มารู้จัก “Okage Yokocho” กันสักนิด
ถนน Okage Yokocho ตั้งอยู่ในเมืองอิเสะ (Ise) จังหวัดมิเอะ (Mie) ใกล้ๆ กับศาลเจ้าอิเสะ (Ise Grand Shrine หรือ Ise Jingu) ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา
ชื่อของ Okage Yokocho มาจากคำว่า “Okage” (おかげ) ที่มีความหมายถึง “ความรู้สึกขอบคุณต่อเทพเจ้า” และ “Yokocho (横丁)” หมายถึง “ตรอก” หรือ “ถนนเล็กๆ” ดังนั้น Okage Yokocho จึงสื่อถึงถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณของผู้คนที่มีต่อเทพเจ้าอามะเทระสุ (Amaterasu) เทพแห่งแสงสว่างตามความเชื่อชินโต ศาลเจ้าอิเสะนั้นคือที่ประทับของเทพอามะเทระสุโดยตรง ชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณมักจะเดินทางมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณเทพเจ้าสำหรับพรต่างๆ ที่ได้รับมาในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ ความอุดมสมบูรณ์ หรือแม้กระทั่งความสำเร็จทางการค้า
ถนนสายนี้มีการสร้างและจัดสรรพื้นที่ให้กลายเป็นแหล่งรวมร้านค้าร้านอาหารครั้งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) โดยบริษัทเอกชนที่ชื่อว่า Akafuku (อากาฟุกุ) ร้านขนมเก่าแก่ชื่อดังของเมืองอิเสะ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อจำลองบรรยากาศของเมืองในยุคเอโดะ (ช่วงปี 1603–1868) ให้นักท่องเที่ยวได้ย้อนเวลาไปสัมผัสญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน จึงเกิดเป็น Okage Yokocho ขึ้นมาในที่สุด
จุดเด่นที่สุดของ Okage Yokocho ก็คือรูปแบบของสถาปัตยกรรม ซึ่งสะท้อนสไตล์การก่อสร้างและการออกแบบจากยุคเอโดะ (Edo period) อย่างแท้จริง คือช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังอยู่ภายใต้การปกครองของโชกุนตระกูลโทกุงาวะ (Tokugawa) ที่ดำเนินมากว่า 260 ปี (1603-1868) สถาปัตยกรรมยุคเอโดะนั้นเน้นความเรียบง่าย งดงาม และเน้นฟังก์ชันการใช้งานจริงตามวิถีชีวิตของผู้คน มีองค์ประกอบหลักคือการใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้างหลัก ทั้งบ้าน ร้านค้า โรงน้ำชา ร้านอาหาร มักจะใช้ไม้สีเข้มเป็นวัสดุในการสร้างผนัง ประตู หรือพื้น เพื่อสะท้อนความอบอุ่นและสงบ ในขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดที่ปราณีตแฝงอยู่ในงานไม้ เช่น ลูกกรงไม้ ช่องลม หรือประตูไม้บานเลื่อนที่เรียกกันว่า “โชจิ” (Shoji) และประตูบานแข็งทึบที่เรียกว่า “ฟุสึมะ” (Fusuma)
หลังคาของอาคารส่วนใหญ่ใน Okage Yokocho จะเป็นแบบหลังคากระเบื้องดินเผาโบราณ เรียกว่า “คาวาระ” (Kawara) โดยเป็นกระเบื้องหลังคาโค้งมนเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างมีระเบียบสวยงาม และนิยมประดับหลังคาด้วยสัญลักษณ์หรือตราประจำร้านค้า เพิ่มเอกลักษณ์เฉพกตัวลงไปอีกขั้น หน้าร้านค้าจะมีม่านผ้าสีสดใส (Noren) แขวนไว้ตรงทางเข้า เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนหรือเอกลักษณ์ของร้านค้า บ้างก็เขียนชื่อร้านค้าอย่างชัดเจนด้วยตัวอักษรญี่ปุ่นเก่าแก่ คล้ายกับจะเชื้อเชิญให้ผู้คนเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมและความเป็นมาของแต่ละร้าน
ของกินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเดิน “Okage Yokocho”
โมจิอากาฟุกุ (Akafuku Mochi)
มาถึงที่ Okage Yokocho แล้วไม่ได้ลองขนมโมจิอากาฟุกุ ถือว่ามาไม่ถึงนะ! โมจิอากาฟุกุเป็นขนมขึ้นชื่อที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี ทำจากแป้งข้าวเหนียวนุ่มเนียน คลุมด้วยถั่วแดงบดละเอียดรสชาติหวานกำลังดี ร้านต้นตำรับที่มีชื่อเสียงคือร้าน Akafuku Honten (赤福本店) ซึ่งเป็นร้านที่ก่อตั้ง Okage Yokocho ขึ้นมานั่นเอง ถ้ามาแต่เช้าจะได้ทานโมจิสดใหม่ อร่อยจนต้องร้องว้าวเลยแหละ
โคร็อกเกะเนื้อมัตสึซากะ (Matsusaka Beef Croquette)
โคร็อกเกะเนื้อมัตสึซากะ ถือเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เลย เพราะเนื้อวัวมัตสึซากะคือหนึ่งในสามสุดยอดเนื้อวัววากิวของญี่ปุ่น (อีกสองคือเนื้อโกเบ และเนื้อโอมิ) ตัวเนื้อมีไขมันแทรกที่ละลายในปากอย่างดี เมื่อนำไปทำโคร็อกเกะจะให้รสชาติกลมกล่อม ฉ่ำเนื้อ หอมมันสุดๆ ร้านที่แนะนำคือร้าน 豚捨 (Butasute) ร้านดังที่อยู่คู่ Okage Yokocho มายาวนานกว่า 100 ปี ต้องลองเลย !
ข้าวหน้าปลาไหลย่าง (Unadon/Unagi Don)
ปลาไหลย่างซอส (Unagi Kabayaki) ก็เป็นเมนูที่โด่งดังในเมืองอิเสะ เนื่องจากอยู่ติดทะเลสาบและแม่น้ำธรรมชาติ มีปลาไหลคุณภาพดีอยู่มาก ปลาไหลที่นี่จะย่างด้วยเตาถ่านอย่างพิถีพิถันจนหนังกรอบหอม เคลือบด้วยซอสรสหวานกลมกล่อม เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ เมนูนี้ร้านแนะนำคือ ร้าน Fukusuke (ふくすけ) ร้านชื่อดังที่ใครไปก็ต้องแวะ
นอกจากลิสต์รายชื่ออาหารที่ห้ามพลาดแล้ว ต้องบอกว่าภายในถนนโบราณเส้นนี้ มีร้านขนมท้องถิ่นและร้านเก่าแก่อีกมากมายให้เราแวะเข้าไปชม หลายร้านก็มีขนมอร่อย ๆ ให้เดิมชิมด้วยนะ อย่างเช่น เต้าหู้ทอดสอดไส้ชีส (ชีสฮันเปน), ไอศกรีมเต้าหู้, เซ็มเบ้ย่างสด (ข้าวเกรียบญี่ปุ่น), ขนมมันจูสอดไส้ถั่วแดง (Ise Manju), ซาลาเปานึ่งไส้หมู มันเทศ หรือถั่วแดง อีกทั้งหลายร้านยังมีการสาธิตการทำขนมและอาหารพื้นเมืองให้ชมแบบสดๆ อีกด้วย
กิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เช่าชุดกิโมโนเดินถ่ายรูป
มาที่นี่ทั้งที อย่าพลาดโอกาสในการใส่ชุดกิโมโนสวยๆ เดินเล่นชมบรรยากาศย้อนยุคสมัยเอโดะ ร้านเช่ากิโมโนที่นี่มีให้เลือกหลายแบบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีบริการแต่งตัวให้เสร็จสรรพ รับรองว่ารูปที่ได้จะดูมีเสน่ห์และเก๋มากๆ เลยล่ะ
ถ่ายรูปกับแมวกวักยักษ์ (Maneki-neko)
ที่ Okage Yokocho มีแมวกวักนำโชคขนาดยักษ์ที่ตั้งเด่นอยู่กลางถนน นักท่องเที่ยวมักนิยมมาถ่ายรูปคู่ด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยนำโชคและเงินทองกลับบ้านไปด้วย!
ซื้อของที่ระลึก “แมวกวัก” ประจำเมือง
ต่อเนื่องจากแมวกวักขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองแล้ว เราก็จะเห็นงานฝีมือต่าง ๆ มากมายที่เป็นเจ้าน้องแมวกวักญี่ปุ่น ให้เราซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปกวักเรียกลูกค้า
ถนนโบราณโอคาเงะ โยโกโช (Okage Yokocho)
ที่อยู่ | 52 Ujinakanokiricho, Ise, Mie 516-8558 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Iseshi สามารถขึ้นรถบัส Mie Kotsu สายที่มุ่งหน้าไปยัง Ise Jingu Naiku (ศาลเจ้าชั้นใน) ลงที่ป้าย Jingu Kaikan-mae ใช้เวลาประมาณ 15-17 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 1 นาทีจะถึง Okage Yokocho |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 09:30 – 17:00 น. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | ถนนโบราณโอคาเงะ โยโกโช (Okage Yokocho) |
วิธีการเดินทาง
การเดินทางที่แนะนำจากตัวเมืองใหญ่ เราขอแนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟจะสะดวกที่สุด หากเดินทางจากสถานีนาโกย่า (Nagoya) ให้ขึ้นรถไฟ Kintetsu Limited Express จากสถานี Kintetsu Nagoya ไปยังสถานี Iseshi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
สำหรับจากโอซาก้า (Osaka) หรือเกียวโต (Kyoto): ขึ้นรถไฟ Kintetsu Limited Express จากสถานี Osaka-Namba หรือ Kyoto ไปยังสถานี Iseshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ตัวถนนโบราณ Okage Yokocho จะตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu Naiku) ดังนั้นหากตั้งการเดินทางไปยังศาลเจ้าอิเสะก็จะพาเรามาสู่ถนนโบราณแห่งนี้ได้เช่นกัน
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
1. ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu)
ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นที่คุณต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะนี่คือหัวใจแห่งจิตวิญญาณชินโตที่มีอายุกว่า 2,000 ปี เป็นศาลเจ้าที่สวยงาม เรียบง่าย และมีเสน่ห์ลึกลับตามสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ไฮไลท์ของที่นี่คือ ศาลเจ้าชั้นใน (Naiku) ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพอามะเทระสุ เทพแห่งดวงอาทิตย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตามความเชื่อชินโต ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สงบร่มรื่นด้วยต้นไม้สูงใหญ่ แม่น้ำใสสะอาด และสะพานไม้โบราณ (สะพานอุจิ) อันโด่งดัง นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีพลังทางจิตวิญญาณที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า หากได้มาเยือนและสักการะเทพเจ้าอามะเทระสุ จะช่วยนำพาความโชคดี สุขภาพ และชีวิตที่รุ่งเรืองมั่งคั่งมาให้อีกด้วย
ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu)
ที่อยู่ | 1 Ujitachicho, Ise, Mie 516-0023 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu Iseshi หรือสถานี JR Iseshi ขึ้นรถบัสประจำทาง (CAN Bus หรือ Mie Kotsu Bus) ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ลงที่ป้าย Naiku-mae แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาทีถึงทางเข้าศาลเจ้า |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 05.00-17.00 น. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) |
2. Meoto Iwa (夫婦岩 – หินแต่งงาน)
Meoto Iwa หรือ “หินแต่งงาน” คือสัญลักษณ์แห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลเมืองอิเสะ ประกอบด้วยหินสองก้อนคือหินใหญ่ (สามี) และหินเล็ก (ภรรยา) ผูกเชื่อมด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ชิเมนาวะ (Shimenawa) เชื่อกันว่าหินทั้งสองเป็นตัวแทนของคู่รักที่มั่นคง ยืนหยัดผ่านคลื่นลมมานานนับศตวรรษ ไฮไลท์ที่ทำให้หินแต่งงานแห่งนี้โรแมนติกสุดๆ คือวิวพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างหินทั้งสองก้อน ที่นักท่องเที่ยวต่างมารอชมเพื่อเสริมสิริมงคลในเรื่องคู่ครอง ความรัก และความสัมพันธ์ให้ยืนยาวยิ่งขึ้น บรรยากาศทะเลยามเช้าที่นี่งดงามมากๆ ใครมากับคนรักต้องห้ามพลาดเลยล่ะ
Meoto Iwa (夫婦岩 – หินแต่งงาน)
ที่อยู่ | 575 Futamichoe, Ise, Mie 519-0602 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Iseshi หรือสถานี Kintetsu Iseshi ขึ้นรถไฟสาย JR Sangu Line ไปลงที่สถานี Futaminoura (ประมาณ 10 นาที) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีไปยังจุดชม Meoto Iwa |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Meoto Iwa (夫婦岩 – หินแต่งงาน) |
3. Sarutahiko Jinja
ป็นศาลเจ้าชินโตที่ตั้งอยู่ในเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้แก่เทพซารุทาฮิโกะ โอคามิ (Sarutahiko Ōkami) ซึ่งเป็นเทพผู้ชี้นำทางและเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
Sarutahiko Jinja
ที่อยู่ | 2 Chome-1-10 Ujiurata, Ise, Mie 516-0026 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Iseshi หรือ Ujiyamada ขึ้นรถบัสสาย Geku-Naiku Junkan ที่มุ่งหน้าไปยัง Naiku และลงที่ป้าย “Sarutahiko Jinja-mae” จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาทีถึงศาลเจ้ |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 08.30-17.00 น |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Sarutahiko Jinja |
สรุป
เมื่อได้มาเดินที่ Okage Yokocho คุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในฉากหนังย้อนยุค หรือมังงะแบบคลาสสิก ที่ทุกอย่างดูเป็นญี่ปุ่นโบราณแท้ๆ ที่ยังมีชีวิตชีวาอยู่ในปัจจุบัน กลิ่นอายวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มข้น ประกอบกับร้านค้าเก่าแก่เรียงรายไปตามสองฟากฝั่งถนน รวมถึงผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดกิโมโน เดินชิมขนมและอาหารพื้นเมือง ยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคักและอบอุ่นอย่างน่าประทับใจ แต่ที่เราประทับใจไม่แพ้ไปกับบรรยากาศของเมืองเก่าคือการได้ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นโบราณของญี่ปุ่น เช่น โมจิอากาฟุกุ โคร็อกเกะเนื้อมัตสึซากะ ปลาไหลย่างที่สดใหม่จากทะเล รวมถึงขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกหลากหลายชนิด