คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
20%
10%
ก่อนที่เราจะวางแผนเที่ยวเมืองน่ารัก Okazaki แห่งนี้ เราต้องใช้ตัวช่วยในการคำนวณเส้นทางและค่าใช้จ่าย นั่นก็คือ Hyperdia เพิ่มไม่ให้แพลนของเราผิดพลาด
แต่ถ้าใครจะใช้พาสของเจอาร์ ซึ่งเป็น พาสที่สามารถนั่งรถไฟของเจอาร์ทั่วไปและชินคันเซ็นแบบไม่จำกัดเที่ยวที่สามารถนั่งข้ามภูมิภาคได้ ขอแนะนำให้ใช้ JR Rail Pass อ่านการซื้อ การใช้งานเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิ๊กที่ลิงก์นี้
เมื่อซื้อแล้วก็ต้องวางแผนให้เรียบร้อยและซื้อก่อนเดินทางเข้ามาประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ ขอให้เผื่อเวลาตรงนี้ดี ๆ ด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะใช้ได้ไม่คุ้ม
มาดูรูทเส้นทาง ราคาค่าโดยสาร ชานชลา ระยะเวลากันเลยดีกว่า จากการคำนวณโดย Hyperdia โดยรวมการเดินทางจากบริษัทรถไฟต่าง ๆ ไว้ ไม่ใช่แค่ของบริษัท JR เท่านั้น แต่รูทนี้เราใช้รถไฟของบริษัท Meitetsu ร่วมด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทรถไฟหลักของจ.ไอจิ ที่มีรถไฟวิ่งจากนาโกย่าไปสนามบิน และบางเส้นทางก็ยาวไปถึง จ. กิฟุ ด้วย อ่านเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิ๊กที่ลิงก์นี้
* สำหรับเมืองโอกาซากิ ต้องลงที่สถานี Higashi Okazaki และรูทนี้เราต้องซื้อตั๋วสองครั้งคือ
ครั้งที่ 1 ใช้นั่งชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียว – สถานีนาโกย่า( non reserved seat – ราคาราว 10,900 เยน)
ครั้งที่ 2 เปลี่ยนขบวน ออกจากสถานีนาโกย่า ขึ้นรถไฟที่สถานี Meitetsu Nagoya ไปสถานี Higashi Okazaki (ราคา 660 เยน)
ส่วนบางคนอาจจะเดินทางมาจากสถานีรถไฟอื่น ๆ ก็ใช้ Hyperdia มาคำนวณเส้นทางได้เช่นกัน เพราะจะได้เผื่อเวลาเดินเปลี่ยนชานชลาในสถานีโตเกียว ซึ่งต้องขอบอกว่าสถานีโตเกียวนั้นกว้างขวางมาก ขอให้เผื่อการเดินทางอย่างน้อย 20 นาที จะได้ไม่มีความผิดพลาด เพราะชานชลาของรถไฟชินคันเซ็นกับรถไฟทั่วไปอยู่คนละโซนกันเลย

เมื่อมาถึงภายในสถานีโตเกียว แล้ว ให้ออกจากรถไฟที่นั่งมา แล้วให้เดินตามป้ายบอกทางในสถานีได้เลย จะเห็นรูปสัญลักษณ์ตามนี้

หรือแบบนี้ และไม่ว่าเราจะมาจากชานชลาไหนของสถานีโตเกียว เมื่อเดินตามป้าย ป้ายนี้ไปจะนำเราจะมาอยู่ในที่เดียวกันคือตรงทางเข้าชานชลาของรถไฟชินคันเซ็นนั่นเอง

โซนของรถไฟชินคันเซ็นจะแบ่งออกไปเป็น 2 โซนคนละด้านกัน คือ ขึ้นเหนือไปทางโทโฮขุ กับ ลงใต้ไปทาง โอซาก้า ฮาคาตะฟุคุโอกะ ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางหลังนี้ต้องผ่านสถานีนาโกย่าก่อนเสมอ เราจึงควรไปซื้อตั๋วรถไฟขบวนที่ผ่านทางสถานีนาโกย่า ซึ่งก็คือขบวนของเส้นทางรถไฟสายยอดนิยม Tokaido or Sanyo Shinkansen ( ส่วนชื่อขบวนรถไฟนั้น ก็จะมีแยกออกไปอีก )
การซื้อตั๋วรถไฟที่ง่ายที่สุดคือ ซื้อกับเจ้าหน้าที่เลยจ้า แค่บอกเค้าว่า จะเดินทางไปลงที่สถานีอะไร กี่คน เอาที่นั่งแบบ reserved seat คือระบุตำแหน่งเก้าอี้นั่ง ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มาเป็นคู่ อยากนั่งด้วยกัน หรือ เอาแบบ non reserved seat ที่สามารถแยกกระจายนั่งไปตรงไหนก็ได้ และราคาก็ถูกกว่านิดหน่อย ไม่กี่ร้อยเยน และเราต้องตัดสินใจเลยเพราะตู้ขบวนของจองที่นั่งและไม่จองที่นั่งอยู่คนละตู้ การยืนรอก็คนละจุดกัน
คนที่ใช้พาส JR Rail Pass นั้น ในขบวนชินคันเซ็นที่จะไปนาโกย่านี้ สามารถขึ้นขบวนปกติทั่วไปได้ เช่น Kodama หรือ Hikari หรืออื่นๆ และสามารถระบุจองที่นั่งกับเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางเพิ่มต่างหากก็ได้

แต่ถ้าอยากลองนั่งขบวน Nozomi ที่วิ่งเร็วมาก ก็ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติม สามารถเช็คตารางว่าขบวนไหนจอดสถานีนาโกย่าได้จากที่นี่ >> คลิ๊กที่นี่ แสดงทั้งเวลาและชื่อขบวนรถไฟ เช่น จุดเริ่มต้นคือสถานีโตเกียว 730 จะหมายถึง 7.30 น. และนาโกย่า 913 จะหมายถึง 9.13 น.

เมื่ออยู่หน้าเคาท์เตอร์ขายตั๋ว จะเห็นจอแบบนี้ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นขึ้นมา แต่ให้สังเกตดูเวลาเอานะคะ ว่ารถไฟชินคันเซ็นนั้นออกถี่มากในช่วงเช้า

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะออกตั๋วให้ เค้าต้องรู้ก่อนนะว่าเราเข้ามาในสถานีนี้โดยทางไหน เค้าก็จะชี้แผนภาพด้านหน้าให้เราดู แล้วถามเราว่า ยูมีบัตรเหล่านี้ไหมก๊ะ( พยายามทำเสียงญี่ปุ่น) ถ้าเรามีอะไรในมือก็ยื่นไปเลย เช่น บัตร Suica หรือ Japan Rail Pass หรือตั๋วรถไฟทั่วไป

เนื่องจากตอนเช้าในเวลาเร่งรีบ คนอาจจะต่อคิวซื้อกับเจ้าหน้าที่เยอะ ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติจึงว่างมาก แต่ถ้าไม่ชำนาญแนะนำว่ากลับมาซื้อที่เจ้าหน้าที่เหมือนเดิมเถอะ ฮา

ได้ตั๋วมาแล้ว หน้าตาแบบนี้เลย (วันนี้เลือกแบบ non reserved seat) ใบนึงของขบวนชินคันเซ็น ใบนึงของเส้นทางรถไฟทั้งหมดจากจุดที่เราเดินทางมาและกำลังจะไป (จากการใช้บัตร suica แตะเข้ามาตั้งแต่ต้นสาย ก่อนจะถึงสถานีโตเกียว) ตั๋วสองใบขนาดเท่ากันนี้ ต้องใช้ควบคู่กันจนจบเส้นทางเลยนะจ๊ะ

ทีนี้จะขึ้นขบวนไหนล่ะ ก็มาดูตารางลำดับการมาจอด การรันขบวนจากป้ายไฟก่อนจะเสียบบัตรเข้าเกทกัน และเพราะเป็นบัตรแบบไม่จองที่นั่ง ดังนั้นเราจะขึ้นขบวนไหนก็ได้ แม้แต่ขบวน Nozomi ก็ขึ้นได้ เวลาไหนก็ได้ ยืดหยุ่นเวลาได้สุด ๆ ตอนเราซื้อตั๋วแบบไม่จองที่นั่งประเภทนี้เจ้าหน้าที่จึงไม่ถามอะไรเรามาก

การเข้าเกท ก็ต้องสอดตั๋วสองใบที่ขนาดเท่ากันนี้ ใส่เข้าไปพร้อมกันเลย ใบไหนบนใบไหนล่างก็ได้ หันทางไหนเข้าก็ได้ แค่ให้แหงนสีนี้ขึ้นตามในภาพ (ใครใช้พาสเดินทาง ให้เดินเข้าช่องที่ติดกับเจ้าหน้าที่ได้เลยนะ)

จากนั้น ตั๋วจะถูกคืนมาตรงปลายทางตามเดิมทั้งสองใบให้หยิบออกมาเลย ( สังเกตจอเขียน เลข 2 ถ้าคืนมาแค่ใบเดียวให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่)

เอาตั๋วมาดู มีรอยประทับตราสีแดงเรียบร้อย เก็บเข้ากระเป๋าจ้า เดี๋ยวมันจะหายเน้อ

ทีนี้จะขึ้นชานชลาไหนน้อ เพราะรถไฟชินคันเซ็นในช่วงเช้ามันออกถี่มาก ขบวนส่วนใหญ่ก็ผ่านนาโกย่าด้วยกันทั้งนั้น มอง ๆ เล็ง ๆ หาชานชลา

แล้วก็ตัดสินใจได้ว่า โตแล้วจะขึ้นชานชลาไหนก็ได้ ฮ่า ๆ

เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน สิ่งที่ต้องมองหาคือ ตารางรถไฟออกอีกครั้ง ถ้าใครไม่รีบ ไม่ต้องคิดเรื่องเวลาให้วุ่นวายเลย เพราะแทบไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าต้องต่อรถไฟ และต้องทำเวลาเป๊ะๆ ควรวางแผนมาล่วงหน้า ว่าจะขึ้นขบวนชื่ออะไรแล้วไปตามนั้นให้ตรงเวลา

ส่วนวันนี้เราจะนั่งขบวน Nozomi คือเลือกเอาตามความชอบล้วนๆ ฮา ก็รอเวลาไปนะจ๊ะ ถ้าหิวมาก ด้านบนชานชลาก็มีร้านขายขนม น้ำดื่ม ลูกอม

หรือจะเอาขนาดกินข้าวให้ท้องอิ่มกันไปเลยก็ย่อมได้ ไหน ๆ ก็มีตั๋วแบบไม่จองที่นั่งแล้วหนิ
พอท้องหายหิว ก็เริ่มตั้งตัวได้ มองหาขบวนที่จะขึ้นละคราวนี้ เล็งไว้ว่า Nozomi 217 น่าจะดีกว่า Kodama 641 เพราะถึงจะออกตัวช้ากว่า แต่ถึงนาโกย่าไวกว่าราวครึ่งชั่วโมงเลยนะจ๊ะ

เวลาอ่านป้าย สังเกตว่า เค้าจะบอกหมดว่าขบวนนี้จอดที่ไหนบ้าง และตู้ไหนที่เป็นตู้ของ non reserved seat เราจึงจะไปยืนได้ถูกตำแหน่ง เพราะรถไฟชินคันเซ็นบางขบวนยาวถึง 16 ตู้ ถ้าขึ้นผิดชีวิตเปลี่ยนจ้า เดินลากกระเป๋ากันยาวเลย
* สำหรับขบวน Nozomi 217 ระบุว่าตู้ที่ 1, 2, 3 คือที่นั่ง non reserved

สังเกตจุดยืนบนชานชลาตรงไหนล่ะ ที่เป็นตำแหน่งตรงกับตู้ ก็แหงนมองป้ายเลยจ้า แบบนี้

หรือก้มลงพื้นแบบนี้ ก็มีเขียนบอก ไปยืนสวย ๆ รอเลย

ระหว่างยืนรอก็สังเกตสิ่งรอบตัวไปด้วย เนื่องจากตอนนี้บริษัทรถไฟร่วมกับตำรวจญี่ปุ่น ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารที่พบความผิดปกติต่างๆ กระเป๋าหรือคนก็ตาม ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที หวังว่าคงจะไม่มีใครแจ้งว่าดิชั้นน่าสงสัยนะคะ ฮ่า ๆ

รถไฟกำลังมาจอดเทียบแล้ว เตรียมตัวจ้า

พอรถไฟจอดปุ๊บ ตัวเลขข้างตู้รถไฟ กับหมายเลขบนชานชลาที่เรายืนจะตรงกัน เห็นไหมว่าง่ายนิดเดียว ยืนถูกจุด ขึ้นถูกตู้ ทุกอย่างอยู่ที่การเตรียมพร้อม

เข้ามาในรถไฟชินคันเซ็นตอนเช้า ๆ คนยังน้อย เนื่องจากเป็นสถานีแรก ถ่ายรูปมาได้เต็มที่ สังเกตพื้นสะอาดมาก สะอาดกว่าของพื้นที่บ้านอีก ฮ่าๆ

ที่นั่งก็สบายตา ขวา 3คน ซ้าย 2 คน ใครอยากนั่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิให้นั่งฝั่งขวามือ ซึ่งในขบวนนี้คือฝั่งที่นั่ง 2 คน

คนไหนมาก่อน ได้ที่นั่งติดหน้าต่าง มีที่ชาร์จแบตด้วยนะเออ

จัดไปอย่าให้เสียเวลา เสียบปลั๊กได้เลย

สำหรับใครมาเป็นกลุ่มพอดีกัน 6 คน หรือ 4 คน นั่งต่อกันพอดี สามารถปรับเบาะหันหน้าเข้าหากันก็ได้นะ โดยเหยียบตรงก้านข้างล่างเท้าแล้วหมุนเบาะไปทางซ้าย (แนะนำสำหรับตั๋ว reserved seat ดีกว่า เพราะจะได้ไม่มีคนอื่นมานั่งด้วย) ถ้าเราออกนอกเมือง ในขบวนรถไฟที่นั่งแบบนี้ เราจะพบเจอที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากันได้เสมอ ถ้าใครไม่สะดวกหันหน้าใส่คนแปลกหน้า ก็หมุนกลับคืนได้เช่นกัน

ตัวล็อคที่เป็นแท่งยาวๆ ขนาด 5 ซม. ที่ติดผนัง แกะออกมา ไว้แขวนเสื้อโค้ทได้นะ
** กระเป๋าเดินทางขนาดกลางสามารถยกเอาเก็บไว้ด้านบนที่วางเหนือศีรษะได้ แต่ถ้าขนาดใบใหญ่นั้นให้เอาไปวางตรงด้านนอกที่นั่ง ระหว่างตู้ขบวนจะมีที่วางกระเป๋าเดินทางและห้องน้ำไว้ให้

พอใกล้จะถึงสถานีนาโกย่า จะมีป้ายไฟวิ่งพร้อมเสียงประกาศว่า เดี๋ยวจะจอดที่สถานีนาโกย่า ณ ตอนนี้คือลุกออกมาเตรียมตัว เก็บสัมภาระ ตรวจเช็คสิ่งของให้เรียบร้อยแล้วออกมายืนรอระหว่างตู้

รอ ๆ รถไฟจอด

พอรถไฟจอด ก็รีบออกมาเลย

จากนั้นให้มองหาทางออก North Exit แล้วเดินลงมาเลย เพราะเราจะเดินไปยังสถานีต่อไปได้ง่าย

ภายในสถานี ก็เดินตามป้ายอีกเช่นเคย ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ ดูป้ายแล้วเดินตาม

พอเจอเกททางออก ถึงเวลาควักตั๋วที่เก็บเอาไว้อย่างดีออกมาแล้ว

ใส่ทั้งสองใบพร้อมกันไปในช่องได้เลย

แต่คราวนี้ ไม่ได้ตั๋วคืนมาแล้วนะ ไม่ต้องยืนรอ เดินออกไปได้เลย


จากนั้น มองหาป้ายสถานี Meitetsu Nagoya กัน ซึ่งเค้าก็ทำให้เราเข้าใจง่ายด้วยป้ายสัญลักษณ์เครื่องบิน เพราะรถไฟของที่นี่มีขบวนที่ไปถึงสนามบิน Chubu Centrair

เดินตามต่อไป ด้วยความไม่ย่อท้อ ป้ายเริ่มบอกให้เราเลี้ยวขวาแล้ว

หันเลี้ยวมาแล้วก็เป็นแบบนี้ เดินตรงต่อไปอีกราว 100 เมตร

เดี๋ยวจะเจอทางออกประตูทางซ้ายมือแล้ว

เจอแล้วก็เดินออกไปได้เลย

สถานี Meitetsu Nagoya ก็เชื่อมต่ออาคารกับสถานีเจอาร์นี่เอง ถึงเราจะเดินด้านนอกอาคารก็หาง่าย แค่ต้องออกให้ถูกฝั่งเท่านั้น เดินตามคนอื่นไปเลยจ้า ป้ายสีฟ้านั่นเลย

เดินมาถึงตึกแล้ว เดี๋ยวมาเจอตรงนี้ด้านขวา ทางลงไปข้างใต้สถานี Meitetsu Nagoya เดินลงไปเลย

จุดแรกที่จะเห็นคือ ตู้ขายตั๋วและเจ้าหน้าที่ 1 ท่านยืนรอให้คำแนะนำอยู่

มองหา สถานี Higashi Okazaki จากจุด Meitetsu Nagoya ที่เราอยู่นี้ อยู่สายสีอะไรน้อ ไล่ ๆ หาไปก็ไปเจออยู่บนสาย Nagoya Line ในแผนที่คือสายสีส้ม สถานี Higashi Okazaki จะอยู่ทางด้านขวาของเส้นทางรถไฟ สังเกตตัวเลข 660 ตรงสถานี หมายถึงราคาค่าโดยสารที่เราต้องจ่ายเช่นกัน

เลขกำกับแต่ละสถานีหมายถึงค่าโดยสาร และ 660 หมายถึง ค่าโดยสารจากสถานีที่เราอยู่ถึงสถานีนี้ ราคา 660 เยน

ซูมแผนผังในสถานีดูว่าอยู่สถานีที่เท่าไหร่ – NH13

จากนั้นเตรียมเงินออกมาซื้อตั๋วเลย ราคา 660 เยน ( ใครมีบัตร IC Card เช่น Suica แตะเข้าได้เลย )

วิธีการซื้อตั๋ว ก็ตามนี้เลย กดเปลี่ยนภาษาอังกฤษก่อน

จากนั้นเลือกจำนวนผู้โดยสาร สีดำคือผู้ใหญ่ สีแดงคือเด็กวัยประถม
Rikichan
แล้วเลือกจำนวนเงินราคาค่าโดยสาร ณ สถานีที่เราจะลง ของเราคือสถานี Higashi Okazaki ราคาคนละ 660 เยน ก็กดไปเลยตรงปุ่ม 660

เดี๋ยวเครื่องจะคำนวณค่าโดยสารมาให้เอง แล้วจะแจ้งยอดเงินที่ต้องจ่ายมาให้ตามหน้าจอแบบนี้


เดี๋ยวตั๋วออกมาแล้ว ใบเล็กนิดเดียว

ถ้าจะเอาใบเสร็จก็กดปุ่มนี้เลย ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องกดอะไร

นี่ไง ตั๋วเดินทางรอบที่สองของเรา ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงในการกดด้วยตัวเอง ฮ่าๆ


จากแผนที่สายรถไฟที่เราอ่านตะกี้ ขบวนของเรามุ่งตรงไปทางไหน ก็ดูที่ปลายขบวนสายรถไฟเลย เพียงแค่เราลงระหว่างทางเท่านั้นเอง จากแพลนเรา เราต้องนั่งขบวนที่มุ่งไปทาง Toyohashi ที่กำลังจะออกเป็นขบวนที่ 3 ของชานชลาที่ 4 อ้าวว วิ่งสิจ๊ะ รถไฟจอดตามติดกันมาเลย

สอดตั๋วเข้าด้านในเช่นเคย

อย่าลืมดึงเอาตั๋วออกไปด้วยนะ

มองหาชานชลาที่ 4 กันต่อ

เดินตามป้ายอย่างระมัดระวัง

สังเกตว่า จะมีเขียนบอกว่า ชานชลา 4 และ มีรถไฟที่วิ่งไป Toyohashi ด้วย

ด้านล่างชานชลา มีรถไฟหลายขบวนมาจอดเทียบเรื่อยๆ ขบวนของเรายังไม่มา เดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย

ปกติบนทุกชานชลา จะมีตารางรถไฟของชานชลานั้นเสมอ สีน้ำเงินเข้มฝั่งซ้าย เรียงลงมา 5- 23 และ 0 คือ รายชั่วโมง ส่วนฝั่งขวาคือ รายนาที ขบวนของเราคือ 12.03

พอรถไฟไล่ๆกันมาแล้ว ก็ถึงขบวนของเราบ้าง เมื่อเวลา 12.03 รถไฟก็มาจอดเทียบตามเวลา

ส่องด้านข้างตู้เพื่อความแน่ใจ เขียนว่า Toyohashi มั่นใจแล้วก็ก้าวขาสวยๆ ขึ้นไปได้เลย

ชอบรถไฟของบริษัทนี้จริงๆ นอกจากจะสีแดงสดสวยแล้ว ด้านในยังสีหวานมาก

ด้านบนมีป้ายไฟบอกเมื่อกำลังจะถึงสถานีข้างหน้า จากนี้คือเตรียมตัว เก็บสัมภาระ เดินไปรอตรงประตูทางออกได้เลย แต่ถ้าเราขึ้นรถบัสประจำทาง เราต้องรอให้รถจอดสนิทก่อนถึงจะลุกขึ้นได้

เมื่อออกมาด้านนอกรถไฟ ที่นี่เป็นสถานีเล็ก เข้าใจง่าย และดีงามมากถึงมากที่สุด ยืนปลื้มปริ่มคนเดียว

ตัดใจเดินลงมาด้านล่างสถานีด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว ทางออกเดียวจ้า ไม่ต้องคิดเยอะ

ควักตั๋วใบน้อยออกมา ใครทำหายก็ไปจ่ายที่นายสถานีเลย

เสียบตั๋วออกอีกครั้ง เอาด้านตัวเลขขึ้นด้านบน (ใครมาด้วยบัตร IC Card แตะออกได้เลย)

ถึงจุดหมายเรียบร้อย ตั๋วไม่ออกมาอีกแล้ว เดินออกไปเลย


สำรวจด้านในสถานี Higashi Okazaki กัน ว่ามีอะไรบ้าง

แวะเข้าห้องน้ำก็ได้นะ มีสองทาง

จุดขายตั๋วเวลาขากลับ จะซื้อเองหรือซื้อที่เจ้าหน้าที่ในห้องขายตั๋วก็ได้เช่นกัน

ทางออกด้านนี้ มีจุดขึ้นรถบัสประจำทางด้านฝั่งขวา และจุดรอขึ้นแท็กซี่ด้านฝั่งซ้าย

จุดขึ้นแท็กซี่ เริ่มต้นมิเตอร์ที่ 600 เยน ถือว่าไม่แพงมาก เพิ่งเห็นด้านหน้าสถานี คลาสสิคเนอะ รถแท็กซี่แบบนี้สามารถจุผู้โดยสารได้ 4 คน ประตูฝั่งที่เปิดนี้เป็นประตูที่เปิดปิดได้อัตโนมัติ เราไม่ต้องจับเปิดและปิดเลย แค่เข้าไปนั่งสวย ๆ เดี๋ยวเค้าปิดประตูให้ละ ส่วนที่นั่งฝั่งอื่นต้องช่วยเหลือตัวเองนะคะ ฮ่าๆ

มาดูฝั่งรถบัสโดยสารบ้าง จอดเรียงแบบสถานีขสมก.บ้านเราเลย ภาพที่คุ้นตามาก

ตารางส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าใครจะไปปราสาทโอคาซากิ Okazaki Castle ก็มานั่งหมายเลขชานชลา 1 รถบัสสายอะไรก็ได้ ผ่านหมด เพราะจริงๆ ปราสาทนี้ก็ไม่ไกลจากสถานีเลย สามารถเดินไปได้ ชมวิวไป ใช้เวลาราว 15 นาทีเท่านั้นเอง นั่งแท็กซี่ไปก็น่าจะยังอยู่แค่ 600 – 700 เยนเท่านั้นเเอง แต่รอบรถบัสน้อยหน่อย ชั่วโมงนึงมี 2 รอบ

ถ้าจะนั่งบัสไปปราสาทโอคาซากิไปก็ใช้เวลาแค่ 7 นาที ก็ถึงปราสาทแล้ว โดยลงป้าย Okazaki Kouen Mae (In front of Okazaki Park – 岡崎公園前)

ตัวอย่างตารางเวลารถบัสชานชลาที่ 1 วันธรรมดา รถออกชั่วโมงละ 2 รอบ การอ่านตารางคือ ตัวเลขแถวหน้าสุดเรียงลงมา จาก 5 – 23 คือรายชั่วโมง ด้านขวาแต่ละช่องคือ รายนาที โดยให้ดูเฉพาะนาทีที่เป็นตัวอีกษรสีดำเท่านั้น
* ยกตัวอย่างรอบเวลา 6 โมงเช้า จะมี 6.10 น. และ 6.42 น. เป็นต้น


ส่วนชานชลาที่ 2 สำหรับรถบัสที่จะผ่านไปทางสวนสาธารณะ Higashi Park และสวนสัตว์ ลงจุดเดียวกันได้เพราะอยู่ติดกัน โดยสามารถนั่งบัสได้ทุกสายยกเว้นบัสหมายเลข 24 และเลือกลงที่ป้าย Higashi kouen guchi ( 東公園口-Higachi Park Entrance) ใช้เวลาราว 15 นาทีจากสถานี
*ตารางสีขาวคือวันธรรมดา ตารางสีเหลืองคือวันเสาร์ – อาทิตย์ – วันหยุด
ใครสงสัยเรื่องการเดินทาง สามารถสอบถามที่ศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวในสถานีได้เลย เพราะจุดนี้เค้ามีข้อมูลเที่ยวภาษาอังกฤษเพียบเลย
การเดินทางจากโตเกียวไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราวางแผนและทำการศึกษาเส้นทางเบื้องต้นก่อน ไม่ว่าเมืองไหนในญี่ปุ่นเราก็สามารถไปเที่ยวได้ อย่างเมืองเล็กน่ารัก โอกาซากิแห่งนี้ พอศึกษาวิธีการเดินทางแล้วก็มาเที่ยวตามได้ไม่ยากใช่มั้ยล่ะ

Blogger : Rikichan
สาวผู้รักการถ่ายภาพฟูจิ ชอบภูเขา ใบไม้เปลี่ยนสี แม่น้ำ ท้องทะเล ชานเมือง มีความสุขกับการได้เดินทางไปทุกๆที่กับกล้องคู่ใจ และมีคติประจำใจว่า ไปให้สุดแล้วหยุดที่ร้านขนมอร่อย
50 Posts
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515