สวนโนริตาเกะอยู่ไม่ไกลจากสถานีนาโกย่าเลย สามารถเดินทางไปได้ทั้งจากทางรถไฟใต้ดิน หรือเดินเท้าก็ราว 15 นาที หากนั่งรถบัสประจำทางก็แค่ 1 ป้ายเท่านั้นเอง วันนี้เราเลือกการนั่งรถบัสประจำทาง ว่ากันว่า ขึ้นรถไปยังไม่ต้องนั่งก็ถึงแล้วนะ ฮา เอาไว้เป็นตัวเลือกในวันฝนตกก็ได้ วิธีการเดินไปจุดขึ้นรถบัสประจำทางก็ง่ายมาก เดินตามป้าย City Bus Terminal จากในสถานีนาโกย่าเลย
ต้องยอมรับว่าที่นี่เค้าจัดโซนขึ้นรถบัสได้ชัดเจน ทำให้เรามองหาวิธีไปที่ป้ายหมายเลขต่างๆได้ง่าย เพราะจุดยืนรอตามหมายเลขนั้นเรียงกันเลย วันนี้เราไปยืนที่ป้ายเบอร์ 6 กันนะ
เมื่อรถบัสมาจอด ใครที่มีบัตร Suica/ Passmo หรืออื่นๆ ก็แตะบัตรที่ข้างคนขับก่อนเข้าไปนั่ง ใครที่จะจ่ายด้วยเงินสด ให้เตรียมเงินจำนวน 210 เยนไว้ให้พอดี( ถึงแม้เตรียมเงินไม่พอดีก็สามารถแลกเงินได้ที่คนขับ ) นั่งไปไม่ถึง 10 นาทีป้ายด้านหน้ารถจะขึ้นว่า 次はノリタケの森 แปลว่า ต่อไปคือโนริตาเกะโนะโมริ ก็เตรียมกดปุ่มลงเลย สังเกตว่ามีปุ่มทุกจุดบนรถ
เมื่อลงรถแล้ว ทางเข้าสวนจะอยู่ด้านหน้าเลย มองเห็นได้อย่างง่ายดาย เข้าไปได้เลย ไม่มีการเสียค่าเข้าแต่อย่างใด
เมื่อเดินเข้าไปข้างในสักพัก ก็ต้องประหลาดใจกับการตกแต่งด้วยลำธารน้ำใสแห่งนี้ ยืนมองน้ำไหลไปด้วยความเพลิดเพลินอยู่นานเลย มีความเป็นธรรมชาติมากๆ ในช่วงหน้าร้อนก็จะมีเด็กๆมาเล่นน้ำด้วยนะ เจ้าหน้าที่ใจดีมาก ให้ความสำคัญกับความสุขของเด็กๆมาก่อน
พาชมบรรยากาศรอบๆกัน พระเจ้า! ลานน้ำพุสวยงามมาก แถมมีเก้าอี้ยาวให้เราได้นั่งเล่น นั่งมองและเซลฟี่ถ่ายภาพได้อีก
จะถ่ายจะซูมจากมุมไหนก็มีเสน่ห์ไปหมด
ทางเดินด้านในมีเก้าอี้ไม้และร่มสีเขียวกางให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมได้นั่งพักผ่อนเป็นระยะ ที่นี่อนุโลมให้เราสามารถนำขนม น้ำดื่มของตัวเองเข้ามาได้แต่ต้องขอความร่วมมือนำขยะกลับบ้านด้วยนะคะ เพื่อรักษาความสะอาดร่วมกัน
มุมระหว่างตึกอิฐแดงคือไฮไลต์ของที่นี่เลย เพราะตึกทั้งสองแห่งนี้มีอายุร่วมร้อยปีเชียวนะ เป็นตึกจริงที่เคยใช้เป็นโรงงานมาก่อน และมีโลเคชั่นที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปลงไอจีมากที่สุด ดูความคลาสสิกสิคะ แถมสร้างความเซอร์ไพรส์เราด้วยตัวอักษรภาษาไทยบนป้ายด้วยนะ น่าปลื้มใจจริงๆ
เมื่อเราเดินผ่านตึกนี้ไปทางด้านหลัง เพื่อสำรวจมุมสวยๆ ถ่ายรูปกันสักหน่อย โอ้โห สวยเก๋มาก ปล่องไฟสูงๆเหล่านี้ในอดีตเคยเป็นเตาเผากระเบื้องมาก่อน และเมื่อไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว จึงจำเป็นต้องตัดให้สั้นลงและคงไว้แค่นี้ ไม่อย่างนั้นนะความสูงของปล่องไฟเตาเผานี้จะอยู่เป็นอันดับต้นๆของสิ่งปลูกสร้างสูงในเมืองนาโกย่าเชียวนะ และพอดีช่วงนี้เป็นฤดูฝนเค้าเลยนำตุ๊กตาไล่ฝน (เทรุเทรุโบซุ) มาแขวนไว้ ถ้าใครเคยดูการ์ตูนอิคคิวซัง ก็นั่นแหล่ะ เพื่อช่วยขอพรให้อากาศแจ่มใส
มาดูภาพถ่ายของโรงงานโนริตาเกะในอดีตที่เคยยิ่งใหญ่และมีอาณาเขตกว้างขวางมาก ในภาพมีปล่องไฟ 6 ปล่อง ตอนนี้ก็ยังมีครบนะเปลี่ยนแปลงแค่ความสูงเท่านั้น ตรงนี้เปรียบเสมือนเป็นอนุสาวรีย์แห่งความฝันของโนริตาเกะ โดยจุดเริ่มต้นของที่นี่มาจากจานดินเนอร์ใบหนึ่ง (ปล่องไฟทั้ง 6 ปล่อง ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904)
โซนด้านหลังเค้าจัดเป็นสวนหย่อม มีทางเดิน มีบ่อน้ำเล็กๆ สามารถเดินเล่นได้ พักผ่อน นั่งเล่น นั่งทานข้าวก็ได้ ปิคนิคเบาๆได้ หน้าร้อนยังอนุญาตให้เอาเต็นท์แบบพับมากางได้ สุดยอดเลย เรียกว่าที่นี่คือสถานที่แห่งการพักผ่อนจริงๆ ถ้าเราเดินไปรอบๆเรายังจะเห็นผนังอิฐเตาเผาเป็นกำแพงยาวเลยนะ
นั่งเล่นไปจนพอใจแล้วก็เดินกลับมาด้านในอาคารตึกอิฐแดงกันเถอะ วิวขากลับก็สวยไม่แพ้ตอนเดินมาเลย
ยอมใจค่ะ สวยงามมาก
ด้านในสวนโนริตาเกะยังมีศาลเจ้าด้วยนะ มาไหว้ก่อนค่อยเดินชมด้านในต่อ
ตึกนี้เราเรียกว่า ศูนย์การต้อนรับ เข้าฟรี ด้านในแสดงประวัติของบุคลากรที่สำคัญของสวนโนริตาเกะ แสดงผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาในรุ่นแรกๆ และในปัจจุบัน มีห้องชมคลิปแนะนำเทคโนโลยี โดยที่นี่เน้นผลิตภัณฑ์สำหรับการรับประทานอาหาร เช่น จาน แก้ว ถ้วย เป็นต้น
ส่วนอีกตึกใกล้เคียงกัน เรียกว่า ศูนย์แสดงงานฝีมือ มีทั้งหมด 4 ชั้น เสียค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 500 เยน แต่ด้านในดีมากๆ เราสามารถเข้าถึงวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นสมัย 100 กว่าปีมาแล้วได้เลย ดีต่อใจที่สุดคือ คลิปที่บรรยายนั้นมีภาษาไทยด้วย อธิบายสั้นๆแต่เข้าใจทุกกระบวนการผลิตทั้งหมด
มีการแสดงขั้นตอนผลิตเครื่องปั้นดินเผาแต่ละชิ้นงาน นอกจากจะมีจอแสดงคลิปที่พากษ์เป็นภาษาไทยแล้วยังมีแผ่นแสดงบาร์โค้ดเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้สแกนอ่านในแบบภาษาของตัวเอง และแน่นอนว่าเค้าจัดภาษาไทยเพื่อคนไทยด้วยนะ เสมือนว่าที่นี่คือศูนย์ความรู้ที่เหมาะแก่นักเรียนมาทัศนศึกษาด้วยเช่นกัน
มาดูผลงานของเค้ากัน ยืนอึ้งอยู่นานว่าทำไมทำได้ ดูยากมาก ที่นี่เราจะสามารถเข้าถึงคำว่ากระบวนการผลิตขั้นตอนภาชนะต้นแบบ
มีการจำลองเตาเผาให้เราเดินเข้าชมอย่างใกล้ชิด จริงๆในตึกนี้ก็ยังเป็นเหมือนโรงงานเล็กๆนะ ยังผลิตงานแบบว่า Made in Japan ด้วย
บางครั้งเราจะเห็นจิตรกรกำลังบรรจงวาดลวดลายบนผลิตภัณฑ์ งานฝีมือเหล่านี้แต่ละชิ้นมีมูลค่าสูงมาก แต่เรายืนดูได้อย่างใกล้ชิดเลยนะ
จากความตั้งใจสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้งานทุกชิ้นมีความละเอียดและสวยโดดเด่นมาก
ภายในชั้นเดียวกันนี้ ก็มีมุมเปิดประสบการณ์ฝึกงานฝีมือสำหรับผู้ที่สนใจลองระบายสีเป็นผลงานตัวเองได้ด้วยนะ และที่น่าทึ่งคือยังมีบริการส่งพัสดุข้ามประเทศไปยังประเทศของลูกค้าภายหลังด้วย(มีค่าส่งเพิ่มอีก) เนื่องจากงานที่ระบายสีเสร็จต้องนำไปอบที่เตาเผาต่ออีก 1 รอบ ใครสนใจจะมีผลงานเป็นที่ระลึกกลับไปก็สอบถามราคาได้ เพราะมีลวดลายให้เลือกหลายแบบและหลายราคา
แหะๆ ฝีมือข้าน้อยยังต้องพัฒนาต่อไป
ด้านบนชั้น 3 -4 จะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์โนริตาเกะ มาดูความคลาสสิกและวินเทจของเครื่องปั้นดินเผาเมื่อร้อยปีที่แล้วที่ยังคงถูกเก็บไว้อย่างดี สมบูรณ์และทรงคุณค่ากัน
ผลิตภัณฑ์งานเก่าๆของที่นี่ ถูกเก็บรักษากันมาตั้งแต่ยุคเมจิมาจนถึงสมัยยุคไทโช ห้องนี้เราจะเห็นวิวัฒนาการแฟชั่นของเครื่องปั้นดินเผา บอกเลยว่า สวยมากและอยากได้มาก ฮ่าๆ
ผนังของห้องถูกเรียงรายไปด้วยจานชาม แก้ว ภายใต้ลวดลายต่างๆที่ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
เดินชมทุกอย่างเสร็จแล้ว ใช้เวลาตรงจุดนี้ราว 2 ชั่วโมง เพราะบรรจงวาดระบายสีจานอยู่ ฮ่าๆ ท้องก็เริ่มหิวแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่า ที่สวนโนริตาเกะ มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ และเพราะร้านอาหารต้องจองล่วงหน้าเราเลยแนะนำให้มาทานที่คาเฟ่สบายๆดีกว่า คาเฟ่นี้มีชื่อว่า ไดมอนด์เดยส์ อยู่ในตึกอิฐแดงใกล้กับร้านขายสินค้าที่ระลึก
ยอมใจอาหารอร่อยและบางเมนูมีขนมปังให้ทานได้ไม่อั้น อันนี้ชอบๆ แล้วเค้าเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆด้วยนะ มากี่ครั้งก็จะไม่ได้ทานอาหารซ้ำกันแน่นอน แถมมีเมนูภาษาอังกฤษด้วย
สถานที่คลาสสิก หมุนกล้องไปทางไหนก็จะได้กดชัตเตอร์ตลอด
จากนั้นเราก็เดินชมสินค้าที่ระลึกด้านในกันต่อ คือที่สวนโนริตาเกะนอกจากจะผลิตงานเครื่องปั้นดินเผาเองแล้ว ยังมีโรงงานผลิตที่ประเทศศรีลังกาด้วย ดังนั้นงานฝีมือของร้านจะเป็นทั้งจากญี่ปุ่นและนำเข้าจากศรีลังกา ภายในแบรนด์ Noritake
แก้วสัญลักษณ์ของเมืองนาโกย่า
ที่น่าสนใจมากคือ ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์ลวดลายโทโทโร่ Totoro ! น่ารักมาก ใจละลาย
ฮ่าๆ จัดเลยสักชุด
แบบเป็นจาน หรือแบบเป็นแก้ว หรือจะแบบสะสม ก็มีทุกอย่าง
ชิ้นนี้เป็นสินค้าขายดี เพราะมีสัญลักษณ์ของนาโกย่า หมีอุ้มKinshachi ( Kinshachi คือสัตว์ในตำนาน ลำตัวเป็นปลาคราฟ์หัวเป็นเสือ)
นอกจากนี้ มูมินยังมาร่วมทีมกับโนริตาเกะด้วย งานคลาสสิกไฮโซมาก
มาเป็นเซ็ทเลย
พิเศษ! คูปองส่วนลด 10%OFF + ยกเว้นภาษี
รายละเอียดในการใช้คูปอง
– เซฟภาพคูปองแล้วนำไปใช้งานได้ทันที– กรุณาแสดงคูปองนี้พร้อมกับหนังสือเดินทางให้พนักงานก่อนชำระเงิน
– ไม่สามารถใช้กับสินค้าลดราคาได้
– เมื่อซื้อสินค้า 5,600 เยนขึ้นไปจึงจะสามารถใช้คูปองได้
– ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆ ได้
– ใช้งานได้ถึง:25 ธันวาคม 2020
สวนโนริตาเกะ ยังมีบรรยากาศที่สวยงามแปลกตาไปตามแต่ละฤดูกาล เมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้ที่นี่ก็จะพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามงดงามแบบในภาพเลยนะ
แม้ในยามฤดูหนาวที่หิมะโปรยปรายลงมา ที่นี่ก็จะเปลี่ยนไปเป็นวิวยุโรปอย่างสมบูรณ์แบบเลย ใครจะคิดว่านี่คือญี่ปุ่น
ขากลับจากที่นี่ เราเลยลองเดินกลับสถานีนาโกย่าดู ก็ค่อนข้างเดินสบาย เพราะเมื่อเดินมาได้สักพักเราก็ลงบันไดตรงสถานีรถไฟใต้ดินข้างล่างทันที จะมีป้ายบอกตรงถนน ช่วงหน้าร้อน ด้านล่างนี้กลับเย็นสบาย และถ้าฝนตกก็ยิ่งสะดวกมาก ทางเดินกว้าง มีจิตรกรรมฝาผนังตลอดทางเดิน ชมเพลินจนถึงสถานีนาโกย่าเลย ใช้เวลาราว 15 นาทีเท่านั้นเอง
Noritake Garden
ที่อยู่ | 3-1-36 Noritake-Shimmachi, Nishi, Nagoya, Aichi 451-8501 |
---|---|
วิธีเดินทาง | – จากสถานี JR นาโกย่า เดิน 15 นาที – รถบัสประจำทางจากสถานีนาโกย่า ป้ายรอรถหมายเลข 6 นั่งมาแค่ 1 ป้ายโดยลงที่ ノリタケの森 – รถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ ลงที่สถานีคาเมะจิมะ ไปทางออกที่ 2 แล้วเดินต่ออีก 5 นาที – มาหลายคน นั่งแท็กซี่เลยจ้า ระยะทางแค่ 1.2 กิโลเมตรเท่านั้น (ผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน) |
เวลาทำการ | เวลคัมเซ็นเตอร์ 10:00 -17:00 ศูนย์แสดงงานฝีมือ 10:00 -17:00 ร้านค้าและคาเฟ่ไดมอนด์เดยส์ 10:00 -18:00 พิพิธภัณฑ์โนริตาเกะ 10.00-17.00 โนริตาเกะโนะโมริแกลเลอรี่ 10:00 – 18:00 (วันสุดท้ายของโปรแกรมปิดเวลา 16.00 น.) ร้านอาหารคิลน์ 11:30 – 16:00 (มื้อเย็นบริการเฉพาะที่จองเหมาส่วนตัวเท่านั้น) วันหยุด ทุกวันจันทร์(หากตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเลื่อนไปหยุดในวันถัดไป) หยุดช่วงปลายปีและต้นปี กรุณาตรวจสอบปฏิทินจากเวบไซต์หรือทางโทรศัพท์ |
ราคา | เฉพาะอาคารศูนย์แสดงงานฝีมือ ผู้ใหญ่และนักศึกษา 500 เยน ถ้ามาเป็นกลุ่มคณะ จะมีส่วนลดให้ด้วย *หมายเหตุ ปี 2020 จะมีการปรับเปลี่ยนราคาค่าเข้า |
โทรศัพท์ | +81-52-561-7290 |
Website | Noritake Garden |