หลังจากเที่ยวทาคายาม่ามาแล้ว เป้าหมายถัดไปของเราจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ ตามธรรมเนียม แต่ชิราคาวาโกะที่จะพาเที่ยวครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกปี เพราะจะเป็นชิราคาวาโกะหน้าหนาวที่ไร้หิมะอย่างหาชมได้ยาก…ตอนแรกก็ใจแป้วอยู่นะ แต่เราจะมาแนะนำวิธีเที่ยวชิราคาวาโกะสไตล์ใหม่ ไม่ง้อหิมะก็สนุกได้
ยังคงอยู่กับทริปบุกเบิกเส้นทางใหม่ Mitsuboshi kaidou หรือ Three star route กับสถานที่ท่องเที่ยวสามดาวที่การันตีแล้วว่าดีไม่มีผิดหวังเช่นเคย วางแผนเที่ยวและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ >>ที่นี่
วิธีเดินทางจากทาคายามะ
ตั้งต้นที่ Takayama station เดินต่อมาหน่อยเพื่อขึ้นรถบัสที่ Takayama Nohi Bus Center มีรอบรถเยอะ ไม่ต้องจองก็ขึ้นได้ แต่ถ้าคนเยอะอาจจะต้องรอหน่อย ถ้าอยากให้ชัวร์และประหยัดเวลาก็แนะนำให้จอง จองได้ >>ที่นี่
ส่วนใครที่ใช้ Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ไม่ต้องจองนะ ส่วน SHORYUDO Bus Pass จะแล้วแต่แพ็กเกจ ดูรอบบัส >>ที่นี่
จุดถ่ายภาพที่ระลึก ชมวิวชิราคาวาโกะจากมุมสูง
เริ่มจากด้านล่างมันธรรมดาไป คราวนี้ขอมาเริ่มจากจุดชมวิวด้านบนแล้วกัน มาถ่ายรูปที่ระลึกกันตรงนี้ได้ เห็นท้องฟ้าและหมู่บ้านได้พร้อมกัน
และนี่คือทิวทัศน์ที่เห็นจากด้านบน ปกติมกราคมควรจะขาวโพลนเป็นหิมะหนาๆ แล้ว แต่คราวนี้ขาวแบบบางๆ เป็นหย่อมๆ
ข้างๆ จุดชมวิวจะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ อุดมไปด้วยสินค้ารูปชิราคาวาโกะและซารุโบโบะ
ข้างๆ มีนักท่องเที่ยวเล่นปาหิมะหันสนุกสนาน
หิมะสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีคราม หิมะจะน้อยยังไง แต่อุณหภูมิตอนนี้ก็ติดลบเด้อ แดดยังไม่แรง หิมะจึงยังไม่ละลาย
ก่อนลงพื้นที่ มาเอาแผนที่หรือรายละเอียดสถานที่ได้ที่นี่ Deai-no-yakata information
ใครพาคุณพ่อคุณแม่มา เขามีรถเข็นบริการให้ยืมด้วยนะ
แอบส่องวิถีชีวิตสมัยก่อน ที่ Gassho zukuri minka-en
ทุกคนน่าจะเคยอ่านรีวิวชิราคาวาโกะกันมาเยอะแล้ว เราจึงขอเปิดประเดิมด้วยอีกที่เที่ยวน่าสนใจที่อยู่ไม่ไกลอย่าง Gassho zukuri minka-en
Gassho zukuri minka-en แห่งนี้คือหมู่บ้านทรงพนมมือหรือกัชโชสึคุริของแท้ดั้งเดิมที่ย้ายมาสร้างเป็นหมู่บ้านตรงนี้
ภายในจะจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับชิราคาวาโกะ อย่างบ้านจำลองที่สร้างแบบเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ส่องเข้าไปเห็นประตู หน้าต่าง และโครงสร้างใต้หลังคาที่ถอดแบบของจริงมาเป๊ะๆ มีวิดีโอเกี่ยวกับประวัติชิราคาวาโกะให้ชมกันด้วย
กว่า หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ จะมาเป็นมรดกโลกโด่งดังนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สมัยก่อนชิราคาวาโกะก็คือหมู่บ้านธรรมดาที่สร้างเพื่อต่อสู้กับความเหน็บหนาวอันแสนทรมาน เคยมีช่วงที่ผู้คนย้ายออกหมดจนเหลือครอบครัวอาศัยเพียงหลังเดียวมาแล้ว
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมหลังคาที่นี่ต้องหนาขนาดนี้ นี่คืออีกหนึ่งมาตรการเพื่ออยู่รอดในหิมะ นอกจากจะสร้างหลังคาเป็นทรงพนมมือให้หิมะไหลลงมาไม่กองท่วมแล้ว การสุมให้หนาๆ จะทำให้หลังคามีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
เมื่อเวลาผ่านไป หลังคาก็จะบางลงเรื่อยๆ จะต้องมีการเปลี่ยนหลังคาทุกๆ 30-40 ปี และต้องใช้แรงงานมากกว่า 100 คนต่อหลัง ซึ่งทุกคนที่มาก็คือคนในหมู่บ้านนั่นแหละ เป็นชุมชนแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าสุดๆ สังเกตได้ว่าหลังไหนเพิ่งเปลี่ยนหลังคา ความหนาต่างกันเยอะเลย
เห็นหิมะบางๆ แต่หนาวไม่ใช่น้อย ขอหลบมาพึ่งไออุ่นสักหน่อย ที่นี่มีบริเวณให้พักดื่มชาทานขนมด้วย
เนื่องจากแหล่งความอบอุ่นภายในบ้านมาจากถ่านและกองไฟ ภายในบ้านจึงอบอวลไปด้วยควันบางๆ สีดำของไม้ภายในบ้านก็เกิดจากควันนี่แหละ เป็นการย้อมดำโดยธรรมชาติ ให้บรรยากาศแบบสมัยก่อนสุดๆ เหมือนย้อนยุคไปเป็นชาวบ้านตอนนั้นจริงๆ
กดชาร้อนๆ มาดื่มกันได้ฟรี ดื่มหน้ากองไฟ บรรยากาศโอชินไปอีก
ไหนๆ ก็มาหน้าหนาวแล้ว ลองขนมญี่ปุ่นประจำฤดูหนาวอย่างซุปถั่วแดงหน่อย มีโมจิมาให้ด้วย 300 เยนเท่านั้น
Gassho zukuri minka-en
ที่อยู่ | 2499 Ogimachi, Shirakawa-mura, Ono, Gifu |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน 20 นาทีจาก Shirakawago |
เวลาทำการ | มีนาคม-พฤศจิกายน 8.40 น. – 17.00 น. / ธันวาคม-กุมภาพันธ์ 9.00 น. – 16.00 น. (ธันวาคม-มีนาคมหยุดวันพุธ) |
ราคา | ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็ก 400 เยน / Sweet bean soup 300 เยน |
Website | shirakawago-minkaen |
เดินมาอีกสักพักก็จะเจอกับสปอตถ่ายรูปยอดฮิตติดชาร์ต Kanmachi สีเขียวแก่แซมขาวก็สวยไปอีกแบบเหมือนกันนะ
มามรดกโลกเก่าแก่ทั้งที จะกินโซบะหรือเนื้อย่างมันก็ธรรมดาไป พอบอกว่าอยากลองเมนูแบบท้องถิ่นแท้ๆ คนในพื้นที่ก็แนะนำร้าน Kitanosho นี้มา
และนี่ก็คือมื้อกลางวันของเรา ภาพคุณแม่สมัยก่อนผูกผ้าโพกหัวพร้อมผ้ากันเปื้อนลอยขึ้นมาเลย เมนูเฮลตี้แบบญี่ปุ่นแท้ๆ มีข้าว ปลาและผัก
และนี่คือไฮไลท์ มิโสะย่างบนใบโฮบะ มิโสะหวานๆ เค็มๆ หอมกลิ่นใบไม้ย่าง คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก
กินลมชมวิวในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
มาตั้งต้นกันอีกทีกับภาพที่ทุกคนคุ้นตา Deai bridge หรือสะพานสู่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ
ไม่ว่าจะขาไปขากลับก็ต้องผ่านสะพานนี้ ต้องหาจังหวะถ่ายรูปกันน่าดู
เบื้องล่างคือสายน้ำไหลเชี่ยวสุดสายตา โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาทอดยาวที่ปกคลุมด้วยไอขาวของหิมะ
เมื่อข้ามสะพานมาแล้วก็พบกับโทริอิ เข้าสู่ หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ กันเลย
พระเอกที่ช่วยชิราคาวาโกะไว้จากเหตุไฟไหม้ หมู่บ้านนี้สร้างจากไม้ทั้งหมดและจุดไฟด้วยเตา จึงเกิดไฟไหม้ได้ง่ายมาก จึงมีที่ดับเพลิงนี้ตั้งอยู่เป็นจุดๆ ซึงจะสามารถปล่อยน้ำออกมาดับไฟบ้านที่อยู่ในระยะได้ถึงสองหลัง
ศาลเจ้า Shirakawa hachiman ในเดือนตุลาคม ที่นี่จะเป็นที่จัดเทศกาล Doburoku ซึ่งจะมีการทำสาเกแจกให้ดื่มกันด้วย ใครมาช่วงเดือนตุลาคมอย่าลืมเช็ควันที่กันดูนะ
มุมถ่ายภาพน่ารักๆ
เดินผ่านร้านดังโงะหอมฉุยก็อดแวะไม่ได้ ปิ้งกันสดๆ ร้อนๆ มีแบบมิตาราชิราดซอสหวานๆ กับโกเฮโมจิไม้ใหญ่ด้วย
หุ่นไล่กากับม้าของเขา
ตอนแรกเห็นจากไกลๆ นึกว่าใครลงไปทำอะไรกลางโคลน มีนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปกันด้วย อ๋อ หุ่นนี่เอง
เยี่ยมบ้านคุณคันดะ
ไหนๆ ก็มาแล้ว ไปบ้านคุณคันดะกันดีกว่า…ว่าแต่คุณคันดะนี่ใครล่ะ
Kanda house คือบ้านของตระกูลคันดะ เจ้าของบ้านที่อาศัยที่นี่จริงๆ มาหลายรุ่นแล้ว ซึ่งเขาเปิดให้เข้าไปชมด้านในได้ประหนึ่งมาเยี่ยมบ้านเพื่อน มักจะเจอ “คุณคันดะ” สักรุ่นอยู่ต้อนรับด้วย
แน่นอนว่าแหล่งความร้อนในบ้านก็คือเตาไฟลุกโชติช่วง ซึ่งจริงๆ แล้วถือว่าอันตรายมากสำหรับบ้านไม้ แต่เขามีนวัตกรรมสุดล้ำคือโครงไม้ด้านบนที่ยืดไว้ด้วยเชือก ประกายไฟจะติดที่เชือกก่อน ทำให้เชือกขาดแล้วทิ้งโครงไม้ลงมาดับไฟ
สมัยก่อนไม่มีฮีตเตอร์เหมือนสมัยนี้ การดูให้ไฟติดอยู่ตลอดจึงสำคัญมาก บนชั้นสองจึงมีช่องสำหรับคอยดูไฟ ถ้าไฟดับหรือไฟอ่อนจะได้ลงมาเติม
แต่ถึงไฟจะติดก็ยังหนาวอยู่ดี…คนสมัยก่อนต้องอยู่ท่ามกลางอากาศแบบนี้โดยไม่มีฮีทเทคหรือฮีตเตอร์
อย่างที่รู้กันว่าบ้านแบบกัชโชสึคุรินี้จะไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่จะใช้เชือกผูกยึดไว้ด้วยกัน นอกจากนี้เพราะบ้านมุงด้วยฟาง ชาวบ้านจึงนิยมเลี้ยงแมวไว้เพื่อจับหนู
มองออกไปเห็นวิวหมู่บ้านได้จากห้องใต้หลังคา
Kanda house
ที่อยู่ | 796 Ogicho, Shirakawa-mura, Ono, Gifu, 501-5627 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน 8 นาทีจาก Shirakawago bus stop |
เวลาทำการ | 9.00 น. – 17.00 น. |
ราคา | ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน |
Website | shirakawa-go |
สานแผ่นรองแก้วด้วยไม้ ที่ Ji-ba kobo
Ji-ba kobo คือร้านหัตถกรรมที่ส่งต่อภูมิปัญญาโบราณมาจากรุ่นสู่รุ่น สินค้าทุกชิ้นทำด้วยมือโดยคุณลุงคุณป้าในท้องถิ่น มีงานฝีมือให้ลองทำด้วย ซึ่งคราวนี้เรามาลองทำแผ่นรองแก้ว
จะได้มาเป็นไม้เส้นๆ แบบนี้เลย ชุบน้ำหมาดๆ เพื่อให้สานง่าย ต้องสานเองทีละเส้น ขนาดอยู่ที่ประมาณ 10×10 เส้น เหมือนไม่มีอะไร แต่ยากกว่าที่เห็นนะ เพราะต้องสานให้ห่างเท่าๆ กัน และไม้ก็ดิ้นเอาๆ แต่คุณป้าใจดีมาก นานแค่ไหนก็ยิ้มรอ
จากนั้นเลือกกระดาษสีที่จะเอามาทำเป็นกรอบ มีหลากสีสันมาก
ตัดขอบส่วนเกินออกให้พอดีกับกรอบ ติดกระดาษทำเป็นกรอบก็เสร็จเรียบร้อย
ดูการทำงานของคุณลุงคุณป้าที่นั่งทำอยู่ข้างๆ ได้ สานแบบมืออาชีพต่างจากมือสมัครเล่นอย่างเราลิบลับ มีทั้งตะกร้า รองเท้า และสินค้าหัตถกรรมมากมาย
Ji-ba kobo
ที่อยู่ | 6 Iishima, Shirakawa-mura, Ono, Gifu, 501-5625 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดิน 5 นาทีจาก Shirakawago |
เวลาทำการ | 9.00 น. – 17.00 น. (หยุดวันจันทร์) |
ราคา | coaster taiken 1000 เยน |
Website | shirakawa-go |
เปิดประสบการณ์ใหม่ พักโฮมสเตย์ที่ Iimikan Yoshine
มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายรอบ พักทั้งโรงแรมธรรมดาทั้งเรียวกังหมดแล้ว ขอแนะนำมิติใหม่แห่งการพักค้างแรม กับที่พักแบบโฮมสเตย์ ที่ Iimikan Yoshine
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นโฮมสเตย์ นี่จึงเป็นบ้านคนจริงๆ ที่เปิดให้บริการเป็นห้องพัก บรรยากาศจึงต่างจากโรงแรมหรือเรียวกังอย่างเห็นได้ชัด อย่างห้องที่เราพักนี้ชื่อ “คุรุมิ” ต้องเป็นห้องของลูกสาวสักรุ่นแหงๆ
มีฟุตงบริการเหมือนเรียวกังเป๊ะ ห้องกว้างขวาง เหมือนมาอยู่บ้านหลังที่สองที่ญี่ปุ่นเลย
หรือจะห้องแบบตะวันตกก็มีนะ
ห้องอาบน้ำน่ารักมาก! ตอนเราไปพักห้องอาบน้ำหญิงคือถังสีเขียวรูปขวาล่าง เป็นประสบการณ์ใหม่ของการแช่น้ำที่ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ
มีแพลนห้องแบบรวมอาหารเช้าและเย็นด้วย อลังการมากมาย เพียงแต่ต้องระวังอย่างหนึ่งว่าที่นี่จะเสิร์ฟอาหารเป็นเวลา ไม่เหมือนโรงแรมที่ไปกินเมื่อไหร่ก็ได้
และแน่นอนว่าไฮไลท์ย่อมเป็น…เนื้อฮิดะนั่นเอง นุ่ม อร่อย แนะนำ!!
มีของหวานเป็นไอศกรีมชาเขียวปิดท้ายด้วย
Iimikan Yoshine
ที่อยู่ | 447-1 Kojirakawa, Shirakawa-mura, Ono, Gifu 501-5621 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่ง World Heritage Bus จาก Shirakawago มาลงป้าย Koshirakawa แล้วเดินต่อ 2 นาที |
เวลาทำการ | เช็คอิน 15.00 น. – 20.00 น. / เช็คเอาท์ 10.00 น. |
Website | iimikan |
เช้าวันถัดมา นี่คือวิวที่เห็นจากหน้าต่างห้อง…อุตส่าห์อธิษฐานให้หิมะตกก่อนไปชิราคาวาโกะ ดันตกวันถัดมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจดี
แม้จะไม่ได้เห็นหิมะหนาๆ ที่ชิราคาวาโกะ แต่หิมะโปรยปรายนี้ก็คุ้มค่าอยู่นะ
ข้อสรุป
หลายคนมา หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ แค่ถ่ายรูปกับบ้านโบราณแล้วกลับ แต่ความจริงที่นี่ยังมีอีกหลายกิจกรรมให้ทำ อีกหลายวัฒนธรรมให้เรียนรู้ และอีกหลายประสบการณ์ให้สัมผัส ลองเปลี่ยนมุมมองสักนิด แล้วชิราคาวาโกะที่คุณรู้จักจะเปลี่ยนใจ