แผนที่แนะนำจุดชมดอกไม้ตามเส้นทางรถไฟคินเท็ตสึ
ดูพิกัดแผนที่จุดชมดอกไม้และช่วงเวลาที่เหมาะจะไปชมได้จาก List แผนที่จาก Google My Map นี้เลยค่ะ : https://www.google.com/maps/d/edit?mid=1zGKCz3rrLrgiGIHsMK8cWgBKexTzqcs&usp=sharing
บัตรโดยสารรถไฟสุดคุ้ม
รถไฟ Kintetsu Line มีบัตรโดยสารรถไฟชั้นเยี่ยม มาใช้บัตรเหล่านี้ให้คุ้มและสนุกกับการท่องเที่ยวคันไซ!
คลิกลิงก์แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม !
ดอกบ๊วย ( กุมภาพันธ์ – มีนาคม )
ช่วงเวลาที่ดอกบ๊วยจะบานนั้น จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละปี แต่ในภูมิภาคคันไซนั้น จะบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนมีนาคม ต่อไปเป็นสถานที่ชมดอกบ๊วยที่แนะนำค่ะ
ศาลเจ้า Jonangu Shrine ( เกียวโต )
ศาลเจ้าโจนันกุ (Jonangu Shirne) เป็นจุดชมดอกบ๊วยชิดาเระ (Shidare Ume) ที่สวยงามและได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดของเกียวโต
ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม มีการจัดงานเทศกาล ดอกบ๊วยชิดาเระและดอกคามิเลีย ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกบ๊วยกำลังบานเต็มที่
ดอกบ๊วยชิดาเระกว่า 150 ต้นที่เบ่งบานพร้อมกันนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต้องตกตะลึงในความสวย งามของดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่ตัดกันระหว่างดอกคามิเลียที่กำลังร่วงหล่นและดอกบ๊วยที่กำลังบานเต็มที่ เป็นสเน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย และในช่วงเวลาไม่กี่วัน ที่ดอกบ๊วยกำลังจะร่วงโรย คุณยังสามารถชมความสวยงามของพรมดอกไม้ที่เกิดจากดอกไม้ร่วงหล่นปกคลุมพื้นดินได้อีกด้วย
ศาลเจ้า Jonangu Shrine ( เกียวโต )
ที่อยู่ | 7 Nakajimatobarikyucho, Fushimi, Kyoto |
เวลาเข้าชม | 09.00 – 16.30 น. ( ปิดรับ เวลา 16.00 น.) |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ ( เด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป) 1000 เยน เด็กชั้นประถมศึกษา 600 เยน |
วิธีเดินทาง | เดิน 15 นาทีจากทางออกหมายเลข 6 สถานีรถไฟ Kintetsu Takeda Station |
Official website | ศาลเจ้า Jonangu Shrine ( เกียวโต ) |
อื่นๆ | เทศกาล ดอกบ๊วยชิดาเระและดอกคามิเลีย วันที่ 18 กุมภาพันธ์ – 22 มีนาคม ค.ศ.2025 |
ศาลเจ้า Yuki Shrine (มิเอะ)
ศาลเจ้ายูกิ (Yuki Shrine) ในเมืองสึ จังหวัดมิเอะ มีต้นบ๊วยชิดาเระอุเมะมากถึง 300 ต้น และต้นบ๊วยอื่น ๆ อีกประมาณ 80 ต้น รวมมากกว่า 10 สายพันธุ์ ปลูกไว้ทั่วบริเวณ
โดยปกติแล้ว ดอกบ๊วยจะเริ่มบานเต็มที่ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงกลางเดือนมีนาคม และช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการชมดอกบ๊วยชิดาเระอุมะคือ ช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ดอกบ๊วยจะบานสะพรั่งไปทั้งสวน
ในช่วงที่ดอกบ๊วยบานเต็มที่ มักจะมีนกเมจิโระหรือนกแว่นตาขาว บินมาอยู่ที่บริเวณสวนดอกบ๊วยแห่งนี้ สร้างภาพความสวยงามของธรรมชาติที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว
ศาลเจ้า Yuki Shrine (มิเอะ)
ที่อยู่ | 2341 Fujikata, Tsu, Mie 514-0815 |
ช่วงเวลา | กำหนดการ กลางเดือนกุมภาพันธ์ |
เวลาเข้าชม | เวลา 09.00 – 16.00 น. ( ให้เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาสวนปิด 30 นาที) ※เวลาสวนปิดคือ เวลา 17.00 น. ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและจำนวนคนเข้าชม |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็กประถม – มัธยมต้น 400 เยน |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส Sanko Bus สายมุ่งหน้าไป Yonezu, Tenpaku หรือ Sun valley จากสถานี Tsu ของ Kintetsu Line แล้วลงรถที่ Yuki Jinja-mae ใช้เวลา 14 นาที |
Website | ศาลเจ้า Yuki Shrine (มิเอะ) (Mie Prefecture Tourism Federation) |
Suzuka Forest Garden (มิเอะ)
สวนซูซูกะโนะโมริ (Suzuka Forest Garden) ในเมืองซูซูกะ จังหวัดมิเอะ เป็นสถานที่ที่คุณสามารถชมดอกบ๊วยชิดาเระอุเมะ ซึ่งถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
สวนแห่งนี้มีต้นบ๊วยประมาณ 200 ต้น รวมมากกว่า 30 สายพันธุ์ โดยเฉพาะ ชิดาเระอุเมะที่มีอายุมากกว่า 100 ปี สูงตระหง่านอยู่ใกล้ทางเข้าสวน เป็นจุดที่ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น จึงทำให้ดอกบ๊วยจึงบานช้ากว่าที่อื่นเล็กน้อย
นอกจากนี้ ในช่วงที่ดอกบ๊วยบานสะพรั่ง ยังมีการจัดแสดงประดับไฟในเวลากลางคืน ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับความงดงามและบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกที่แตกต่างจากช่วงเวลากลางวันอีกด้วย
Suzuka Forest Garden (มิเอะ)
ที่อยู่ | 151-2 Yamamotocho, Suzuka, Mie 519-0315 |
ช่วงเวลาเปิดสวน | กำหนดการ วันเสาร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ – ปลายเดือน มีนาคม ค.ศ.2025 |
เวลาเปิดสวน | 09.00 – 16.00 น. ในช่วงที่มีการประดับไฟกลางคืน จะขยายเวลาไปจนถึง 20.30 น. เวลาสุดท้ายในการเข้าชมคือ 30 นาทีก่อนเวลาปิดทำการ |
ค่าเข้าชม | ปกติ 700 – 1,800 เยน เด็กประถม ครึ่งราคา เด็กเล็กที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ฟรี *ค่าเข้าชมจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการบานของดอกไม้ |
วิธีเดินทาง | เดินทางโดยแท็กซี่ 40 นาทีจาก สถานีรถไฟ Kintetsu-Yokkaichi Station ในช่วงเวลาสวนเปิด จะมีรถรับ-ส่งตามเวลาจากสถานีรถไฟ Kintetsu-Yokkaichi Station |
Official website | Suzuka Forest Garden (มิเอะ) |
Nabana no Sato (มิเอะ)
สวนดอกไม้นาบานะ โนะ ซาโตะ (Nabana no Sato) มีต้นบ๊วยแดงและบ๊วยขาวอยู่ราว 150 ต้น และมีต้นบ๊วยชิดาเระอุเมะ อีกมากกว่า 330 ต้น โดยส่วนใหญ่แล้วต้นบ๊วยชิดาเระอุมะจะมีอายุราว 40 – 50 ปี แต่ก็มีต้นไม้เก่าแก่ที่มีอายุมากถึง 140 ปี อยู่ภายในสวนดอกไม้แห่งนี้ นอกจากจะมีบรรยากาศที่สวยงามแล้ว ยังมีกลิ่นหอมชวนหลงใหลของดอกบ๊วยฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งสวน และที่สวนแห่งนี้ก็จัดงานประดับไฟให้ได้ชมความงดงามกันในเวลากลางคืนอีกด้วย
Nabana no Sato (มิเอะ)
Nabana no Sato (มิเอะ)
ที่อยู่ | 270 Urushibata Nagashimacho Komae, Kuwana, Mie |
วิธีเดินทาง | ช่วงเวลาประมาณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม |
เวลาทำการ | 10.00 – 22.00 น. ปิดให้เข้าชมสวน ก่อนเวลาปิดทำการ 30 นาที |
ค่าเข้าชม | 2,500 เยน ( รวมคูปองมูลค่า 1,000 เยน) เด็กต่ำกว่าประถมศึกษา เข้าชมฟรี |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส 10 นาที จากสถานีรถไฟ Kintetsu-Nagashima Station |
Official website | Nabana no Sato (มิเอะ) |
ชิบะซากุระ Shiba-sakura (เมษายน – พฤษภาคม)
ชิบะซากุระ เป็นดอกไม้ที่แผ่กว้างออกไปเหมือนผืนแผ่นดิน และมีดอกลักษณะคล้ายกับดอกซากุระ ช่วงเวลาดอกไม้บานจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ อยู่ในช่วงต้นเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม
Hana no Sato Takidani Iris Garden (นารา)
สวนดอกไม้ ฮานะ โนะ ซาโตะ Takidani Iris Garden ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบนภูเขาที่เงียบสงบทางภาคตะวันออกของจังหวัดนารา เป็นจุดชมดอกชิบะซากุระที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
ในสวนแห่งนี้มีดอกชิบะซากุระทั้งสีม่วง สีชมพู และสีขาวปลูกอยู่เต็มพื้นที่ เมื่อถึงฤดูที่ดอกไม้บานเต็มที่ ดอกไม้จะบานสะพรั่งเต็มพื้นที่ราวกับเป็นพรมดอกไม้ที่สวยงาม
Hana no Sato Takidani Iris Garden (นารา)
ที่อยู่ | 348 Muroutakidani, Uda, Nara 633-0313 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม |
เวลา | 09.00 – 16.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก (ชั้นประถมศึกษาขึ้นไป) 500 เยน |
วิธีเดินทาง | ลงรถไฟสาย Kintetsu Osaka ที่สถานี Sanbonmatsu Station และ ขึ้นรถบัสบริเวณหน้าสถานี นั่งรถบัสสายมุ่งหน้าไป Takidani Hana shoubu-en ใช้เวลาประมาณ 5 นาที |
Official Website | Hana no Sato Takidani Iris Garden (นารา) |
ดอกวิสทีเรีย (ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม)
ดอกวิสทีเรียหรือดอกฟูจิ เป็นดอกไม้พื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่น ช่วงเวลาชมดอกวิสทีเรียจะอยู่ในช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ดอกสีชมพู สีม่วง สีขาว และสีเหลือง จะค่อยๆเบ่งบานตามกันไป สร้างเป็นทัศนียภาพที่สวยงามคุ้มค่าแก่การไปเยี่ยมชม
วัด Fujii-dera (โอซาก้า)
วัดฟุจิอิ (Fujii-dera) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปพันมือ “Honzon Senjyu Kannon ” ซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นสถานที่ชมดอกวิสทีเรียที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ในทุกๆ ปีช่วงกลางเดือนเมษายน จะมีการจัดงานเทศกาลดอกวิสทีเรีย (Wisteria Festival)
ในช่วงเทศกาลนี้ จะใช้ประตูทางทิศใต้(นันไดมง) เป็นประตูหลัก และเมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาก็จะพบกับม่านดอกวิสทีเรียที่ห้อยสวยงามอยู่ตรงหน้า มีทั้งดอกสีขาวและสีม่วง ที่กำลังบานสะพรั่ง
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลยังมีการจัดแสดงประดับไฟในเวลากลางคืน หากมีโอกาสตรงกับช่วงเวลานี้และล่ะก็ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
Fujii-dera (โอซาก้า)
ที่อยู่ | 1-16-21 Fujii-dera, Osaka 583-0024 |
ช่วงเทศกาลดอกฟูจิ (Wisteria Festival) | ช่วงตั้งแต่ วันที่ 19 เมษายน เป็นต้นไป |
เวลาเข้าชม | 08.00 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | 300 เยน |
วิธีเดินทาง | เดิน 3 นาที จากสถานีรถไฟ Fujii-dera Station สาย Kintetsu Minami-Osaka |
Fujii-dera (โอซาก้า) |
สวนพฤกษศาสตร์ Kasuga Taisha Manyo Botanical Garden (นารา)
สวนพฤกษศาสตร์มันโยแห่งศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Taisha Manyo Botanical Garden) อยู่ในเมืองนารา มีการปลูกต้นวิสทีเรียกว่า 20 สายพันธุ์ มากกว่า 200 ต้น
มีทั้งสายพันธุ์หายากหลากหลายสีสัน ทั้งสีขาว สีชมพู และสีอื่น ๆ ให้ได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามที่หลากหลาย
ความพิเศษของสวนแห่งนี้คือ การจัดวางต้นวิสทีเรียไม่ได้เป็นซุ้มแบบทั่วๆไป ทำให้สามารถชมดอกไม้ได้ในระดับสายตาโดยไม่ต้องเงยหน้ามอง
บางสายพันธุ์มีช่อดอกลงมายาวเกือบถึงพื้น ทำให้สามารถถ่ายรูปกับม่านดอกวิสทีเรียที่ห้อยอยู่ได้อีกด้วย
สวนพฤกษศาสตร์ Kasuga Taisha Manyo Botanical Garden (นารา)
ที่อยู่ | 160 Kasuganocho, Nara 630-8212 |
ช่วงเวลา | ช่วงกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม |
เวลาทำการ | 09.00 – 16.00 น. (เข้าสวนได้ถึงเวลา 16.00 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 200 เยน |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Kintetsu Nara Station นั่งรถบัสสายที่มุ่งหน้าไป Kasuga Taisha Honden ลงรถที่ป้าย Kasuga Taisha Honden เช่นเดียวกัน จากนั้นเดินไปตามถนน Omotesando ไปทางทิศตะวันตก อีกประมาณ 3 นาที |
Website | สวนพฤกษศาสตร์ Kasuga Taisha Manyo Botanical Garden (นารา) |
ดอกอาซาเลีย (กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม)
ดอกอาซาเลียในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน เช่น ดอกสีขาวชมพูและสีม่วง จะบานในช่วง กลางเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนกลางพฤษภาคม
ต่อไปเราจะขอแนะนำสถานที่ที่มีดอกอาซาเลียบานสะพรั่งเต็มภูเขา เหมือนเป็นพรมที่เกิดจากดอกไม้กันค่ะ
Katsuragi-kogen (นารา)
ที่ราบสูงคัตสึระกิ (Katsuragi Kogen) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูเขาคองโก (Mount Kongo) สามารถมาชมดอกอาซาเลียหรือดอกซึซึจิ ได้ตั้งแต่ช่วงต้นถึงกลางเดือนพฤษภาคม
เมื่อขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังยอดเขา จะได้พบกับวิวพาโนรามาแบบ 360 องศา
ที่ที่ราบสูงคัตสึระกินี้จะมีดอกสายพันธุ์ยามะซึซึจิ (Yamatsutsuji) เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีดอกซึซึจิสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลากหลายสายพันธุ์ เบ่งบานในที่บริเวณที่ราบสูงแห่งนี้
ดอกไม้สีแดงและสีชมพูเข้มที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งภูเขาเป็นภาพที่สวยสดและงดงาม
เราขอแนะนำให้ลองชมทัศนียภาพที่สวยงามแห่งนี้จากมุมสูงกันดูนะคะ
Katsuragi-kogen (นารา)
ที่อยู่ | 639-2312 Kushira, Gose City |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ช่วงประมาณต้นเดือน-กลางเดือนพฤษภาคม |
เวลาทำการของกระเช้าลอยฟ้า | 9:10 – 17:00 น. |
ค่าขึ้นกระเช้าลอยฟ้า | ผู้ใหญ่ 1,500 เยน (ไป-กลับ) เด็ก 750 เยน (ไป-กลับ) |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Kintetsu-Gose station นั่งรถบัสสายมุ่งหน้าไป Katsuragi Ropeway ลงที่ป้ายรถบัสชื่อ Tozan-guchi แล้วนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขา |
ดอกโบตั๋น (เดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม)
ดอกโบตั๋นมีลักษณะเด่นคือ เป็นดอกไม้ขนาดใหญ่ ดูหรูหราสวยงาม ดอกจะบานในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม มีหลากหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู และสีแดง
วัด Hasedera Temple (นารา)
เมื่อพูดถึงวัดฮาเซเดระ ในจังหวัดนาราแล้วละก็ จะต้องพูดถึงดอกโบตั๋น ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ต้นโบตั๋นของวัดฮาเซเดระแห่งนี้ ได้รับสืบทอดมาจากต้นไม้ของพระมเหสีมะโทฟุจิน จากประเทศจีน ซึ่งสืบทอดกันมามากกว่า 1000 ปี ที่วัดแห่งนี้มีต้นโบตั๋นมากกว่า 150 สายพันธุ์ รวมมากกว่า 7000 ต้น
ทัศนียภาพทิวทัศน์ของดอกโบตั๋นหลากสีบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณวัดเป็นเกิดเป็นภาพที่สวยงาม
วัด Hasedera Temple (นารา)
ที่อยู่ | 731-1 Hase, Sakurai, Nara 633-0112 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ช่วงกลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม |
เวลาเข้าชม | 07.00 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 500 เยน เด็กชั้นประถมศึกษา 250 เยน |
วิธีเดินทาง | เดิน 15 นาที จากสถานีรถไฟ Hasedera Station บนสาย Kintetsu-Osaka Line |
Official website | วัด Hasedera Temple (นารา) |
ดอกโรโดเดนดรอน (Rhododendron) กลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม
ดอกโดโรเดนดรอนนี้ มีลักษณะเด่นอยู่ที่ มีดอกช่อใหญ่ ดอกจะบานในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม มีหลากหลายสีสัน เช่น สีขาว และสีแดง
วัด Okadera Temple (นารา)
ภายในวัดโอกะเดระแห่งนี้ มีต้นดอกโรโดเดนดรอนอยู่มากกว่า 3,000 ต้น ดอกไม้จะบานในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ให้สีชมพูสวยสดประดับอยู่ทั่วบริเวณของวัด โดยเฉพาะตรงบริเวณ ถนน Shakunage ที่อยู่ด้านใน มีต้นดอกโรโดเดนดรอนที่ประดับอยู่บนเดินเขาทั้งสองข้างทาง นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินไปสักการะวัดตามเส้นทางที่ถูกโอบล้อมไปด้วยดอกโรโดเดนดรอนที่บานสะพรั่งได้อย่างเพลิดเพลิน
วัด Okadera Temple (นารา)
ที่อยู่ | 806 Oka, Asukamura, Takaichi, Nara 634-0111 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ช่วงกลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤษภาคม |
เวลาเข้าชม | 08.30 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ (ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไป) 400 เยน เด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 300 เยน เด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 200 เยน |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส Asuka Tour Bus จากสถานีรถไฟ Kashiharajingu-Mae Station หรือ Asuka Station ลงรถที่ Okatera-mae แล้วเดินต่อไปอีก 10 นาที |
Official website | วัด Okadera Temple (นารา) |
ดอกไฮเดรนเยีย ( เดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคม)
ดอกไฮเดรนเยีย หรือ ดอกอาจิไซ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีต้นกำเนิดมาจากพันธ์พื้นเมืองของญี่ปุ่น คือ กาคุอาจิไซ และได้ผ่านการปรับปรุงสายพันธุ์ให้หลากหลายมากขึ้น ดอกไฮเดรนเยียมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์และมีสีสันที่สวยงาม
ต่อไปเราลองมาดูสถานที่ชมดอกไฮเดรนเยียแนะนำใกล้เมืองโอซาก้ากันค่ะ
วัด Hasedera Temple (นารา)
ที่วัดฮาเซเดระ แห่งนี้นอกจากดอกโบตั๋นแล้วยังมีชื่อเสียงในเรื่องดอกไฮเดรนเยียอีกด้วย
ในวัดแห่งนี้มีต้นดอกไฮเดรนเยียอยู่มากกว่า 3,000 ต้น และจะบานพร้อมๆ กันในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ในระหว่างทางเดินไปฮงโดหรืออุโบสถหลักของวัด จะมีดอกไฮเดรนเยียหลากหลายสีสันประดับไว้เต็มสองข้างทาง
วัด Hasedera Temple (นารา)
ที่อยู่ | 633-0112 731-1 Hatsuse, Sakurai City, Nara Prefecture |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม |
เวลาเข้าชม | 9:00-18:00 น |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป)500 เยน เด็กชั้นประถมศึกษา 250 เยน |
วิธีเดินทาง | เดิน 15 นาที จากสถานีรถไฟ Hasedera Station บนสาย Kintetsu-Osaka Line |
Website | วัด Hasedera Temple (นารา) |
Kazahaya no Sato (มิเอะ)
สวนดอกไม้ คาซาฮายะ โนะ ซาโตะ (Kazahaya no Sato) ในเมืองสึ จังหวัดมิเอะ ปลูกดอกไฮเดรนเยียจำนวนมากถึง 77,700 ต้น รวมทั้งหมด 45 สายพันธุ์ บนพื้นที่เนินเขา 33,000 ตารางเมตร
จากจุดชมวิวในสวนสามารถมองเห็นพื้นที่ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของสวนทั้งหมด เป็นภาพที่สวยงามมากจนอาจจะทำให้คุณต้องร้องอุทานออกมาเลยทีเดียว
ความสวยงามของการจัดวางต้นไม้โดยใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเข้ามาผสมผสาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น สวนดอกไฮเดรนเยียที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังมีดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์หายากที่หาชมไม่ได้จากที่อื่นอีกด้วย
Kazahaya no Sato (มิเอะ)
ที่อยู่ | Chome-21 Takanawa, Minato City, Tokyo 108-0074 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ต้นเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม |
เวลาเข้าชม | 08.00 – 18.30 น. |
ค่าเข้าชม | นักศึกษามหาวิทยาลัยขึ้นไป 800 เยน |
วิธีการเดินทาง | มีรถ Shuttle bus รับ-ส่ง จากสถานีรถไฟ Kintetsu Hisai Station |
Official website (ภาษาไทย) | Kazahaya no Sato (มิเอะ) |
ดอกลาเวนเดอร์ ปลายเดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคม
โดยปกติดอกลาเวนเดอร์จะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะบานเต็มที่ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายเดือน
ลาเวนเดอร์ ถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งสมุนไพร Queen of Herbs เนื่องจากมีกลิ่นหอมชวนหลงใหล และเป็นดอกไม้ที่มีลักษณะที่บอบบาง น่าทะนุถนอม
Menard Aoyama Resort (มิเอะ)
สวนสมุนไพรบนเนินเขา Menard Aoyama Resort ในจังหวัดมิเอะ
ภายในสวนสมุนไพรแห่งนี้ มีต้นลาเวนเดอร์ปลูกอยู่ภายในสวนหลายหมื่นต้น ดอกจะเริ่มบานในช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เมื่อดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งแล้วจะกลายเป็นพรมดอกไม้ธรรมชาติขนาดใหญ่สีม่วงอ่อนดูสวยงาม
ด้วยกลิ่นหอมอบอวลชวนหลงใหล ให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเก็บดอกลาเวนเดอร์ สามารถทำเป็นดอกไม้แห้งเพื่อนำกลับไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
Menard Aoyama Resort (มิเอะ)
ที่อยู่ | 2356 Kiryu, Iga, Mie 518-0295 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | กลางเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนกรกฎาคม |
เวลาเข้าชม | 09.00 – 17.00 น. ( ปิดให้เข้าชมเวลา 16.00 น.) |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 1,100 เยน อายุ 65 ปี ขึ้นไป 900 เยน |
วิธีเดินทาง | มีรถบัสรับ-ส่ง แบบจองที่นั่งล่วงหน้า จากสถานีรถไฟ Iga-Kanbe Stations บนสาย Kintetsu Osaka Line |
Official website | Menard Aoyama Resort (มิเอะ) |
ดอกดาเลีย เดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคม
ดอกดาเลียเป็นดอกไม้ที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่สายพันธุ์ที่มีดอกขนาดใหญ่ ไปจนถึงสายพันธุ์ดอกเล็ก หรือแบบดอกชั้นเดียว
ช่วงที่ดอกดาเลียบานสะพรั่งที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงกรกฎาคม
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา)
สวนสาธารณะอุมามิ คิวเรียว (Umami-Kyuryo Park) ยังขึ้นชื่อเรื่องดอกดาเลียเช่นกัน
ภายในสวนมีดอกดาเลียถึง 350 สายพันธุ์ มากกว่า 1,000 ต้น มีความหลากหลายทั้งในด้านสีสันและสายพันธุ์
เพียงแค่เดินชมดอกไม้แต่ละชนิดที่ปลูกไว้ก็สร้างความเพลิดเพลินและความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน
นอกจากนี้ ดอกไม้ก็ยังสูงพอดีกับระดับใบหน้า ทำให้สามารถถ่ายรูปคู่กับดอกไม้ได้อย่างง่ายดาย
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา)
ที่อยู่ | 2202 Samita, Kawaimachi, Kitakatsuragi, Nara |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม |
เวลาเข้าชม | 09.00 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | เข้าชมฟรี |
วิธีเดินทาง | เดิน 2 นาทีไปยังประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ จากสถานีรถไฟ |
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา) |
ดอกทานตะวัน (ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม)
ดอกทานตะวัน ถูกตัดแต่งสายพันธุ์ออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์ เช่น กลีบซ้อน หรือทำให้ดอกมีสีส้ม หรือมีสีแดง
คุณจะสามารถชมดอกทานตะวันดอกทานตะวันสายพันธุ์หายากเหล่านี้ จากสถานที่ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ค่ะ
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา)
จากที่แนะนำไปข้างต้น สวนสาธารณะอุมามิ คิวเรียว (Umami-Kyuryo Park) ในจังหวัดนารา มีทุ่งดอกทานตะวันให้ได้ชมมากกว่า 25 สายพันธุ์ รวมกว่า 150,000 ต้น ในระหว่างช่วงปลายเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม
ในพื้นที่ทางทิศใต้ มีทุ่งดอกทานตะวันสายพันธุ์ Sunfinity ซึ่งเป็นจุดชมดอกทานตะวันแนะนำที่คุณไม่ควรพลาด
ดอกทานตะวันมีทั้งดอกที่สูงและดอกที่อยู่ต่ำ ช่วยให้ถ่ายรูปคู่กับดอกไม้ได้ง่ายและดูสวยงาม จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีดอกทานตะวันสีแดง สีขาว และสายพันธุ์แบบกลีบซ้อนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินชื่อดังอย่าง แวน โก๊ะและ โมเนต์ ให้ได้ชมอีกด้วย
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา)
ที่อยู่ | 2202 Samita, Kawaimachi, Kitakatsuragi, Nara |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม |
เวลาเข้าชม | 09.00 – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | เข้าชมฟรี |
วิธีการเดินทาง | เดิน 2 นาทีไปยังประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ จากสถานีรถไฟ Ikebe Station บนสาย Kintetsu Tawaramoto Line |
สวนสาธารณะ Umami-kyuryo Park (นารา) |
ดอกคอสมอส (ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนพฤศจิกายน)
ดอกคอสมอสในประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งหนึ่งที่สือถึงฤดูใบไม้ร่วง
เป็นดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสัน ตั้งแต่ สีชมพู สีขาว สีแดง สีส้ม และสีเหลือง เป็นต้น
16. ซากปราสาทฟูจิวาระ (นารา)
บนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร พร้อมทุ่งดอกคอสมอสที่มีมากกว่า 3 ล้านดอก จากทั้งหมด 6 สายพันธุ์เป็นวิวทิวทัศน์และภาพที่สวยงามน่าประทับใจ
หากมีโอกาสลองมาสัมผัสบรรยากาศทุ่งดอกคอสมอสที่กว้างใหญ่แห่งนี้กันดูนะคะ
นอกจากนี้ ยังมีดอกคอสมอสสายพันธุ์ที่มีรูปร่างแปลกตา ให้คุณได้ชมกันอย่างจุใจ
การถ่ายภาพคู่กับดอกไม้พร้อมฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ตกดิน เป็นเพิ่มบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ให้กับภาพถ่ายของคุณอีกด้วยค่ะ
ซากปราสาทฟูจิวาระ (นารา)
ที่อยู่ | Daigocho, Kashihara, Nara 634-0000 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ต้นเดือน – ปลายเดือนตุลาคม |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Kintetsu Yamato-Yagi Station ลงรถที่ป้าย Kashihara Fujiwarakyo Shiryoushitsu-mae แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที |
Nabana no Sato (มิเอะ)
สวนดอกไม้นาบานะ โนะ ซาโตะ (Nabana no Sato) นอกจากจะเป็นสถานที่ชมดอกบ๊วยแล้ว ยังเป็นสถานที่แนะนำสำหรับการมาชมดอกคอสมอสด้วยค่ะ
ดอกคอสมอสของที่นี่ เป็นสายพันธุ์ที่มีดอกขนาดใหญ่ คัดเลือกมาเป็นพิเศษจากหลายร้อยสายพันธุ์ให้ได้สายพันธุ์ที่มีดอกขนาดใหญ่และสวยงาม
บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 43,000 ตารางเมตร ของทุ่งดอกคอสมอส เป็นทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา
นอกจากนี้แล้วในช่วงกลางคืน ยังมีการประดับไฟ ช่วยเพิ่มมนต์สเน่ห์และความโรแมนติกในยามค่ำคืนอีกด้วย
Nabana no Sato (มิเอะ)
ที่อยู่ | 270 Urushibata Nagashimacho Komae, Kuwana, Mie |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนพฤศจิกายน |
เวลาเข้าชม | 10.00 – 22.00 น. ปิดให้เข้าชมสวน ก่อนเวลาปิดทำการ 30 นาที |
ค่าเข้าชม | 2,500 เยน ( รวมคูปองมูลค่า 1,000 เยน) เด็กต่ำกว่าประถมศึกษา เข้าชมฟรี |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส 10 นาที จากสถานีรถไฟ Kintetsu-Nagashima Station *เฉพาะช่วงที่มีการประดับไฟเท่านั้น (ปลายเดือนตุลาคม-พฤษภาคม) |
Official website | Nabana no Sato (มิเอะ) |
ดอกกุหลาบ (ฤดูใบไม่ร่วง) ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน
แม้แต่ในฤดูใบไม้ร่วงก็สามารถหาชมดอกไม้ที่เบ่งบานได้ตลอดทั้งปีอย่างดอกกุหลาบได้
แม้ว่าในฤดูใบไม้ร่วงนั้น ดอกกุหลาบจะมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกัลป์ฤดูอื่นๆ แต่ยังคงความสวยงามอยู่ไม่ต่างกัน
สวนดอกกุหลาบ Jingu Rose Garden (มิเอะ)
สวนดอกกุหลาบจิงกู (Jingu Rose Garden) ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ มีเนื้อที่ขนาด 1,000 ตารางเมตร มีดอกกุหลาบกว่า 450 ต้น รวมมากกว่า 150 สายพันธุ์
ภายในสวนแห่งนี้มีดอกกุหลาบที่ถูกตั้งชื่อตามบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่มากมาย และภายในสวนคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสีสันอันหลากหลายและกลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบหลากหลายชนิด
การได้มาชมดอกกุหลาบในฤดูใบไม้ร่วง จะต้องเป็นประสบการณ์แสนพิเศษและน่าประทับใจมากแน่นอนเลยค่ะ
สวนดอกกุหลาบ Jingu Rose Garden (มิเอะ)
ที่อยู่ | 152 Ujinakanokiricho, Ise, Mie 516-0025 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน เวลาอาจคลาดเคลื่อนไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ |
เวลาเข้าชม | 09.00 – 16.00 น. |
ค่าเข้าชม | เข้าชมฟรี |
วิธีเดินทาง | จากป้ายรถหน้าสถานีรถไฟ Kintetsu Iseshi Station หรือ Ujiyamada Statiom นั่งรถบัสสาย Naiku-mae ลงรถที่ป้าย Jingu Kaikan-mae แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที |
Website | สวนดอกกุหลาบ Jingu Rose Garden (มิเอะ) |
Red Hill Forest of Hisa (มิเอะ)
ที่ เรดฮิลล์ ฟอเรสต์ ฮิสะ (Red Hill Forest of Hisa) แห่งนี้มีสวนกุหลาบขนาดใหญ่บนพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางเมตร โดยมีดอกกุหลาบกว่า 1,500 ต้น รวมมากกว่า 400 สายพันธุ์
ภายในสวนสามารถชมดอกกุหลาบได้หลากหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่กุหลาบที่ได้รับความนิยมในอดีต ไปจนถึงสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่ตามรูปแบบธีมต่าง ๆ เช่น กุหลาบแบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษ และกุหลาบที่มีกลิ่นหอมโดดเด่น ให้มีบรรยากาศที่หลากหลาย
ดอกกุหลาบในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังเบ่งบานพร้อมส่งกลิ่นหอมอบอวล เป็นบรรยากาศที่สวยงามอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
Red Hill Forest of Hisa (มิเอะ)
ที่อยู่ | 2877 Takanoocho, Tsu, Mie 514-2221 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | ปลายเดือนตุลาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน |
วันหยุดทำการ | ทุกวันพฤหัสบดี |
เวลาเข้าชม | 09.30 – 16.00 น. เวลาเข้าชมสวนรอบสุดท้าย ก่อนเวลาปิดทำการ 30 นาที |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 500 เยน ( กรกฎาคมถึงกันยายน, วันที่ 16 พฤศจิกายน – มกราคม ) 800 เยน ( กุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 16 ถึง 30 มิถุนายน ตุลาคมถึง 15 พฤศจิกายน ) เด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 250 เยน( แสดงบัตรนักเรียน ) เด็กต่ำกว่าชั้นประถมศึกษา เข้าชมฟรี |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Kintetsu Tsu station นั่งรถบัสสาย Toyogaoka ลงรถที่ F Kita yama แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที |
Officail website | Red Hill Forest of Hisa (มิเอะ) |
ดอกหญ้าสึสึกิ (กลางเดือนกันยายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน)
ดอกหญ้าสึสึกิ เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น
ดอกเป็นรวงสีเงินสสวยงาม เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น เทศกาลชมพระจันทร์
20. Soni Kougen (นารา)
ทุ่งหญ้าสึสึกิ ที่ Soni kougen ตั้งอยู่ในจังหวัดนารา เป็นทุ่งหญ้าสึสึกิที่กว้างใหญ่ ขนาด 40 เฮกตาร์
ดอกหญ้าสึสึกิจะเริ่มออกรวงตั้งแต่กลางเดือนกันยายมเป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน แสงอาทิตย์ในตอนกลางวันทำให้ดอกหญ้าเปล่งประกายเป็นสีเงิน และแสงอาทิตย์ตกในตอนเย็นจะเปลี่ยนทุ่งหญ้าเป็นสีทองอร่าม
บรรยากาศที่สวยงามและน่าประทับใจนี้ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
Soni Kougen (นารา)
ที่อยู่ | Taroji Sonimiura, Uda, Mie 633-1202 |
ช่วงเวลาดอกไม้บาน | กลางเดือนกันยายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Kintetsu Nabari Station นั่งรถบัส Mie Kotsu สาย Yamagasu-Nishi ลงรถที่ Taroji แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที |
Official Website | Soni Kougen (นารา) |
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่เราได้แนะนำดอกไม้ไปทั้งหมดแล้ว เจอดอกไม้ที่อยากไปชมบ้างรึยัง?
ที่ประเทศญี่ปุ่นเราสามารถไปชมและเพลิดเพลินกับดอกไม้ได้ทุกฤดูกาล ตลอดทั้งปี หากมีโอกาสได้ไปประเทศญี่ปุ่นอย่าลืมลองไปสัมผัสความสวยงามของดอกไม้ ในฤดูกาลนั้นๆ กันดูนะคะ