โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom )
โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom ) ตั้งอยู่ที่ Port Island เมือง Kobe ในจังหวัด Hyogo ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ง่ายจาก Osaka ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบอาณาจักรสัตว์ที่นักท่องเที่ยวมีโอกาสใกล้ชิด หรือสัมผัสสัตว์บางชนิดได้ รวมถึงได้มีโอกาสได้เห็นสัตว์หายากที่ใกล้ศูนย์พันธุ์บางชนิดได้ เท่านั้นยังไม่พอที่นี่มีการแสดงโชว์ของนก ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย
โดยที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนในร่ม ( Inside Park ) และโซนกลางแจ้ง ( Outside Park )
- ทางโซนในร่ม ( Inside Park ) ก็มีสัตว์น่ารักๆให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดเช่น หมา แมว กระต่าย คาปิบาร่า เป็นต้น
- ทางด้านโซนกลางแจ้ง ( Outside Park ) ก็จะมีกิจกรรมต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ทำเช่นการขี่อูฐ การให้อาหารสัตว์ เป็นต้น
สวนสัตว์สไตล์เปิดและการสัมผัสสัตว์
โซนในร่ม ( Inside Park )
Dog Touch & Cat Touch และ Rabbit Touch
ราจะมาเริ่มต้นกันที่โซน Dog Touch & Cat Touch โซนนี้จะอยู่ทางเหนือของโซนในร่ม ซึ่งตามชื่อเลย คือโซนนี้จะมีหมาและแมวให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันแบบใกล้ชิด เท่านั้นไม่พอนักท่องเที่ยวยังสามารถลูบหัวหรือเล่นกับน้องหมาน้องแมวได้ด้วย ซึ่งใครที่เป็นทาสหมาทาสแมว ห้ามพลาดโซนนี้เลย
โดยน้องหมาก็มีชื่อเป็นของตัวเองด้วยนะครับ
และที่โซนนี้ยังมีสัตว์หายากให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย เช่นแมวทราย หรือ Sand Cat ซึ่งถูกขนานนามว่านางฟ้าแห่งทะเลทราย, ตัวพูดู ( Pudu ) ซึ่งเป็นกวางขนาดเล็ก เป็นต้น
และนักท่องเที่ยวยังสามารถให้อาหารน้องหมาได้ด้วย โดยมีวันละ 3 รอบ ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะต้องจองก่อนถึงเวลา 20 นาที สามารถเช็คตารางได้ที่นี่ ตารางเวลาให้อาหารน้องหมา
ทางด้านโซน Rabbit Touch ก็เช่นกันนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัส เล่นกับกระต่ายได้ และยังสามารถให้อาหารน้องกระต่ายได้อีกด้วย โดยจะมีวันละ 3 รอบ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถเช็คตารางได้ที่นี่ ตารางเวลาให้อาหารกระต่าย
Sumatran Tiger Ecological Garden
โซนนี้เป็นโซนที่จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้พบกับเสือโคร่งสุมาตรา โดยในพื้นที่นี้ได้จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเสือเคร่งสุมาตรา เนื่องจากว่าเสือโคร่งสุมาตรานั้นเป็นสัตว์ที่ชอบพรางตัวเวลาออกล่าเหยือ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นวิธีการพรางตัวของมัน และได้ลองมองหามันว่ามันพรางตัวอยู่ตรงไหน และเห็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของมันเช่น การปีนต้นไม้ การนอนพักผ่อนบนก้อนหิน เป็นต้น
โซนป่าเขตร้อน Tropical Forest
พื้นที่บริเวณนี้ได้จำลองเป็นภูมิประเทศแบบป่าเขตร้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามป่าเขตร้อนเช่น นกออสเตรเลี่ยนปากกบ สุนัขป่าบุชด็อก ( Bushdog ) โดยจะได้วิถีชีวิตของบุชด็อกไม่ว่าจะการเดินบนบกหรือการว่ายน้ำ และที่ไฮไลท์ของโซนนี้คือ นักท่องเที่ยวได้เห็นสมเสร็จอเมริกา ที่ไม่มีกรง หรือตาข่ายใดๆกัน ซึงนักท่องเที่ยวใกล้ชิดกับมันจนได้ยินลมหายใจของมันเลยทีเดียว นอกนั้นยังมีตัวสล็อต, มาร์โมเซต ให้ได้ชมอีกด้วย
พื้นที่ชุ่มน้ำเขตร้อน Tropical Wetlands
โซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำเขตร้อนเช่น งูเหลือมพม่า, กิ้งก่ากีกัวน่าเขียว และเสือปลาซึ่งถือว่าเป็นสัตว์หายาก
แต่ไฮไลท์ของโซนนี้คือ สมเสร็จมลายู ซึ่งเป็นสัตว์หายากชนิดหนึ่ง โดยตัวของมันจะมีลายขาวดำ การจัดแสดงของสมเสร็จมลายูนั้น จะแสดงเฉพาะวันที่เป็นเลขคู่เท่านั้น อย่างเช่นวันที่ 2, 4, 6, 8 เป็นต้น
Flower Shower
โซนนี้จะเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ และยังมีดอกไม้ที่แขวนไว้ทำให้ดูสวยงามมากขึ้นไปอีก และยังมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ไว้บริการนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งกินอาหารพลางชมดอกไม้สวยๆ เรียกได้ว่าฟินน์สุดๆ
สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆสำหรับโซน Inside Park
โซนสัตว์หากินตอนกลางคืน Wild Night Animal
โซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับสัตว์หากินตอนกลางคืน โดยจัดบรรยากาศให้มีแสงไฟสลัวๆคล้ายๆกับเวลากลางคืน โดยนักท่องเที่ยวจะได้เห็นสัตว์หากินตอนกลางคืนที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ อย่างเช่น กระรอกบินเล็กญี่ปุ่น, ตัวพอสซัม เป็นตัน
โซนพื้นที่ชุ่มน้ำแอฟริกัน African Wetlands
โซนนี้จะมีสระน้ำขนาดใหญ่และมีนกหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ที่นี่อย่างเช่น เป็ด นกกระทุง นกไอบิส เป็นต้น นอกจากนกแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถใกล้ชิดกับสัตว์อย่างตัวลีเมอร์หางวงแหวนได้อีกด้วย และสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กเช่นจิ้งจอกเฟ็นเน็ค
โซนร็อคกี้ วัลเลย์ สัตว์แห่งทวีปอเมริกาเหนือ Rocky Valley – Animals Of North America
โซนนี้จัดแสดงเกี่ยวสัตว์ที่อาศัยตามหุบเขาที่อเมริกาเหนือโดยมีการจัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด อย่างเช่น Wolf Creek ก็ซึ่งที่อยู่อาศัยของหมาป่า ก็จะจัดภูมิประเทศให้มีต้นไม้ล้มอยู่ริมฝั่งน้ำ พร้อมทั้งปรับแต่งพืชพรรณให้เหมือนเป็นป่าที่เป็นที่อาศัยของหมาป่า เป็นต้น หรือ Bear Canyon เป็นที่อยู่อาศัยหมีอเมริกันสีดำ ( American Black Bear ) ก็จะมีการทำภูมิประเทศจำลอง อย่างเช่นมีต้นไม้ให้หมีปีน หรือพักผ่อน รวมถึงแหล่งน้ำ ซึ่งจะแต่งให้มีความคล้ายคลึงกับเทือกเขาร็อกกี้ เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วโซนนี้ยังมีเสือพูม่า และอเมริกันบีเวอร์ให้นักท่องเที่ยวได้ดูด้วย
โซนป่าเอเชีย Asian Forest
โซนนี้จะเน้นไปที่สัตว์ที่อาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย โดยไฮไลท์อยู่ที่แพนด้าแดง ที่เป็นสัตว์ที่ปีนต้นไม้เก่งชนิดหนึ่ง
โซนกลางแจ้ง ( Outside Park )
Aqua Valley
Aqua Valley นั้นเป็นโซนที่จัดแสดงสัตว์ประเภทแมวน้ำขนปุยอเมริกาใต้, แมวน้ำลายจุด, เพนกวิ้นแอฟริกัน โดยมีการจำลองภูมิประเทศให้มีความสมจริง โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมสัตว์เหล่านี้ว่ายน้ำผ่านทางกระจกได้
และไฮไลท์ที่เป็นทีเด็ดของ Aqua Valley ก็คือ นักท่องเเที่ยวสามารถให้อาหารสัตว์ได้ด้วย โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และมีวันละไม่กี่รอบด้วย เพื่อนๆสามารถเช็ครอบได้ที่นี่ โดยจะต้องจองก่อนถึงรอบให้อาหารอย่างน้อย 30 นาที
Carmel Corner
โซนนี้นักท่องเที่ยวจะได้พบกับอูฐ ซึ่งในโซนนี้จะมีกิจกรรมขี่อูฐให้ได้ลองด้วย โดยการขี่อูฐนั้นจะมีข้อจำกัดที่ส่วนสูงและน้ำหนัก โดยจำกัดความสูงของผู้ที่จะขี่ที่ต้องมีส่วนสูงมากกว่า 100 เซนติเมตร และน้ำหนักต้องไม่เกิน 75 กิโลกรัม หากวันไหนสภาพอากาศไม่ดี หรือสัตว์มีสุขภาพที่ไม่สู้ดี ก็จะยกเลิกกิจกรรมนี้ โดยการขี่อูฐนั้นมีค่าใช้จ่าย 800 เยน และมีวันละ 2 รอบ สามารถเช็คตารางได้ที่นี่
Kangaroo Farm
ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถชมจิงโจ้อย่างใกล้ชิดได้ โดยสามารถสัมผัสและให้อาหารจิงโจ้ได้ โดยมีค่าอาหารถ้วยละ 100 เยน
Squirrel Forest
โซนนี้ถือว่าเป็นโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2023 ที่ผ่านมานี้เอง โดยจะมีการปลูกต้นไม้ไว้ให้กระรอกปีน อย่างเช่นต้นโอ๊ค ต้นเมเปิ้ล เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วก็สามารถเดินชมความน่ารักของน้องกระรอกได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
Alpaca Space
ที่นี่ถือว่าเป็นอีก 1 ไฮไลท์ของโซนกลางแจ้ง โดยตัวอัลปาก้านั้นถือว่าเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ สามารถให้อาหารตัวอัลปาก้าได้ด้วย ซึ่งถ้าใครมาที่ โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom ) ห้ามพลาดการมาชมน้องอัลปาก้าโดยเด็ดขาด
การแสดงโชว์สัตว์
การแสดงโชว์สัตว์ของ โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom ) นั้นจะมีไฮไลท์หลักๆเลยก็คือการแสดงโชว์นก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความฉลาด ความสง่างามของนก ยามที่บินเข้าหาครูฝึกผู้ทำการแสดง และนักท่องเที่ยวต้องทึ่งกับความสามารถของน้องนกที่นี่อย่างแน่นอน โดยการแสดงโชว์นกนั้น จะจัดขึ้นที่โซนที่เรียกว่า Kaze No Stadium
การโชว์ที่น่าสนใจอีกโชว์ของที่นี่ก็คือ โชว์สุนัข ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นโชว์ของสุนัขต้อนแกะ การวิ่งตามไปคาบจานร่อนของสุนัข และโชว์อื่นๆอีกมากมาย โดยโชว์นี้จะจัดที่เดียวกับโชว์นก นั่นก็คือ Kaze No Stadium
ส่วนโชว์อื่นๆที่น่าสนใจของที่นี่เพื่อนๆสามารถดูตารางและสถานที่ได้ที่นี่
ค่าเข้าชม โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom )
ราคา | |
---|---|
ผู้ใหญ่ อายุ 13 ปีขึ้นไป | 2200 เยน |
เด็กประถม | 1200 เยน |
เด็กอายุระหว่าง 4 – 5 ปี | 500 เยน |
ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป | 1600 เยน |
วิธีการเดินทางมายัง โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom )
เดินทางโดย | ต้นทาง | ปลายทาง | รายละเอียดการเดินทาง |
---|---|---|---|
รถไฟ | สถานี Sannomiya | สถานี Keisan Kagaku Center | จากสถานี Sannomiya นั่งรถไฟ Portliner มาลงสถานี Keisan Kagaku Center แล้วเดินอีก 3 นาที |
รถ Shinki Bus | สถานี Sannomiya | ป้าย Kobe Animal Kingdom | จากสถานี Sannomiya นั่งรถบัสมาลงป้าย Kobe Animal Kingdom ( มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุด ) |
ตารางข้อมูล
โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom )
ที่อยู่ | 7 Chome-1-9 Minatojima Minamimachi, Chuo Ward, Kobe, Hyogo 650-0047 |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 10.00 น. – 17.00 น. ปิดวันพฤหัสบดี |
Website | Kobe Animal Kingdom |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับ โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom )
Kobe Port Tower
หอคอย Kobe Port Tower เป็นหอคอยที่สร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 1963 ซึ่งได้รับการออกแบบโดยบริษัท Nikken Sekkei ซึ่งเคยอยู่เบื้องหลัง Tokyo Skytree และสนาม Camp Nou ของสโมสร Barcelona ในสเปน
Kobe Port Tower มีความสูง 108 เมตร โดยรูปร่างของตัวหอคอยนั้นออกแบบมาให้มีความคล้ายกับกลองญี่ปุ่นโบราณที่ใช้ในการแสดงละครโนกับคาบูกิ และในช่วงเวลากลางคืนตัวหอคอยจะเปิดไฟซึ่งจะมีความสวยงามมาก
ด้านในของหอคอยนั้นมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ชมเมืองโกเบได้อย่างสวยงามอีกด้วย รวมถึงมีร้านค้า ร้านคาเฟ่ อีกด้วย โดยหอคอย Kobe Port Tower ได้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2024 ที่ผ่านมานี่เอง หลังจากที่ปิดปรับปรุง
Kobe Port Tower
ที่อยู่ | 5-5 Hatobacho, Chuo Ward, Kobe, Hyogo 650-0042 |
วิธีเดินทาง | เดิน 5 นาทีจากประตูทางออกหมายเลข 2 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Minato Motomachi |
เวลาทำการ | โซนชมวิวเปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 23.00 น. โซนด้านล่างเปิดตั้งแต่ 10.00 น. – 20.00 น. |
ราคา | Observation Floor + Rooftop ผู้ใหญ่ 1200 เยน เด็ก 500 เยน Observation Floor อย่างเดียว ผู้ใหญ่ 1000 เยน เด็ก 400 เยน |
Website | Kobe Port Tower |
Kobe Harborland
Kobe Harborland ถือว่าเป็นย่านช็อปปิ้งและความบันเทิงที่ครบวงจร โดยที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะช่วงเวลาเย็นๆจะได้บรรยากาศโรแมนติกมาก
โดยแหล่งช็อปปิ้งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ Umie ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ Mosaic, South Mall และ North Mall
Kobe Harborland
ที่อยู่ | 1 Chome Higashikawasakicho, Chuo Ward, Kobe, Hyogo 650-0044 |
วิธีเดินทาง | เดิน 3 นาทีจากสถานี Kobe |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 10.00 น. -19.00 น. |
Website | Kobe Harborland |
ปราสาท Himeji
ปราสาท Himeji ถือว่าเป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ผู้คนเดินทางเยี่ยมเยียนมากที่สุด โดยปราสาทแห่งนี้มีสีขาวและตั้งเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้จากสถานีรถไฟ Himeji เลยทีเดียว
โดยด้านในปราสาทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นลักษณะโครงสร้างไม้ต่างๆของปราสาท
ปราสาท Himeji
ที่อยู่ | 68 Honmachi, Himeji, Hyogo 670-0012 |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจากสถานี Himeji |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 17.00 น. ปิดวันที่ 29 – 30 ธันวาคม |
ราคา | ผู้ใหญ่ 1000 เยน เด็ก 300 เยน |
Website | ปราสาท Himeji |
สรุป
แล้วก็จบลงไปแล้วสำหรับบทความ โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom ) ซึ่งสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสัตว์ หรือนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวก็ได้มีความทรงจำดีๆ สำหรับครอบครัว เพราะที่นี่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ และนักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์ล้ำค่าจากการให้อาหารสัตว์อย่างแมวน้ำ หรือเพนกวิ้น และที่สำคัญที่นี่เดินทางมาได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าใครมาโกเบแล้วไม่ควรพลาดการมาเยือน โกเบ แอนิมอล คิงดอม ( Kobe Animal Kingdom ) แห่งนี้โดยเด็ดขาด