มื้อดินเนอร์พิเศษสุดในค่ำคืนนี้ เราได้ไปลองเปลี่ยนสถานที่ทานข้าวมาอยู่บนเรือบ้าน บรรยากาศสุดคลาสสิกพร้อมได้ชมวิวทิวทัศน์ทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำสุมิดะขณะที่เรือล่องไปเรื่อยๆ ในเวลาสองชั่วโมงกว่า เห็นรูทเส้นทางเรือแล้วบอกเลยว่าจัดเต็มจริงๆ
เส้นทางเดินเรือล่องแม่น้ำสุมิดะหฤหรรษ์ของเราคือเริ่มตั้งแต่จุดขึ้นเรือ ล่องไปตามแม่น้ำสุมิดะแล้วไปถึงด้านหน้าของโอไดบะ ขณะที่เรือลอดผ่านใต้สะพานสายรุ้งนั้น คว้ากล้องมารัวถ่ายภาพจนลืมทานข้าวไปสักพักเลย
วิวริมแม่น้ำที่จะทำให้คุณต้องเหลียวมองตาม โตเกียวทาวเวอร์สวยเด่นตระหง่านในยามค่ำคืนจริงๆ โดยที่เรือจะหยุดแวะพักให้เราขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าของเรือเป็นระยะ แล้ววนกลับมาเพื่อแวะชมโตเกียวสกายทรีอย่างใกล้ชิด แล้วจึงค่อยกลับมายังจุดที่ขึ้นเรือเหมือนเดิม
พอเรือออกจากฝั่งปุ๊บพนักงานเอาเมนูเครื่องดื่มมาให้เราเลือก ซึ่งจัดเสิร์ฟให้เราตลอดทั้งทริป แบบไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำผลไม้ ก็สามารถเลือกดื่มได้ไม่ซ้ำ ตลอดสองชั่วโมงกว่าที่อยู่บนนี้ พูดได้เลยว่าแค่ดื่มเครื่องดื่มก็คุ้มจริงๆ จ้า
นี้คืออุปกรณ์สำหรับแคะแกะปู เพราะเมนูที่เราได้ช่วงฤดูหนาวจะเป็นปู ที่นี่เสิร์ฟอาหารตามฤดูกาล เราสามารถเลือกเมนูได้ตั้งแต่จองที่นั่งผ่านทางเวบไซต์ (ต้องจองล่วงหน้าจะสะดวกกว่าการ walk in ที่ต้องมาจองเองถึงที่ร้านก่อนเวลาเรือออก 2 ชั่วโมง)
กุ้งทอดเทมปุระ มาพร้อมแป้งนุ่มกรอบ ทอดสดใหม่ๆบนเรือเลยนะ พนักงานทอดเสร็จแล้วก็ถือถาดออกมาเสิร์ฟถึงตรงหน้าเราเลย
หากเราแคะปูไม่เป็น พนักงานจะเดินมาช่วยเลย เอาจริงๆนะ เห็ฯเค้าแกะแล้วง่ายกว่าแกะปูม้าเยอะ ฮ่าๆ แต่ความอร่อยต้องยกนิ้วให้เลย และเนื้อเยอะ เคี้ยวเต็มปากเต็มคำมาก นี่แหล่ะเมนูสำหรับหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาดจริงๆ
ดูจากรูปก็รู้แล้วเนอะว่า อร่อยขนาดไหน ชิ้นเนื้อปูเต็มคำ หวานฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด แอบคิดเบาๆว่า หากจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดจะดีเลิศ เลอค่าขนาดไหนนะ ฮ่าๆๆ
ชนแก้วต่อไม่รอแล้วนะ ยิ่งดึกก็ยิ่งสนุก เพราะบรรยากาศแสงสีสองริมฝั่งแม่น้ำในช่วงค่ำกับการได้ทานมื้อค่ำแสนอร่อยกับครอบครัวหรือคนรู้ใจช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษที่สุด
มาต่อที่ซาชิมิ เนื้อมากุโระ หวานนุ่มมากจ้า ขนาดตอนที่กำลังพิมพ์บทความนี้อยู่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหวานนุ่มของซาชิมิอยู่เลย อยากกินอีกแล้วอ่ะ
เครื่องเคียงก็ไม่น้อยหน้าจ้า หัวคาบุ หัวไชเท้าดอง แตงกวา ให้รสชาติหวาน เปรี้ยว เวลาเคี้ยวให้ความรู้สึกกรุ่บๆ คือตัดรสสัมผัสกับอาหารอื่นๆ ได้ดีมาก ๆ (คนญี่ปุ่นชอบขนาดไหนนะหรอ ก็เรียกได้ว่าเป็นเครื่องเคียงที่มีติดทุกบ้านเลยนั้นแหละ)
เทมปุระผัก ปลาเนื้อขาวและกุ้งคือมีให้กินจนจบทริป พนักงานหนุ่มสุดหล่อจะเดินมาเสิร์ฟให้ตามคอร์สอาหารเรื่อย ๆ ให้จนต้องร้องขอชีวิต คือกินไม่ทันจริง ๆ จ้า เสิร์ฟบ่อยมาก หากใครกลัวมาแล้วไม่อิ่มบอกเลยว่าคิดผิด อิ่มจนต้องแบกท้องกลับบ้านกันเลยจ้าทริปนี้
โอ้ย…โอ้ย…โอ้ย โชว์เนื้อปูจ้า เนื้อปูแน่น ๆ ไม่อยากขึ้นจากเรือบ้านนี้เลยจริง ๆ อะไรจะดีงามขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว ทั้งอร่อย ทั้งอิ่ม แถมราคาก็ไม่แรง บรรยากาศก็ดี จะมีใครให้มากกว่านี้อีกไหมคะ
ดูขนาดของขาปูดูสิจ๊ะ ว่าน่าทานขนาดไหน เห็นรอยตามข้อต่อไหม เราเอากรรไกรตัดที่รอยข้อต่อก่อน และตัดตรงด้านข้างแนวยาวทั้งสองฝั่งซ้ายขวาแล้วค่อยใช้ที่เขี่ยเนื้อปูแกะเนื้อปูขึ้นมา
ทานข้าวไปก็ต้องเหลียวมองสองข้างฝั่งเป็นระยะๆ วิวเมืองหลวงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกสดชื่นและมีสีสันจริงๆ ต่างกับตอนกลางวันเลย
สักพัก พนักงานหนุ่มสุดหล่อก็เดินมาหาเราอีก อ๊ะ อ๊ะ มาจุดไฟให้เราต้มซุปอุด้งจ้า ที่เค้าเอามาตั้งเสิร์ฟยั่วเราไว้ตั้งแต่เราลงเรือมา พอซุปเริ่มเดือด โห!!! คือกลิ่นยั่วยวนมาก ถึงกับต้องวางตะเกียบจากอาหารจานอื่น ๆ เพื่อนั่งรอให้ซุปกับอุด้งสุกกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
ถึงแม้อาหารจะมีให้เลือกไม่หลากหลาย แต่ทุกอย่างก็มาเสิร์ฟให้เยอะมาก อย่างเจ้าหม้อซุปอุด้งนี้ก็มาเสิร์ฟให้ตามปริมาณที่พอกับจำนวนคน เรียกว่าจนอิ่มเลยล่ะ
ตัวหมูนุ่มมาก ผักสดและหวานมาก น้ำซุปก็กลมกล่อมมาก คือมากทุกอย่างจริงๆ รวมถึงปริมาณที่ให้มาด้วย ฮ่าๆๆๆ เรียกได้ว่ากินไม่หมดนะจ๊ะพี่จ๋า ขณะที่คิดอยู่ก็ซดน้ำซุปเสียงดังมาก
เส้นอุด้งนุ่มๆ ที่พอสุกแล้วก็ไม่มีใครรอกันเลยจ้า จ้วงไม่ยั้ง กินไม่พูดไม่จา เหมือนกับว่าไม่ได้มาด้วยกันเลยเวลานี้ อากาศหนาวๆ ซดซุปอุ่น ๆ คือดีต่อใจมาก ๆ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีให้เลือกนะ ไวน์ขาวและไวน์แดงถูกนำมาเสิร์ฟให้ตลอดทั้งทริปไม่มียั้งไม่มีหวง หรือหากใครไม่ดื่มไวน์ก็มีทั้งสาเก เบียร์ วิสกี้ เหล้าบ๊วย และโชจู (เหล้าญี่ปุ่น) ไว้คอยบริการให้ตลอดด้วยนะ ดื่มหมดแล้วเรียกเติมได้เลย
พอกินได้สักพักความหิวโหยลดน้อยลง เราก็ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าของเรือ พอขึ้นไปถึงด้านบน ทันทีที่หน้าปะทะความหนาวกับแสงยามค่ำคืน คุณคะ อยากไปยืนเป็นโรสในเรื่องไททานิคขึ้นมาทันที บรรยากาศโรแมนติกมากจ้า
ตัวเรือจะจอดเทียบที่ริมฝั่งโอไดบะ เพื่อให้เราได้ออกมายืนถ่ายภาพนิ่งของวิวริมแม่น้ำอยู่ประมาณ 15 นาที จนอิ่มใจ ก่อนที่จะแล่นเรือย้อนกลับไปที่โตเกียวสกายทรี เพื่อนำเราไปส่งขึ้นฝั่งที่จุดเดิม
ภาพอาหารที่มาแบบ full course แต่สังเกตว่าเนื้อปูหมดก่อนเลยจ้า ฮ่าๆ จริงๆ อยาก ให้ดูบรรยากาศรอบๆด้านนอกเรือละกันว่าดีขนาดไหน และเป็นวิวแบบนี้ไปตลอดทั้งสองฝั่งซ้ายขวาเลย
ห้องน้ำบนเรือ ขอบอกว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ เพราะตกแต่งไว้อย่างสวยงามและสะอาดเรียบร้อย ดังนั้นตลอดการเดินทางในทริปนั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเข้าห้องน้ำเลยจ้า ทานไปให้เต็มที่เลย
ขนมหวานตบท้ายของมื้อนี้ หน้าตาน่ารัก เป็นแป้งโมจินุ่มๆเคลือบด้านนอกด้วยรสกาแฟคาราเมล ส่วนด้านในเป็นครีมคัสตาร์ด เคี้ยวทานง่ายและอร่อยมากๆ รสชาตินี้ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนเลย เรียกว่าเป็นขนมหวานสูตรเด็ดมัดใจลูกค้าอย่างเราเลย
และไม่ต้องกังวลใจเรื่องความปลอดภัยในขณะที่ล่องเรือ เพราะนอกจากที่ร้านจะปฏิบัติและดูแลความปลอดภัยแก่ลูกค้าทุกคนอย่างเข้มงวดแล้ว ยังมีอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือยามฉุกเฉินบนเรือด้วยนะ สบายใจหายห่วงเลย
พนักงานหนุ่มผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้เราตลอดทั้งทริปที่อยู่บนเรือ พนักงานทุกคนยิ้มแย้มและอัธยาศัยดี หากมีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติม สามารถแจ้งได้ตลอดเวลา
จุดแวะพักอีกที่ของเรือดินเนอร์เราก่อนที่จะกลับถึงฝั่ง คือ การมาหยุดเพื่อชื่นชมโตเกียวสกายทรีอย่างใกล้ชิด และช่วงนี้เป็นช่วงก่อนจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เราเลยได้เห็นการเล่นไฟแสงสีอย่างสวยงามเลย เรือจอดให้เราถ่ายรูปอย่างเต็มอิ่ม ราว 15 นาที
มาเล่าถึงการเดินทางมาบ้าง ว่าไปง่ายแสนง่ายขนาดไหน เราใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีKuramae และเดินต่ออีกนิดหน่อย หากใครชอบเดินเล่น ในวันที่อากาศดีๆ ก็เดินจากอาซาคุสะมาที่นี่ได้ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที แต่บรรยากาศดี เดินเล่นมาได้เรื่อยๆนะ
Umayabashi bridge สะพานก่อนที่จะถึงหน้าร้านและจุดขึ้นเรือ สวยมากๆ หยุดยืนถ่ายรูปตรงนี้ทั้งขาไปและขากลับเลย แสงไฟในยามค่ำคืนของกรุงโตเกียว ทำให้การท่องเที่ยวของเรานั้นดูมีสีสัน สนุกขึ้นมาทันที เก็บภาพตรงนี้ได้อีกหลายสิบใบอีกแล้ว
ทันทีที่ลงสะพานปุ๊บจะเจอสี่แยกไฟแดง ร้านอยู่ตรงไฟแดงเลย หาง่ายมากๆ เราควรไปถึงร้านก่อนเวลาเรือออกไม่ต่ำกว่า 15 นาทีนะ เพราะต้องรวมตัวกัน ก่อนที่เจ้าของร้านจะเดินนำทางพาแขกทุกท่านไปขึ้นเรือ
รับโบชัวร์ของเรือมาเพื่ออ่าน มีข้อมูลของร้านและรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือ จะได้เตรียมตัว เตรียมกล้องถ่ายรูปไว้
เรือบ้าน หรือ Tsurishin จอดรอที่ริมฝั่งใกล้กับใต้สะพาน Umayabashi สามารถเหมาเรือจองทริปแบบหมู่คณะ หรือมาแค่สองท่านก็ได้ ถ้าเป็นช่วงซากุระบาน จะเป็นบรรยากาศการล่องเรือจะเป็นการชมดอกไม้แทน
เจ้าของร้านจะพาแขกทุกท่านข้ามถนนจากร้านเพื่อมายังเรือ แล้วจะยืนส่งเราและแขกทุกท่านจนเข้าด้านในเรือเลย ซึ่งต้องถอดรองเท้าไว้ที่ด้านนอก พอเรือออก เจ้าของร้านก็ยืนโบกมือบ๊ายบายที่ฝั่ง เผลอบ๊ายบายตอบไป ฮ่าๆ
ส่งแขกทุกท่านถึงฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว พนักงานก็ปิดผ้าม่านของเรือ ก่อนที่จะค่อยๆปิดไฟแต่ละดวงลงไปจนสู่ความมืดในที่สุด ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ เดินจะไม่ไหวแล้ว อิ่มเหลือเกิน
Yakatabune Funayado-Tsurishin
ที่อยู่ | 1-3-11 Honjo, Sumida-ku, Tokyo |
---|---|
วิธีเดินทาง | รถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานี Kuramae Oedo line ทางออก 7 เดินต่อ 2 นาที Toei Asakusa line ทางออก 2 หรือ 4 เดินต่อ 5 นาที สถานี Ryogoku โดยสาย Sobu line ทางออก West exit เดินต่อ 10 นาที |
เวลาทำการ | กลางวัน 11.30 น.- 12.30 น. กลางคืน 17.30 น. – 19.00 น. |
ราคา | นั่งเรือ 2 ชั่วโมง 30 นาที ท่านละ 12,000 เยนขึ้นไป |
โทรศัพท์ | 03-3622-3572 |
Website | Yakatabune Funayado-Tsurishin |
รายละเอียดเพิ่มเติม
อีเมลจองชุดยูกาตะใส่บนเรือ wasouyakata-123@yahoo.co.jpอีเมลจองทานข้าว info@yakatabune-tsurishin.com