เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเจ้าหมี ‘คุมะมง’ อันโด่งดังของจังหวัดคุมาโมโตะมาแล้ว ด้วยความน่ารักของเจ้าหมีจึงทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คนอยากมาเยือนถิ่นเจ้าหมีดำสุดกวนถึงคุมาโมโตะ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองสุดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นเลย
การเดินทางในคุมาโมโตะ
นอกจากรถไฟ JR แล้ว การเที่ยว Kumamoto ยังต้องรู้จักเส้นทางรถรางประจำเมืองที่วิ่งไปยังจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่อยู่ในเมืองด้วย
เดินทางสะดวกสบายด้วย Kumamoto City Tram
Cr: Kumamoto City Tram Route Map
Kumamoto City Tram เป็นรถรางประจำเมืองที่วิ่งไปตามสถานที่เที่ยวสำคัญๆ ในจังหวัดคุมาโมโตะ ถือเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่อยากจะแนะนำหากได้มาเยือนที่นี่ สนนราคาอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 170 เยน, เด็ก 90 เยน และขึ้นฟรีสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งราคาที่กล่าวมาเป็นราคาต่อรอบ จะนั่งใกล้หรือไกลก็ราคาเดียว สามารถจ่ายทีเดียวตอนขึ้นรถรางด้วยบัตร IC Card หรือจ่ายด้วยเงินสดก็ได้ สะดวกสบายสุดๆ
ดูข้อมูล Kumamoto City Tram เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> Kumamoto City Tram Route Map
Kumamoto Castle : จุดไฮไลต์ที่ใครต้องมา
ปราสาท Kumamoto Castle เป็นปราสาทที่สวยงามเก่าแก่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ใจกลางของเมือง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ หากใครมาเยือนที่นี่ ต้องได้มาเห็นปราสาทคุมาโมโตะสักครั้ง นับว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมากๆ ของญี่ปุ่น
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก็ทำให้หลายส่วนของปราสาทชำรุดเสียหาย นักท่องเที่ยวจึงไม่สามารถเข้าชมด้านในได้ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเริ่มเข้าไปซ่อมแซมตัวปราสาทอย่างตั้งใจที่สุด เพื่อให้ปราสาทคุมาโมโตะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเข้ามาชมด้านในได้ แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ถึงปราสาทคุมาโมโตะที่ยิ่งใหญ่นี้ได้จากบริเวณรอบนอกของปราสาทแทนได้เหมือนกัน
ไม่เพียงแค่นั้น บริเวรณรอบนอกปราสาทยังมีสวนสาธารณะสวยๆ ให้ได้เดินเล่น กินลมชมวิว หากมาในช่วงที่อากาศดีๆ จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่น รวมถึงเด็กๆ ออกมาปิคนิคชิลล์ๆ และทำกิจกรรมในสวนนี้กันอยู่ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เป็นช่วงใกล้เข้าฤดูใบไม้เปลี่ยนสี วิวทิวทัศน์รอบๆ จึงมีการแซมด้วยสีแดงและส้มของใบไม้บ้างสลับกันไป ถ้าหากมาในช่วงซากุระบาน เราคงได้เห็นวิวที่สวยงามไม่แพ้กันแน่นอน
เมื่อออกมาไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Kumamoto Castle เราจะได้พบกับย่านน่ารักๆ ที่ชื่อว่า Sakura no baba josaien ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์ช้อปปิ้งที่ให้บรรยากาศเหมือนเดินเล่นในเมืองเก่า ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และขนมของฝากจาก รวมไปถึงของที่ระลึกก็มีจำหน่ายเช่นกัน
ร้านขนมบางร้าน จะเป็นขนมที่ขายเฉพาะในคุมาโมโตะให้นักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลองรสชาติ และซื้อกลับไปเป็นของฝาก หากได้เดินเล่นที่นี่แล้วหาอะไรรองท้องก่อนไปเที่ยวต่อก็จะดีไม่ใช่น้อย
และในตลาดนี้เองจะได้พบกับ ‘พิพิธภัณฑ์ปราสาทคุมาโมโตะ’ Kumamoto Castle Museum Wakuwakuza ให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของปราสาทคุมาโมโตะ รวมถึงการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว หากอยากรู้ว่าคนญี่ปุ่นสมัยนั้นสร้างปราสาทคุมาโมโตะที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร จากอิฐทีละก้อนๆ ต้องลองมาเรียนรู้ได้ที่นี่เลย
เฉพาะพิพิธภัณฑ์เปิดทำการทุกวัน (จะปิดเฉพาะวันที่ 29-31 ธันวาคม) เวลา 9.00-17.30 น. ต้องดูเวลาให้ดี ถึงแม้ว่าจะปิดเวลา 5 โมงครึ่ง แต่สามารถเข้าได้จนถึงเวลา 5 โมงเย็นเท่านั้น ราคาค่าเข้าอยู่ที่ผู้ใหญ่ 300 เยน และเด็ก 100 เยน
ชั้นบนจะมีเธียเตอร์ ฉายเรื่องราวและประวัติศาตร์ของปราสาทคุมาโมโตะ เด็กๆ และผู้ที่สนใจสามารถมาเรียนรู้ได้ และทำให้เรารู้ด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำไมจึงใช้เวลานานในการก่อสร้างบูรณะและซ่อมแซม เพราะการก่อสร้างปราสาทคุมาโมโตะเป็นการก่อสร้างที่ละเอียดอ่อนมากจริงๆ
Kumamoto Castle
ที่อยู่ | 1-1 Honmaru, Chūō-ku, Kumamoto-shi, Kumamoto-ken 860-0002 |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถราง (Kumamoto City Tram Guide) สาย A หรือ B ก็ได้ ไปลงที่สถานี Kumamotojo-Shiyakusho-Mae แล้วเดินต่อไปยังปราสาทประมาณ 7 นาที |
Website | Kumamoto Castle |
Suizenji Park : ใส่ชุดกิโมโน เดินชมสวนเก่า ไหว้ศาลเจ้าขอพร
ก่อนเข้าไปภายในสวน Suizenji สวนเก่าแก่อายุหลายร้อยปี และไปสักการะศาลเจ้าอิซึมิ (Izumi Shinto Shrine)เราจะได้พบกับป้ายเจ้าคุมะมง ที่มายืนต้อนรับเราในถนนคนเดินสายเล็กๆ ที่เป็นทางเดินเข้าไปสู่สวนด้านในกัน
อย่างที่บอกว่าที่นี่เป็นสวนเก่าแก่แห่งหนึ่งในคุมาโมโตะ ร้าน Collection ที่ให้เช่าชุดกิโมโนร้านนี้จึงเป็นร้านที่นักท่องเที่ยวต่างมาเช่าชุดกัน เหมาะสุดๆ ที่จะใส่ชุดกิโมโนถ่ายรูปกับสวนสไตล์ดั้งเดิมของ Suizenji Park ส่วนราคาการเช่าชุดกิโมโนที่ร้านนี้อยู่ที่ 2,600 เยน ต่อวัน ไม่จำกัดเวลาคืน สามารถเช่าถ่ายรูปเดินเล่นได้ทั้งวันเลยทีเดียว แต่ขอบอกก่อนว่าร้านมีเวลาเปิดและปิด อย่างช่วงหน้าหนาวจะเปิดทำการเวลา 10.00-17.00 น. หากต้องทำการคืนให้สอบถามเวลาปิดกับทางร้านก่อนด้วยนะคะ
ในร้านจะมีชุดกิโมโนทั้งของผู้ชายและผู้หญิง หลายแบบหลายสไตล์ ไว้ให้เช่าเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ลวดลายและสีสันของผ้าในร้านนี้ เชื่อว่าต้องถูกใจใครหลายคนแน่นอน สามารถเลือกชุดและผ้าคาดในสไตล์ของตัวเอง ได้เลย
ใครที่มาเช่าชุดที่นี่ นอกจากจะได้ชุดกิโมโนสวยๆ ใส่แล้ว ที่นี่ยังมีถุงเท้าน่ารักๆ สำหรับใส่คู่กับชุดกิโมโนให้กลับบ้านไปอีก รวมถึงช่างที่นี่เค้าสามารถเนรมิตทรงผม ให้ออกมาเหมือนสาวญี่ปุ่นในชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมเลย และยังมีเครื่องประดับต่างๆ หากชอบชิ้นไหน จะซื้อเพิ่มก็ได้
ก่อนเข้าไปชมสวนด้านใน ทางเข้าสวนตรงนี้ จะต้องชำระเงินค่าเข้า ราคาจะอยู่ที่ผู้ใหญ่ 400 เยน และเด็ก 200 เยนเท่านั้น
ด้านใน Suizenji Park จะได้พบกับบึงใหญ่ที่มีน้ำใสแจ๋ว เป็นเหมือนแลนด์มาร์กของสวนแห่งนี้ก็ว่าได้ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ และเนินเขา สวนแห่งนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศัตวรรษที่ 17 และยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมของสวนสไตล์ญี่ปุ่นไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง แม้วันเวลาจะผ่านไป แต่สวนที่นี่เหมือนหยุดเวลาเอาไว้ได้จริงๆ
นอกจากสวนสวยๆ ที่มีให้ชมแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหลายสถานที่ให้ไปเดินเล่น แต่ที่ห้ามพลาดเลย คือการแวะมาสักการระเทพเจ้าในศาลเจ้าอิซึมิ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนซุยเซ็นจิ ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1878 อีกด้วย
และเหมือนกับทุกๆ ศาลเจ้าในญี่ปุ่น หากได้มาแล้ว อย่าลืมมาแวะซื้อเครื่องรางก่อนกลับ ให้ช่วยเกื้อหนุนค้ำจุนในด้านต่างๆ จะซื้อให้ตัวเองหรือเป็นของฝากก็ถูกใจ
ก่อนกลับเมื่อออกมาทางเดิม จะพบกับร้านค้าปลอดภาษี หากต้องการซื้อเจ้ามาสคอตคุมะมงกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก ต้องเข้ามาดูที่นี่เลย มีหลายแบบหลายราคาให้เลือกซื้อ พลาดแล้วจะเสียใจ รวมถึงขนม และของใช้กระจุกกระจิก หากต้องการหาของฝากก็อย่าลืมแวะมาดูกันได้
Suizenji Park
ที่อยู่ | 〒860-0956 8-1, Suizenji Koen, Chuo-ku, Kumamoto-shi |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถราง (Kumamoto City Tram ) สาย A หรือ B ก็ได้ ไปลงที่สถานี Kokubu แล้วเดินต่อไปประมาณ 8 นาที / หากจะมาด้วยรถไฟ JR ใช้เส้น Hohi Line ลงสถานี Shin-Suizenji Station แล้วเดินต่ออีก 15 นาที |
เวลาทำการ | มีนาคม-ตุลาคม เปิดเวลา 7.30 – 18.00 น. (สามารถเข้าได้จนถึงเวลา 5.30 น.) / พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 8.30 – 17.00 น. (สามารถเข้าได้จนถึงเวลา 4.30 น.) |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน |
Website | Suizenji Park |
Kichiji Farm : ลิ้มรสผลไม้สดๆ จากสวนในคุมาโมโตะ
จังหวัดคุมาโมโตะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในญี่ปุ่น ที่มีสวนผลไม้อยู่เยอะมาก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีภูเขาไฟ จึงเชื่อว่าดินที่นี่มีแร่ธาตุอยู่เยอะ ทำให้ผลไม้ในสวนของคุมาโมโตะมีรสชาติที่หวาน กรอบ และหอม เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ในอุดมคติของใครหลายๆ คนเลย และ Kichiji Farm ก็เป็นหนึ่งในสวนผลไม้ของจังหวัดคุมาโมโตะ ที่เปิดเป็นทริปเล็กๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเก็บผลไม้ถึงในฟาร์มเลยทีเดียว
ในส่วนนี้จะเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ของสวน ตกแต่งอย่างน่ารักๆ มีทั้งผลไม้สดๆ จากไร่ และผลไม้แปรรูปจำหน่าย เครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงซอฟท์ครีมรสผลไม้ ก็มีให้นักท่องเที่ยวได้มาชิม แค่เห็นเมนูของร้านก็อยากจะลองไปทุกอย่างแล้ว
จริงๆ แล้วเมนูที่ร้านมีทั้งที่เป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้อ่านง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวดเครื่องดื่ม รวมถึงของหวานอย่างซอฟท์ครีมผลไม้ ก็เป็นเมนูสุดฮิตของที่นี่เช่นกัน
Kichiji Farm จะมีสองส่วนด้วยกันคือร้านคาเฟ่ และส่วนของสวนผลไม้ที่ต้องขับรถขึ้นเขาออกมาไม่ไกลเท่าไหร่ ที่นี่เป็นฟาร์มผลไม้ที่อยู่บนภูเขาสูง เราจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไปพร้อมๆ กับการเก็บผลไม้ ที่ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่ฟินสุดๆ
หากใครที่สนใจมาเก็บผลไม้ที่นี่ต้องเช็คช่วงฤดูต่างๆ ของผลไม้ให้ดี อย่างในช่วงตุลาคมแบบนี้ เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ล ทุกคนจะได้ลองชิมรสของ แอปเปิ้ลฟูจิแท้ๆ จากญี่ปุ่น สด สะอาด และหอมหวานสุดๆ
ที่สวนแห่งนี้มีแอปเปิ้ลมากมายหลายพันธุ์ทีเดียว สำหรับรสชาติของเจ้าแอปเปิ้ลเขียวแบบนี้ถ้าหากเก็บในฤดูหนาว รสชาติหวานกว่าแอปเปิ้ลแดงเสียด้วยซ้ำ
ข้อดีอีกอย่างที่ของที่นี่คือนอกจากเจ้าหน้าที่จะพาเราเก็บผลไม้ และชิมสดๆ จากสวนแล้ว ยังอธิบายถึงการเก็บเกี่ยวผลไม้ในหน้าต่างๆ ทำให้ได้รับความรู้ไปด้วยก็เพลินสุดๆ
และผลไม้อีกชนิดที่มีชื่อเสียงมากในคุมาโมโตะ และยังให้ผลผลิตเต็มสวนในช่วงตุลาคมนี้พอดี คือเจ้าส้มลูกเล็กๆ ที่รสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ก็อย่ารอช้า เก็บใส่ตะกร้ากันเลย
Kichiji Farm
ที่อยู่ | 556-1 Kurumi Ukichi cho Kita-ku, Kumamoto-shi, Kumamoto prefecture 861-0151 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Kumamoto นั่งรถไฟสาย JR Kagoshima line ลงสถานี Ueki station แล้วนั่งแท็กซี่ต่ออีก 5 นาที หรือจะเช่ารถขับมาเลยก็สะดวกค่ะ |
info@kichijien.co.jp | |
Website | Kichijien |
หากพูดถึงโรงแรมประจำเมือง ที่เก่าแก่ของจังหวัดคุมาโมโตะ ต้องยกให้ Kumamoto Hotel Castle เลย การเดินทางก็สะดวกสบาย มีป้ายรถประจำทางที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงแรม และมีรถรางที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Kumamoto Castle ที่ใช้เวลาเดินเพียง 4 นาทีเท่านั้น
ห้องพักของโรงแรมมีทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ รวมไปถึงห้องสูท และห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงหลายๆ ห้องพักของที่นี่ สามารถมองเห็นวิวของปราสาทคุมาโมโตะได้สวยงามมากๆ
หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมที่นี่คือชุดยูกะตะสำหรับใส่นอน ที่จะจัดมาให้สำหรับผู้เข้าพักทุกท่าน ให้ได้นอนพักผ่อนที่นี่กันอย่างสบาย หายห่วงเรื่องเสื้อผ้าเลย
ในส่วนของห้องน้ำไม่ถือว่าแคบจนเกินไป มีอ่างอาบน้ำ และอุปกรณ์ในห้องน้ำให้ครบครันจนแทบไม่ต้องเอาของใช้ส่วนตัวมาก็ว่าได้
สำหรับอาหารเช้าของที่นี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์เหมือนตามโรงแรมทั่วไป แต่ทุกคนจะได้มาลองสัมผัสกับเซ็ทอาหารเช้า ที่มีมาให้เลือกสองแบบ ทั้งแบบ Japanese Stle และ Breakfast แบบฝรั่ง ซึ่งเป็นเมนูอาหารเช้าแบบดั้งเดิมของที่นี่เท่านั้น
Kumamoto Hotel Castle
ที่อยู่ | 4-2 Jyoto-machi, Chuo-ku, Kumamoto City , KUMAMOTO , 860-8565 JAPAN |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Kumamoto มาต่อรถรางที่ Kumamoto Station ลงสถานี Kumamoto Castle แล้วเดินต่ออีก 4 นาที หรือจะนั่งรถประจำทางจากสถานีรถไฟ JR Kumamoto มาลงที่หน้าโรงแรมเลยก็ได้เช่นกัน |
เวลาทำการ | เช็คอินเวลา 14.00 น. และเช็คเอ้าท์เวลา 11.00 น. |
ราคา | เริ่มต้นที่ประมาณ 9,000 เยน (ขึ้นอยู่กับวันและช่วง high-season) |
Website | Hotel Castle |
Shimotori Shotengai ย่านช้อปปิ้งใกล้โรงแรม
ใกล้ๆโรงแรมจะมีย่านการค้าที่ชื่อว่า Shimotori Shotengai เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งให้เดินเล่น รวมถึงร้านอาหาร ร้านขนม และร้าน Drug Store ก็ตั้งอยู่บริเวรณนี้ทั้งหมด หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักแล้ว ตกเย็นสามารถมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง หาของกิน รับรองว่าฟินค่ะ
ถึงแม้ว่าคุมาโมโตะจะไม่ใช่เมืองช้อปปิ้ง แต่ก็มีร้านดีๆ อร่อยๆ หลายร้าน ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านนี้เยอะอยู่พอสมควร กำลังรอให้นักท่องเที่ยวมาตามหาร้านถูกใจได้ที่นี่เลย
และร้านที่อยากให้มาตามกันนี้ มีชื่อว่า Higo no Jinya (肥後の陣屋) เป็นร้านอิซากายะที่อยู่ติดถนน Sakaba สามารถเดินมาจากโรงแรมได้ ไม่ไกลนัก
ด้านในตกแต่งด้วยไม้กั้น ถ้ามากับเพื่อนหลายๆ คนเป็นร้านนี้เหมาะมากสำหรับมาสังสรรค์กัน เพราะแต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
เมนูที่ขาดไม่ได้หากมาที่ญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้น ซาชิมิปลาดิบรวม ที่จัดมาหลายๆ ชนิดในเซ็ทเดียว และเนื้อย่างหอมๆ ที่รู้สึกถึงความฟินตั้งแต่คำแรกที่ได้ลอง
ปิดท้ายที่พระเอกของเรา ทีเด็ดที่อยากแนะนำให้ทุกคนมาลองสั่ง หากมาที่คุมาโมโตะก็คือ Horse Sashimi หรือซาชิมิเนื้อม้ารสชาตินุ่มลิ้นนั่นเอง เมนูเนื้อม้าที่นี่ถือว่าเป็นเมนูที่โด่งดังของจังหวัดคุมาโมโตะ เสิร์ฟมาในจานแบบนี้ราคาอยู่ที่ 2,000 เยน จิ้มโชยุเล็กน้อยรับรองว่าคำเดียวฟินไปไกล
ข้อสรุป
คุมาโมโตะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่ากับความทันสมัยไว้ได้ดีและลงตัว บ้านเมืองและผู้คนมีความน่ารัก รวมถึงสถานที่ต่างๆ ที่ได้แนะนำไปทั้งหมดนนี้ก็หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบและตามไปเที่ยวด้วยกัน แต่นอกจากนี้คุมาโมโตะยังมีที่เที่ยวอีกมากที่รอให้นักท่องเที่ยวไปค้นหา หากอยากมาเห็นคุมาโมโตะด้วยตัวเอง ลองเอาแพลนนี้ไปปรับใช้ดูตามสไตล์การเที่ยวของตัวเองได้เลย