ทำไมถึงต้องแวะที่นี่ หาคำตอบได้ ในตอนที่ 1 ย้อนเวลาในเมืองเอโดะ-แวะพักชิมอาหารท้องถิ่น ชมสวน-เสพงานศิลป์ระดับโลก
ไฮไลต์ ที่ เที่ยวชิบะ … ลงนาริตะทั้งที ไม่แวะที่นี่แล้วจะเสียใจ ตอน1
ลงนาริตะทั้งที ไม่แวะที่นี่แล้วจะเสียใจ ทำไมนะหรือ? เพราะว่าจริงๆแล้ว แถวสนามบินนาริตะ มีสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมสนุกหลายอย่างที่คุณอาจยังไม่รู้ แถมไปไม่ยากเลย ใครที่แพลนว่าจะมุ่งตรงกลับบ้านเลย อ่านรีวิวนี้แล้วอาจเปลี่ยนใจ
เมืองเอโดะโบราณ Sawara
เมืองซาวะระ เดินทางจากสนามบินนาริตะ มาที่นี่ได้ง่ายมาก ลงที่สถานี JR Sawara เดินต่อเล็กน้อยก็จะเจอวิวนี้ เสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในละคร ของณเดช-ญาญ่า เพราะที่นี่เคยถูกใช้เป็นฉากละครเรื่อง The Rising Sunด้วย
เมืองนี้ตั้งอยู่ขนาบคลอง และเคยเป็นศูนย์กลางการขนส่งข้าวในช่วงสมัยเอโดะ บ้านเรือน อาคารต่างๆยังคงลักษณะดั้งเดิม
กิจกรรมที่แนะนำที่นี่ คือนั่งเรือล่องแม่น้ำขนาดเล็ก “โอโนะกะวะ” ที่มีคุณลุงใจดี คอยแนะนำ ถ้ามาหน้าหนาวก็ไม่ต้องกังวล บนเรือมีโต๊ะโคทัตสึ (โต๊ะอุ่น) สไตล์ญี่ปุ่น ไว้ต้อนรับ
ท่าเรืออยู่ใกล้สะพานเราไปทันเวลาได้เห็นสะพานมีน้ำตกไหลออกมาพอดี ถือเป็นไฮไลต์ของสะพานที่นี่
ข้างๆสะพาน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งคือบ้านของ อิโน ทะดะทะกะ Ino Tadataka บุคคลสำคัญที่เป็นผู้สำรวจและทำแผนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นคนแรก ด้วยการเดินเท้า!!
เราลองแวะทานอาหารแบบฟูลคอร์สสไตล์ฝรั่งเศสที่ร้านอาหาร TERROIR ET NATURE ใน โฮสเทล Nipponia ที่นี่เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นและปรุงโดยเชฟมืออาชีพ และที่สำคัญคือ ราคาไม่แรงเลย
appetizer ที่ทำจากเนื้อหมู SPF อันเลื่องชื่อของที่นี้ กลมๆคือ มันซึ่งเป็นอีกหนึ่งของห้ามพลาดของชิบะ, ต่อด้วยซุปเห็ด กุ้ง กับโกะโบะ (ผักชนิดหนึ่ง), จานหลักมีให้เลือก ระหว่างสันคอวัวหรือเนื้อปลา ของหวานเป็นพุดดิ้งกับซอสเบอร์รี่ ตบท้ายด้วยกาแฟหรือชา ยังไม่หมด! มีขนมเค้กให้ทานแกล้มด้วย เซทนี้ เพียง 3,000 เยนเท่านั้น กรี๊ดดด ชั้นรักที่นี่
Nipponia เป็นที่พักสุดเกร๋ ที่มีคอนเซปต์ว่า อยากให้แขกที่มาพักเข้าถึงความเป็นซาวาระได้ครบทุกประสาทสัมผัส
ที่นี่สามารถพักผ่อนหย่อนใจ ลิ้มรสอาหารแสนอร่อย และสัมผัสกับวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม รู้สึกเหมือนกับเราได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต
ไม่ไกลจากโรงแรม Nipponia สามารถแวะร้านขายของกระจุกกระจิกและผ้ากิโมโน Fukushin ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่กำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำจังหวัดชิบะเลยนะ
นอกจากนี้ร้านนี้ยังเป็นร้านกิโมโนแบบดั้งเดิมที่ก่อตั้งมานานกว่า 200 ปี ด้านในมีโกดังที่สร้างตั้งแต่สมัยเมจิ (ปี 1868) ด้วย
สินค้าแนะนำของร้านนี้ คือผ้าซิลค์สกรีนโดยช่างพื้นถิ่น งานละเอียดมาก
นอกจากเสื้อผ้าที่สวยงาม ในร้านยังมีข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่มากมายจัดแสดงให้ชม ทุกชิ้นมีเรื่องราว
หากใครพลาดเทศกาลนี้ก็ไม่ต้องเสียใจ เมือง Sawara ยังมีเทศกาลอื่นๆอีกมากมาย สามารถติดตามข้อมูลต่างๆได้จากเว็บไซต์
Sawara
ที่อยู่ | Sawara, Katori, Chiba |
---|---|
วิธีเดินทาง | โดยรถยนต์ หรือ นั่งรถไฟ JR มาลงที่ Sawara Station |
เวลาทำการ | โดยมากร้านค้าเปิดประมาณ 11โมง |
Website | suigo-sawara |
Facebook(TH) | wonder.sawara |
จุดแวะพัก Mizu no sato Sawara
นี่เป็นอีกหนึ่งจุดแวะพัก สำหรับใครที่ขับรถมาเที่ยว อยู่ใกล้เมือง Sawara
ที่นี่บรรยากาศดี ติดริมแม่น้ำ
ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเราคือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีวัตถุดิบเมืองที่หลากหลาย พอเข้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ทำให้เราเชื่อแล้วว่าจังหวัดชิบะ ดังเรื่องวัตถุดิบพื้นเมืองจริงๆ
อันนี้น่ารักมาก ไม่ใช่กล้วยหอม แต่เป็นแครอทสีเหลือง ซื้อมาเป็นของฝากเพื่อนถึงกับกรี๊ดกร๊าด เพราะมันน่ารักมาก แถมยังมีรสหวาน เรากินสดๆได้เลย
หัวไชเท้า ใหญ่มาก ราคาร้อยเยน (ประมาณ30บาท)เอง
ผลิตภัณฑ์จากถั่ว อีกของดีของชิบะ
เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเยอะก็ไม่ต้องตกใจ..คุณมาถูกที่แล้ว
มัน…ใหญ่…มาก ถ้ามีโอกาสอยากให้ชิม ชื่อของเจ้านี่คือ Satsuma Imo ถ้ามาที่ชิบะ ก็จะเห็นมีขายทุกที่ ควรแวะชิม
Mizu no sato Sawara
ที่อยู่ | 3981-2 Sawara, Katori, Chiba 287-0003 |
---|---|
วิธีเดินทาง | โดยรถยนต์ หรือ นั่งรถไฟ JR มาลงที่ Sawara Station เดิน 15 นาที |
เวลาทำการ | ร้านขายของและ food court 08:30 to 18:00 น. / จุดพักและ information center เปิดตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุด |
โทรศัพท์ | 0478-50-1183 |
Website | e-sawara |
Narita Yume Bokujo (Narita Dream Farm)
ใครที่กำลังเบื่อเมืองใหญ่ และอยากลองไปใช้ใช้ชีวิตในฟาร์มกับฝูงสัตว์น่ารักๆดู น่าจะชอบที่นี่
Narita Yume Bokujo เป็นฟาร์มโคนมที่เปิดให้ผู้คนมาเข้าชมตั้งแต่ปี 1887 บรรยากาศชิลๆเพลินๆ
เราไปลองรีดนมวัวมาดูด้วย น้องวัวใจดี ชื่อโซระจัง
อ้อ! สำหรับคนรักชีส และโยเกิร์ต อยากแนะนำให้ลองทานของที่นี่
เรากับเพื่อนได้ลองไอศครีมและโยเกิร์ต หอมอร่อย ทานง่ายมาก
ด้านในมีฟาร์มแพะ สนุกมาก สามารถเข้าไปเล่นกับพวกมันได้อย่างใกล้ชิด แต่ควรระวังกระเป๋าเล็กน้อย พวกมันอาจจะคิดว่าเป็นอาหาร ทุกตัวมีชื่อเรียกด้วย นี่คือคุณชิกุเระ รับแขกมากๆ
มีบ้านหนูตะเภา ที่สามารถเข้าไปเล่นกับพวกนางได้ ดูเหมือนเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าจะมีอะไร แต่กลายเป็นว่าเรานั่งเล่นกับพวกมันไปจนลืมเวลา คือมันผ่อนคลายมาก55555
ถัดไปเป็นฟาร์มสตรอว์เบอร์รี ปลูกโดยคุณป้าใจดีที่มีหลากหลายพันธุ์
ขอซูมให้ดูใกล้ๆ สวยมากๆ ที่นี่มีฟาร์มที่ปลูกพืชหลายชนิดหมุนเวียนไปตามฤดูกาล สามารถลองปลูกมันเทศ เก็บเกี่ยวถั่วลิสง สนใจพืชชนิดไหนสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ด้านล่าง เทศกาลเก็บสตรอว์เบอร์รี่อยู่ในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
ขากลับเราแวะร้านของฝากของที่นี่ มีหลายอย่างที่น่าสนใจ ที่อยากแนะนำคือพวกชีส ที่ใช้นมจากฟาร์ม โดยตรง จะมีที่ไหนสดได้มากกว่านี้อีก555
ของฝากที่นี่เต็มไปด้วยรูปสัตว์ อะไรก็มุ้งมิ้งน่ารักไปหมด
Narita Yume Bokujo (Narita Dream Farm)
ที่อยู่ | 730 Nagi, Narita, Chiba 289-0111 |
---|---|
วิธีเดินทาง | โดยรถยนต์ หรือ นั่งรถไฟสาย Narita Line ลงที่สถานี Shimosa-Kozaki นั่งรถต่ออีกประมาณ 8 นาที |
เวลาทำการ | 9.00-17.00 น.(เข้าก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง) ※เวลาทำการในเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์จะมีการเปลี่ยนแปลง |
ราคา | ผู้ใหญ่ 1,450 เยน, ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 1,250 เยน,เด็ก (3 ปีขึ้นไป) 700 เยน, สุนัข ตัวใหญ่ 1,500 เยน ตัวเล็ก 1,000 เยน |
โทรศัพท์ | 04-7696-1001 |
Website | yumebokujo |
Mega-ดองกิ สาขานาริตะ กับเคล็ดลับการช้อป
ดองกิ หรือ ดองกิโฮเต้ จุดหมายปลายทางของใครหลายๆคน ที่ถึงแม้จะมีสาขา Don Don Donki ที่ไทย แต่ขาช้อปตัวจริงยังขอมาต่อถึงนาริตะ เพราะที่นี่ ไม่ใช่แค่ดองกิธรรมดา แต่เป็น Mega-ดองกิ!!!
Mega ดองกิ สาขานาริตะแห่งนี้มีสินค้ากว่า 100,000 รายการ
สินค้าที่มากมายอาจมาพร้อมกับความตาลายในการเลือกช้อป เราจึงของแนะนำเคล็ดลับให้กับคุณ
อย่างแรก หยิบตะกร้าค่ะ ในตะกร้าจะมีผังร้านอยู่ เป็นวงกลมกระจายจากศูนย์กลาง แบบนี้ เดินไปตามโซนที่เลือกเลย
สำหรับคนไม่มีเวลาหาของฝาก พวกของสุดฮิต จะอยู่บริเวณตรงกลางร้านค่ะ พุ่งไปเลยค่ะ
พุ่งเสร็จก็จ่ายตังที่เคาน์เตอร์ใกล้ๆได้เลย
และต่อให้ถ้าไม่มีเวลาแม้แต่เดินหา ที่นี่ก็มีเจ้าหน้าที่คนไทยเตรียมไว้ให้พร้อม เดินไปถามหาเจ้าหน้าที่ได้ที่เคาน์เตอร์ (อาจจะไม่อยู่ประจำเคาน์เตอร์บ้างบางเวลา) จะมีคนอาสาพาไปหยิบค่ะ ใครซื้อเยอะ สามารถสั่งให้ขนส่งไปยังสนามบินนาริตะด้วย (มีเงื่อนไขในการใช้บริการ)
เคล็ดลับอีกอย่างของที่นี่คือ ถ้าสมัครเมมเบอร์ ก็จะได้คูปองส่วนลด
นอกจากนี้ ยังมีวิธีสังเกตของราคาถูก (ขอย้ำว่าต้องสังเกต เพราะป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านยากเหมือนกัน)
※ในภาพคือสินค้าและราคาในช่วงที่ไปมา
อย่างป้ายหน้าตาแบบนี้ฮามาก เขียนเปรียบเทียบราคากับห้างข้างๆให้ดูเลย ว่า เทียบราคา ณ วันนี้ เวลานี้ เราถูกกว่า ถ้าเจอร้านไหนถูกกว่านี้ ยินดีคืนเงินให้ สังเกตตัว比 ที่วงไว้ แปลว่าให้เปรียบเทียบราคาได้เลยค่ะ
※ในภาพคือสินค้าและราคาในช่วงที่ไปมา
ถ้าแบบนี้เขียนบอกไว้เลยว่า ลดราคา 75% พร้อมบอกเหตุผล ว่าใกล้วันหมดอายุ จริงใจสุดๆ
พอได้ฟังเรื่องราวและความตั้งใจจากคุณผู้จัดการสาขานี้ รู้สึกประทับใจในความเอาใจใส่และคิดถึงใจลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าคนไทย ที่ทางร้านพยายามอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่
Mega-ดองกิ สาขานาริตะ
ที่อยู่ | 82 Wing Tsuchiya Narita, Chiba 286-0029 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสนามบินนาริตะโดยแท็กซี่ 20 นาที หรือนั่งรถ Shuttle Bus ฟรีจากโรงแรมที่ (โรงแรมหลายแห่งแถวสนามบินให้บริการรถรับ-ส่งฟรีมายังโซนนี้ บุคคลทั่วไปสามารถขึ้นได้) |
เวลาทำการ | 24 ชม |
โทรศัพท์ | 0476-20-3711 / 0476-20-3722 |
Website | donki.com |
ข้อสรุป
ถ้ามาโตเกียวแล้วพอมีเวลา อยากจะชวนให้ลองแวะ เที่ยวชิบะ เพราะมีสถานที่ที่เหมาะกับความต้องการของทุกคน นอกจากนี้ยังเที่ยวง่าย อาหารอร่อย แล้วก็ราคาค่าครองชีพไม่แพงมากด้วย
นอกจากนี้ สนามบินนาริตะแห่งนี้ยังมีบริการทัวร์ให้คนที่มาต่อเครื่องที่นี่หรือคนที่มาพักบริเวณรอบๆ สนามบินเที่ยวนาริตะกันได้สบายๆ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถสัมผัสเสน่ห์ของบริเวณรอบสนามบินนาริตะแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง มาสร้างความทรงจำดีๆ กันได้ที่นี่ ดูรายละเอียดได้ ที่นี่