Otsu เมืองเล็กๆ แสนสงบ ล้นความสุข ใกล้เกียวโต

โอทสึ หรือ Otsu เมืองเล็ก ที่เป็นเมืองหลักของจังหวัด Shiga โดยทางทิศตะวันตกอยู่ติดกับจังหวัด Kyoto เมืองแห่งวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ทะเลสาบ Biwa หรือที่เรียกกันอย่างคล่องปากว่า Biwako นั่นเอง ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้ ติดอันดับทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำปะปาสำคัญที่ถูกกระจายใช้ไปยังจังหวัดรอบข้าง อาทิเช่น เกียวโต และโอซาก้าอีกด้วยล่ะ

การเดินทางจากเมืองอื่นๆ มายัง Otsu

ซึ่งการเดินทางมายังเมืองโอทสึ นั้นก็มาได้จากหลากหลายช่องทาง

Tokyo

Nagoya

Osaka

Kyoto

การเดินทางภายใน Otsu จาก Kyoto

5 สถานีที่เที่ยวใน Otsu ที่ควรไป

ล่องเรือกลางทะเลสาบ Biwa : Biwa Port

ท่าเรือโอทสึ เป็นศูนย์รวมการค้าขายและขนส่งทางน้ำที่สำคัญในอดีต ซึ่งในปัจจุบันบริเวณนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของทะเลสาบบิวะ เราสามารถล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้ได้

โดยเรือสำราญมิชิแกน เป็นเรือกลไฟที่ล่องไปทางตอนใต้ของทะเลสาบบิวะ บนเรือเราสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับ ดนตรีและกิจกรรมต่างๆ บนเรือได้ นอกจากนี้ยังมีอาหารที่หลากหลายไว้ให้บริการ ทั้งแบบคอร์ส และแบบบุฟเฟ่ต์ครบครันทั้งคาวและหวาน

บนดาดฟ้าของเรือ คุณสามารถชมวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบบิวะ ได้แบบพาโนรามา 360 องศา โดยรอบของการล่องเรือนั้นมี 3 รอบด้วยกัน คือ กลางวัน เรียกกันว่า Michigan 80 คือเรือจะล่องในทะเลสาบเป็นเวลา 80 นาที เย็น เรียกกันว่า Michigan 60 เรือจะล่องไปในทะเลสาบเป็นเวลา 60 นาที และ กลางคืน เรียกว่า Michigan Night Cruise โดยเราจะสามารถชมความสวยงามของทะเลสาบยามกลางคืนได้ด้วย

โดยทั้ง 3 คอร์สนี้ เราสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวสวยๆ พร้อมรับประทานอาหารไปได้อีกด้วย เราสามารถขึ้นเรือนี้ได้ที่ ท่าเรือนิโอะโนะฮามะไซด์ซีอิ้ง และ ท่าเรือยานากะซาคิเลคไซด์พาร์ค

ล่องเรือกลางทะเลสาบ Biwa : Biwa Port

วัดฮิเอซัน เอ็นเรียคุจิ: Hieizan Enryaku-ji Temple

ผู้คนในเมืองโอทสึ นั้นนิยมมาสวดมนต์ภาวนา ปฏิบัติธรรม โดยเป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาปฎิบัติธรรมกันอีกด้วย ที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ภูเขามารดาแห่งพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ในปี 1994 ได้รับการขึ้นทะเบียน Unesco ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งปีเฮเซ

ถ้าหากคุณมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปความงามของทั้ง 4 ฤดูได้ภายในบริเวณวัดอันกว้างขวางรวมถึงเขตภูเขาที่เชื่อมต่อกับวัดอีกด้วย

ส่วนการเดินทางไปยังวัดนั้นก็สะดวกสบายด้วย รถรางเคเบิ้ลซากะโมโตะ หรือ ถนนเส้นทางฮิเอซัน ที่ยังชมหอโชโดระหว่างทางได้อีกด้วย

วัดฮิเอซัน เอ็นเรียคุจิ: Hieizan Enryaku-ji Temple

วัดมิเดระ (องโจวจิ): Mii-dera Temple (Onjo-ji Temple)

หากกำลังมองหาที่ชมซากุระสวยๆ สงบๆ เราแนะนำให้มาที่นี่ วัด Miidera หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Onjo-ji โดยเราสามารถชมความงามของวัดแห่งนี้ได้ในหลากหลายฤดูทั้งซากุระ ที่มีกว่า 1000 ต้น

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง Light Up ในตอนกลางคืน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่จะมีซากุระบานเต็มพื้นที่ ถือเป็นการพักผ่อนแบบสงบๆ ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติไปพร้อมๆ กันอีกด้วยล่ะ

วัดมิเดระ (องโจวจิ): Mii-dera Temple (Onjo-ji Temple)

โอโกะโตะออนเซ็น: Ogoto Onsen

ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น อันดับต้นๆ ที่ต้องนึกถึงคงหนีไม่พ้นเรื่องออนเซ็น เพราะนอกจากจะให้ความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวได้แล้ว ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ต่างๆ ทั้งช่วยให้ผิวสวย บำรุงผิวพรรณต่างๆ นานา แล้วยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดเมื่อย และเหน็ดเหนื่อย ด้วยค่าความเป็นด่างสูงถึง pH 9.0 นอกจากนี้ออนเซ็นในเขตโอโกโตะในน้ำแร่จากธรรมชาติทั้งหมด โดยไม่มีการะผสมน้ำปะปาอีกด้วย

โอโกะโตะออนเซ็น: Ogoto Onsen

คลองบิวะโกะ: The lake Biwa canal

คลองแห่งนี้สร้างโดยนวัตกรรมด้านวิศวกรรมโยธาในสมัยเมจิ เพื่อใช้สำหรับการขนส่งต่างๆ ไปยังเมืองเกียวโต นอกจากนี้ยังใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และน้ำปะปาสำหรับดื่ม

โดยคลองแห่งนี้มีระยะทางยาวถึง 11 กิโลเมตร จาก ประตูปล่อยน้ำวัดคันโนจิ ถึง เกียวโต โดยปัจจุบันริมคลองแห่งนี้ได้มีการปลูกซากุระต่อเนื่องตลอดทางยาวและยังเป็นอีกหนึ่งที่ที่ได้รับความนิยมในการชมซากุระอย่างมาก

โดยจะมีการจัดงานชมดอกไม้และประดับไฟในตอนกลางคืนในช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เหมาะสำหรับการมาเที่ยวเพลิดเพลินชมดอกไม้จริงๆ

คลองบิวะโกะ: The lake Biwa canal

สรุป

เป็นยังไงกันบ้าง กับที่เที่ยวภายในเมืองโอทสึ เมืองเล็กๆ อบอุ่นๆ อีกทั้งการเดินทางภายในเมืองยังไม่ลำบากอีกด้วย แต่ละที่มีประวัติมาอย่างยาวนานและน่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ ถ้าหากว่าคุณได้เดินทางไปเที่ยวแถบเกียวโตแล้วล่ะก็ไม่ค่อยพลาดที่จะแวะมาเยี่ยมชมเมืองเล็กๆ แต่อุดมไปด้วยธรรมชาติและประวัติที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงทะเลสาบที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย การเดินทางเข้าถึงเมืองนี้ก็ไม่ยาก เดินทางได้หลากหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องต่อรถหลายต่อให้ลำบากอีกด้วย