ภูเขาไฟโยเท (Mount Yotei)
ภูเขาโยเท (Mount Yotei) ภูเขา ญี่ปุ่น ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิที่หลายๆ คนรู้จัก และเพราะความคล้ายกันนี่แหละ ทำให้ได้รับฉายาว่า “ฟูจิแห่งฮอกไกโด” เพราะภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่ในเมืองนิเซโกะของจังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) นั่นเอง หรือบางคนก็จะเรียกว่า ”เอโซฟูจิ” (เอโซเป็นชื่อของเกาะฮอกไกโดในอดีตนู่นน)
ภูเขาโยเทนั้นมีความสูง 1,898 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็โดดเด่นสวยงามและถ่ายรูปขึ้นสุดๆ นอกจากนี้ยังมีพืชพันธุ์อัลไพน์กว่า 100 ชนิด ว้าวมากก
หากต้องการปีนภูเขา ก็มี 4 เส้นทางปีนเขาให้ได้เลือกปีน! ซึ่งจะมีแมคคาริ (Makkari) คุตจัง (Kutchan) เคียวโกคุ (Kyogoku) และคิโมเบทสึ (Kimobetsu) แต่ๆๆ เส้นทางเปิดเฉพาะในฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นน้า จะไปก็เช็คกันให้ดีๆ เด้อ
นอกจากนี้ ภูเขาลูกนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุธรรมชาติ มีสถานที่ในพื้นที่ภูเขาโยเทที่นักท่องเที่ยวเนี่ยสามารถเล่นน้ำพุธรรมชาติได้ฟรีด้วย โอ้โห ต้องไปแล้วจ้า
ภูเขาไฟโยเท (Mount Yotei)
ที่อยู่ | Mount Yotei, Kawanishi, Kutchan, Abuta, Hokkaido 044-0131 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Kutchan ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ลงที่ป้าย อุทยานแห่งชาติโยเท และเดินอีกประมาณ 20 นาทีไปจุดเริ่มต้นการปีนเขา (การเดินทางจะแตกต่างกันออกไปแต่ละเส้นทางการปีนเขา) |
เวลาทำการ | เช็คเวลารถบัสรอบสุดท้ายได้ที่ town.kutchan.hokkaido |
Website | yoteizan |
หุบเขานรกจิโกคุดานิ (Jigokudani noboribetsu)
หุบเขานรกจิโกคุดานิ (Jigokudani Noboribetsu) ชื่อคือแบบชวนขนลุกมากใช่ไหมล่ะ แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิดเลย เพราะที่นี่สวยมากก และยังเป็นหนึ่งในฉากหนังดังของ GDH คือเรื่อง แฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียว ด้วยแหละ เรื่องนี้ดังมากๆ เลยน้า
หุบเขานี้ตั้งอยู่ในเมืองโนโบริเบทสึ จังหวัดฮอกไกโด ถือเป็นแหล่งต้นน้ำของย่านออนเซ็นชื่อดังแห่งเมืองโนโบริเบทสึเลย ที่นี่สามารถเห็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติได้ตลอดเวลา
นอกจากการแช่ออนเซ็นแล้วเนี่ย เรายังเดินชมธรรมชาติบนเส้นทางระหว่างหุบเขาได้ด้วย และยังสามารถนั่งแช่เท้าที่ลำธารน้ำแร่ธรรมชาติจากทะเลสาบโอยุนุมะ ที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้สีเขียว ที่จะเปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลือง ในฤดูใบไม้ร่วง ก็คือถ้ามาถูกฤดูนอกจากจะได้พักผ่อนแล้วเนี่ย ยังได้ชมความสวยงามของธรรมชาติด้วย คือดีมาก ต้องลองไปสักครั้งแล้วนะ
และนอกจากความสวยงามแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทุกคนชอบมาเที่ยวที่นี่ ก็คงเป็นเพราะ เขาเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน! ตลอดทั้งวัน! เอาเป็นว่ามาแบบไม่ต้องเสียอะไรแถมยังได้ความอิ่มเอมใจกลับไปด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!!
หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu)
ที่อยู่ | 60 Noboribetsuonsencho, Noboribetsu, Hokkaido 059-0551 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานี Noboribetsu มาลงที่ป้าย tsutsujibashi ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีและเดินไปยัง Jigokudani Noboribetsu ใช้เวลาประมาณ 19 นาที |
Website | noboribetsu |
ภูเขาทาเตยาม่า (Tateyama)
มาต่อกันที่เทือกเขาที่คล้ายเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป แต่ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรปก็เที่ยวได้ นั่นก็คือ ทาเตยาม่า ดินแดนแห่งราชินีหิมะ!! ที่นี่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และด้วยความที่เทือกเขาวางตัวสลับซับซ้อนกันคล้ายเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป จึงได้ฉายาว่า เจแปนแอลป์ นั่นเองจ้า
เส้นทางเทือกเขาทาเตยาม่า จะเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด โทยามะ และ นากาโนะ เส้นทางจะผ่านทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เป็นระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร และสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ด้วยระบบขนส่งต่างๆ อย่างเช่น เคเบิลคาร์ รถโดยสาร รถบัส หรือจะเป็นกระเช้า นั่งชมวิวจากมุมสูงก็ได้นะ
ไฮไลท์ของเส้นทางนี้ที่ทำให้ทุกคนอยากมาเนี่ย คงจะเป็นกำแพงหิมะ Yuki no otani หรือ Snow Corridor (Snow Wall Walk) ที่เกิดจากการสะสมของกองหิมะจนสูงมากก บางปีท่วมสูงมากถึง 20 เมตร เทียบเท่าตึก 7 ชั้น เลย!
เทือกเขาทาเตยาม่า (Tateyama)
ที่อยู่ | 11 Ashikuraji Bunazaka, Tateyama-machi, Nakaniikawa, Toyama 930-1403 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Gohyakkoku เดินมายัง Tateyama ใช้เวลาประมาณ 3 นาที |
เวลาทำการ | ปิดในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตก ในเดือนธันวาคม ไปจนถึง ต้นเดือนมีนาคม และ เปิดในฤดูใบไม้ผลิ |
Website | tateyama |
เซนโจจิกิ (Senjojiki Cirque) กลางหุบเขาเซ็นทรัลแอลป์
ภูเขา ญี่ปุ่น ลูกต่อมาคือ เซนโจจิกิ (Senjojiki-Cirque) หรือ Central Alps Senjojiki เป็นที่ราบสูงครึ่งวงกลมลักษณะคล้ายกับถ้วย ตั้งอยู่ที่เมืองโคมากาเนะ (Komagane) ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) เกิดขึ้นเมื่อ 20,000 ปีที่แล้ว! โอ้โห อายุเก่าแก่มากๆ เลยนะเนี่ย
สำหรับใครที่อยากจะปีนเขาแต่ยังไม่ชำนาญ เลยต้องการที่จะฝึกซ้อม ขอแนะนำให้มาที่นี่เลย เพราะที่เซนโจจิกิแห่งนี้เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกซ้อมปีนเขาหรือปรับสภาพร่างกาย ซึ่งฤดูที่เหมาะแก่การปีนเขาที่สุดก็คือ ฤดูร้อน
หรือจะมาเดินเล่นชมวิวสวยๆ ก็ได้นะ เพราะมันสวยจริงๆ สวยจนลืมหายใจกันไปเลยแหละ แต่ขอแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมานะ เพราะทางค่อนข้างขรุขระอาจจะมีบางจุดที่ต้องปีนป่ายบ้าง ก็อย่างว่ามันคือภูเขาอะเนอะไม่ใช่ถนนราดยางที่จะเดินได้สบายๆ 55555
สำหรับสาย Adventure ที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ ที่นี่ก็มีให้ขับรถโกคาร์ท มีบริการปิ้งย่างด้วย (แต่ต้องจองก่อนนะ) และที่นี่เปิดเข้าชมได้ตลอดทั้งปีเลยด้วย เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนๆ ก็สวยไปหมด ต้องมาลองแล้วจะตกหลุมรัก
เซนโจจิกิ (Senjojiki Cirque) กลางหุบเขาเซ็นทรัลแอลป์
ที่อยู่ | 1 Akaho, Komagane, Nagano 399-4117 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถยนต์จากสถานี Otagiri ไปลง Komagatake Ropeway ใช้เวลาประมาณ 33 นาที และเดินต่อไปยัง Senjojiki Cirque ประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | ตรวจสอบได้จากตารางรถบัส และ Ropeway ได้ ที่นี่ (เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ) |
Website | Senjojiki Cirque |
ภูเขาร็อคโคะ (Mount Rokko or Rokkosan)
มาถึง ภูเขา ญี่ปุ่น ลูกสุดท้าย ภูเขาร็อคโคะ (Mount Rokko or Rokkosan) เป็นแหล่งเที่ยวชมธรรมชาติที่ไม่ได้มีแค่ภูเขาหรือต้นไม้ดอกไม้ เพราะบนภูเขาจะมีทั้งจุดชมวิวธรรมชาติและชมวิวเมืองโกเบที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ! และมีความสูง 931 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาร็อคโคะอีกด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถมาได้ทุกฤดู โดยบนภูเขาจะมีทุ่งดอกไม้ไว้ทั้งชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงดอกไม้หลากหายสายพันธ์ รวมถึงมีลานกิจกรรมขนาดใหญ่ที่จะกลายเป็นลานสกีในฤดูหนาวและเป็นจุดไว้ปิกนิกในฤดูร้อน (ใช้พื้นที่ได้คุ้มมากๆ เลยนะเนี่ย)
และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ไว้แสดงกล่องดนตรีขนาดใหญ่กว่าคน เป็นของเก่าแก่และหายากมาก ภายในพิพิธภัณฑ์นี้ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกที่มาในรูปแบบกล่องดนตรีอีกด้วย
ภูเขาร็อคโคะ (Mount Rokko or Rokkosan)
ที่อยู่ | Arima, Kitaku, Hyogokenkobeshi 651-1401 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถยนต์จากสถานี Arimaonsen มายัง Mount Rokko ใช้เวลาประมาณ 14 นาที |
เวลาทำการ | ตามตารางรถเคเบิล เที่ยวแรก 7.10 น. – เที่ยวสุดท้าย 21.10 น. ให้บริการทุก ๆ 20 นาที |
ราคา | ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 600 เยน / เด็ก (6–11 ปี) 300 เยน |
Website | rokkosan |
รวมบทความที่เที่ยวแต่ละจังหวัด
ถ้าเริ่มรู้สึกสนใจอยากไปเดินเล่นชมเขาแล้ว ปักหมุดภูเขาที่อยากไป พร้อมกับอ่านข้อมูลของแนะนำที่เที่ยวแต่ละจังหวัดได้ที่นี่เลย
- อ่านบทความเที่ยว Hokkaido
- อ่านบทความเที่ยว Toyama
- อ่านบทความเที่ยว Nagano
- อ่านบทความเที่ยว Hyogo (Kobe)
ข้อสรุป
เป็นยังไงกันบ้าง ภูเขาที่แนะนำถูกใจทุกคนกันไหม ใครชอบที่ไหน ชอบสไตล์อะไร ก็เลือกไปได้ตามใจชอบเลยนะ เพราะ ภูเขา ญี่ปุ่น แต่ละที่ก็มีข้อดี ข้อเด่นแตกต่างกันไป แต่ถ้าชอบเขาจริงๆ เนี่ย แนะนำให้ไปหาเขาทุกที่ที่เขาอยู่เลยนะ เพราะไม่งั้นจะพลาดโอกาสและสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ไปเลยแหละ อ่านจบแล้วก็ไปจ้า ไปกดจองตั๋วเครื่องบินเล้ย