คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
15%
10%

นั่นน่ะสิทำไมถึงต้องมาที่นี่ทั้งๆญี่ปุ่นก็มีสวนดอกไม้มากมายหลายแห่ง คำตอบก็คือสวนดอกไม้คุจุ ( Kuju Flower Park ) นั้น เป็นสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงถึง 850 เมตร และสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟ Aso ได้ ซึ่งเป็นสวนดอกไม้เพียงสวนเดียวของญี่ปุ่นที่สามารถมองเห็นวิวนี้ได้ และยังมีจุดถ่ายรูปอื่นๆที่สวยงามอีกด้วย
ที่นี่ทีดอกไม้มากกว่า 500 สายพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ดู รวมทั้งหมดมากกว่า 5 ล้านดอก และยังสามารถมาชมดอกไม้ที่นี่ได้ถึง 3 ฤดูกาลเลยทีเดียว
นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมาที่นี่

หากพูดถึงช่วงเวลาที่สวยที่สุดของ Kuju Flower Park แล้ว จะต้องบอกว่าที่นี่เปิดทำการถึง 3 ฤดูกาลยกเว้นฤดูหนาว ดังนั้นแล้ว ทั้ง 3 ฤดูกาลที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนั้นก็มีสเน่ห์ของแต่ละฤดูแตกต่างกันไป
อย่างเช่นฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกไม้หลากสี ดอกทิวลิป ดอกฟลอกซ์มอส
ฤดูร้อนก็จะมีดอกลาเวนเดอร์ ดอกบลูเบอร์รี่
ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีดอกคอสมอส
สำหรับช่วงเวลาที่ดอกไม้บานนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเช็คได้หลายวิธีครับ
อย่างเช่น การเช็คข้อมูลแบบวันต่อวัน และยังสามารถเช็คข้อมูลได้เป็นจุดๆอีกด้วย

การเช็คตามปฏิทิน
วิธีต่อมาคือ การเช็คตามปฏิทิน ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถวางแผนล่วงหน้าได้เป็นเวลานานๆ ว่าจะมาช่วงไหนดี และมาดูดอกไม้อะไร
Live Camera
และวิธีสุดท้ายก็คือ Live Camera ซึ่งข้อดีก็คือ นักท่องเที่ยวจะเห็นสถานการณ์ของดอกไม้แบบ Real Time ที่สุด

สำหรับวิธีการเดินทางนั้นเราจะเริ่มจากการเดินทางโดยรถสาธารณะ ซึ่งเป็นวิธีที่ยากที่สุด
โดยอันดับแรกให้นั่งรถไฟ Jr มาลงสถานี Bungo Taketa จากนั้นให้เรียกแท็กซี่ไปลงที่สวนดอกไม้ Kuju Flower Park ซึ่งจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ราคาค่าแท็กซี่ประมาณ 6,000 เยน ซึ่งถ้าไปหลายคนอาจจะช่วยกันหารได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือจากสถานี Bungo Taketa นั่งรถบัสมาลงป้าย Kuju แล้วนั่งแท็กซี่ต่อมาที่นี่ Kuju Flower Park ค่ารถบัสจะประมาณ 550 เยน และค่าแท็กซี่ประมาณ 2,000 เยน

วิธีต่อมาคือการขับรถโดยสามารถขับรถจากสถานที่เหล่านี้มาที่ Kuju Flower Park ได้ง่ายๆ อย่างเช่น
โดยที่นี่มีที่จอดรถรองรับได้ถึง 1,000 คัน

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเข้าชม Kuju Flower Park นั้น ค่าเข้าจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและราคาแต่ละวันจะไม่เท่ากัน
นอกจากการซื้อตั๋วเป็นครั้งๆแล้ว ที่นี่ยังมีตั๋วแบบปีด้วย ซึ่งสามารถเข้ากี่ครั้งก็ได้ภายใน 1 ปี ราคาดังนี้ ผู้ใหญ่ 4,000 เยน เด็ก 1,000 เยน

นอกจากค่าเข้าชมสวนดอกไม้แล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมภายในสวนด้วย อย่างเช่นการเก็บดอกลาเวนเดอร์ก็มี ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคนละ 500 เยน ซึ่งอีเวนท์นี้มีตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2025
หรือกิจกรรมในช่วงกลางคืนอย่างกิจกรรมชมดาว ปล่อยบอลลูน ซึ่งจะมีในวันที่ 26 กรกฎาคม 2025 ก็จะมีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมที่คนละผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 400 เยน โดยกิจกรรมจัดตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป
กิจกรรมอื่นๆอย่างเช่นการเก็บบลูเบอร์รี่ก็สามารทำได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 500 เยน

สำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืนที่นี่ยังมีบริการที่พักแบบเต็นท์สไตล์แกลมปิ้ง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเต็นท์ 1 หลัง สามารถพักได้ถึง 4 คน โดยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 26,000 สำหรับ 2 คน/คืน
และนักท่องเที่ยวสามารถจองแพ็คเกต BBQ ได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เตาถ่านหรือเตาแก๊ส ตอนที่กำลังจอง
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปจองได้ที่นี่

หัวข้อนี้จะแนะนำเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สิ่งที่ต้องเตรียมมา ว่ามีอะไรบ้าง
รถเข็นผู้สูงวัย ผู้พิการ ( Wheel Chair )
สำหรับนักท่องเที่ยวที่พาผู้สูงวัยหรือพิการมาด้วย นักท่องเที่ยวสามารถนำรถเข็น ( Wheel Chair ) มาใช้ที่นี่ได้ เพราะที่นี่ได้ทำทางเดินที่สามารถรองรับรถเข็นได้ นอกจากนั้นแล้วหากผู้ที่ไม่มีรถเข็น ( Wheel Chair ) นั้น ก็ยังสามารถใช้บริการยืมรถเข็น ( Wheel Chair) ของทางสวนได้ โดยมีค่ายืมอยู่ที่ 100 เยนเท่านั้น
ซีเนียร์คาร์ท
สำหรับซีเนียร์คาร์ทนั้น ถือว่าเป็นบริการพิเศษของที่นี่เลย โดยเน้นไปที่ผู้สูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไป และผู้พิการเป็นหลัก โดยจะมีเจ้าหน้าที่ขับรถพาผู้สูงวัยและผู้พิการนั่งรถกอล์ฟชมสวนดอกไม้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยมีค่าบริการคันละ 2,000 เยน

แผนที่เส้นทางการบริการซีเนียร์คาร์ท

รถเข็นเด็ก
สำหรับผู้ที่มีเด็กเล็กไปด้วยก็สามารถนำรถเข็นเด็ก หรือเช่าจากที่สวนได้ ราคา 100 เยน
ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ
สำหรับสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือร้านรวงต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหาร ซื้อของฝากให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อมากมาย อย่างเช่นร้าน Komorebi Cafe, Chalotte หรือร้านขายของฝากอย่างร้าน Hana No Eki เป็นต้น

เรือนกระจก ( Green House )
ถึงแม้ว่าวันที่นักท่องเที่ยวได้ชมดอกไม้นั้นได้มีฝนตก ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าที่นี่ยังมีเรือนกระจกซึ่งภายในได้ปลูกพืชเขตร้อน ต่อให้ฝนตกนักท่องเที่ยวก็ยังสามารถชมความงามของดอกไม้ได้ในเรือนกระจก

ถึงแม้ว่าที่นี่จะสามารถถ่ายรูปได้ทั้ง 3 ฤดูกาล แต่ถ้าพูดถึงไฮไลท์แล้ว ช่วงเวลากลางคืนจะถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย เพราะว่า Kuju Flower Park แห่งนี้นั้นเป็นสวนดอกไม้ที่ตั้งอยุ่บนที่ราบสูง ดังนั้นแล้วถ้าถึงเวลากลางคืนสิ่งที่จะสามารถมองเห็นได้จากที่ชัดก็คือ ดวงดาว ซึ่งการถ่ายรูปดอกไม้แล้วมีดวงดาวระยิบระยับอยู่เบื้องบนนั้น ต้องบอกว่า สวยมาก ดังนั้นแล้วถ้ามีโอกาสมาเที่ยวที่นี่ก็นอนค้างซักคืนก็เป็นทางเลือกที่ดี

ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ก็คือการถ่ายรูปทุ่งเนโมฟีลา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกเนโมฟิลากำลังบาน ( ช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม ) นักท่องเที่ยวจะเห็นทุ่งดอกไม้สีน้ำเงินที่กำลังบาน ซึ่งเหมาะกับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

นี่คือไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของ Kuju Flower Park เลยทีเดียว Shunsai no Hatake นั้นคือช่วงเวลาที่ดอกไม้ 10 ชนิดบานพร้อมกัน ซึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นก็คือความงามที่หลากสี จนเป็นสีสันของดอกไม้ ซึ่งแน่นอนว่า การถ่ายรูป Shunsai no Hatake นั้น นักท่องเที่ยวจะได้รูปดอกไม้ที่สีสันหลากหลายแบบสวยงามสุดๆ แน่นอน โดยช่วงเวลาที่สามารถเห็น Shunsai no Hatake นั้นคือเดือนพฤษภาคม

Yufuin Onsen หรือเรียกย่อๆว่า Yufuin นั้นถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของจังหวัด Oita เลยก็ไม่ผิดนัก ซึ่งการเที่ยวเมือง Yufuin นั้น ก็มีกิจกรรม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน
ถ้าใครเป็นสายช็อปก็สามารถเดินช็อปได้ตลอดทั้งเส้นทาง รวมถึงสถานที่เก๋ๆที่เหมือนอยู่ในเทพนิยายก็มีให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส ที่นี่ยังมีทะเลสาบ Kririn ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สวยงามสามารถไปซึมซึบบรรยากาศธรรมชาติได้อีกด้วย หรือร้านคาเฟ่เก๋ๆที่นี่ก็มีให้เลือกหลายร้าน
เท่านั้นไม่พอที่นี่ยังมีเรียวกังให้พักและแช่ออนเซ็น หรือผู้ที่ต้องการแค่แช่เท้าก็สามารถแช่ออนเซ็นเท้าได้ที่สถานีรถไฟ เท่านั้นไม่พอนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถม้านั่งชมเมืองได้อีกด้วย
วิธีการเที่ยว Yufuin แบบง่ายๆนั้น หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยรถไฟแนะนำให้ขึ้นแท็กซี่ไปลงที่ทะเลสาบ Kirin แล้วก็ค่อยเดินย้อนกลับมาที่สถานี ซึ่งจะเดินผ่านร้านค้า ร้านอาหาร มากมายหลายแห่ง
จาก Kuju Flower Park สามารถขับรถไป Yufuin ได้ใน 1 ชั่วโมง หรือถ้าโดยสารรถสาธารณะสามารถนั่งรถไฟจากสถานี Bungo Taketa ไปลงสถานี Yufuin ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

Aso Skyline Observatory เป็นจุดชมวิวที่อยู่ใกล้กับ Kuju Flower Park ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมภูเขาทั้ง 5 แห่ง Aso ได้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
นอกจากนี้แล้วถ้าวันไหนมีเมฆหรือหมอกเยอะ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวทะเลหมอกที่สวยงามอีกด้วย
Aso Skyline Observatory นั้นตั้งอยู่บริเวณถนน Kikuchi สามารถขับรถมาทื่นี่ได้โดยง่าย ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้นจาก Kuju Flower Park

แน่นอนว่าการมาชมสวนดอกไม้นั้น ถ้ามากับคู่รักจะมีบรรยากาศโรแมนซ์ติกจนคนรอบข้างอิจฉา สำหรับแพลนคู่รักนั้น อาจจะใช้เวลา 1 วัน โดยเริ่มตั้งแต่ 13.00 น. จนถึงเที่ยงของอีกวัน แนะนำให้จองที่พักแบบ Glamping ซักคืน
โดยช่วงบ่ายโมงของวันแรกนั้นก็มาเดินชมสวนดอกไม้ที่มีมากกว่า 5 ล้านดอก จากนั้นก็ไปหาคาเฟ่นั่งกินขนม กาแฟ ในบรรยากาศที่โรแมนซ์ติค จากนั้นก็มาเดินชมดอกไม้ชิลๆต่อ พอถึงตอนช่วงเย็นก็ย่าง BBQ กินกันในที่พัก จากนั้นก็เดินชมดาวในช่วงเวลากลางคืน แล้วเข้าพัก 1 คืน
ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า แล้วก็เดินชมสวนดอกไม้ต่อ จนจบทริป
โดยงบจะอยู่ที่คนละ 20,000 เยน ( อาจจะเกินได้ ขึ้นอยู่กับราคาที่พักในช่วงที่ไป )

สำหรับการเที่ยวแบบครอบครัวที่พาผู้สูงวัยมาด้วย การนอนเต็นท์นั้นอาจจะไม่สะดวกท่านก็เป็นได้ ดังนั้นแล้ว อาจจะใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็เพียงพอแล้ว ถ้าผู้สูงวัยเป็นผู้นั่งรถเข็นก็สามารถเข็นรถเข็นได้สบายๆ เพราะที่นี่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้พิการด้วย
สำหรับแพลนนั้น อาจจะมาช่วงเช้า หรือ บ่ายก็ได้
เริ่มต้นที่การเดินชมสวนดอกไม้กับครอบครัว จากนั้นก็ไปนั่งกินคาเฟ่ชิลๆ แล้วก็จบทริป
ซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 8,500 เยน

สำหรับผู้ที่ฉายเดี่ยวนั้น จะมีคล่องตัวกว่าการมาเที่ยวหลายคน ซึ่งอาจจะใช้เวลาเที่ยวแค่ครึ่งวัน หรือเต็มวันก็ได้
โดยช่วงเช้านั้นก็เดินชมสวนดอกไม้ จากนั้นก็ไปใช้บริการร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง จากนั้นก็ไปร้านขายของ อาจจะซื้อเบียร์ดื่ม หรือขนม ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน จากนั้นถ้ายังไม่ดื่มด่ำกับการชมดอกไม้ ก็อาจจะมาชมดอกไม้ต่อจนถึงเย็น หรือถ้าใครที่พอแล้วก็สามารถไปเที่ยวที่อื่นต่อตั้งแต่บ่ายก็ได้
สำหรับงบคนที่มาแบบโซโล่นั้นประมาณคนละ 6,000 เยน
สำหรับการไปชมดอกไม้ที่ Kuju Flower Park นั้น การเตรียมพร้อมและการ Checklist ก่อนไปนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าดอกไม้แต่ละดอกนั้นจะบานในฤดูกาลที่แตกต่างกัน ดังนั้นแล้วสิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวจะต้องมีคือ ปฏิทินบานของดอกไม้
ถัดมาเมื่อเรามีปฏิทินแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรมีก็คือแผนที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถโหลดในรูปแบบแผ่นพับภาษาอังกฤษ
ซึ่งแผ่นพับนั้นไม่ได้มีเพียงแผนที่แต่ยังมีข้อมูลด้านอื่นอีกเช่น ปฏิทินบาน ราคาค่าเข้า อยู่ด้วย ซึ่งแนะนำให้นักท่องเที่ยวดาวโหลด
เมื่อดาวโหลดแล้วนักท่องเที่ยวก็จะสามารถวางแผนการเดินทาง การเที่ยวที่นี่ได้สะดวกยิ่งขึ้น

Kuju Flower Park นั้นเป็นสวนดอกไม้ที่สามารถเที่ยวได้ถึง 3 ฤดู ซึ่งแต่ละฤดูก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย แม้กระทั่งคนพิการที่นั่งรถเข็นก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ เพราะที่นี่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นด้วย หรือถ้าใครต้องการนอนค้างก็สามารถจองที่พักได้ ซึ่งการนอนเต็นท์ก็จะได้บรรยากาศที่น่าจดจำครั้งหนึ่งในชีวิต
นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะมาคนเดียว เป็นครอบครัว เพื่อน หรือคู่รัก ก็สามารถใช้เวลากับที่นี่และมีความทรงจำดีๆได้

Blogger : Kitslaughter666
ผมชื่อ กิด เป็นคนที่สนใจประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และชอบทานราเมง กับ ปลาปักเป้า เป็นชีวิตจิตใจ รักการถ่ายเซลฟี่กับกวางที่เกาะมิยาจิม่า ชอบภูมิภาคชูโกกุ ชอบเที่ยวสถานที่Unseenของญี่ปุ่น
109 Posts

ไปคิวชูทั้งที ต้องไม่พลาด SUNQ Pass! พาเที่ยวทั่วเกาะ คุ้ม ครบ จบในใบเดียว
SUNQ Pass คือบัตรโดยสารสุดคุ้มที่ให้คุณขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัด ทั้งรถบัสด่วนและรถ...

เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...

สนุกกับการเที่ยวรอบเมืองฟุกุโอกะให้เต็มที่ ด้วยบัตรโดยสาร “Fukuoka City 1-Day Pass” ที่ทั้งคุ้มและสะดวก!
บัตร Fukuoka City 1-Day Pass ช่วยให้คุณสามารถนั่งรถบัสของ Nishitetsu ภายในเมือ...

อยากเที่ยวคิวชูให้คุ้ม ต้องรู้จัก! SUNQ Pass กับ 4 ข้อดีที่คุณไม่ควรพลาด
ไปคิวชูทั้งที เที่ยวยังไงให้คุ้มที่สุด? คำตอบคือ... SUNQ Pass! บัตรเดียวขึ้นรถ...

รีวิวที่พักฟุกุโอกะ Cross Life Hakata Yanagibashi และ Cross Life Hakata Tenjin
รีวิว Cross Life Hakata Yanagibashi Hotel และ Cross Life Hakata Tenjin มีสิ่งอ...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515