่งเสริมสติปัญญาอีกด้วย
ส่วนศาลเจ้าหมายเลข 6 ศาลเจ้านาตากะและศาลเจ้าคัตสึรางิ มีเทพเจ้าแห่งการเติมเต็มความปรารถนา (คําอธิษฐานเดียว) ให้เป็นจริง และศาลเจ้าหมายเลขที่ 15 ศาลเจ้าเมโอโตะไดโกคุชะ ซึ่งมีเทพเจ้าแห่งความสามัคคีในชีวิตสมรส ความสัมพันธ์อันดี และช่วยนำความโชคดีมาให้
ตามตำนานในสมัยนาราเทพเจ้าขี่กวางขาวมาที่นี่ ดังนั้นกวางจึงได้รับการปฏิบัติด้วยความระมัดระวังในฐานะสหายของเทพเจ้า และผู้ส่งสารของเทพเจ้าชินโตที่สถิตในศาลเจ้าและภูเขาโดยรอบนั่นเอง สำหรับเส้นทางเดินไปยังศาลเจ้าคะซุงะไทชะจะผ่านสวนสาธารณะนาราที่มีกวางอาศัยอยู่ราวๆ 1,300 ตัว ผู้คนจากทั่วโลกที่สนใจกวางในนารามักจะมาเยือนที่นี่
อาคารสมัยใหม่ใกล้กับศาลเจ้าหลัก เป็นบ้านสมบัติแห่งนี้มีสิ่งประดิษฐ์ที่สวยงาม เช่น กล่องแล็กเกอร์มากิเอะที่ฝังด้วยทองคํา ดาบหายาก ชุดเกราะซามูไร และงานศิลปะ ซึ่งภายในอาคารเป็นห้องโถงสมบัติที่มีโบราณวัตถุประมาณ 3,000 ชิ้น รวมถึงสมบัติของชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สําคัญ 520 ชิ้น ต้องเสียค่าเข้าชมพิเศษ 500 เยน
สวนพฤกษศาสตร์ที่มีขนาดประมาณ 3 เฮกตาร์ (9,000 สึโบะ) มีการจัดแสดงพืชประมาณ 300 ชนิดที่บรรยายไว้ใน Manyoshu เป็นกวีนิพนธ์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยนารา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นต้นวิสทีเรียที่เติบโตขึ้นทั่วบริเวณวัดมาเป็นเวลานาน และดอกวิสทีเรียก็มีความเชื่อโยงกับตระกูลฟูจิวาระ ทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของดอกวิสทีเรียซึ่งจะบานสะพรั่งแต่งแต้มสีสันให้ศาลเจ้าแห่งนี้ ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเป็นประจำทุกปี โดยทุกวันนี้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ผ่อนคลายในการรื่นรมย์ชมดอกไม้ของเหล่านักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ
ในศาลเจ้ามีพื้นที่ของคาเฟ่ให้นั่งรื่นรมย์ชมทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติด้วยนะ โดยเมนูที่ถูกนำมาเสิร์ฟนั้นราวกับว่าจะได้ทําความสะอาดตัวเองผ่านการรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยไฟสะอาดก่อนเข้าศาสนสถาน ดังนั้นหากดูแบบลงรายละเอียดจะพบกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่สวยงามของโครงสร้าง และเมนูอาหารสุดพิเศษที่มีมาตั้งแต่เปิดให้บริการ โดยเมนูแนะนำก็คือเมนูข้าวต้มที่มีส่วนผสมของน้ำซุปดาชิและสาหร่ายคอมบุจากฮอกไกโด รวมทั้งมิโซะขาวในท้องถิ่นนี้ รวมถึงผักที่มีมากมายในแต่ละฤดูกาล นอกจากนั้นก็มีเมนูขนมหวาน น้ำชา และเมนูอื่นๆ ไว้บริการด้วย
ศาลเจ้าคะซุงะ (Kasuga Taisha)
ที่อยู่ | 160 Kasuganocho, Nara, 630-8212 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Yamatoji Line ลง สถานี nara นั่งรถบัสอีกประมาณ 15 นาที (Kasuga Taisha Honden) |
เวลาทำการ | เดือนเมษายน – กันยายน 6.00 – 18.00 น., เดือนสิงหาคม – มีนาคม 6.30 – 17.00 น. |
ราคา | ค่าเข้าชมศาลเจ้าหลัก 500 เยน *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง |
Website | Kasuga Taisha |
ในบริเวณรอบๆ ศาลเจ้าสามารถเดินเท้าไปยังสวนสาธารณะที่เป็นหัวใจของจังหวัดนาราได้เพียงไม่กี่นาที สามารถสัมผัสวัฒนธรรมความเป็นเมืองนารา เมืองหลวงเก่าได้อย่างใกล้ชิด แล้วจะพบได้ว่านารา เป็นอีกจังหวัดที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลมากมาย เป็นอีกจังหวัดที่เหมาะกับการไปเยือน
ศาลาอุคิมิโด คือศาลาหกเหลี่ยมที่มีหลังคามุงจากไม้สนไซเปรสตั้งอยู่กลางสระน้ำซากิอิเกะภายในสวนสาธารณะนารา เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว นอกจากจะมาเพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของสวนกันแบบ 360 องศาแล้ว ยังสามารถทำความรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในเมืองนาราที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย ไฮไลท์ของที่นี่คือภาพของศาลาที่มีรูปทรงเรขาคณิตสะท้อนกับผิวน้ำในสระออกมาเป็นทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยาย
ศาลาอุคิมิโดแห่งสวนสาธารณะนารา (Ukimido)
ที่อยู่ | Takabatakecho, Nara, 630-8301 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu Nara เดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Ukimido |
วัดโทไดจิ เป็นวัดที่ห้ามพลาดเลยก็ว่าได้เมื่อคุณมีโอกาสมาเยือนที่จังหวัดนารา ในความหมายของชื่อวัดนั้นแปลตรงตัวว่า “มหาวิหารตะวันออก” โดยที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ มีประวัติยาวนาน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน โดยหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่สําคัญคือวัดโทไดจิ นิกัตสึโดะ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระใหญ่อยู่บนเนินของภูเขาวากะคุสะ เป็นสถานที่ในการจัดพิธีกรรมสำคัญต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล โดยเฉพาะพิธีกรรมชูนิเอะจะจัดขึ้นในเดือนที่สองของปฏิทินจันทรคติ และที่นี่ก็เป็นสมบัติของชาติที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันอีกด้วย
วัดโทไดจิ นิกัตสึโดะ (Todai-ji Nigatsu-do Temple)
ที่อยู่ | 406-1 Zoshicho, Nara, 630-8211 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu Nara เดิน 22 นาที |
เวลาทำการ | 24 ชั่วโมง |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Todai-ji Nigatsu-dō Templehttp://www.todaiji.or.jp/information/nigatsudo/ |
ตํานานเล่าว่าอาคารวัดถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิโชมุในปี 735 นอกจากประตูโรมอนซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติที่ส่งต่อรูปแบบสถาปัตยกรรมมาจากยุคคามาคุระแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 13 ชั้นที่สร้างขึ้นในยุคเดียวกันด้วย ตัวเจดีย์อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางบริเวณวัด และวัดแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านดอกไม้ต่างๆ ตั้งแต่ดอกคอสมอสและไฮเดรนเยียในช่วงฤดูร้อน ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ก็เป็นสถานที่ชมดอกไม้เปลี่ยนสียอดนิยมด้วยเช่นกัน
วัดฮันยาจิ (Hannyaji Temple)
ที่อยู่ | 221, Hannyajicho, Nara-shi, Nara 630-8102 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสมาลงที่ป้ายรถบัส Hannyaji จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 น. |
ราคา | ค่าเข้าชมศาลเจ้าหลัก 500 เยน *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง |
Website | Hannyaji Temple |
ศาลเจ้าคะซุงะไทฉะตั้งอยู่ในสวนสาธารณะนาราอันน่าหลงใหล เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมชินโตโบราณของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ทางจิตวิญญาณที่สําคัญที่สุดในภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นสถานที่สักการะและเป็นผู้พิทักษ์เมืองนารามานานหลายศตวรรษ และสิ่งที่ทําให้ที่นี่มีเสน่ห์อย่างแท้จริงคือโคมไฟนับพันที่ประดับประดาอาคารและทางเดิน โคมไฟทองสัมฤทธิ์และหินเหล่านี้บริจาคโดยผู้บูชาและจุดไฟในช่วงเทศกาลโคมไฟในเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคม เพื่อสร้างบรรยากาศมหัศจรรย์คอยส่องสว่างให้แก่ป่าโบราณรอบศาลเจ้าให้ดูลึกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา
Blogger : Pennapa Uttamang
อดีตบรรณาธิการผู้รับใช้ถ้อยคำมาตลอดหลายสิบปี ปัจจุบันก็ยังคงทำงานเขียน วาดภาพประกอบ เลี้ยงแมว และทำสตูดิโอออกแบบเล็กๆ เกี่ยวกับโบรชัวร์ญี่ปุ่น เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนผ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมายเช่นกัน
86 Posts
รีวิวเที่ยวโอซาก้า เที่ยวชมเมืองกับ OSAKA SKY VISTA และ “Tempozan Harbor Village” ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต Kaiyukan
“Osaka Sky Vista” บัสแบบไร้หลังคาที่จะพาเรานั่งชมแหล่งท่องเที่ยวรอบเมืองโอซาก้...
รีวิว “Eslead Hotel Osaka Shinsaibashi” ที่พักสไตล์เหมือนพักที่บ้านใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางโอซาก้า
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับคนที่วางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือที่พัก ครั้งนี้เร...
ท่องเที่ยวเมืองอาริดะ (Arida) จังหวัดวาคายามะ (Wakayama): 10 จุดเช็กอิน ผ่อนคลายท่ามกลางทะเล ธรรมชาติ และส้มมิคัง
[ทิวทัศน์สวยงามที่ทะเลและท้องฟ้าเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน] ท่าเรือประมงโออิ (Oi...
นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
เที่ยวให้ทั่วโตเกียวแล้วไปต่อโอซาก้า เพราะเรามีแผนการเดินทางสุดคุ้มจากโตเกียวไ...
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515