สำหรับฟาร์มวาซาบิไดโอที่เราจะพาไปทำความรู้จักคราวนี้ เป็นฟาร์มวาซาบิเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด เป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยววาซาบิที่น่าสนใจมากๆ อีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ความน่าสนใจของฟาร์มแห่งนี้คือปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของจังหวัดโดยฟาร์มแห่งนี้มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วยต้นวาซาบิ และลําธารเล็กๆ รายล้อมพร้อมการดูแลอย่างพิถีพิถัน
โดยเฉพาะน้ำใสสะอาดที่เกิดจากหิมะที่ละลายจากภูเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือมายังฟาร์มต้นวาซาบิในฟาร์มแห่งนี้ ส่งผลให้เหล่าต้นวาซาบิเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ ซึ่งระหว่างเดินชมแปลงปลูกวาซาบิ จะได้เห็นการดูแลเอาใจใส่อย่างดีในเรื่องการเพาะปลูกของเหล่าเกษตรกรของฟาร์มไปพร้อมกันด้วย
ฟาร์มได้รับการพัฒนาที่น่าสนใจสําหรับนักท่องเที่ยวด้วยเส้นทางเดินระหว่างทุ่งนา ภายในฟาร์มมีศาลเจ้าไดโอะ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานวิญญาณของวีรบุรุษท้องถิ่นโบราณ ฮาจิเม็ง ไดโอะ ซึ่งฟาร์มแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อและถือว่าเป็นผู้พิทักษ์ฟาร์ม ใกล้กับศาลเจ้ายังมีถ้ำเล็กๆ ที่เกี่ยวข้อง กับตํานานของวีรบุรุษในท้องถิ่นท่านนี้อีกด้วย
ที่มาที่ไปของฟาร์มวาซาบิไดโอ
ฟาร์มเพาะวาซาบิไดโอก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1915 โดยคุณ Shigeo Iida ผู้ที่ต้องการปลูกวาซาบิที่มีความสมบูรณ์แบบขึ้นมาในญี่ปุ่น ได้ออกเดินทางมาที่เมืองนี้แล้วพบว่าน้ำใสสะอาดที่ไหลจากหิมะที่ละลายบนภูเขาเจแปนแอลป์มีอุณหภูมิของน้ำระหว่าง 10-15 องศา มีความสะอาดบริสุทธิ์ เมื่อผสมเข้ากับอากาศที่หนาวเย็นในแถบนี้ ประกอบกับแร่ธาตุในผืนดินอันสมบูรณ์ ล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้สามารถปลูกต้นวาซาบิคุณภาพดีขึ้นมาได้
ไฮไลท์ของ Daio Wasabi Farm
นอกจากจะเป็นฟาร์มที่มีทัศนียภาพที่งดงามและมีประวัติความเป็นมายาวนานแล้ว จุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ก็มีมากมายไม่แพ้กัน โดยเริ่มตั้งแต่
กังหันน้ำเก่าแก่สัญลักษณ์ที่สำคัญของฟาร์ม
กังหันน้ำทั้ง 3 แห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทาเดกาวะภายในฟาร์มนั้น เป็นอีกสถานที่ที่อยู่กับวิวทิวทัศน์ของฟาร์มแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาแสนนาน และวิวนี้เองมักถูกนํามาใช้เชิญชวนให้มาเยือนที่นี่ผ่านโปสเตอร์หรือหนังสือนําเที่ยว รวมทั้งในช่องทางประชาสัมพันธ์ทั่วไป ความเชื่องช้าของรอบหมุนของกังหันทำให้ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่นี่มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น จนที่นี่เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังเรื่อง “Dreams” ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง Akira Kurosawa สามารถชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของฟาร์มจากจุดท่องเที่ยวนี้ อีกทั้งยังมีคนพูดถึงว่านี่คือสัญลักษณ์ที่สำคัญของฟาร์มเลยก็ว่าได้
ฟาร์มวาซาบิขนาดใหญ่
ฟาร์มวาซาบิขนาด 15 เฮกตาร์ (45,000 สึโบะ) ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นฟาร์มวาซาบิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ ทำให้มีน้ำแร่บริสุทธิ์กว่า 120,000 ตันที่ไหลตามธรรมชาติอยู่ในพื้นที่ของฟาร์มทุกวัน ส่งผลให้ทางฟาร์มสามารถปลูกวาซาบิได้ 150 ตันต่อปี ส่งขายไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและส่งออกต่างประเทศอีกด้วย
ทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม
อย่างที่ทราบกันดีว่าเมืองอะซูมิโนะ จังหวัดนากาโน่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือจึงไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อมองทัศนียภาพมุมกว้างจะพบกับภาพของภูมิทัศน์ที่งดงามและมีภูเขาเรียงรายอยู่ปลายขอบฟ้า เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ยังไม่พอช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระที่ทอดยาวอยู่ภายในฟาร์มวาซาบิแห่งนี้ โดยมีเทือกเขาแอลป์ที่ยอดเขายังมีหิมะปกคลุมเป็นฉากหลังนั้นสวยเกินคำบรรยายและหาภาพวิวแบบพาโนรามาแบบนี้ไม่ได้จากที่ไหนแน่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจและกิจกรรมใน Daio Wasabi Farm
นอกจากทุ่งวาซาบิที่สวยงามแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมเกี่ยวกับวาซาบิมากมาย รวมทั้งการลิ้มรสวาซาบิแสนอร่อยได้ที่ร้านอาหาร คาเฟ่ และแวะช้อปปิ้งที่ร้านขายของที่ระลึก นอกจากนั้นยังสามารถเรียนรู้การปลูกวาซาบิจากที่นี่ได้เช่นกัน
การเดินชมฟาร์ม
จะเห็นได้ว่านอกจากจะเป็นฟาร์มเกษตรเต็มรูปแบบแล้ว ที่นี่ยังเป็นฟาร์มเชิงท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองด้วย โดยส่วนใหญ่เหล่านักท่องที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินเล่นรอบฟาร์ม ตามจุดต่างๆ มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถอ่านเกี่ยวกับการเพาะปลูกวาซาบิในฟาร์มแห่งนี้ได้แบบสบายๆ
ล่องเรือในแม่น้ำ
การล่องเรือชมกระแสน้ำอันเยือกเย็นและธรรมชาติรอบๆ ฟาร์มในแม่น้ำทาเดกาวะใสสะอาดและมีกังหันน้ำ 3 แห่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการล่องเรือชมดอกวาซาบิคือตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน เหล่านักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับการสำรวจและพักผ่อนท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของฟาร์มวาซาบิแห่งนี้ เรียกว่าจะได้สัมผัสธรรมชาติสุดอันซีนภายในเวลาประมาณ 20 นาที
ร้านอาหารและคาเฟ่วาซาบิ
ภายในฟาร์มมีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน เริ่มจากร้านอาหารโอเอซิส (Restaurant Oasis) อาหารปิ้งย่างและผักตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างดี รับประทานคู่กับซอสวาซาบิสูตรพิเศษของเชฟด้วย อีกร้านชื่อว่ายูซุยเมชิกามะไดโออัน (Yusui Meshigama Dioan) มีการเสิร์ฟข้าวที่หุงด้วยน้ำแร่ และในส่วนของไดโอะคาเฟ่ (Daio’s Cafe) แนะนำให้ลองมาดื่มกาแฟสกัดเย็นที่ชงด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์เช่นกัน โดยทั้ง 3 ร้านสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวฟาร์มวาซาบิกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาได้จากที่นี่
ซื้อของฝากจากวาซาบิ
มาถึงฟาร์มวาซาบิทั้งที อย่าพลาดแวะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวาซาบิที่มีความหลากหลาย เช่น วาซาบิสด วาซาบิดอง แครกเกอร์รสวาซาบิ แกงกะหรี่วาซาบิ ไส้กรอกวาซาบิ ครอกเก้วาซาบิ น้ำสลัดวาซาบิ เบียร์วาซาบิ น้ำดื่มวาซาบิ เบียร์วาซาบิ ซอฟท์ครีมวาซาบิ และช็อกโกแลตวาซาบิ นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมสินค้าหลักของที่นี่ได้เช่นวาซาบิโซบะ และวาซาบิเท็มปุระ แม้จะมีรสชาติค่อนข้างแปลกจากเมนูที่เคยกิน แต่ก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
การเรียนรู้การปลูกวาซาบิ
สำหรับใครที่สนใจวิธีการปลูก นอกจากจะเข้าไปชมได้ในพิพิธภัณฑ์วาซาบิทางด้านขวาของทางเข้าหลักของฟาร์ม หรือภาพขนาดใหญ่บนผนังด้านนอกร้าน เพื่อดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างไรเมื่อ 100 ปีที่แล้วจวบจนเหล่าเกษตรกรได้มุ่งมั่นเพาะปลูกเปลี่ยนจากดินแดนที่เต็มไปด้วยดินโคลนให้เป็นอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ตลอดการเดินชมฟาร์มจะได้เรียนรู้ถึงภูมิปัญญาของเหล่าเกษตรกรวาซาบิในท้องถิ่นนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคมทุ่งวาซาบิสีเขียวจะถูกปกคลุมด้วยอุปกรณ์บังแดดสีดําเพื่อปกป้องเหล่าวาซาบิจากแสงแดด แต่ผู็เข้าชมฟาร์มก็ยังสามารถชมกระบวนการการปลูกวาซาบิได้อย่างใกล้ชิด
ฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daio Wasabi Farm)
ที่อยู่ | 15-7, Saiwaicho, Kawagoe-shi, Saitama, 350-8601 |
วิธีเดินทาง | ลงที่สถานีโฮตากะ (30 นาทีจากสถานีมัตสึโมโต้) จากนั้นต่อรถแท็กซี่อีก 10 นาที หากปั่นรถจักรยานจะใช้เวลา 15 นาที สามารถเช่าได้ที่หน้าสถานีโฮตากะ ในราคา 200 เยน / 1 ชม. |
เวลาทำการ | 8.45.–17.30 น.(เมษายน – ตุลาคม) , 9.00–16.30 น. (พฤศจิกายน – มีนาคม) |
ราคา | ฟรี |
Website | Daio Wasabi Farm |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
ไปถึงจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีวิวภูเขาสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นแล้ว หากไม่ไปเที่ยวทำความรู้จักจ.นากาโน่กันต่อเสียใจแย่เลย ดังนั้นทริปนี้เรามาชวนไปชมปราสาทไฮไลท์สำคัญของจังหวัด จุดชมงานศิลปะสุดแสนประทับใจ และวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นที่ไม่แนะนำไม่ได้เลยจริงๆ
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
หากใครถามถึงปราสาทที่มีความอลังการสมบูรณ์ สามารถเดินเข้าไปชมความงดงาม และเรียนรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์ของเมืองได้จากภายใน และแค่มองจากภายนอกก็จะทำให้รู้สึกน่าทึ่ง ตั้งแต่ผนังและกระเบื้องหลังคาสีดำสนิทตัดกับภาพสะพานข้ามคูเมืองสีแดงสด ซึ่งเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของปราสาทแห่งนี้ ส่วนด้านในปราสาทยังคงอนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้ทุกอณู จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติล้ำค่าประจำชาติของญี่ปุ่นด้วย ยิ่งในวันที่ท้องฟ้าสดใสเผยให้เห็นถึงฉากหลังของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นที่เห็นอยู่ไกลๆ ด้วย ปราสาทแห่งนี้จะยิ่งสร้างความทรงจำที่สุดประทับใจให้กับคุณ
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
ที่อยู่ | 4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano 390-0873 |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจาก Kita-Matsumoto Station หรือ ขึ้นบัส Town sneaker (North corse) จาก Matsumoto station มาลงที่ป้าย ปราสาทมัตสึโมโต้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน |
เวลาทำการ | 8.30 –16.30 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็ก 300 เยน |
Website | Matsumoto Castle |
อะซูมิโนะ อาร์ท ไลน์ (Azumino Art Line)
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเมืองอะซูมิโนะนั้น เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเกือบ 20 แห่ง จึงถือเป็นสถานที่พิเศษของเหล่าศิลปินทั่วทุกมุมโลก และเป็นที่รู้จักกันในนามของเมืองแห่งศิลปะ โดยกลุ่มของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “อะซูมิโนะ อาร์ท ไลน์” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะโรคุซันซึ่งมีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษ ที่ไม่อยากให้พลาดนอกจากนั้นยังมีสวนสวยและอาคารที่งดงามให้ชม ในบริเวณใกล้เคียงยังมีศาลเจ้าเก่าแก่รวมทั้งงานศิลปะอื่นๆ ที่คนที่หลงใหลงานศิลปะต้องอยากมาชื่นชมใกล้ๆ ด้วยสายตาตัวเองอย่างแน่นอน ซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่เข้าร่วมในโครงการนี้ กระจายอยู่ทั่วเมืองอะซูมิโน และแผ่ขยายไปถึงเชิงเขาแอลป์ตอนเหนือของญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโรคุซัน (Rokuzan Art Museum)
ที่อยู่ | 5095-1 Hotaka, Azumino, Nagano 399-8303 |
วิธีเดินทาง | เดิน 7 นาทีจากสถานี Hotaka สาย JR Oito |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.10 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนปิด) (มีนาคม – ตุลาคม) 9.00 – 16.10 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนปิด) (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) |
ราคา | 900 เยน |
Website | Rokuzan Art Museum |
เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japanese Alps)
เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันในนาม “หลังคาของประเทศญี่ปุ่น” ที่จะมอบประสบการณ์กลางแจ้งที่ดีที่สุดในประเทศ คุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับความงามของคามิโคจิในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุซึ่งเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย มีกิจกรรมฤดูหนาวมากมายให้เพลิดเพลิน ตั้งแต่การเล่นสกี สโนว์บอร์ด ไปจนถึงการเดินลุยหิมะ นอกจากนั้นในแถบพื้นที่นี้ยังกระจัดกระจายไปด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติ โรงแรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และบ้านพักสบาย ๆ แนะนำให้เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่น่าตื่นตาตื่นใจและใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามในช่วงฤดูกาลของมัน
เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japanese Alps)
ที่อยู่ | 12883-1 Chikuniotsu, Otari, Kitaazumi District, Nagano 399-9422 |
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟสายมัตสึโมโตะ เด็นเท็ตสึ คามิโคจิ จากสถานีมัตสึโมโตะไปยังชิน-ชิมาชิมะ (30 นาที) จากนั้นต่อรถบัสไปยังคามิโคจิ (60 นาที) นอกจากนี้ยังมีรถบัสสายตรงไปยังคามิโคจิวันละ 1 เที่ยวจากสถานีขนส่งมัตสึโมโตะ (90 นาที) |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 05.00 – 19.00 น. เปิดให้ท่องเที่ยวช่วงกลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น |
ราคา | ฟรี |
Website | Japanese Alps |
สรุป
Daio Wasabi Farm ถือเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอะซูมิโนะ จังหวัดนากาโน่ พื้นที่ผลิตวาซาบิเก่าแก่และยังเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวซึ่งคุณสามารถทําความคุ้นเคยกับวาซาบิได้อย่างง่ายดาย ไม่มีค่าเข้าชมและค่าจอดรถฟรี นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมน่าสนุกมากมายให้ทำ มีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกพักผ่อน สามารถเพลิดเพลินกับเด็กๆ และครอบครัวได้ ถือเป็นอีกสถานที่ที่ผู้ปกครองและเด็ก ๆ จะได้มีช่วงเวลาที่ดี และได้รู้จักกับวาซาบิวัตถุดิบสำคัญสำหรับคนญี่ปุ่นเต็มอิ่มอย่างแน่นอน!