เราเดินออกมาด้านนอกเลียบข้างตึกของห้างออกมา ไปทาง Brick st. คือด้านล่างจะเป็นทั้งสถานีรถไฟ Seibu และห้างร้านค้า ส่วนด้านบนนี้ก็เป็นโรงแรมจ้า น่าจะคุ้นชื่อกันเนอะ คือโรงแรม Princehotel นั่นเอง เดินลงมาด้านล่างเจอห้าง เจอร้านอาหารเลย สะดวกสบายมาก
แล้วเรามาแวะทานซูชิกันที่ร้าน Ginzo เป็นร้านซูชิชื่อดังของย่านนี้เลยล่ะ ภายในร้านนั่งได้หลายคน ที่นี่สามารถโทรมาสั่งจองที่นั่งก่อนได้ แต่ถ้าเดินมาทานเอง แนะนำให้มาก่อน 19.00 น. นะเนื่องจากช่วงเวลานี้คนจะเยอะ
เมื่อเข้าไปภายในร้าน ทางร้านมีบริการที่นั่งทั้งแบบเคาน์เตอร์ แบบโต๊ะ รวมถึงแบบห้องส่วนตัว เมนูอาหารมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ เมื่อเราได้ที่นั่งและจัดการนั่งเรียบร้อยแล้ว จะได้รับน้ำชาหอมกรุ่นมาก่อนเลย เมื่อพร้อมจะสั่งอาหารแจ้งพนักงานได้เลยค่ะ
ถ้าท่านมาแบบครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ แนะนำให้นั่งแบบห้องส่วนตัวเลยนะ เพราะจะได้ความเป็นส่วนตัว พูดคุยกันอย่างสะดวก ด้านในมีโชยุวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ใครอยากได้วาซาบิเพิ่ม แจ้งพนักงานเลยจ้า
หน้าตาเมนูและเป็นภาษาอังกฤษด้วยนั้นทำให้เข้าใจง่ายขึ้นและสั่งได้แบบสบายใจ ราคาซูชิเริ่มที่ชิ้นละ 139 เยน (ไม่รวมภาษี) อาหารมีทั้งแบบเซ็ท และเครื่องเคียงในเมนูต่างๆด้วยนะ เปิดดูเพลินเชียวล่ะ
นี่เราสั่งชุดนี้มา ราคา 1420 เยน (รวมภาษี) ถือว่าอิ่มมากๆ ขอบอกว่าอร่อยทุกชิ้น ชุดนี้มาพร้อมซุปและไข่ตุ๋น ถ้ายังไม่อิ่มก็ยังมีรายการอื่นให้สั่งอีกเพียบ
คนไหนชอบหน้าปลามากุโระ ไม่ผิดหวังเลย เพราะปลาชิ้นโตหวานฉ่ำ ด้านในมีวาซาบิให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับชุดอาหารของเด็กจะไม่ใส่วาซาบิให้นะจ๊ะ หากอยากสั่งกลับไปกินที่ห้องพัก ก็มีบริการสั่งกลับบ้านได้อีก
เรามาต่อกันที่ร้าน Lapoppo farm เป็นร้านขนมปังพายแอปเปิ้ล ที่ใช้วัตถุดิบทำขนมในร้านด้วยมันเทศ ขอบอกว่าในเมนูของร้านนั้น เจอขนมไข่นกกระทาด้วยจ้า ปลิ้มปริ่มจริงๆ
เราไปยืนดูเค้าทำขนมตรงห้องกระจกใสได้ด้วยนะ ตอนที่ไปถึงเค้ากำลังเรียงชิ้นแอปเปิ้ลแต่ละชิ้นลงบนถาดพาย น่าทานมากๆ เลย เห็นขั้นตอนทั้งหมดของการทำแล้ว อยากรอเห็นตอนอบเสร็จเลยล่ะ
โอ้ว น่ากินเหลือเกิน ขนมพายแอปเปิ้ลชื่อดังของสถานี ก็คงรู้นะว่าอร่อยแค่ไหนถึงได้กิจการรุ่งเรืองจนมาถึงตอนนี้ รออะไรเรารีบสอยกลับบ้านเลยจ้า
ยังไม่จบนะ เดี๋ยววันนี้เราจะไปเดินหาซื้อของฝากราคาถูกกันต่อ เดินขึ้นไปร้านร้อยเยน Can Do ด้านบนชั้น 8 เลยจ้า สาขานี้ของเยอะมากๆ ใช้เวลาที่นี่เกือบ 1 ชั่วโมง ยิ่งถูกเรายิ่งชอบ ฮ่าๆ
มุมอุปกรณ์ทำเบนโตะ หรือตกแต่งอาหารให้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น ก็มีให้เลือกมากมาย เป็นสินค้าแนะนำว่าควรซื้อติดบ้านเลยนะ
สาวๆ จ๋า เครื่องสำอาง 100 เยน ก็มีจ้าใช้ดีด้วยนะจะบอกให้ โดยเฉพาะดินสอเขียนคิ้ว อายแชโดว์ กับบรัชออนเนี่ยสีสวยและใช้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีเซรั่ม ลิปสติก รองพื้น ครีมทาผิวอีกเพียบ เป็นคลังแสงย่อมๆ เลยจ้า สาวๆ ตั้งสตินิดนึงนะคะ เราอาจจะอยู่มุมนี้ได้ครึ่งค่อนวันได้เลยทีเดียว
อุปกรณ์เกี่ยวกับมือถือที่นี่ก็มี
MUJIRUSHIRYOHIN ดินแดนแห่งนักช้อปที่รักสิ่งแวดล้อม มาต่อกันที่ชั้น 7 เลยนะ มูจิที่นี่ก็ใหญ่มากเกือบจะเต็มฟลอร์เลยล่ะ มุมแรกที่เจอคือเครื่องสำอางจ้า แวะที่มุมนี้ก่อนเพลินมากเผลอแป๊บเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง
มันมีซิปที่ด้านหลังเช่นเดียวกับการสนับสนุนการนอนหลับเพื่อให้คุณสามารถเปิดซิปและดึงฝากระโปรงหน้าออก คุณสามารถซ่อนใบหน้าของคุณขณะนอนหลับ
ขนมสตรอว์เบอรี่เคลือบช็อกโกแลตต่างๆ อันนี้นิยมและเคี้ยวเพลินมากๆ ซื้อติดตัวไว้เวลาเดินทาง เป็นขนมรองท้องที่น่าซื้อที่สุด จัดไปสามรสเลย
อาหารก็มีชื่อเสียงและร้านค้าก็เหมือนร้านอาหาร คุณสามารถซื้อสิ่งเหล่านี้เพื่อใช้ในบ้าน มีแกงเขียวหวานไทย มีตัวเลือกมากมาย
ชุดนอนที่ใส่แล้วหลับสบายที่สุด มัดขายเป็นห่อแบบนี้เลย ใส่แล้วสบายตัวมากๆ ยิ่งซักยิ่งนุ่มนะ ใช้ได้นานด้วย ใครไม่เคยซื้อใส่ ลองดูนะ
ที่นี่ยังมีร้านรองเท้า ABC-MART ด้วยจ้า ก็อยู่ชั้น 7 เหมือนกันเลย ว้าววว คนไม่เยอะมากเกินไป จะเลือกซื้อ เลือกลองได้อย่างสบายใจเลยล่ะ ค่อยๆลองสวมดูไปจนกว่าจะเจอคู่ถูกใจนะ เพราะรองเท้าดีๆ ก็จะนำพาเราไปสู่สถานที่ดีๆ เช่นกัน
ร้านจะจัดเซลล์รองเท้าเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะถ้ามาช่วงเปลี่ยนฤดูกาลเนี่ย จะเจอป้ายเซลล์สีแดงเพียบเลย แต่อันที่จริงร้านนี้ก็จำหน่ายรองเท้าในราคาที่ไม่แพงนะ มาเมื่อไหร่ก็ต้องได้กลับไปสักคู่ล่ะน่ะ
อันนี้ชอบเป็นพิเศษ รองเท้าคอนเวิร์สสีขาวแต่แฝงความหรูหราความเท่ห์ด้วยหมุดสีทอง เห็นไหมว่าขนาดไม่ตั้งใจมาเดินดูนะเนี่ย ยังได้เอากลับบ้านมาด้วยคู่นึง
นี่จะแนะนำร้านเสื้อผ้าที่คนญี่ปุ่นบอกว่า เป็นเสื้อผ้าคุณภาพดีมากที่ราคาอยู่ในระดับปานกลาง แบบว่าวัยรุ่นญี่ปุ่นก็ซื้อได้น่ะ เน้นสีธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาดใส่ได้ทุกยุคสมัย นั่นคือร้าน coen ที่อยู่ชั้น
เรียกว่านี่คือ ต้นแบบเสื้อผ้าสไตล์คนญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลนั้นเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าใส่เสื้อผ้าที่ร้านนี้แล้ว เราจะดูกลมกลืนกับคนญี่ปุ่นทันที คนญี่ปุ่นเน้นการใส่เสื้อผ้าสีพื้น เรียบง่าย แต่มีสไตล์
ส่วนคนที่ชื่นชอบดนตรี ต้องมาร้านนี้เลย Shimamura Music ที่อยู่ชั้น 6 เป็นร้านขายอุปกรณ์ดนตรีที่ใหญ่มากๆ และมีเครื่องดนตรีหลายชิ้นให้ลองเล่นดูได้ เช่น กลอง เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า ขณะที่เราเดินดู ก็มีคนมาลองตีกลองเล่นอย่างมันส์
อุปกรณ์ที่นักดนตรี ดีเจ และผู้รักในเสียงเพลงควรมี นั่นก็คือเครื่องสแครชแผ่น ที่นี่มีเยอะจริงๆ ขนาดเป็นคนเล่นดนตรีไม่เป็นยังต้องมายืนมอง เพราะน่าสนใจมากๆ
นอกจากจะมีกีตาร์เป็นร้อยตัว แล้ว ที่นี่ยังมี ปิ๊กกีตาร์ขายเป็นพันๆ ชิ้นด้วย มีหลายขนาดหลากสีสันและหลายยี่ห้อจริงๆ
กีตาร์ที่วางโชว์ตรงหน้านี้ บางชิ้นเค้าให้เราทดลองดีด ลองเล่นก่อนได้นะ หากใครถูกใจชิ้นไหนค่อยเลือกซื้อก็ได้ ร้านนี้ยังใจดีให้มีการใช้ Tax Free ด้วย ลองสอบถามดูก่อนว่าสินค้าชิ้นนั้นใช้สิทธิได้ไหม
ยังวนเวียนกับอุปกรณ์ดนตรีอยู่นะ ฮ่าๆ สำหรับคนผลิตงานดนตรีและชอบการมิกซ์เสียง ปรับแต่งเสียงต่างๆ ก็น่าจะชอบเครื่องนี้นะ BeatMaker ลองมาเลือกๆดูเลย มาดูว่าที่ญี่ปุ่นเค้าใช้แบบไหนกันบ้าง
ก่อนกลับขอแว๊บไปดู อูคูเลเล่ นิดนึง ด้วยความที่มีขนาดเล็กพกพาง่ายทำให้เครื่องดนตรีชิ้นนี้เป็นที่นิยมพกพาเวลาเดินทางท่องเที่ยว
รายละเอียดร้านค้าในห้าง Seibu Shinjuku Pepe
** เวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลง รบกวนเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์ของห้าง Seibu Shinjuku Pepe
ร้าน Shimamura Music
Website | ร้านShimamura Music |
---|
ร้านซูชิ Ginzo
เวลาทำการ | 11.30 – 15.00/17.:00 – 23.:00/ วันเสาร์วันอาทิตย์และวันหยุด 11.00 – 23.00 |
---|---|
Website | ร้านซูชิ Ginzo |
ร้าน Lapoppo Farm(らぽっぽファーム)
เวลาทำการ | 10.00-22.00 |
---|