คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
10%
5%
17%
นาราอิยูกุ (Narai-juku) เป็นหนึ่งในเมืองพัก (post town) ที่สำคัญบนเส้นทาง Nakasendo ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินทางสายหลักที่เชื่อมระหว่างเมืองเกียวโตและเมืองเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868)
ซึ่งเมืองพักแรมแบบญี่ปุ่นในยุคสมัยเอโดะนี้ ถือเป็นเส้นทางเดินเท้าและขนส่งสินค้าทางบกที่สำคัญ และเมืองเหล่านี้ก็มักจะมีให้เราแวะชมได้เหล่านี้เรียกว่า shukuba หรือ juku เช่นเดียวกับเมืองนาราอิยูกุ
เพราะหากย้อนไปในยุคสมัยอโดะนั้น ยังไม่มีการใช้รถยนต์ ซึ่งอย่างมากก็เป็นรถม้า และการเดินทางระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ ก็ใช้เวลาหลายวัน นาราอิยูกุ จึงกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเนื่องจากเป็นจุดพักที่สำคัญ และนอกจากนี้ ด้วยที่ตั้งของเมืองเก่านี้ อยู่ในหุบเขาใกล้กับทางผ่าน Torii-toge Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในทางผ่านภูเขาที่เดินทางยากลำบากที่สุดบนเส้นทาง Nakasendo เพราะงั้นแล้วนักเดินทางในสมัยก่อนจึงมักจะเลือกพักผ่อนที่นี่ก่อนหรือต่อจากการเดินทางผ่านภูเขา
จากเรื่องราวความเป็นมาของเมืองที่เราได้บอกว่า สมัยเอโดะ การเดินทางของเมืองเกียวโตและเอโดะ(โตเกียว) มันเดินทางลำบาก ทำให้ผู้คนต้องมาแวะพักเมืองนี้ ตัวเมืองนาราอิยูกุ จึงเต็มไปด้วยร้านค้า เรียวกัง และบ้านพักต่าง ๆ ที่คอยบริการนักเดินทางและพ่อค้า
ปัจจุบันตัวเมืองนาราอิยูกุได้ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีมาก เข้าใจว่าแทบจะไม่ต่างจากเดิมเท่าไรเลย
ห่างไปไม่ไกลจากตัวเมือง เราขอนะนำให้เพื่อน ๆ มาเยี่ยมชมที่สะพานคิโซะโอฮาชิแห่งนี้ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่โดดเด่นซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณหุบเขาคิโซะ (Kiso Valley) ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano)
หากเราสังเกจไปที่ลวดลายของตัวสะพานไม้ให้ดีแล้ว จะพบว่ามันมีการออกแบบทีป่ระณีตโดยเน้นการโค้งมน ทำให้สะพานดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด แต่ต้องบอกว่าสะพานไม้แห่งนี้ เป็นสะพานที่สร้างขึ้นใหม่ในสไตล์ดั้งเดิมที่ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก นั่นเอง
บ้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในบ้านที่มีประวัติสำคัญของเมืองนี้ เพราะเป็นบ้านของตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะดีในสมัยเอโดะ ซึ่งพ่อค้าตระกูลนี้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของเมืองนาราอิยูกุ เนื่องจากการค้าขายกับนักเดินทางที่ผ่านเส้นทาง Nakasendo บ้านหลังนี้สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ machiya (บ้านพ่อค้า) ซึ่งเป็นลักษณะของบ้านเมืองในสมัยเอโดะ โดยภานในบ้านเราจะได้เห็นเครื่องเรือนแบบดั้งเดิม เช่น โต๊ะไม้ ตู้เก็บของ และเครื่องครัวโบราณ ให้ฟีลญี่ปุ่นในยุคเอโดะได้ดีมาก ๆ
ถ้าพูดถึงเรื่องเดินทาง ก็คงจะเป็นปกติที่นักเดินทางต้องหาที่พึ่งพิงทางใจ วัดไดโฮจิแห่งนี้ จึงมีบทบาทสำคัญที่เหล่านักเดินทางจะมาขอพรให้เดินทางโดยปลอดภัยกัน โดยตัววัดจะมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความเรียบง่ายและความสง่างามของวัดพุทธในญี่ปุ่น ภายในวัดมีพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม
ในเมืองที่เป็นที่พักพิงให้กับนักเดินทางเหล่านี้ แน่นอนว่าต้องมี “เรียวกัง” เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด โดยในเมืองนาราอิยูกุมักจะมีการตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ใช้เสื่อทาทามิ (tatami) ประตูเลื่อนไม้แบบโชจิ (shoji) และเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย เช่น ฟูกที่นอนฟูตง (futon) และจะเสิร์ฟอาหารเช้าญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เช่น ข้าว สตูว์มิโซะ ปลาเทมปุระ
หนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะแทบจะหาทานได้ง่ายที่สุดในเมืองแห่งนี้ นั่นคือขนมดังโงะ นั่นเอง โดยขนมดังโงะในเมืองนาราอิยูกุนี้มีความพิเศษเนื่องจากใช้วัตถุดิบที่มาจากพื้นที่ในหุบเขาคิโสะ (Kiso Valley) ซึ่งมีแป้งข้าวเหนียวคุณภาพสูง มักจะเสิร์ฟพร้อมกับซอส มิทาราชิ (mitarashi) ซึ่งเป็นซอสถั่วเหลืองหวานเค็มที่ทำจากโชยุและน้ำตาล
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟ โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟ ชินคันเซ็นสาย JR Hokuriku หรือ Tokaido มุ่งหน้าไปยังสถานี นาโกย่า (Nagoya Station) ประมาณ 1.30 ชั่วโมง แล้วจากนั้น มาต่อด้วยรถไฟ JR สาย Chuo Line มาลงที่สถานีนาราอิ (Narai Station) ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 1.40 ชั่วโมง
Narai-juku (นาราอิยูกุ)
ที่อยู่ | Narai, Shiojiri, Nagano 399-6303, Japan |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR สาย Chuo Line มาลงที่สถานีนาราอิ (Narai Station) |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 09:00 – 17:00 |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Narai-juku |
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟ โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) ขึ้นรถไฟ ชินคันเซ็นสาย JR Hokuriku หรือ Tokaido มุ่งหน้าไปยังสถานี นาโกย่า (Nagoya Station) ประมาณ 1.30 ชั่วโมง แล้วจากนั้น มาต่อด้วยรถไฟ JR สาย Chuo Line มาลงที่สถานีนาราอิ (Narai Station) ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 1.40 ชั่วโมง
หมู่บ้านพักแรมที่มีชื่อเสียงในเส้นทาง Nakasendo ไม่แพ้นาราอิยูกุเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับการบูรณะอย่างดีและเป็นหนึ่งในเมืองพักแรมที่ได้รับการอนุรักษ์ดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยนักท่องเที่ยวจะมาเยือนที่เมืองแห่งนี้เพื่อทำการชมบ้านพักของซามูไร Waki Honjin Museum และเดินชมธรรมชาติ
Tsumago-juku
ที่อยู่ | Azuma, Nagiso, Kiso District, Nagano 399-5302 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Chuo line มาลงที่สถานี Nagisoeki และ ต่อด้วยรถไฟ Hogami Line มายังสถานี Omatabashi จากนั้นเดินต่อไปอีก 7 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 8.30-17.00 น. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Tsumago-juku |
ปราสาท Matsumoto
ได้รับฉายาว่าเป็นปราสาทอีกาดำ 1 ใน 5 ปราสาทเก่าแก่ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติ ปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto castle) ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึโมโต้ จังหวัดนากาโนะ นับเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยตัวปราสาท และหอคอยคาดว่าถูกสร้างในช่วงปลายยุคสงคราม ตั้งแต่ ปีค.ศ.1592 – ค.ศ. 1614 สะท้อนเหตุการณ์สงครามผ่านสถาปัตยกรรมได้อย่างดงาม
ที่อยู่ | 4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano 390-0873 |
วิธีเดินทาง | สถานีที่ใกล้ปราสาทที่สุดคือ Kita-Matsumoto Station(นั่งรถไฟ JR Oito Line) โดยเดินจากสถานีเพียง 12 นาทีก็ถึงตัวปราสาท |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 8.30-17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็ก 300 เยน |
Website | ปราสาท Matsumoto |
Nakasendo Trail (Nakasendo Halfway Point)
เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมากในยุคเอโดะ (1603–1868) โดยเป็นหนึ่งในห้าเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองหลวงเกียวโตและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) เส้นทางนี้มีความยาวประมาณ 534 กิโลเมตร และตัดผ่านภูเขาและหุบเขาหลายแห่ง ทำให้ผู้เดินทางได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามของญี่ปุ่น รวมถึงเมืองพักแรม (post towns) ที่กระจายตัวอยู่ตลอดเส้นทาง ซึ่งภายในนี้ละที่มีเมืองเก่าอย่างนาราอิยูกุ (Narai-juku) เป็นจุดพักระหว่างทางอีกด้วย
ที่อยู่ | Hiyoshi, Kiso, Kiso District, Nagano 399-6101, Japan |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Chuo line มาลงที่ Harano Station จากนั้นเดินไปอีก 10 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 9.30-17.30 น. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website |
นอกจากหมู่บ้านนาราอิยูกุจะมีกลิ่นอายความเป็นหมู่บ้านในยุคสมัยเอโดะแล้ว แต่วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของผู้คนแถวนั้น รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ก็ด้วยเช่นกัน หากเพื่อน ๆ เดินทางมาเที่ยวแบบเจาะลึกระหว่างเมืองหลวงเก่าเกียวโต กับ เมืองหลวงใหม่โตเกียว ก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาพักรับบรรยากาศอันแสนอบอุ่นที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
Blogger : Yuri
ผมเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เก่ง แต่ว่าชอบเที่ยวมาก ๆ (ซะอย่างนั้น) เพราะการท่องเที่ยวสำหรับผม คือการที่ได้เรียนรู้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางที่ก็ไปเที่ยวซ้ำ ๆ แต่กลับได้ประสบการณ์ที่ไม่จำเจ สำหรับผมแล้ว "ญี่ปุ่น" เป็นหนึ่งในประเทศที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย มากกว่านั้น ผมมีความตั้งใจว่าจะออกไปเห็นโลกให้กว้างมากที่สุด แล้วนำสาระความรู้มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ในช่วงที่(ผม)ยังมีแรงเต็มที่ครับ !
74 Posts
เที่ยวญี่ปุ่น 2022 เปิดเงื่อนไข วิธีการขอวีซ่า ไกด์ไลน์เที่ยวจัดเต็ม
เปิดข้อมูลการ เที่ยวญี่ปุ่น 2022 / 2565 เปิดทุกเกณฑ์การท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม กา...
เช็คก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น! “GO” แอปเรียกแท็กซี่อันดับ 1 ที่จะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมวัฒนธรรมการใช้แท็กซี่อันมีเอกลักษณ์ เพราะวิธีใช้งานแบบง่าย ๆ ไม่ต้องกังวล!
เที่ยวญี่ปุ่น เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย "GO App" แอปเรียกแท็กซี่อันดับหนึ่งข...
รีวิว “Eslead Hotel Osaka Shinsaibashi” ที่พักสไตล์เหมือนพักที่บ้านใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางโอซาก้า
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับคนที่วางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือที่พัก ครั้งนี้เร...
One day trip พาสสุดคุ้ม เที่ยวไซตามะ 1 วัน Check-in “Moominvalley Park” ช็อปฟินๆที่ Outlet
จังหวัดไซตามะ (Saitama) ไซตามะห่างจากโตเกียวเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้นเอง ...
ไป โตเกียวพักย่านไหนดี แนะนำ 15 ย่าน เลือกพักตามสไตล์ที่ใช่
ตอบคำถามให้หายสงสัย ไปโตเกียว พักย่านไหนดี ! แนะนำ 15 ย่านในโตเกียวที่คู่ควรแก...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515