10 ที่เที่ยวยามากาตะ (Yamgata) สัมผัสธรรมชาติ พร้อมบอกข้อมูลการเดินทาง

ทำความรู้จัก จังหวัดยามากาตะ

เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ แผนที่จังหวัด Yamagata ดูแล้วเหมือนหน้าคนจริง ๆ นะ ติดกับทะเลญี่ปุ่น มีอาณาเขตติดกับจังหวัดนีงาตะทางทิศตะวันตก จังหวัดฟูกูชิมะทางทิศใต้ จังหวัดมิยางิทางทิศตะวันออก และจังหวัดอากิตะทางทิศเหนือ เราสามารถนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวมาถึงบริเวณตอนในแผ่นดินได้โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที – 3 ชั่วโมง 40 นาที เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้เป็นที่สุด เพราะมีหลากหลายแบบให้เลือกทาน อีกทั้งรสชาติยังอร่อยสุดๆ

การเดินทางมายังยามากาตะ

รถไฟ

มีสถานีรถไฟหลักๆ อาทิ สถานีโยเนซาว่า (Yonezawa), สถานียามากาตะ (Yamagata), สถานีเท็นโด (Tendo) และสถานีชินโจ (Shinjo) หรือจะนั่งรถไฟชินคังเซ็น และรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express Train) มาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง สถานีรถไฟที่จอดหลักๆ คือสถานีทสึรุโอกะ (Tsuruoka) และสถานีซากาตะ (Sakata)

เครื่องบิน

หากต้องการนั่งเครื่องบิน สามารถนั่งเครื่องบินภายในประเทศมาลงที่ สนามบินยามากาตะ หรือ สนามบินโชไนได้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

การเดินทางมายังยามากาตะ

แนะนำที่เที่ยว ยามากาตะ ห้ามพลาด

เอาล่ะ หลังจากรู้จักจังหวัดยามากาตะกันไปแล้ว เราก็ไปดูที่เที่ยวที่น่าสนใจในยามากาตะกันเถอะ ขอบอกว่าเด็ดๆ อ่านให้จบนะ ด้านล่างมีบอกวิธีการเดินทางในยามากาตะด้วย

วัด Rissyakuji หรือ วัด Yamadera

วัดริชชะคุจิ หรือ ยามะเดระ แห่ง Yamagata เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินภูเขาสูง ท้าทายให้คุณไปพิชิต กับบันได 1,015 ขั้น รับรองได้ว่าหากคุณก้าวข้ามผ่านทั้ง 1,015 ก้าวนี้ไปได้ก็จะพบกับความสงบจากธรรมชาติที่จะทำคุณให้เข้าถึงหลักธรรมนั่นเอง

Cr: yamaderakankou

Cr: yamaderakankou

ในการเดินเพื่อที่จะไปยังแต่ละจุดสำคัญในวัดนั้นคุณจะได้ชื่นชมกับวิวสวยงามระหว่างที่อุดมสมบูรณ์ไปตามแต่ละฤดูที่เราแวะเข้าชม

Rissyakuji Temple

ภูเขา Dewa sanzan

Cr: dewasanzan

เป็นภูเขาที่ประกอบด้วย 3 ยอดเขา นั่นก็คือ ยอดเขา Yudono ยอดเขา Gassan และยอดเขา Haguro ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัด ยามากาตะ เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นโบราณ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางแสวงบุญของญี่ปุ่น

Cr: dewasanzan

Yudonosan Shinto shrine เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Yudono ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ปฏิบัติธรรม ท่ามกลางวิวที่สวยงาม ความเงียบสงบ เพื่อให้คุณได้เข้าถึงธรรมอย่างลึกซึ้งนั่นเอง

Cr: dewasanzan

Gassan เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดใน 3 ยอดของ Dewa sanzan โดยในช่วงฤดูหนาวการเดินทางจะยากลำบากมากเพราะหิมะที่หนามากๆ เลยทีเดียว จึงเหมาะสำหรับการไปในช่วงฤดูร้อน แต่ต้องระวังหินที่ลื่นด้วยนะ และบนยอดเข้านั้นจะมีศาลเจ้าอยู่ โดยในบริเวณของ Gassan เนี่ยยังมี Onsen ด้วย

Cr: dewasanzan

ส่วนบนยอดเขา Hagurosan นี้มีทั้งวัด ศาลเจ้า และเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ มีอายุถึง 600 ปี ที่มี 5 ชั้นด้วยกัน และนอกจากนั้นในบริเวณเดียวกัน ยังมีต้นไม้เก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี เป็นต้นสนที่มีลำต้นขนาด 10 เมตร

นอกจากนี้ยังสามารถลองใส่ชุดขาวชิโระโชโซกุ ที่ไม่สามารถหาได้ใส่ได้จากที่ไหน ต้องที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

Dewa sanzan

Zao Ski – Zao Ropeway

Cr: Zao Ropreway

ที่ลานสกี Zao ในช่วงฤดูหนาวนั้น จะเกิดปรากฏการณ์ Snow monster ซึ่งหาชมได้ค่อนข้างยาก ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าไปชม รวมถึงที่นี่ยังเป็นลานสกีซึ่งเหมาะสำหรับการซ้อมแข่งสกีเป็นอย่างยิ่ง

Cr: Zao Ropreway

Cr: zao-ski

ทำให้มีนักสกีระดับมาฝึกซ้อมที่นี่เป็นจำนวนมากท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว และสามารถเดินไปยังปากปล่องภูเขาไฟ Zao เพื่อชมทัศนีย์ภาพความสวยงามที่หาชมได้ยากอีกด้วย

Zao Ski

Zao Onsen

Cr: zao-spa

หลังจากที่เล่นสกีท่ามกลางอากศหนาวกันไปแล้ว เรามาต่อกันที่ออนเซ็น Zao ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศดี ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการแช่น้ำร้อน

Cr: zao-spa

ณ ออนเซ็นแห่งนี้ ถูกเรียกขานกันว่า Springs of Beauty เลยเชียวนะ มาแช่แล้วได้ผ่อนคลายสบายใจแน่นอน

Zao Onsen

สวนสาธารณะ Kajo

Cr: Raita Futo

ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟยามากาตะ โดยในอดีตเคยเป็นปราสาทมาก่อน ซึ่งในส่วนของปราสาทนั้นได้พังทลายไปแล้ว แต่ปัจจุบันได้มีการบูรณะบางส่วนให้ได้เข้าชมกัน

สวนแห่งนี้ยังเป็นที่พักผ่อนของชาวยามากาตะ และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ เป็นอีกหนึ่งจุดสำหรับการมารับชมซากุระที่ถูกปลูกอยู่รายล้อมบริเวณปราสาทนั่นเอง

สวนสาธารณะ Kajo

Ginzan onsen

หมู่บ้านออนเซ็นเก่าแก่ที่มีอายุกว่าพันปี ที่จะทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าย้อนยุคไปสู่ญี่ปุ่นสมัยก่อนเชียวล่ะ

Cr: Scott Edmunds

โดยบริเวณรอบๆ นี้ เป็นโรงแรมที่เปิดเป็นออนเซ็นทั้งสิ้น สำหรับใครที่เป็นสาวกออนเซ็น ไม่ควรพลาด เพราะออนเซ็นที่นี่มีชื่อเสียงติดอันดันต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยนะ

Ginzan onsen

Studio Sedic Shonai ฉากโรงภาพยนตร์

Cr: openset.s-sedic

สถานที่จำลองหมู่บ้านโบราณสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์แห่งนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงศิลปการต่อสู้ของญี่ปุ่น และชมบ้านเมืองแบบโบราณในที่เเดียวกัน สำหรับใครที่อยากลองไปดูฉากการถ่ายหนังของญี่ปุ่นสักครั้ง แนะนำที่นี่เลย

Cr: location.s-sedic

เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปคงหาโอกาสได้ยาก ที่จะได้ไปสัมผัสกับโลเคชั่นถ่ายหนังอะไรแบบนี้ได้ ถ้ามีโอกาสได้ไปยามากาตะแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปที่นี่นะ

Studio Sedic Shonai

แม่น้ำ Mogamigawa ล่องเรือชมวิวสวย

Cr: 最上峡芭蕉ライン観光株式会社

ล่องเรือท่ามกลางธรรมชาติชมบรรยากาศธรรมชาติตามแต่ละฤดูในแม่น้ำ Mogamigawa

Cr: 最上峡芭蕉ライン観光株式会社

Cr: 最上峡芭蕉ライン観光株式会社

ไม่ว่าจะเป็น ดอกซากุระที่ขึ้นอยู่บนภูเขาและดอกอาซาเลียในฤดูใบไม้ผล และฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือจะชมหิมะขาวโพลนในช่วงฤดูหนาว ก็ฟินสุดๆ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศความโรแมนติก ให้คุณได้ดื่มด่ำความสุข พักผ่อนในแบบที่คุณต้องอยากกลับไปอีกรอบแน่นอน

Mogamigawa

Tanada (Ippommatsu Park) of sawarahei

ยามากาตะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีจุดเด่นเรื่องของการทำนาข้าวขั้นบันไดที่สวยมากแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และถ้าหากคุณไปตรงช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ คุณจะได้พบกับรวงข้าวสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่งไล่ระดับเป็นลงมาอย่างสวยงาม พบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในชนบทที่แท้จริง

Tanada (Ippommatsu Park) of sawarahei

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคาโมะ (Kamo Aquarium)

ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ได้รวบรวมเอาแมงกระพรุนจากหลากหลายสายพันธ์ทั่วทุกมุมโลก และยังมีตู้วงกลมขนาดใหญ่ที่มีเหล่าแมงกระพรุนแหวกว่ายกันจนเหมือนกับเป็นดวงดาวบนท้องห้าท่ามกลางความมืด นอกจากนี้ยังมีราเม็งและไอศครีมที่ทำจากแมงกระพรุนอีกด้วย ถ้าใครสาวก Jellyfish ล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่นี่

Mogamigawa

การเดินทางภายในยามากาตะ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

การเดินทางภายในยามากาตะ

JR Pass ที่แนะนำใน ยามากาตะ

ถ้าพูดถึงการเดินทางทางแล้วหลายๆ คนต้องนึกถึง JR Pass พาสการเดินทางที่ครอบคลุมทั้งญี่ปุ่น และสำหรับที่ ยามากาตะ แล้วมี JR Pass ที่แนะนำให้ใช้ที่นี่ก็คือ JR EAST PASS (Tohoku area) ซึ่งเป็นพาสที่สามารถใช้เดินทางได้ทั่วพื้นที่ Tohoku ใช้แบบ 5 วันติดต่อกัน สามารถใช้นั่งชินคันเซนได้ด้วย ในราคาเพียง 20,000 เยน

รายละเอียดเกี่ยวกับพาสเพิ่มเติม

สำหรับใครที่สนใจพาสนี้ในการเดินทางสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

JR EAST PASS Tohoku area พาสเดียวเที่ยวโทโฮคุให้จุใจไปเลย

ข้อมูลการใช้พาสและบอกช่องทางการซื้อพาส

ช่องทางการซื้อพาส

หรือใครที่อยากสั่งซื้อพาสง่ายๆ ไม่ต้องไปซื้อด้วยตัวเอง สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวก่อนการเดินทางก็สั่งได้เลยที่นี่

ตั๋ว JR Tohoku-South Hokkaido Rail Pass Flexible สำหรับ 5 วัน

ซื้อผ่าน Klook ในราคาสุดคุ้ม ถูกกว่าซื้อเองที่ญี่ปุ่น!

สภาพอากาศที่ต้องรู้ใน อาโอโมริ

ในฤดูร้อนมีลักษณะ อุ่น ออกไปทางร้อนอบอ้าว และฤดูหนาวมีลักษณะ ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หิมะตกมาก โดยทั่วไป อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ -6°C ถึง 27°C และน้อยมากที่จะอยู่ต่ำกว่า -9°C หรือสูงกว่า 31°C โดยในจังหวัดยามากาตะ จะมีหิมะค่อนข้างสูงเหมาะสำหรับการเล่นสกีเป็นอย่างมาก

การแต่งตัวเที่ยวใน ยามากาตะ

สำหรับใครที่มองหาว่าไปที่นี่จะแต่งตัวยังไง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวมากๆ ลองมาดูนี่กันเลย รับรองแต่งไม่บ้งถูกฤดูไม่เทอะทะ

เทคนิค แต่งตัวไปญี่ปุ่นหน้าหนาว ให้อุ่นสบาย ไม่อ้วนกลม!

บอกครบทุกสภาพอากาศ ห้ามพลาด!

แต่สำหรับใครที่มองหาการแต่งตัวไปเที่ยวฤดูร้อนในญี่ปุ่น แบบสบายๆ แต่งชิลๆ ในช่วงร้อนของญี่ปุ่นที่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าร้อนมากๆ จะต้องแต่งยังไง หนาบางแค่ไหนก็มาทางนี้เลย

แนะนำการ แต่งตัวสไตล์ญี่ปุ่น หน้าร้อน จาก 3 แบรนด์ฮิต

หน้าร้อนไม่ร้อนใจ แต่งตัวเข้ากันฤดูเที่ยวเพลิน

อาหารขึ้นชื่อ ของดีต้องลอง จังหวัดยามากาตะ

เนื้อวัวโยเนะซาวะ

หากมาที่ยามากาตะจะพลาดไม่ได้เลยที่จะลิ้งลอง เนื้อวัวโยเนะซาวะ เนื้อญี่ปุ่นคุณภาพดีที่ถูกรังสรรออกมาเป็นเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุกี้ยากี้ ชาบูชาบู หรือซูชิ ก็อร่อยทั้งนั้น สำหรับใครสายเนื้อห้ามพลาด

อิโมะนิ

นอกจากนี้เนื้อแล้วเรายังมีเมนู อิโมะนิ หรือ ซุปเผือกต้มทรงเครื่อง โดยที่นี่มีงานเทศกาล “งานเทศกาลอิโมะนิ ” ที่จะทำต้มหม้อใหญ่ๆ แสะอร่อยให้ทานกัน

ผลไม้

ยามากาตะเป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้มากๆ โดยเฉพาะเชอร์รี่ และหากมาที่นี่ก็อย่าลืมมาเก็บผลไม้สดตามฤดูกาลกินกันที่สวนแบบสดใหม่จากมื้อ รับรองว่าประทับใจแน่นอน

ข้อสรุป

เป็นยังไงบ้างกับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ยามากาตะ ฟินสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นเมืองที่ห่างไกลจากความเจริญไปบ้าง แต่ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวสวยไม่เป็นสองรองใครเลย เพราะเรียกได้ว่ารวมทุกสิ่งที่หาพบเจอได้ยากนอกจากที่นี่เท่านั้น ถ้าใครที่อยากมาหรือมีแพลนที่จะท่องเที่ยวในภูมิภาค Tohoku ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันที่นี่นะคะ