ก่อนอื่นเรามารู้จักจังหวัด Shimane กันก่อน “จังหวัด Shimane ” เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาค Chugoku ซึ่งมีมัตสึเอะเป็นเมืองหลักของจังหวัด
วิธีการเดินทางไปจังหวัด Shimane
มีหลายวิธีเลย แต่วันนี้ผมจะรีวิวการเดินทางโดยรถไฟครับ เป็นรีวิวการเดินทางที่ผสมผสาน 2 พาสเข้าด้วยกัน คือ Sanyo San’in Area Pass และ “En-Musubi” PERFECT TICKET เดี๋ยวผมจะแนะนำพาส 2 ตัวนี้เลยแล้วกัน
มารู้จัก Sanyo San’in Area Pass กัน
พาสตัวนี้เป็นพาสที่ผมใช้เดินทางจากสถานีฮากาตะไปยังมัตสึเอะ โดยจะเปิดใช้จากสถานีฮากาตะ ซึ่งจะต้องไปแลกพาสที่ห้องขายตั๋วของ JR West (ที่สถานีฮากาตะจะมีห้องขายตั๋วของ JR Kyushu และ JR West อยู่ใกล้ๆ กัน ต้องไปแลกพาสให้ถูกบริษัท เช่น พาสที่ออกโดย JR West จะไปแลกที่เคาท์เตอร์ของ JR Kyushu ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นพาสที่ทั้ง 2 บริษัทออกร่วมกัน เช่น Sanyo San’in Nothern Kyushu Pass จะสามารถแลกได้ทั้ง 2 เคาท์เตอร์นั่นเอง)
พาสตัวนี้เป็นพาสที่ต้องใช้ต่อเนื่องกันใน 7 วัน ราคา 19,000 เยน เมื่อซื้อนอกญี่ปุ่น แต่ถ้าซื้อในญี่ปุ่นราคาจะเป็น 20,000 เยน หลักๆ ของพาสนี้คือสามารถนั่ง Shinkansen สาย Sanyo ได้ทุกขบวนแบบจองที่นั่ง รวมถึงขบวน Nozomi และ Mizuho ด้วย ครอบคลุมเส้นทางรถไฟที่เป็นของบริษัท JR West ทั้งหมด
และนี่คือขอบเขตการใช้งานที่พาสนี้ครอบคลุม
แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ อ่านบทความเพิ่มเติมได้เลยที่นี่
JR West Rail Pass ตั๋วรถไฟเดินทางแถบ Sanyo-San’in Area ไปจนถึงคิวชูเหนือ
อ่านเลย!
หรือซื้อพาสออนไลน์ที่นี่ได้เลย
ตั๋ว JR Sanyo-San’in-Northern Kyushu Area Pass สำหรับ 7 วัน
ซื้อผ่าน Klook ได้ในราคาพิเศษ คุ้มสุดๆ
“En-Musubi” PERFECT TICKET
พาสตัวนี้ใช้สำหรับการเดินทางภายใน Shimane สามารถซื้อได้ที่ Ichibata Travel Service ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ สถานีมัตสึเอะ ราคาอยู่ที่ 3,000 เยน ที่สำคัญเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2018 ได้มีโปรโมชั่นลดราคาพาสตัวนี้เหลือ 1,500 เยน โดยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ลดจาก 1,500 เยน เหลือ 1,000 เยน เป็นพาสที่ใช้ได้ 3 วันแบบติดต่อกัน และอย่าลืมยื่นพาสปอร์ตตอนไปซื้อพาสด้วย
และนี่คือขอบเขตการใช้พาสตัวนี้
นอกจากใช้เดินทางแล้ว พาสตัวนี้ยังใช้ลดค่าเข้าสถานที่เหล่านี้ด้วย
Note : พาสนี้ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
“En-Musubi” PERFECT TICKET
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาสได้ที่นี่
วันที่ 1 เริ่มเดินทางกันเลย!!! 行きましょう!!!
การเดินทางจากฮากาตะไปมัตสึเอะจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ โดยต้องนั่งชินคันเซนไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีโอคายาม่าโดย ลิมิเต็ด เอ็กเพรสซ์ ยะคุโมะ 特急やくも ซึ่งถ้าเป็นไปได้ตอนที่จองตั๋วรถไฟ ให้บอกพนักงานขอนั่งฝั่งขวาของขบวนยะคุโมะ เพื่อที่จะได้เห็นภูเขาไฟไดเซนอย่างชัดเจน
แต่ช่วงที่ผมไปหมอกลงจัดมากทำให้มองไม่เห็นภูเขาไฟไดเซน
หลังจากที่มาถึงมัตสึเอะก็เย็นแล้ว ดังนั้นจึงทานข้าวก่อนไปเช็คอินท์ที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ โดยสถานที่แรกที่เราจะเที่ยวกันก็คือ
ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ Izumo Taisha (Izumo Grand Shrine) 出雲大社
ก่อนอื่นจะแนะนำให้รู้ประวัติคร่าวๆ ของศาลเจ้าอิซุโมะก่อน ศาลเจ้าอิซุโมะเป็นศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมือง Izumo จังหวัด Shimane โดยมีอายุมากกว่า1,000 ปีเลยทีเดียว มีความเชื่อว่าเทพเจ้าทุกองค์ในญี่ปุ่นจะมาชุมนุมกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ช่วงเดือน 10 ของทุกปี การเดินทางมายังศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ ให้เริ่มต้นจากสถานี มัตสึเอะ โดยการนั่งรถไฟสาย San’in Line มาลงยังสถานี Izumoshi การเดินทางรูทนี้ให้ใช้ Sanyo San’in Area Pass
เมื่อมาถึงสถานี Izumoshi ให้เดินไปยังสถานี DENTETSU – IZUMOSHI ซึ่งจะอยู่ข้างๆ กับสถานี JR
แล้วนั่งรถไฟของอิจิบาตะ 一 畑電車 จากสถานี DENTETSU – IZUMOSHI ไปยัง IZUMOTAISHAMAE โดยจะต้องเปลี่ยนขบวนหนึ่งครั้งที่สถานี Kawato
*รูทนี้ให้ใช้พาส “En-Musubi” PERFECT TICKET
เมื่อมาถึงสถานี Izumotaishamae แล้ว แนะนำให้เดินมาทางซ้ายก่อนครับ เพื่อมาถ่ายรูปกับเสาโทริอิสีขาว
จากนั้นให้เดินย้อนกลับทางสถานีรถไฟแต่ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านถนนและร้านค้า ร้านอาหาร เมืองนี้จะค่อนข้างเงียบพอสมควร นักท่องเที่ยวจะค่อนข้างน้อย เดินไปเรื่อยๆ จะพบกับหน้าทางเข้าศาลเจ้า
แผนที่ศาลเจ้า
หลังจากที่เดินเข้ามาด้านในแล้ว จะพบว่าที่นี่ค่อนข้างร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย และมีนักท่องเที่ยวอยู่ประปราย สามารถเดินชมวิวได้เพลินๆ
ระหว่างทางจะมีรูปปั้นของท่านเทพ โอคุนินุชิ ซึ่งเป็นเทพที่ตามตำนานเล่าว่า เป็นผู้สร้างประเทศญี่ปุ่น
ระหว่างทางเดินไปยังเขตศาลเจ้า จะมีทางเส้นหนึ่งซึ่งจะเรียกกันว่า Matsu no Sando โดยเป็นถนน 3 เลน แต่ความแปลกคือตรงกลางจะล้อมรอบด้วยต้นสนทั้ง 2 ฝั่ง จุดนี้มีความเชื่อว่า เป็นเส้นทางสำหรับเทพเจ้าเท่านั้น ดังนั้น เวลาเดินให้เดินทางเดินข้างๆแทนนะครับ
เดินเข้ามาซักพักนึงจะเจอกับจุดล้างมือก่อนเข้าศาลเจ้า โดยวิธีการล้างมีดังนี้ เริ่มจากล้างมือซ้าย จากนั้นก็ล้างมือขวา แล้วก็ปาก (แนะนำให้เทน้ำใส่มือแล้วเอาเข้าปาก ไม่แนะนำให้ใช้ปากสัมผัสจากกระบวยโดยตรง) จากนั้นให้ตั้งกระบวยขึ้นแล้วให้น้ำไหลออกมาให้หมด
หลังจากล้างมือเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในเขตศาลเจ้า ซึ่งวิธีการนมัสการของศาลเจ้านี้จะแตกต่างจากศาลเจ้าอื่นๆ คือ จะต้องคำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 4 ครั้ง แล้วคำนับอีก 1 ครั้ง โดยพรที่คนนิยมมาขอที่นี่คือ “ความรัก”
ตามความเชื่อแล้วศาลเจ้าแห่งนี้จะเป็นที่ที่เทพเจ้าต่างๆ มารวมตัวกันในช่วงเดือน ตุลาคม
และถ้าเดินออกไปทางประตูตะวันตกของศาลเจ้าก็พบกับ Kaguraden hall ซึ่งด้านหน้าจะมีมัดฟางที่เรียกว่า shimenawa ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีขนาดดังนี้ ยาว 13.5 เมตร หนัก 4.4 ตันเลยทีเดียว
ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ Izumotaisha 出雲大社
ที่อยู่ | 195 Taisha Kizukihigashi, Izumo, Shimane 699-0701 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน 5 นาทีจากสถานี Izumotaishamae |
เวลาทำการ | เปิดทุกวันตั้งแต่ 6.30 – 20.00 น. |
ราคา | ฟรี ยกเว้น Treasure Hall จะมีค่าใช้จ่าย300เยน |
Website | Izumotaisha |
สวนนกมัตสึเอะ Matsue Vogel Park 松江フォーゲルパーク
สวนนกมัตสึเอะที่นี่มีนกนานาชนิด ทั้งดอกไม้สวยๆ และสัตว์ต่างๆให้ชมครับ เมื่อเข้าไปด้านในจะเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงเลยทีเดียว
โดยผมเริ่มเดินทางจากสถานี Izumotaishamae ให้นั่งรถไฟ Ichibata Densha-Taisha Line มาลงที่สถานี Matsue Vogel Park ได้เลย
เช็คตารางรถไฟดีๆ นะครับ จะมีบางขบวนที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Kawato
รูทนี้ให้ใช้พาส “En-Musubi” PERFECT TICKET
ระหว่างนั่งรถไฟจะสามารถชมวิวของทะเลสาบชินจิได้อย่างสวยงามด้วยครับ
เมื่อมาถึงสถานี Matsue Vogel Park แล้วตัวสวนนกจะอยู่ติดกับสถานีเลยครับ เดินจากสถานีประมาณ 2 นาที ค่าเข้าที่นี่จะอยู่ที่ 1,500 เยน แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติยื่นพร้อมพาสปอร์ตจะลดลงเหลือ 1,050 เยน
Cr: Matsue Vogel Park
ที่นี่จะแบ่งเป็นหลากหลายโซน ครับ วิธีการเดินคือต้องเดินตามลูกศรสีแดงในแผนที่ และจะมีโชว์นกให้ดูเป็นรอบๆ ดังนี้
-10.30 จะเป็นโชว์นกเพนกวิ้นเดินพาเลซ (สีน้ำเงิน)
-11.00 โชว์นกฮูก (สีเขียว)
-13.30 โชว์นก (สีชมพู)
-14.00 โชว์นกเพนกวิ้น (สีน้ำเงิน)
-15.00 โชว์นกฮูก (สีเขียว)
ส่วนสถานที่โชว์ดูได้ในแผนที่ได้เลยครับ โดยจะแบ่งตามสี
โซนร้านอาหารของที่นี่ดูร่มรื่นมาก มีดอกไม้แขวนประดับอยู่ด้านบน ทำให้มีบรรยากาศที่ดีในการรับประทานอาหาร มีเมนูอาหารให้เลือกมากมายเลย ทั้ง ไก่คาราเกะ , ข้าวราดแกงกะหรี่ ,อุด้ง ,ไอศครีม เป็นต้น
ที่นี่เรียกว่า フクロウハウス หรือ Owl House ซึ่งด้านในจะสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพนกฮูกได้อย่างใกล้ชิด
ช่วงเวลาที่ผมไปจะเป็นช่วงโชว์นกฮูกพอดี ซึ่งจะเป็นการโชว์ความสามารถต่างๆของนกฮูกครับ
ที่สวนนกแห่งนี้จะมีหอคอยสำหรับชมวิวซึ่งเรียกว่า หอชมวิวคุนิบิกิ ซึ่งด้านบนสุดจะสามารถชมวิวทะเลสาบชินจิได้แบบเต็มอิ่มกันเลยทีเดียว โดยหอชมวิวอันนี้ถ้าเดินตามลูกศรสีแดงที่ผมบอกข้างต้น หลังจากที่ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอหอคอยนี้ทันที
ต่อจากหอชมวิวจะเป็นโซน トロピカルエイビアリー หรือเรียกง่ายๆว่า Tropical Zone ซึ่งโซนนี้นอกจากจะมีนกที่อยู่ในตู้กระจกให้ดูแล้ว ยังมีนกที่เดินอยู่ตามทางเดินมาให้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
และยังมีบ่อเพนกวิ้นให้ถ่ายรูป และมีอาหารเพนกวิ้นจำหน่ายด้วย โดยเพนกวิ้นทั้ง 4 ตัวจะมีชื่อเรียกด้วย ให้สังเกตตรงสายรัดของแต่ละตัวจะมีสีต่างกัน
โซนต่อไปคือโซน パラダイスホール หรือ Paradise Zone ซึ่งโซนนี้จะเป็นโซนที่นักท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวจะสามารถใกล้ชิดกัน โดยจะมีอาหารนกขายให้กับนักท่องเที่ยว เราสามารถถือไว้ในมือ หลังจากนั้นนกจะบินมาเกาะแขนเพื่อกินอาหารที่อยู่บนมือนั่นเอง นอกจากนกแล้วที่นี่ยังมีสัตว์ชนิดอื่นให้ชมอีกด้วย เช่น แพะ และแกะนั่นเอง
ที่นี่ยังมีการจัดดอกไม้เป็นมุมสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึกอีกหลายจุดเลย
สวนนกมัตสึเอะ Matsue Vogel Park 松江フォーゲルパーク
ที่อยู่ | 52 Ogaki, Matsue, Shimane 690-0263 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟของ Ichibata มาลงที่สถานี Matsue Vogel Park แล้วเดินต่ออีก 2 นาที |
เวลาทำการ | ระหว่างเดือนเมษยน จนถึง กันยายน เปิดตั้งแต่ 9.00 – 17.30 ระหว่างเดือนตุลาคม จนถึง มีนาคม เปิดตั้งแต่ 9.00 – 17.00 ********เข้าสวนรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 45 นาที |
ราคา | 1,500เยน ถ้าโชว์พาสปอร์ต จะลดเหลือ 1,050 เยน ของเด็กจะลดเหลือ 530 เยน |
โทรศัพท์ | 075-204-5543 (+81-75-204-5543) |
Website | Matsue Vogel Park |
ส่วนขากลับนั้นไม่จำเป็นจะต้องนั่งย้อนกลับไปทางเก่า แต่ให้นั่งรถไฟจากสถานี Matsue Vogel Park ไปลงสถานี Matsue Shinjiko Onsen
เมื่อไปถึงสถานี Matsue Shinjiko Onsen ให้นั่งรถเมล์กลับสถานี Matsue โดยปกติจะมีรถ Lake Line วิ่งทุกวัน แต่ถ้ารถ Lake Line หมด ให้นั่งรถ Ichibata หมายเลข 21 จากป้ายหมายเลข 3 มาลงสถานี Matsue 松江駅 ซึ่งบนรถจะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนให้จำชื่อไว้ดีๆ ถ้าใครพักที่โรงแรม Dormy Inn ก็สามารถลงป้าย Asahi (朝日町) ได้เลย
ทั้ง2รูททั้งรถไฟและรถบัส สามารถใช้ “En-Musubi” PERFECT TICKET ได้
วันที่2
พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ Adachi museum Of Art 足立美術館
พิพิภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ ตั้งอยู่ที่เมือง Yasugi ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1970 โดยนาย อาดาจิ เซ็นโกะ โดยไฮไลท์ของที่นี่คือ สวนญี่ปุ่นที่ต้องมองผ่านกระจก และ บางจุดจะมีกรอบคล้ายๆ กรอบรูปซึ่งถ้าถ่ายรูปออกมาจะเหมือนกับภาพเขียนที่มีชีวิต การันตีความสวยงามโดยการได้รับรางวัลสวนยอดเยี่ยมถึง 16 ปีซ้อน
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์อาดาจิ เริ่มสถานี Matsue ให้ใช้ Sanyo San’in Area Pass นั่งรถไฟมาลงสถานี Yasugi
เมื่อไปถึงสถานี Yasugi แล้ว จะมีรถบัสฟรีของพิพิธภัณฑ์บริการรับ-ส่งระหว่าง สถานี และ พิพิธภัณฑ์ โดยที่รถจะมีคำว่า Adachi Bijutsukan (足立美術館) อยู่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีก็ถึงพิพิธภัณฑ์
ตารางรถบัสรับ-ส่ง
ฝั่งซ้ายจะเป็นขาไป ฝั่งขวาจะเป็นขากลับ
ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์เมื่อเดินเข้าไปแล้วทางขวามือจะมีจุดขายบัตร ราคา2,300 เยน *ยื่นพร้อมพาสปอร์ตจะได้ส่วนลดเพิ่มเติม
ด้านในมีร้านกาแฟที่สามารถนั่งชมวิวสวนพร้อมจิบกาแฟทำให้ได้บรรยากาศมากขึ้นครับ
รูปสวนในฤดูกาลต่างๆ ครับ บนสุดคือ ฤดูใบไม้ผลิ ถัดลงมาก็ฤดูร้อน ถัดจากฤดูร้อนลงมาก็คือ ฤดูใบไม้ร่วง และล่างสุดคือ ฤดูหนาว
รูปปั้นของคุณอาดาจิ เซ็นโกะ ผู้สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ความงามของสวนแห่งนี้ ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่ได้รับรางวัลสวนญี่ปุ่นยอดเยี่ยม 16 ปีติดต่อกัน
จุดถ่ายรูปที่มีกรอบคล้ายๆ กรอบรูป เมื่อถ่ายออกมาก็จะคล้ายๆกับภาพถ่ายที่มีชีวิต ที่พิพิธภัณฑ์นอกจากส่วนที่จัดเป็นสวนญี่ปุ่นแล้วยังมีส่วนที่จัดเป็นนิทรรศการภาพวาดชั้นยอดของคุณ ไทคัง โยโกฮาม่าด้วย (ห้ามถ่ายรูป) และยังมีงานเซรามิคต่างๆ ให้ชมอีกมากมาย (ห้ามถ่ายรูป)
ส่วนขากลับจากพิพิธภัณฑ์นั้น จะต้องไปหยิบบัตรขึ้นรถบัสที่ตรงจุดที่เราซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ แล้วนำไปยื่นให้พนักงานขับก่อนขึ้นรถ และเมื่อมาถึงสถานีก็ให้ใช้ Sanyo San’in area pass นั่งรถไฟกลับสถานี Matsue
พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาดาจิ Adachi museum Of Art 足立美術館
ที่อยู่ | 320, Furukawa, Yasugi, Shimane 692-006 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีYasugi ให้นั่งรถบัสรับ-ส่งของ พิพิธภัณฑ์ฟรี มาลงที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย |
เวลาทำการ | เดือนเมษายน – กันยายน เปิดตั้งแต่ 09.00-17.30 เดือนตุลาคม – มีนาคม เปิดตั้งแต่ 09.00-17.00 *ทางเดินใต้ดินระหว่าง อาคารหลัก ไปถึง The Annex จะปิดก่อนเวลา 15 นาที |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2,300 เยน ถ้ายื่นพร้อมพาสปอร์ต จะได้ส่วนลด นักศึกษา 1,800 เยน นักเรียนมัธยมปลาย 1,000 เยน นักเรียนประถม – มัธยมต้น 500 เยน |
Website | Adachi museum Of Art |
ปราสาทมัตสึเอะ Matsue Castle 松江城
ปราสาทมัตสึเอะ ถือว่าเป็นปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น สร้างเมื่อปีค.ศ. 1607 เสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1611 โดยโฮริโอะ โยชิฮารุ
วิธีการเดินทางไปปราสาทนั้น ให้นั่งรถ Lake Line Bus จากสถานีมัตสึเอะ ไปลงป้าย Matsue Castle โดยให้ใช้ “En-Musubi” PERFECT TICKET ไปแลกตั๋ว One Day Pass บนรถ Lake Line Bus ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่บริการอยู่บนรถ โดยจะได้ One Day Pass ตามจำนวนวันที่เหลืออยู่ใน “En-Musubi” PERFECT TICKET อย่างผมใช้บัตรนี้เป็นวันที่ 2 แล้วทำให้เหลือจำนวนวันในพาสคือ 2 วัน (วันนี้กับพรุ่งนี้) ก็ได้รับ one day pass มา 2ใบ
*Lake Line Bus คือรถบัสนำเที่ยวของเมืองมัตสึเอะ โดยจะขับวนรอบเมืองผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
แผนที่ Lake Line Bus
สามารถดาวน์โหลดได้ที่แผนที่ Lake Line Bus
ใช้เวลานั่งประมาณ 10 นาที คราวนี้ให้ใช้บัตร One Day Pass ที่แลกมาโชว์ให้คนขับดูได้เลย
หลังจากที่ลงจากรถแล้วระหว่างทางเดินไปปราสาทก็จะพบกับอนุเสาวรีย์ของท่าน โฮริโอะ โยชิฮารุ ผู้สร้างปราสาทนี้กำลังชูดาบขึ้นซึ่งดูน่ายำเกรงยิ่งนัก
ปราสาทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนที่ๆ สูงสุดของเมืองนั้นๆ ดังนั้นการเดินไปที่ปราสาทก็เรียกเหงื่อได้พอสมควร
กำแพงปราสาทมัตสึเอะ
ค่าตั๋วเข้าปราสาท ถ้ายื่นพร้อมพาสปอร์ตจะลดเหลือ 330 เยน
ด้านหน้าของปราสาทจะมีคนใส่ชุดเกราะซามูไรมายืนต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย และ สามารถถ่ายรูปกับเขาได้ด้วย ข้างในปราสาทมัตสึเอะสามารถถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย
ด้านในของปราสาทมัตสึเอะนั้น จะมีของโบราณจัดแสดงให้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกราะซามูไร , อาวุธต่างๆ และยังมีภาพถ่ายของปราสาทอื่นๆ อีกมากมาย
ชั้นบนสุดของปราสาทมัตสึเอะ สามารถชมวิวเมืองมัตสึเอะ และ ทะเลสาบชินจิได้แบบ 360 องศา
ปราสาทมัตสึเอะ Matsue Castle 松江城
ที่อยู่ | 1-5 Tono, Matsue, Shimane 690-0887 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส Lake Line จากสถานี Matsue มาลงป้าย Matsue Castle ได้เลย |
เวลาทำการ | เดือนเมษายน – กันยายน 08.30-18.30 เดือนตุลาคม – มีนาคม 08.30-17.00 สามารถเข้าได้จนถึง30นาทีสุดท้ายก่อนถึงเวลาปิด |
ราคา | 670 เยน ถ้าใช้พาสปอร์ตยื่นตอนซื้อราคาจะลดเหลือ 330 เยน |
Website | Matsue Castle |
ทะเลสาบชินจิ Shinji Lake
ทะเลสาบชินจิ ถือว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น โดยมีเส้นรอบวงยาวถึง 48 กิโลเมตร โดยมีเกาะอยู่กลางทะเลสาบชื่อว่า Yomegashima
การเดินทางไปยังทะเลสาบชินจิ ผมใช้วิธีการเดินเท้าจากสถานี Matsue มาที่พิพิธภัณฑ์ของจังหวัดชิมะเนะ ซึ่งจะอยู่ติดกับทะเลสาบเลย ใช้เวลาเดินประมาณ15 นาที
ระหว่างทางก็จะเดินผ่านบ้านคน และคลองซึ่งมีห่านมาว่ายน้ำอยู่ด้วย ซึ่งแถบนี้ค่อนข้างเงียบสงบครับไม่ค่อยเห็นคนซักเท่าไร
ทะเลสาบชินจิถือว่าเป็นสถานที่ที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยจะมีจุดที่เรียกว่า 宍道湖夕日スポット หรือ lake shinji Sunset spot (รูปที่มีรูปปั้นคล้ายๆ พระ) ซึ่งจุดนี้จะเป็นที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดของทะเลสาบ แต่วันที่ผมไปนั้นเมฆค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้
ทะเลสาบชินจิ Shinji Lake 宍道湖
วิธีเดินทาง | สามารถเดินจากสถานีMatsue ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ15นาที หรือนั่งรถ Lake Line Bus มาลงป้าย Shimane Art Museum |
---|
จบกันไปแล้วกับ 2 Day Trip เที่ยว Shimane สุดอิน ฟินกับ 2 พาสที่เกินทางเที่ยวแบบคุ้มสุดๆ เที่ยวตามสไตล์คนชิลชิล เพลินๆ แถมเที่ยวตามได้ง่ายสุดๆ ไปเลยล่ะ
สรุป
การเที่ยวจังหวัดชิมะเนะนั้น ค่อนข้างสะดวก เพราะมีพาสครอบคลุมการเดินทาง และการขนส่งสาธารณะเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ถ้าใครสนใจไปเที่ยวจังหวัดชิมะเนะ สามารถใช้รีวิวอันนี้เป็นแนวทางการท่องเที่ยวได้เลย
ถึงแม้ว่าผมจะใช้ “En-Musubi” PERFECT TICKET ไปแค่ 2 วัน แต่ถ้าคำนวณราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ***ราคาต่างๆจะเปลี่ยนแปลงหลังวันที่1 ตุลาคม 2019
ไปดูที่เที่ยวที่น่าสนใจได้อีก อัพเดทไม่ขาดกับสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ลองมาดูกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
ชิมาเนะ บรรยากาศย้อนยุคที่ยังคงความสวยงามที่คนยุคใหม่เข้าถึงได้ ลองดูบทความนี้กัน
เที่ยว ชิมาเนะ (Shimane) ตะลุยเมืองเก่าไม่ไกลจากฮิโรชิม่า บอกทุกข้อมูลที่ต้องรู้
ชมความงดงามของเมืองเก่าที่ ชิมาเนะ (Shimane) จังหวัดในภูมิภาคชูโกกุ แถมไม่ไกลฮิโรชิม่า หลายคนอาจจะยังไม่เคยมาหรือไม่คุ้นชื่อสักเท่าไหร่ แต่ชิมาเนะแห่งนี้ก็มีที่เที่ยวน่าไปไม่แพ้จังหวัดอื่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าน่าเดินเล่น มีทั้งปราสาท สวนญี่ปุ่น บ้านซามูไร อควาเรียม และศาลเจ้า สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณแบบชิลๆ ได้ที่นี่