Teamlab Botanical Garden คือ
Teamlab Botanical Garden นิทรรศกาลศิลปะกลางแจ้งใจที่แตกต่างจาก Teamlab อื่นๆ ในคอนเซ็ป “Digitized Nature” การผสมผสานงานศิลป์จากเทคโนโลยีดิจิตัล โดยใช้โปรเจ็คเตอร์ และแสง เข้ากับธรรมชาติในสวนพฤกษศาสตร์ Nagai Botanical Garden Osaka ที่จะเปิดเฉพาะในช่วงกลางคืนเท่านั้น
การเดินทาง
เราสามารถนั่งรถไฟ Osaka Metro สายสีแดง ( Midosuji Line ) มาจากสถานี Namba มาลงที่สถานี Nagai โดยใช้เวลานั่งรถไฟเพียง 6 นาที จากนั้นให้เราออกที่ทางออกหมายเลข 3 แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เพื่อไปที่ Nagai Botanical Garden
วิธีการซื้อตั๋ว
เราสามารถมาซื้อตั๋วที่ด้านหน้าสวน Nagai Botanical Garden ก็ได้ แต่แนะนำให้จองออนไลน์มาก่อนจะดีที่สุด ที่สำคัญถ้าเราจองออนไลน์มาก่อนสามารถเปลี่ยนวันและเวลาเข้าสวนได้
วิธีการจองตั๋วออนไลน์
Teamlab Botanical Garden Osaka
ซื้อเลย เตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง
สวน Nagai Botanical Garden Osaka
Nagai Botanical Garden ตั้งอยู่ในสวน Nagai Park ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของจังหวัดโอซาก้า เรียกว่าเป็นปอดของคนในย่านนี้เลยก็ได้ ช่วงเย็นๆเราจะเห็นคนท้องถิ่นมานั้่งเล่นหรือออกกำลังกายกันเยอะเลย
จากทางเข้าสวน Nagai Park เดินเข้ามาด้านใน 10 นาที เราก็จะเจอกับ Nagai Botanical Garden สวนพฤกษศาสตร์ขนาด 242,000 ตารางเมตรที่เปิดในปี ค.ศ. 1974 รวมต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 1,200 ชนิดให้เราได้ชมกัน
Nagai Botanical Garden
ที่อยู่ | 1-23 Nagaikoen, Higashisumiyoshi Ward, Osaka, 546-0034 |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจากสถานี Nagai ทางออกหมายเลข 3 |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กมัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัย 200 เยน เด็กต่ำกว่ามัธยมต้น ฟรี |
เวลาทำการ | มีนาคม – ตุลาคม 9:30 ~ 17:00 พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 9:30 ~ 16:30 ( เข้ารอบสุดท้ายก่อนปิด 30 นาที ) หยุดทุกวันจันทร์ และ 28 ธันวาคม ถึง 4 มกราคม ของทุกปี |
Website | Nagai Botanical Garden |
โซนจัดแสดง
ภายในสวนแบ่งเป็นโซนจัดแสดงต่างๆทั้งหมด 7 โซน เราสามารถเลือกเดินตามอิสระได้เลยโดยเริ่มต้นจากโซน B ที่เป็นโซนที่ใกล้ทางเข้ามากที่สุดก่อน หลังจากนั้นก็ให้เดินไปตามแผนที่ในจุดต่างๆของสวน และไปจบที่โซน A ที่อยู่บริเวณทางออก
เพื่อความสะดวก เราแนะนำให้ทุกคนโหลดแอพพลิเคชั่นของ Teamlab ไปก่อน ในแอพจะมีแผนที่และ GPS บอกว่าเราอยู่ตรงไหนของสวนเราจะได้ไม่หลงเพราะสวนที่นี่ใหญ่มาก ที่สำคัญเรายังสามารถดูคำบรรยายของผลงานชิ้นนั้นๆที่เรากำลังชมอยู่ได้ด้วย
Zone B
Resonating Microcosme in the Common Camellia Garden – Liquified Light Color, Dusk to Dawn สวน Resonating Common Camellia Garden ที่ใกล้กับทางเข้ามากที่สุด กับผลงานรูปร่างเหมือนไข่สีขุ่นที่จะเปล่งแสงยามพระอาทิยต์ตก และจะเปลี่ยนสีเมื่อมีอะไรไปกระทบไม่ว่าจะเป็น ลม ฝน หรือ คน เมื่ออันนึงเปลี่ยน อันที่อยู่รอบๆก็จะเปลี่ยนสีตามไปด้วยในโทนสีเดียวกันได้ถึง 57 สี
Resonating Microcosme in the Common Camellia Garden – Solidified Light Color, Dusk to Dawn โซนนี้เป็นไข่โปรงแสงที่ให้สีสันที่ชัดเจนถึง 61 สี ให้ความรู้สึกที่ดุดันมากกว่าโซนก่อนหน้า โดยจะค่อยเปลี่ยนสีด้วยตัวเองไปเรื่อยๆในตอนที่ไม่มีลม หรือไม่มีคนไปสัมผัส
Zone S ( Sunflower )
ใกล้ๆกับโซน B จะเป็นโซนพิเศษที่จะเปลี่ยนไปตามชนิดดอกไม้ของฤดูกาลนั้นๆ ในช่วงฤดูร้อนเราจะพบกับทุ่งดอกทานตะวัน ทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูในฤดูใบไม้ร่วงและทุ่งดอกเนโมฟิล่าสีฟ้าสดใสในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
Life is Flickering Light Floating in the Dark – Sunflower ทุ่งดอกทานตะวันกว่า 20,000 ต้นที่ถูกสาดส่องด้วยแสงไฟของใครของมันในทุกๆดอก ถ้าเราไปยืนนิ่งใกล้ๆดอกไม้บริเวณนั้นก็จะเปล่งประกายสว่างขึ้นด้วย
Zone C
Sculptures of Dissipative Birds in the Wind ผลงานที่ได้แรงบรรดาลใจจากสายลมที่ถูกนกบินผ่าน ใช้การฉายแสงลงบนหินขนาดใหญ่ ลายเส้นที่เราเห็นจะมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางและสีสันอยู่ตลอดเวลา ยืนดูเพลินจนลืมเวลากันเลย
Zone D
Forest of Autonomous Resonating Life – Eucalyptus จุดนี้เราสามารถเดินเข้าไปด้านในที่รายล้อมไปด้วยลูกบอลไฟขนาดยักษ์ในป่ายูคาลิปตัสได้ เมื่อลูกบอลถูกลมพัดหรือคนผลักก็จะเปลี่ยนสี ลูกบอลรอบข้างก็จะเปลี่ยนสีตามไปด้วย ตรงนี้เด็กๆมาเล่นกันเยอะมาก เพราะเหมือนได้ทำกิจกรรมไปด้วย
Zone E
Concrete and Abstract – Secondary Forest Entrance จุดทางเข้าของโซน Forest Path – Secondary Forest ซึ่งเป็นโซนที่มืดที่สุดในบรรดาทุกโซน เมือมีคนเดินเข้ามาลายของแสงที่ส่องไปยังต้นไม้ก็จะเริ่มเซ็ทเป็นลายใหม่ ทำให้ต้นไม้ในป่าดูซับซ้อนน่าค้นหามากขึ้น
Spatial Calligraphy in the Forest – One Strock, Secondary forest ในช่วงกลางของ Forest Path เราจะพบกับแสงสีขาวที่วาดผ่านต้นไม้ในป่า เหมือนการใช้พู่กันในการวาดเส้นเพียงเส้นเดียวผ่านทางซับซ้อนระหว่างต้นไม้นับร้อยต้น เหมือนกำลังบอกว่าถ้าเราพยายามเราก็จะผ่านอุปสรรคทุกอย่างได้
Universe of Fire Particles in the Forest – Secondary Forest เปลวไฟกลางป่าที่เหมือนจริงมากๆ จากการใช้เทคนิค 3D และเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเปลวไฟที่เกิดจากการเผาไหม้จากแก็ส ถ้าใครมีแอพพลิเคชั้นของ Teamlab ก็สามารถเปิดแอพแล้วนำไฟใส่แอพกลับบ้านได้ด้วย ถ้าใครมีเพื่อนที่มีแอพนี้ก็สามารถส่งต่อไฟให้เพื่อนได้เหมือนกัน
Zone F
Floating Resonating Lamps on Oike Lake – Fire โคมไฟที่ลอยเปล่งแสงอยู่บนทะเลสาบกลางสวน ที่จะสว่างไสวขึ้นเมื่อโดนลมหรือมีคนไปยืนนิ่งใกล้ๆโคมไฟอันใดอันหนึ่ง โคมใกล้ๆกันก็จะค่อยๆพากันเปล่งแสงแล้วไปจบที่แสงที่ส่องต้นไม้ที่อยู่กลางทะเลสาบ ถ้าไม่มีลมหรือคนโคมไปก็จะค่อยๆกระพิบช้าๆโรแมนติกสุดๆ
Field of Light Color – Muhlenbergia capillaris ทุ่งหญ้ามูลี่ที่จะยิ่งส่องสว่างเมื่อเราเดินผ่าน ถ้าคลื่นแสงมาจากฝั่งตรงข้ามก็จะทำให้เรารับรู้ถึงการมาของคนอื่นด้วย ในฤดูร้อนทุ่งหญ้าจะเป็นเขียวสด และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
Zone A
Resonating Crape Myrtles ต้นยี่เข่งที่ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งรับแสงไฟริมทางเดินเรียบทะเลสาบ Oike พอเราเดินผ่านแสงไฟจากต้นไม้ก็จะสว่างขึ้นและเคลี่ยนที่เป็นคลื่นแสงไปตลอดจนสุดทางเดิน พอมีคนเดินผ่านมาจากอีกทางก็จะมีคลื่นแสงย้อนกลับมาทางเรา
Life is Continuous Light – Bald Cypress ทางเดินที่มุ่งไปสู่ทางออก เรียงรายไปด้วยต้นสน Cypress ที่จะเปล่งแสงเมื่อมีคนเดินผ่าน ทำให้นึกถึงคำว่าชีวิตคือการเดินไปข้างหน้า เป็นความหมายที่ปิดท้ายการชมงานศิลปะได้อย่างสวยงามเลย
Teamlab Botanical Garden Osaka
ที่อยู่ | Nagai Botanical Garden ( 1-23 Nagaikoen, Higashisumiyoshi Ward, Osaka, 546-0034 ) |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาที จากรถไฟ Osaka Metro สถานี Nagai ทางออกหมายเลข 3 |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2,000 – 2,200 เยน เด็ก 600 – 700 เยน |
จองตั๋วออนไลน์ | Teamlab Botanical Garden Osaka |
เวลาทำการ | 15 – 31 กรกฎาคม 2024 : 19:45 ~ 21:30 1 – 16 สิงหาคม 2024 : 19:30 ~ 21 :30 17 – 31 สิงหาคม 2024 : 19:15 ~ 21:30 1 – 13 กันยายน 2024 19:00 ~ 21:30 ( เวลาเข้าสวนรอบสุดท้ายถึง 20:30 ) หยุดทุกวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน |
Website | Teamlab Botanical Garden Osaka |
สรุป
ใครที่ชอบทั้งธรรมชาติและงานศิลปะแปลกใหม่ไม่เหมือนที่ไหน เราแนะนำให้แวะมาที่ Teamlab Botanical Garden สักครั้ง รับรองว่าทุกคนจะได้พบกับบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนอย่างแน่นอน ที่นี่สามารถมาชมได้ตลอดทั้งปี แต่ในฤดูร้อนเราแนะนำให้ติดสเปรย์กันแมลงมาด้วย จะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินกับที่นี่ได้อย่างไม่สะดุดแน่นอน