สถานที่ไฮไลท์
วัดโคโตคุอิน, พิพิธภัณฑ์ราเมน, นั่งกระเช้าลอยฟ้าโยโกฮามา, เจดีย์แดงชูเรโตะ, พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ, ชิบูย่า, วัดคิตาอิน, ย่านคุราซึคุริ, สวนอุเอโนะ, ตลาดปลาซึกิจิ, วัดอาซากุสะ, หอคอยโตเกียวสกายทรี, นั่งเรือล่องแม่น้ำสุมิดะ, ชินจูกุ, โอไดบะ, โกเทมบะ พรีเมี่ยม เอ้าท์เล็ทตารางการเดินทาง
วันที่ | รายการ | อาหาร | ที่พัก |
---|---|---|---|
1 เมษายน 2566 | สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ – สนามบินฮาเนดะ | – – – | – |
2 เมษายน 2566 /td> | วัดโคโตคุอิน – โยโกฮาม่า – พิพิธภัณฑ์ราเมง – มินาโตะมิไร – นั่งกระเช้าลอยฟ้าโยโกฮามา – ช็อปปิ้งโกเทมบะ พรีเมี่ยม เอ้าเล็ท | – ? ? | MATSUZONO HOTEL หรือเทียบเท่า |
3 เมษายน 2566 | เจดีย์แดงชูเรโตะ – พิพิธภัณธ์หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ – โตเกียว – ช้อปปิ้งชิบูย่า | ? ? ? | SHINJUKU PRINCE HOTEL หรือเทียบเท่า |
4 เมษายน 2566 | คาวาโกเอะ – วัดคิตาอิน – ถนนคุราซึคุริ – โตเกียว – สวนอุเอโนะ (จุดชมซากุระ) – ช้อปปิ้งชินจูกุ | ? ? ? | SHINJUKU PRINCE HOTEL หรือเทียบเท่า |
5 เมษายน 2566 | ตลาดปลาซึกิจิ – วัดอาซากุสะ – หอคอยโตเกียวสกายทรี (จุดถ่ายรูป) – แม่น้ำสุมิดะ (จุดชมซากุระ) – นั่งเรือล่องแม่น้ำสุมิดะ – ช้อปปิ้งโอไดบะ – สนามบินฮาเนดะ | ? ? ? | – |
6 เมษายน 2566 | สนามบินฮาเนดะ – สนามบินสุสรรณภูมิ กรุงเทพฯ | – – – | – |
กำหนดการเดินทาง
1 เมษายน 2566
เตรียมตัวพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น พบกับเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก หมายเหตุ เคาน์เตอร์เชคอินปิดบริการก่อนเครื่องออก 60 นาที และเตรียมพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 45 นาที จากนั้นเดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 682
2 เมษายน 2566
เดินทางถึงสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง นำท่านเดินทางสู่เมือง “คามาคุระ” (Kamakura) เป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว ให้ท่านได้นมัสการ “พระใหญ่ไดบุทสึ แห่งวัดโคโตคุอิน” (Great Buddha of Kamakura) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคามาคุระ มีความสูงถึง 13.5 เมตร และมีน้ำหนักถึง 49 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากหลวงพ่อโตแห่งวัดโทไดจิ เมืองนารา เดิมทีองค์พระใหญ่ไดบุทสึจะประดิษฐานอยู่ภายในอาคารวัด แต่เมืองประมาณศตวรรษที่ 14 และ 15 อาคารของวัดหลายส่วนได้ถูกพายุไต้ฝุ่นทำลายลง จึงทำให้เหลือแต่องค์พระตั้งอยู่ โดยไม่ได้สร้างอาคารขึ้นมาครอบใหม่ ท่านจะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่แบะความอลังการของพระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของเมืองคามาคุระและของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “โยโกฮามา” (Yogohama) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวโตเกียว ซึ่งทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวถือว่าเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นศูนย์กลางอุตสหกรรมการค้าและการคมนาคมของประเทศมาตั้งแต่แรกเริ่มการก่อตั้งประเทศ ดังนั้นโยโกฮามาจึงเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเก่าแก่ที่ผสมผสานกับความทันสมัยเข้ากันได้อย่างลงตัว ก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “พิพิธภัณฑ์ราเมง” (Yogohama Ramen Museum) เรียกได้ว่าาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนรักราเมงพลาดไม่ได้ และมีการจัดแสดงทั้งประวัติความเป็นมาแบบครบครันของราเมงในญี่ปุ่น มีการรวบรวมเอาที่สุดของร้านราเมงทุกสารทิศในญี่ปุ่นมากถึง 9 ร้านด้วยกัน มีการเอาการจำลองเอาบรรยากาศร้านราเมงยุคโบราณมาให้เราได้นั่งชิมไปด้วย ซึ่งการจัดบรรยากาศจำลองของถนนและอาคารบ้านเรื่องชิตามาชิ (Shitamachi) เมืองเก่าของโตเกียว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแห่งราเมง อิสะให้ท่านได้เลือกชมและชิมราเมงสูตรต่างๆที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนให้ท่านได้ลิ้มรสมากมาย
หลังรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว นำท่านเปลี่ยนบรรยากาศไป “นั่งกระเช้าลอยฟ้า” (Yokohama Air Cabin) แห่งแรกของญี่ปุ่นที่เชื่อมระหว่าง Sakuragicho Station และ Unga Park Station ของโยโกฮามา ให้ท่านได้นั่งกระเช้่าเหนือน้ำชมวิวพาโนรามา เห็นชิงช้าสวรรค์และผังเมืองโดยรอบ นอกจากนี้ยังเดินทางสะดวกอยู่ใกล้ที่เที่ยวอีกหลายแห่ง และท่านจะได้เที่ยวชม “มินาโต มิไร 21” (Minatomirai 21) ศูนย์ความเจริญแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวในเมืองโยโกฮามา และเป็นสถานที่สำคัญที่ท่านจะได้พบกับสถานที่ทันสมัยและเก่าแก่ได้ในที่เดียว นั่นก็คือพื้นที่ท่าเรือจะหันออกจากเมืองโยโกฮามาและถนนที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า พื้นที่สวยสนุกสถาปัตกรรมโบราณและเรือลอยขึ้นลงที่ผิวน้ำบริเวณท่าเรือใกล้ๆ รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จะมีช่วงเวลาที่น่าจดจำกลับไปแน่นอน
นำท่านสู่ โกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอ้าท์เล็ท เรียกได้ว่าเป็นเอาท์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เพราะของเยอะมากๆ ทั้งแบรนด์ในประเทศและแบรนด์ต่างประเทศก็มีครบทุกอย่าง บริเวณที่ตั้งจะเป็นทางผ่านสำหรับการไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบฮาโกเน่ มีของให้ช้อปปิ้งเพียบแถมบรรยากาศยังดีงามอีกด้วย ภายในจะมีร้านค้ากว่า 200 ร้านค้าและสูนย์อาหาร ให้ท่านได้อิสระกับการเลือกชมสินค้าที่ได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว โดยท่านสามารถช้อปปิ้งได้ตามอัทธยาศัย
จากนั้นนำท่านเข้าโรงแรม MATSUZONO HOTEL ท่านจะได้รับประทานอาหารค่ำของโรงแรมที่เสริฟท่านด้วยเมนูพิเศษ “บุฟเฟ่ขาปูยักษ์” ให้ท่านได้ลิ้มรสปูที่มีรสชาติอร่อยและเนื้อนุ่มได้อย่างจุใจ หลังมื้ออาหารไม่ควรพลาดประสบการณ์ “การอาบน้ำธรรมชาตื” เพื่อสุขภาพ หรือการแช่ออนเซ็น น้ำแร่สไตล์ญี่ปุ่นให้ท่านพักผ่อนอย่างเต็มที่
3 เมษายน 2566
นำท่านเดินทางสู่ “เจดีย์สีแดงชูเรโตะ” (Chureito Pagoda) (จุดชมซากุระ) เป็นเจดีย์ห้าชั้นบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida City) และภูเขาไฟฟูจิ ในระยะไกลได้อย่างชัดเจนและงดงาม เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนศาลอาราคุระ เซนเกน (Arakura Sengen Shrine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสัยติภาพปี ค.ศ. 1963 ซึ่งตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิร่วมกับเจดีย์ห้าชั้น และให้อิสระท่านในการหามุมถูกใจเก็บภาพตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ” (Iyashi no Sato) ตั้งอยู๋ในพื้นที่ที่เคยเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมบนชายฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบไซโกะ ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นถล่มในปี ค.ศ. 1966 จนกระทั่งอีก 40 ปีต่อมา ได้รับการบูรณะให้เป็นแบบดั้งเดิมและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้ประชาชนได้เข้าชมศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและลองซื้อสินค้าหัตกรรมแบบดั้งเดิมภายในหมู่บ้านประกอบไปด้วยบ้านกว่า 20 หลังคาเรือน ที่ได้รับการดัดแปลงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่ ซึ่งแต่ละหลังก็จะมีความเชี่ยวชาญในงานฝีมือดั้งเดิมที่ต่างกัน เช่นเครื่องปั้นดินเผา ธูป และผ้าทอ หรืออาจจะเข้าร่วมทดลองผลิตกระดาษวาชิ ถ่านชาร์โคล และบะหมี่โซบะด้วยตัวเอง ส่วนพิพิธภัณฑ์ในบ้านได้แก่วาตานาเยะ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตของเกษตรกรที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในแถบนี้พิพิธภัณฑ์การกัดเซาะและการควบคุมตะกอนที่อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดดินถล่มที่ทำลายหมู่บ้าน และเทคนิคการใช้ป้องกันภัยพิบัติ ส่วนบ้านที่เหลือจะเป็นอาร์ตแกลลอรี่แสดงงานศิลปะท้องถิ่น ร้านผลิตและสตูดิโอถ่ายภาพบุคคล และท่านยังสามารถ “สวมชุดกิโมโน” , “ชุดนักรบซามูไร” ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก นอกจากนี่ยังมีร้านอาหารตั้งอยู่รอบๆหมู่บ้านอีกด้วย (ราคาไม่รวมค่าชุดกิโมโนประมาณ 2,000 เยน)
หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว นำท่านเดินทางสู่มหานครโตเกียว (TOKYO) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการเดินทางมายังจุดศุนย์กลางของดินแดนอุทัยแห่งนี้ เพื่อนำท่านเดินทางสู่ย่านชิบูย่า (SHIBUYA) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว ล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าต่างๆและร้านค้าอีกนับพัน ซึ่งมีห้าง Shibuya 109 ที่รวบรวมร้านค้าแฟชั่นไว้มากมาย รวมทั้งมีรูปปั้นฮาจิโกะหรือเจ้าหมาแสนซื่อสัตย์ฮาจิที่เฝ้าคอยเจ้านายหน้าสถานทีชิบูย่าตราบจนวันตายของมัน และให้ท่านได้เดินเล่นช้อปปิ้งไปกับห้าง SHIBUYA HIKARIE เป็นอาคารใหม่ที่สร้างทดแทน Shibuya Tokyo Bunka Kaikan Building ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีรถไฟชิบูย่า เป็นอาคารสูง 34 ชั้น โดยมีร้านค้ากว่า 200 จุดทั้งยังมีสินค้าแฟชั่นต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่
หรือ
ท่านจะเลือกขึ้นไปชมวิวบนตึก ชิบูยา สกาย (Shubuya Sky) เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของโตเกียวที่ ชิบูยา สแครมเบิ้ล สแควร์ (Shibuya Scramble Square) และเป็นตึกที่สูงที่สุดในย่านชิบูย่าอีกด้วย ท่านสามารถชมววิของโตเกียวได้อย่างอลังการ 360 องศา พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ ซึ่งถ้าอากาษดีก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย ภายในอาคารนั้นอัดแน่นไปด้วยร้านค้าต่างๆกว่า 200 ร้านค้า ทั้งร้านค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ร้านหนังสือ คาเฟ่ ร้านอาหาร รวมไปถึงแกลลอรี่และสำนักงาน ครบครันทันสมัยสุดๆ (ราคาจุดชมวิว 2,000 เยน)
จากนั้นนำท่านรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร และเข้าพักโรงแรม Shinjuku prince Hotel หรือเทียบเท่า
4 เมษายน 2566
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคาวาโกเอะ” เป็นย่านที่มีสเน่ห์และมีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสมัยเอโดะตลอดแนวยาวสองข้างทาง บางอาคารก็อายุเก่าแก่และยังคงความดั้งเดิมมาจนถึงปัจจุบันก็มี ทำให้ย่านนี้มีฉายาว่า Koedo Kawagoe หรือแปลได้ว่าลิตเติ้ลเอโดะ (Little Edo) โดยคำว่า Kura แปลว่าโกดัง จึงเป็นที่มาของชื่อถนน Kurazukuri ซึ่งเป็นถนนที่คนนิยมเดินเที่ยวชมตึกรามบ้านช่อง และสถาปัตยกรรมของเมืองนั่นเอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “วัดคิตาอิน” (Kitain Temple) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในแห่งหนึ่งของเมืองคาวาโกเอะ ที่เคยเป็นวัดหลักของนิกายเทนได ในภูมิภาคคันโต เนื่องจากการที่สมัยเอโดะนั้น ท่านโชกุนได้เลื่อมใสศรัทธาเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 830 ซึ่งภายหลังอาคารบางส่วนของวัดได้ถูกทำลายลง จะยังเหลือเพียงส่วนของปราสาทเอโดะ (Edo Castle) ซึ่งเป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ มีรูปปั้นจำนวนมากถึงซึ่งแต่ละองค์มีท่าทางแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ย่านคุระซึคุริ” (Kurazukuri) ย่านเมืองเก่าตั้งแต่สมัยเอโดะ ในย่านนี้มีอาคารประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี เรียงรายอยู่สองข้างถนน และบริเวณหอระฆัง Toki no kane ที่ได้รับเลือกให้เป็นอาคารโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์และอาจกล่าวได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคาวาโกเอะ แม้แต่ร้าน Starbucks ก็ตั้งอยู่ในอาคารแบบเดียวกัน
หลังจากอาหารกลางวันแล้ว นำท่านเดินทางสู่มหานครโตเกียว เพื่อพาท่านไปยัง “สวนอุเอโนะ” (Ueno Park) หรือชื่อเต็ม อุเอโนะ ออนชิ (Ueno Onshi Koen) (จุดชมซากุระ) คือสวนสาธารณะแห่งแรกในญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตไทโต โตเกียว โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1873 ถายในพื้นที่กว้างประมาณ 530,000 ตารางเมตร โดยในสวนอุเอโนะแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่ออีกด้วย เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาชมซากุระกันอย่างมากมาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ย่านชินจูกุ อีกย่านความเจริญที่สำคัญอีกที่หนึ่งของนครโตเกียว ท่านจะได้พบห้างสรรพสินค้า ร้านขายของเป็นพันๆร้าน และร้านร้อนเยน ผู้คนมากมายนับหมื่นเดินทางมากที่นี่มากมาย ถือเป็นจัดนัดพบยอดนิยมอีกด้วย ให้อิสระและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมาย ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกา เครื่องเล่นเกมส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซานริโอช็อป หรือสินค้าพวกกระเป่ารองเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง และอื่นๆอีกมากมาย
จากนั้นนำท่านรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร และเข้าพักโรงแรม Shinjuku prince Hotel หรือเทียบเท่า
5 เมษายน 2566
นำท่านเดินทางสู่ ตลาดปลาซึกิจิ เป็นตลาดปลาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่น ภายในตลาดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนภายนอกซึ่งมีร้านค้าขายปลีกและร้านอาหารตั้งเรียงรายเป็นจำนวนมาก และส่วนภายในซึ่งเป็นบริเวณที่ร้านค้าส่งใช้เจรจาธุรกิจและเป็นจุดที่มีการประมูลปลาทูน่าที่มีชื่อเสียง อร่อยกับอาหารทะเลอื่นๆ ที่มาจากทั่วทุกทะเลของญี่ปุ่น ให้อิสระท่านได้เลือกซื้อและผลิตภัณฑ์อาหารทะเล
จากนั้นนำท้านเดินทางสู่ วัดอาซากุสะ คันนอน (Asakusa Kannon Temple) หรือ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่เรียกอีกอย่างว่าวัดโคมแดง ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโตเกียว ถูกสร้างขึ้นเมืองประมาณปี ค.ศ.645 เชิญท่านเข้านมัสการขอพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิมที่เป็นทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็กเพียง 5.5 เซนติเมตร พร้อมถ่ายภาพความประทับใจกับโคมไฟขนาดยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 4.5 เมตร หรือจะเลือกเดิน ถนนนาคามิเซะ เป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ท่านจะได้เลือกชมและซื้อสินค้าของฝากที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมือง Made In Japan รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้คุณภาพมากมาย อาทิ ร่ม หมวก รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า หรือจะเลือกชิมขนมอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นตามอัทธยาศัย
จากนั้นนำทุกท่านถ่ายรูปคู่กับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว ณ ริมแม่น้ำสุมิตะ “หอคอยโตเกียว สกายทรี” (Tokyo Sky Tree) หอส่งสัญญาณโทรคมนาคมที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะมากนัก โดยโตเกียวสกายทรี ถูกแบ่งเป็นสองชั้น โดยชั้นแรกสูง 350 เมตร และชั้นบนสูง 450 เมตร เป็นจุดชมวิวเมืองโตเกียวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นงดงามเกินคำบรรยาย อีกทั้งมีที่กินเที่ยวช้อปปิ้งอยู่ภายในตึกแห่งนี้ รวมทั้งยังมีอควาเลี่ยมอยู่ในนี้อีกด้วย
หลังอาหารกลางวัน นำท่านเดินทางสู่ แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) (จุดชมซากุระ) ให้ท่านได้ชมซากุระสีชมพูที่กำลังผลิบานสะพรั่งอย่างงดงามบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะ เป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมในการชมซากุระสวยๆที่เรียงรายเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะอีกทั้งบริเวณสวนสุมิดะสามารถมองเห็นหอคอยโตเกียวสกายทรีได้อีกด้วย และให้ท่านเปลี่ยนบรรยากาศไป “นั่งเรือล่องแม่น้ำสุมิดะ” จากอาซากุสะ ไปยัง เกาะโอไดบะ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “โอไดบะ” (Odaiba) เกาะมหัศจรรย์แห่งโตเกียว แหล่งรวมเทคโนโลยีล้ำยุคแและทันสมัย เห็นเกาะที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และศักยภาพของชาวญี่ปุ่นที่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา ให้ท่านดื่มด่ำกับการนั่งกินลมชมวิวบนชิงช้าสวรรค์ (Ferries Wheel) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตื่นตากับสีสันของแสงไฟที่ประดับประดา ท่านสามารถลองสัมผัสบรรยากาศของอ่าวโตเกียวที่มีสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) พาดผ่านและสีแสงสีของกรุงโตเกียวยามค่ำคืนเป็นฉากหลัง รวมทั้งเทพีเสรีภาพเวอร์ชั่นญี่ปุ่นยืนถือคบเพลิงอยู่ริมอ่าว หรือ ท่านจะเลือกช้อปปิ้งที่ ห้างสรรพสินค้าไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว (ViverCity Tokyo Plaza) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวภายใต้คอนเซ็ปท์ Theatricial City Space เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่ร้านค้าต่างๆมารวมกันถึง 154 ร้านค้า และสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การถ่ายรูปเค้ากับเจ้าหุ่นยนต์กันดั้มยักษ์ ที่พึ่งมีการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมียูนิคอร์นปรับโหมดใบหน้าได้ ทั้งตัวหุ่นยนต์เรืองแสงได้มากกว่า 50 จุด โดยยูนิคอร์น กันดั้มตัวล่าสุดที่มีโชว์แสง สี เสียง และขยับเกราะ เปิดเขา กันเป็นเวลาอีกด้วย (ไม่รวมค่าชิงช้าสวรรค์, ค่าเข้าชมและเครื่องเล่นต่างๆ)
และให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าวีนีสฟอร์ต (Venus Fort) ตั้งอยู่ที่ย่านโอไดบะ ภายในห้างมีร้านค้ากว่า 100 ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แฟชั่นเสื้อออกกำลังหาย เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และอีกมากมาย โดยที่นี่มีคอนเซ็ปท์ ของช้อปปิ้งสไตล์เวนิช โดยเน้นการออกแบบปและตกแต่งแบบเวนิชแท้ๆ ส่วนหลังคาเป็นรูปท้องฟ้าที่จะเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลาของแต่ละวัน เรียกได้ว่า เป็นห้างสรรพสินค้าที่แม้จะไม่ได้ใหญ่มากที่สุด แต่ก็มีความลงตัวมากและมีสินค้าให้เลือกซื้อกันมากมายไม่แพ้ที่อื่นเลยทีเดียว
แวะรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินฮาเนดะ
6 เมษายน 2566
เดินทางจากสนามบินฮาเนดะ เวลา 00.20 น. โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 661 และถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
บริษัทขอสงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อท่องเที่ยวหรือสำรวจเส้นทางเท่านั้น หากท่านถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธการเข้า ออกเมือง ถือเป็นเหตุผลที่อยู่เหนือความรับผิดชอบของทางบริษัท ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
หนังสือเดินทางต้องเหลืออายุการใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ราคาโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่น Cherry Blossom Kanto ชมซากุระผลิบาน ขอพรพระใหญ่ไดบุทสึ 6 วัน 3 คืน
เงื่อนไขการจองโปรแกรมทัวร์
อัตรานี้รวม
อัตรานี้ไม่รวม
การชำระเงิน
การยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง
(ตามประกาศคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์)
ติดต่อสอบถามโปรแกรมท่องเที่ยว
ติดต่อจองโปรแกรมท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่
Chill Chill Japan LINE Official