คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
20%
10%
แดดออกหรือฝนตกก็ยังสนุกได้เป๊ะ เที่ยวมิเอะ แบบ Unseen EP 1
อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่

การเดินเขา ถือเป็นกิจกรรมที่ชาวญี่ปุ่นนิยมกัน ถึงจะใช้พลังเยอะหน่อย แต่พอเห็นวิวข้างบนแล้ว รับรองหายเหนื่อยเลยล่ะ

บนจุดชมวิว จะมีระเบียงยื่นออกไป เห็นวิวหมู่เกาะอิเสะ และทะเลที่ไกลสุดสายตา

ชักภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก เย้! ขอบคุณคุณลุงใจดีที่ถ่ายให้พวกเราค่ะ 🙂

ข้างบนมีร้านขนมเล็กๆ ไว้ทานขนมชมวิว จากนั้นขากลับ เราเดินกันลงไปที่ Yokoyamaka Bus Stop เพื่อต่อรถบัส ไปที่ป้าย Ugata Ekimae แล้วต่อรถอีกสาย ไปลงที่ Shima Spain Mura Bus Stop เป้าหมายของเรา
จุดชมวิว Yokoyama Tenboudai
| ที่อยู่ | 875-20 Agochougata, Shima-shi, Mie 519-0602 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | เดินทางจากสถานี Toba ขึ้นรถไฟ Tokyu มุ่งสู่ Kashikojima เพื่อไปลงที่สถานี Ugata สามารถใช้บัตร Kintetsu Rail Pass Plus แต่ว่าต้องซื้อตั๋ว Tokyu เพิ่ม ในราคา 510 เยน หลังจากนั้น นั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 15 นาที |
| เวลาทำการ | ร้านกาแฟ 9:00~16:30 |
| ราคา | เครื่องดื่มและขนมหวานเริ่มต้นที่ 300 เยน |
| โทรศัพท์ | 0599-44-0567 |
| Yokoyama View Point |
พอก้าวลงจากรถบัสปุ๊บนึกว่าวาร์ปมาประเทศสเปน

Spain Mura แปลว่า หมู่บ้านสเปน สวนสนุกแห่งนี้เปิดทำการมากว่า 25 ปีแล้วค่ะ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวญี่ปุ่น เราไปกันวันธรรมดา คนจึงยังน้อย เห็นเงียบๆ แต่พอเข้าไป …


โอโหเห้ยยยย!!!! โชว์อันนี้สนุกมากค่ะ เพราะเค้าไม่ได้เต้นให้เราดูอย่างเดียว เราต้องเล่นใหญ่ไปกะเค้าด้วย รถแห่จะวนๆไปรอบจตุรัส แล้วคนดู (เราด้วย) ก็จะวิ่งตามรถ เซิ้งๆคล้ายๆพวกคลั่งลัทธิบูชาอะไรบางอย่าง แต่มันส์จริงๆค่ะ

จากนั้นเราก็แวะไปสงบสติอารมณ์ ชมโชว์ระบำฟลามิงโก้ในโรงละคร ที่แสดงโดยชาวสเปนแท้ๆ น่าตื่นตาตื่นใจมาก (ส่วนใครที่ดูแล้วอยากอินกับบรรยากาศมากขึ้น ที่นี่มีบริการให้เช่าชุดสำหรับใส่เดินเล่นในพาร์คด้วยค่ะ)

จริงๆแล้วเราแอบกลัวเครื่องเล่นหวาดเสียว เลยได้แต่ถ่ายรูปจากไกลๆ 555 แต่สำหรับคนที่ถามหาความมันส์ขอเชิญที่นี่โลดค่ะ ข้อดีมากๆอย่างนึงคือ ถ้ามาวันธรรมดาคนจะค่อนข้างน้อย อยากเหาะก็เหาะเลย ไม่ต้องรอต่อแถวค่ะ

ถึงจะเป็นพวกอ่อน แต่เราก็ยังสนุกมาก เพราะที่นี่มีอะไรหลายอย่างให้ ทั้งบ้านกระจก บ้านน้ำแข็ง สวนดอกไม้สไตล์ยุโรป ร้านอาหาร เหมาะกับคนทุกวัยจริงๆ

ในพาร์คมีหลายโซน ที่อยากแนะนำคือโซนหมู่บ้านค่ะ เพราะถ่ายรูปสวยทุกมุมจริงๆ

ระหว่างโซนต่างๆ มีผนังเกร๋ๆ ให้ตามไปเก็บรูป

มีเครื่องพ่นหมอกด้วย นึกว่าอยู่สเปนกันจริงๆ

สงสัยใช่มั้ยละคะ ว่าใครถ่ายรูปให้พวกเรา

คำตอบคือนี่ค่ะ! ที่ตั้งกล้องเซลฟี่ที่มีอยู่ตามจุดต่างๆ เค้าคิดมุมสวยมาให้แล้ว สะดวกมาก รักไอเดียนี้

เราแวะช้อปปิ้งของฝากกันที่นี่ก่อนจะกลับไปที่โรงแรม ถ้าใครได้มา อยากแนะนำของฝากอันนี้ค่ะ ภาษาสเปนเรียกสิ่งนี้ว่า “โพรเวอรง” (Polvoron) เป็นขนมคล้ายคุกกี้ มีกลิ่นหอมเบาๆของเนยกับสตรอว์เบอร์รี่ เสียดายที่ซื้อมาแค่กล่องเดียว
ถ้าใครพอมีเวลา อยากสนุกต่อ สามารถซื้อบัตร Passport แบบ 2 วันได้ ถ้ามีบัตร Kintetsu Rail Pass เค้าลดราคาให้ 15% ด้วย
ชิมะ สเปน มุระ (Shima Spain Mura)
| ที่อยู่ | 952-4 Shimoyama, Isobecho Sakazaki, Shima, Mie 517-0212 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ugata (ของ Kintetsu) แล้วนั่งรถบัสสายตรงของ Mie Kotsu มาลงที่ Shima Spain Mura (หากมี Kintetsu rail pass สามารถโดยสารบัสได้ฟรี) |
| เวลาทำการ | 9:30-17:00 น. |
| ราคา | 5,700 เยน สำหรับ 1 day passport |
| โทรศัพท์ | 0599-57-3333 |
| Website | Shima Spain Mura |

อาหารมื้อนี้ ให้อารมณ์เหมือนเราถูกหวย เพราะวันนี้ เชฟที่มาทำอาหารให้เราทาน เป็นเชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศส และอาหารของที่นี่ ก็ได้ชื่อว่าเป็น World’s First ส่วนคราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ทานอาหารแบบฟูลคอร์สเลยทีเดียว ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ครั้งแรกของฉันที่ได้พบกับกุ้งลอปสเตอร์ สวัสดีจ้าาา จะทานละนะ!

เนื้อมัตสึซากะที่จะว่าไปแล้ว วิธีการจัดวางและรูปร่างดูเหมือนหมู่เกาะในทะเลอิเสะ

ในคอร์สยังมีจานอื่นๆอีกมากมาย
โรงแรม Miyako Resort Shima Bayside Terrace
| ที่อยู่ | 3618-33 Agocho Ugata, Shima, Mie 517-0501 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | สถานี Kintetsu Nagoya >> นั่ง Kintetsu-Limited Express >> Kashikojima Station >> นั่ง Shuttle Bus ของโรงแรม >> Miyako Resort |
| เวลาทำการ | เช็คอิน 15:00 น. / เช็คเอาท์ ก่อน 11:00 น. |
| ราคา | เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล |
| โทรศัพท์ | 0599-43-7211 |
| Website | โรงแรม Miyako Resort Shima Bayside Terrace |


หลายๆคนอาจคุ้นเคยชื่อของ “อามะจัง” จากซีรีส์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับหญิงสาวที่ออกงมหอยมุกในทะเล วันนี้เรามาที่นี่กันล่ะค่ะ

กระท่อมริมทะเลของอามะซัง

และนี่คือ อามะซัง ตัวจริงเสียงจริง น่ารักมากๆเลย

อามะซังจะมาเล่าความพิเศษของที่นี่ และทำอาหารทะเลให้เราทานด้วยค่ะ

อาหารทะเลที่เราได้ทาน จะเป็นของที่มีตามฤดูกาลนั้นๆค่ะ ณ จุดนี้ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู้ด น่าจะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยทีเดียว

ปิดท้ายด้วยแป้งโมจิย่าง ทานกับน้ำซุปร้อนๆค่ะ ใครชอบทานซีฟู้ดต้องมาให้ได้นะ เพราะนอกจากจะสดและอร่อยแล้ว ยังมีความหมาย เพราะอามะซังเป็นผู้หามาให้เราทาน ด้วยการดำน้ำลงไปเก็บมาจากใต้ท้องทะเล โดยไม่พึ่งถังออกซิเจน ตามวิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณกว่า 3000 ปี

อามะซังเล่าว่า พวกเธอจะลงดำน้ำด้วยชุดสีขาวแบบนี้และที่ผ้าโพกศรีษะ จะมีสัญลักษณ์รูปดาว และรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งถือเป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มภัยจากท้องทะเล สัญลักษณ์รูปดาวจะช่วยนำทางให้กลับมาได้อย่างปลอดภัย เพราะเวลาวาดรูปดาว เราจะเริ่มต้นที่จุดหนึ่ง และเส้นจะวนกลับมาหาจุดๆเดิมเสมอ

สาเหตุที่หมู่บ้านยังคงต้องใช้วิธีดำน้ำแบบโบราณไม่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะต้องการคงวิถึชีวิตที่อยู่คู่กับธรรมชาติ ไม่จับปลาเกินขนาด (Overfishing) เท่มากๆเลยค่ะอามะซัง
หมู่บ้านอามะ Osatsu Kamado
| ที่อยู่ | 819 Osatsu-cho, Toba, Mie 517-0032 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Toba สามารถนั่ง Taxi หรือ Kamome Bus มาได้ |
| เวลาทำการ | 11:30 – 14:00 น. |
| โทรศัพท์ | 0599-33-7453 |
| Website | Osatsu Kamado |
จากกระท่อมอามะซัง เรานั่งแทกซี่กันออกไปเพื่อทำภารกิจสำคัญของทริปนี้ แทกซี่พาเรามาที่หน้าปากซอยแห่งหนึ่ง “อิชิกามิซัง แปลตามตัว ว่าเทพเจ้าแห่งศิลา เป็นที่เชื่อกันว่า ท่านจะประทานพรให้กับผู้หญิง โดย 1 คน สามารถขอพรได้เพียง 1 ครั้ง และสิ่งนั้นจะเป็นความจริง”

ทางเข้าศาลเจ้าจะมีเสาโทริอิ ทำด้วยหิน อย่าลืมคำนับ 1 ทีเป็นการขอขมาที่เข้ามารบกวนนะคะ

จากนั้นจะมีศาลต่างๆ และเสาแดงเรียงรายทางขวามือ ให้เราเดินตรงไปตามทางเดินอย่างมุ่งมั่นก่อนค่ะ

อย่าลืมล้างมือกันก่อนนะคะ ที่ล้างมือจะอยู่ด้านซ้ายมือของทางเดิน ส่วนศาลเจ้า อยู่ด้านขวามือค่ะ

แต่ไม่ใช่ว่าเราพุ่งตัวเข้าไปเลยนะ ด้านหน้าจะมีโต๊ะ และกระดาษอยู่ (ซ้ายมือของภาพ) เข้าคูหา เขียนชื่อ ที่อยู่ และคำขอพรลงไปในนั้น จากนั้นถือเข้าไปหย่อนด้านในศาลเจ้ากันค่ะ

วิธีการกราบไหว้ตามธรรมเนียมญี่ปุ่น เริ่มจากโยนเหรียญที่มีรู เช่นเหรียญ 5 เยน ลงในกล่อง จากนั้นสั่นกระดิ่ง, คำนับสองครั้ง, ตบมือสองครั้ง, แล้วก็ขอพรค่ะ ปิดท้ายด้วยการคำนับอีก 1 ครั้ง แล้วก็หย่อนคำขอลงไปในกล่องเล็กๆ ที่อยู่ทางซ้าย หรือขวามือ เป็นอันเสร็จพิธี
ศาลเจ้าอิชิกามิ-ซัง
| ที่อยู่ | 1385 Osatsu-cho, Toba-shi, Mie |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Toba ต่อรถบัส Kamome ไปที่ป้าย Kunizaki เดินต่อประมาณ 7 นาที |
| เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
| โทรศัพท์ | 0599-33-7453 |
| Website | Shinmei Shrine Ishigami-san |

ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดบนเกาะอิเสะ ชิมะ (Ise Shima) และขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และตกที่สวยที่สุด มาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้ามาในช่วงใบไม้ผลิ สามารถเดินเล่นชมดอกไม้ได้ตามทาง ที่ด้านบน มีที่นั่งพัก สามารถแช่เท้าคลายเมื่อยได้ด้วยค่ะ และพอเดินไปเรื่อยๆก็มาถึงสิ่งที่เราตามหา…

เจอแล้ว! ไปรษณีย์ท้องฟ้า (Tenku Post) ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปรูปตู้ไปรษณีย์นี่มีพลังกดไลค์เยอะมากในโซเชียลค่ะ ใครได้มาที่นี่ ขอให้ลองทดสอบกันดูค่ะ 55555 อ้อ! เจ้าตู้นี่ ยังเป็นที่นิยมในการส่งโปสการ์ดให้คนรักด้วยนะคะ
ไปรษณีย์ท้องฟ้า (Tenku Post)
| ที่อยู่ | 185 Asamacho, Ise, Mie 516-0021 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu “Isuzugawa”/JR Kintetsu “Toba” นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาทีไปยังจุดชมวิวยอดเขา |
| เวลาทำการ | เดือนมกราคม – เมษายน / เดือนกันยายน – ธันวาคม 7:00-19:00 น. / เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 6:00-20:00 น. (ในเทศกาลสำคัญ เช่นปีใหม่จะเปิดเร็วขึ้น สามารถเช็คเวลาได้ที่เว็บไซต์) |
| โทรศัพท์ | 0599-33-7453 |
| Website | iseshima skyline |
ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไว เหมือนรถไฟชิมะคะเซะ (อันหลังนี่แต่งเอง) ชิมะคะเสะ เป็นรถไฟด่วนที่เพิ่มเติมคือ “ความเร็วสูง” ค่ะ ดังนั้นนอกเหนือจาก Kintetsu Rail Pass Plus ที่เรามีแล้ว จึงต้องมี ตั๋วรถไฟความสูงหรือเรียกว่าโทคิวเคง (Tokkyu Ken) และตั๋วรถไฟชิมะคะเซะ (Shimakaze) เพิ่มค่ะ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง เช็คตามลิงค์นัี้ได้เลย >>> Kintetsu
ไหนๆก็มาถึงนี่ ถ้าจะไม่ลองนั่งรถไฟตัวท็อปที่ขึ้นชื่อก็เสียดายโอกาส เราตัดสินใจเพิ่มสตางค์เพื่อซื้อตั๋วโทคิวเคง และชิมะคะเซะ (Shimakaze) ค่ะ พอได้ขึ้นก็รู้สึกว่า โอเค ถือว่าคุ้มกับประสบการณ์

นี่คือหน้าตาของเจ้า ชิมะคะเซะ (Shimakaze) ค่ะ สีฟ้าขลิบทอง

ด้านในของรถไฟคือความไฮโซอะโลฮ่าปาจิงโกะฯลฯ มากค่ะ พึงพอใจกันขนาดไหนอธิบายได้จากสีหน้าของเพื่อนค่ะ

มาต่อที่รถเสบียง ที่ดีไซน์ไฮโซไม่แพ้กัน สีทองวิ้งวั๊ง

ปกติชอบข้าวผัดรถไฟ วันนี้เลยลองสั่งไอติมรถไฟดู มีขลิบทองวิ้งวั๊ง เช่นกัน

ตัวรถไฟมีสองชั้น เราเลยลงมาดูชั้นล่างบ้าง บรรยากาศน่านั่งมากๆ ที่นั่งหันหน้าเข้าหน้าต่าง สามารถชมวิวได้ตลอดเวลา จนแอบเสียดาย อยากให้รถไฟวิ่งถึงสถานีนาโงย่าช้าอีกสักหน่อย

ทั่วรถไฟจะมีหน้าจอบอกว่าตอนนี้เราถึงจุดไหนแล้วค่ะ ถ้าสังเกตจากแผนที่ เส้นทางสีฟ้า คือเส้นที่รถไฟชิมะคะเซะให้บริการ ครอบคลุมไปถึงเกียวโต โอซาก้า และนาราด้วยค่ะ แต่สำหรับวันนี้ เส้นทางการเดินทางของเรา มาสิ้นสุดที่นาโงย่าแล้วค่ะ เพราะหลังจากนี้เราจะต้องนั่งรถไฟจากสถานีนาโงย่าต่อไปสนามบิน Centrair เพื่อกลับบ้านกันแล้ว …ก่อนจากกัน มีความลับเล็กๆมากระซิบค่ะ
มิเอะ เป็นที่ๆทำให้เราค้นพบสถานที่และความรู้สึกที่ Unseen บางอย่างค่ะ เพราะที่นี่ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่คนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึง ทั้งๆที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เพราะมีรถไฟสายคินเท็ตสึให้บริการ และถ้าวันไหนที่คุณเที่ยวอยู่แล้วฝนตก ลองคว้าร่มใสๆ หรือถือโอกาสถอยร่มใหม่คันสวย (ร่มที่ญี่ปุ่นคุณภาพและดีไซน์ดีจริงๆค่ะ) ออกเที่ยวไปพร้อมกับสายฝน ค้นหาความรู้สึกใหม่ๆในตัวเอง ที่แม้แต่เราก็ยังไม่เคยมองเห็น ยิ่งถ้ามีเพื่อนไปด้วยน่าจะยิ่งสนุกขึ้นค่ะ หวังว่าคงได้พบกันอีกนะคะ

Blogger : ID 19
คุณป้าไกจินบ้าๆบอๆผู้ชื่นชอบวัฒนธรรม และดื่มกาแฟวันละ 5 แก้ว
13 Posts
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515