1. หาดจิจิบุกะฮามะ หรือชายหาดเงาสะท้อน (Chichibugahama Beach)
Chichibugahama Beach ตั้งอยู่ที่เมืองมิโทโยะ ในจังหวัดคากาวะ เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 100
จุดชมอาทิตย์อัสดงที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างไม่ขาดสาย
โดยตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร คุณจะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ ทัศนียภาพที่สวยงาม และความอุดมสมบูรณ์
ของธรรมชาติ ไม่ว่าใครมาเที่ยวภูมิภาคชิโกกุก็พลาดไม่ได้ที่จะแวะมาชมความสวยงามของชายหาดแห่งนี้
ในฤดูร้อนของทุกปี ที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำกันอย่างคับคั่ง เมื่อน้ำลงก็จะเกิดเป็นแอ่งน้ำบริเวณชายหาด ซึ่งเป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพท้องฟ้าให้ได้ถ่ายภาพเงาสะท้อนสุดมหัศจรรย์ไปอวดคนทางบ้าน
ได้อีกด้วย รวมถึงมุมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย นับเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่หาไม่ได้ง่ายๆ
หาดจิจิบุกะฮามะ หรือชายหาดเงาสะท้อน (Chichibugahama Beach)
ที่อยู่ | 203-2 Nio Otsu, Nio, Mitoyo, Kagawa 769-1404 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Yosan มาลงที่สถานีรถไฟ JR Takuma จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปยัง Chichibugahama Beach ใช้เวลาประมาณ 15 นาที |
เวลาที่แนะนำ | ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน |
Website | Chichibugahama Beach (ภาษาญี่ปุ่น) |
2. แองเจิล โรด (Angel Road)
แองเจิล โรด ทางเดินของเหล่านางฟ้า บนเกาะโชโดชิมะ ทางตอนเหนือของจังหวัดคางาวะ เมื่อน้ำลงจะเผยให้เห็นทางเดินโผล่ขึ้นมาเชื่อมทั้ง 3 เกาะไว้เอาด้วยกัน ทำให้ได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผืนน้ำ โขดหินที่มีสาหร่ายทะเล
เกาะติดอยู่ก็ดูงดงามในแบบที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
ในแต่ละเกาะจะมีแผ่นไม้และเปลือกหอยหลายชิ้นถูกเขียนข้อความจารึกและแขวนไว้ เพื่อขอให้ความรักของทั้งคู่ยืนนาน อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าหากได้เดินจูงมือเดินข้ามเกาะทั้ง 3 ไปกับคนที่คุณรัก จะทำให้ความรักของทั้งคู่
เป็นนิรันดร์
สำหรับใครที่อยากชมวิวโดยรอบของแองเจิล โรด ก็มีจุดชมวิวที่สวยที่สุด เรียกว่า Yakusoku no Oka หรือ Hill of Promise ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแองเจิล โรดได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสีฟ้าครามกว้างใหญ่หรือเกาะเล็กเกาะน้อยไล่เรียงกันไปจนสุดลูกหูลูกตา บรรดาคู่รักทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติต่างนิยมมาให้คำมั่นสัญญากันที่นี่ แล้วลั่นระฆังเพื่อเป็นสัญญาณว่าความรักของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป
อย่างไรก็ดีปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงถือเป็นเรื่องของธรรมชาติ ก่อนไปเที่ยวก็อย่าลืมเช็คเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวันกันด้วยนะ จะได้ภาพสวยประทับใจกลับมามากมายเลยล่ะ
แองเจิล โรด (Angel Road)
ที่อยู่ | Ginpa Ura, Tonosho, Shozu, Kagawa 761-4661 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งเรื่อเฟอร์รี่ จาก Takamatsu Port มาลงที่ Tonosho / Keda / Kusabei Port ใช้เวลาประมาณ 60 นาที (มีแบบเร็วประมาณ 35 นาที เเต่ราคาจะสูงขึ้น) |
Website | Angel Road (ภาษาญี่ปุ่น) |
3. พิพิธภัณฑ์ศิลปะบ้านเบเนส (Benesse House Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะบ้านเบเนส เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ ที่รวมเข้ากับรีสอร์ทบนชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของเกาะนาโอชิมะ ในจังหวัดคากาวะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากแนวความคิด “ความกลมกลืนของธรรมชาติ ศิลปะ และสถาปัตยกรรม” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตมนุษย์นั้นต้องสอดคล้องกับศิลปะและธรรมชาติ
โดยประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 4 หลัง ได้แก่ อาคารพิพิธภัณฑ์ ห้องวงรี (The Oval) สวนสาธารณะ
และชายหาด ซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง Ando Tadao
อาคารหลักของบ้านเบนเนส คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือทะเล ภายในมีการจัดแสดง
ผลงานศิลปะต่างๆ จากในประเทศและต่างประเทศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของเกาะนาโอชิมะและสถาปัตยกรรมต่างๆ บนเกาะ หนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ก็คือ เพดานรูปทรงไข่ ที่ไม่ว่าใครที่มาเยี่ยมชมต่างก็ให้
คำวิจารณ์ในด้านบวก เพราะงานออกแบบชิ้นนี้ไม่ใช่แค่สวยงามแปลกตาเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นแก่นแท้ของ
องค์ประกอบศิลป์ที่เรียกว่า “ธรรมชาติ” อีกด้วย
นอกจากภายในอาคารแล้ว ที่นี่ยังมีชิ้นงานศิลปะอีก 12 ชิ้นตั้งอยู่บนสนามหญ้าและรอบชายหาดใกล้ๆ โดยเฉพาะประติมากรรมฟักทองที่เป็นไอคอนประจำเกาะ และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้า และสปาที่เปิดให้บริการ
แก่แขกที่มาเข้าพักและนักท่องเที่ยวที่มาในช่วงกลางวัน ถ้าคุณเป็นนักเสพศิลปะล่ะก็ นาโอชิมะก็เป็นอีกหนึ่งที่
ที่ต้องไม่พลาด
พิพิธภัณฑ์ศิลปะบ้านเบเนส (Benesse House Museum)
ที่อยู่ | Kototanji, Naoshima, Kagawa, Kagawa 761-3110 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งเรือ Shikoku Kisen Ferry ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ Shikoku Kisen Ferry ซึ่งอยู่ไปไกลจากสถานี JR Uno เพื่อข้ามไปยังเกาะ Naoshima Island เเล้วมาลงที่ท่าเรือ Miyanoura จากนั้นนั่ง รถบัสไปลงที่ Tsutsujiso Bus Stop ตั้งอยู่ทางประตูตะวันออกของ Benesse House แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาที |
เวลาทำการ | 08.00 – 21.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 20.00 น.) |
ราคา | 1,050 เยน *ฟรีสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และแขกที่เข้าพักที่ Benesse House |
Website | Benesse House Museum (ภาษาอังกฤษ) |
4. สวนมะกอกแห่งเกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Olive Park)
สวนมะกอกหรือโอลีฟปาร์ค ตั้งอยู่บนเกาะโชโดชิมะ จังหวัดคากาวะ ที่เป็นพื้นที่แรกในประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกมะกอก จนเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “เกาะโอลีฟ” ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
ภูมิทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม และกังหันลมอันโดดเด่น
เรื่องราวของต้นมะกอกเก่าแก่บนเกาะแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1917 นับเป็นเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ที่ต้นอ่อน
1,220 ต้น ได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ และ 1 ใน 1,220 ต้นนั้นก็ยังคงยืดหยัดอย่างสง่างามจนมาถึงปัจจุบัน
สวนที่มีขนาดกว่า 3 เฮคเตอร์เต็มไปด้วยกิจกรรมและจุดน่าสนใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปสต์การ์ดหาตนเองหรือคนสำคัญผ่านตู้ไปรษณีย์แห่งความสุขสีเขียวมะกอก ชมอาร์ตแกลเลอรี Artetra เล่นกับงานศิลปะของอิซามุ โนงุจิ ถ่ายรูปเป็นแม่มดน้อยน่ารักๆ เนื่องจากที่นี่เป็นต้นแบบของฉากในภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง “แม่มดน้อยกิกิ” และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่รักในความแปลกใหม่เป็นที่สุด
นอกจากนี้ภายในสวนยังมีร้านอาหารที่ใช้น้ำมันมะกอกในเกาะแห่งนี้มาเป็นวัตถุดิบปรุงรส เพื่อนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของเกาะโชโดชิมะออกมา ก่อนกลับยังสามารถซื้อสินค้าที่มีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้นกลับไปฝากให้กับ
คนทางบ้านได้อีกด้วย
สวนมะกอกแห่งเกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Olive Park)
ที่อยู่ | 1941 Nishimura, Shodoshima, Shozu, Kagawa 761-4434 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จาก Tonosho Port นั่งรถบัสสาย Sakate, Fukuda หรือ Eigamura ไปลงที่ Olive ga Oka ใช้เวลาประมาณ 25 นาที (บัสออกชั่วโมงละ 2 รอบ) |
เวลาทำการ | 08.30 – 17.00 น. |
Website | Shodoshima Olive Park (ภาษาอังกฤษ) |
5. ปราสาทมัตสึยะมะ (Matsuyama Castle)
ปราสาทมัตสึยามะ หนึ่งที่เที่ยวสำคัญในจังหวัดเอะฮิเมะ สร้างขึ้นในปี 1603 เป็น 1 ใน 12 ปราสาทที่ยังคงโครงสร้างดั้งเดิมเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าอาคารหลัก (Donjon) เคยถูกเพลิงไหม้จนต้องบูรณะใหม่จาก 5 ชั้น เหลือเพียง 3 ชั้น ในปี 1854 ก็ตาม แต่ปราสาทแห่งนี้ก็ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น “1 ใน 100 ปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น” และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเมืองอีกด้วย
เนื่องจากตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางเมืองมัตสึยามะ จึงจำเป็นต้องนั่งกระเช้าหรือเก้าอี้ลิฟท์ขึ้นไป
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะเต็มไปด้วยซากุระกว่า 200 ต้นออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณสวนรอบปราสาท
ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมดอกซากุระยอดนิยมของญี่ปุ่น
ความโดดเด่นของปราสาทมัตสึยามะแห่งนี้คือทัศนียภาพอันงดงามในทุกฤดูกาล และการขึ้นไปชมวิว 360 องศาบนหอคอยปราสาทนั่นเอง ภายในปราสาทมีการจัดแสดงหอกและชุดเกราะไว้ให้ชม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจัดเตรียมชุดเกราะที่สามารถลองสวมใส่ได้จริงๆ เอาไว้ให้อีกด้วย มาเที่ยวปราสาทมัตสึยามะทั้งที ลองใส่ชุดเกราะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ถือว่าดีไม่น้อย
ปราสาทมัตสึยะมะ (Matsuyama Castle)
ที่อยู่ | 1 Marunouchi, Matsuyama, Ehime 790-0008 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Matsuyama นั่งรถรางไปลงที่สถานี Okaido จากนั้นเดินประมาณ 5 นาที เพื่อไปยังสถานีกระเช้าหรือเก้าอี้ลิฟต์ |
เวลาทำการ | หอคอยปราสาท เดือนกุมภาพันธ์ – กรกฎาคม : 09.00 – 17.00 น. เดือนสิงหาคม : 09.00 – 17.30 น. เดือนกันยายน – พฤศจิกายน : 09.00 – 17.00 น. เดือนธันวาคม – มกราคม : 09.00 – 16.30 น. กระเช้าลอยฟ้า เดือนกุมภาพันธ์ – กรกฎาคม : 08.30 – 17.30 น. เดือนสิงหาคม : 08.30 – 18.00 น. เดือนกันยายน – พฤศจิกายน : 08.30 – 17.30 น. เดือนธันวาคม – มกราคม : 08.30 – 17.00 น. |
ราคา | ค่าเข้าชมปราสาท ผู้ใหญ่ 520 เยน เด็ก 160 เยน ค่าประเช้าลอยฟ้า (ไป-กลับ) ผู้ใหญ่ 520 เยน เด็ก(นักเรียนประถม) 260 เยน |
Website | Matsuyama Castle (ภาษาญี่ปุ่น) |
6. สถานีชิโมนาดะ (Shimonada Station)
สถานีชิโมนาดะ สถานีรถไฟในจังหวัดเอฮิเมะที่ควรจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง เป็นหนึ่งในสถานีที่มีชื่อเสียงและนิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำทั้งภาพยนตร์ อนิเมะ และโฆษณาชื่อดังมากมาย ด้วยองค์ประกอบสุดลงตัว
ไม่ว่าจะเป็น ชานชาลาขนาดเล็ก ม้านั่งรอรถไฟที่มีเพียง 2 แถว ชายฝั่งทะเลอิโยะ-นะดะ (Iyo-nada) และรถไฟ
สายโยะซัง (Yosan) ที่ยังคงวิ่งให้บริการอยู่ จึงไม่แปลกเลยที่แม้คนท้องถิ่นจะใช้เดินทางไม่มากนัก แต่กลับมี
นักท่องเที่ยวและสายถ่ายรูปแวะมาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย
เดิมทีที่นี่เคยเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ทะเลที่สุดจนกระทั่งเสียแชมป์จากการถมทะเลสร้างทางหลวงหมายเลข 378
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของสถานีชิโมนาดะแห่งนี้ลดน้อยลงเลย ชาวบ้านยังคงช่วยกันดูแลสถานีในฐานะ
สัญลักษณ์ประจำท้องถิ่น มีการปลูกดอกไม้อย่างสวยงาม ดูแลความสะอาดของชานชาลาและห้องน้ำ อีกทั้งยังมี
ร้านกาแฟเคลื่อนที่ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
สถานีชิโมนาดะ (Shimonada Station)
ที่อยู่ | Okubo, Futami, Iyo, Ehime 799-3311 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Matsuyama นั่งรถไฟสาย Yosan มาที่ลงสถานี JR Shimonada |
ตารางการเดินรถ | กดที่นี่ |
Website | Shimonada Station (ภาษาญี่ปุ่น) |
7. พิพิธภัณฑ์อันปังแมน (Kochi Anpanman Museum)
พิพิธภัณฑ์อันปังแมน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในเมืองคามิ จังหวัดโคจิ บ้านเกิดของ ทาคาชิ ยานาเสะ (Takashi Yanase) ผู้ให้กำเนิดอันปังแมน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีผลงานของคุณยานาเสะจัดแสดงอยู่มากมาย ภายในมีทั้งหมด 4 ชั้น ล้วนแต่น่ารักสมเป็นอันปังแมนสุดๆ
มีการจัดแสดงแกลอรี่ภาพร่างและภาพนิ่งขนาดใหญ่ของอันปังแมน ภาพสามมิติผองเพื่อนอันปังแมน รวมไปถึง
กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั่งชมอันปังแมนที่ห้องฉายอนิเมะ และถ่ายรูปเก๋ๆ กับอันปังแมนตามจุดต่างๆ
ชมรูปปั้น งานศิลป์ รวมไปถึงผองเพื่อนของอันปังแมนในอิริยาบถต่างๆ ที่จัดแสดงรอบพิพิธภัณฑ์ประดุจมีชีวิต
ในชั้นใต้ดินเป็นชั้นสำหรับเด็ก มีรูปปั้น่ารักๆ ขนาดเท่าตัวเด็กมากมาย ก่อนกลับก็ซื้อของฝากจากร้านขายของ
ในพิพิธภัณฑ์กลับไปเป็นที่ระลึกได้ด้วย หากคุณเดินทางมาแถบชิโกกุกับเพื่อนคู่ใจตัวน้อยล่ะก็…พิพิธภัณฑ์
อันปังแมนก็เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดเลยนะ
พิพิธภัณฑ์อันปังแมน (Kochi Anpanman Museum)
ที่อยู่ | 12242 Birafu, Kahokucho Birafu, Kami, Kochi 781-4212 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส JR สาย Ootochi จากสถานีรถไฟ JR Tosayamada (บนสาย JR Dosan) ไปยังพิพิธภัณฑ์ Anpanman ใช้เวลาประมาณ 25 นาที |
เวลาทำการ | 09.30 – 17.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.) 09.00 – 17.00 น. (เฉพาะวันที่ 20 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม) |
วันหยุด | ทุกวันอังคาร (หากเป็นวันอังคารที่ตรงกับวันหยุดจะทำการหยุดในวันถัดไป) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 700 เยน นักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย 500 เยน เด็ก (นักเรียนประถม หรือเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป) 300 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ฟรี |
Website | Kochi Anpanman Museum (ภาษาอังกฤษ) |
8. แม่น้ำชิมันโตะ (Shimanto River)
แม่น้ำชิมันโตะ อยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดโคจิ เป็นที่รู้จักกันในฐานะแม่น้ำที่มี “สายน้ำบริสุทธิ์แห่งสุดท้ายของญี่ปุ่นที่ยังคงเหลืออยู่” เพราะเป็นธารน้ำใสเส้นเดียวที่ไหลออกมาจากในภูเขา คดเคี้ยวไปมาและบรรจบกับแควน้ำต่างๆ จนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก มีความยาวทั้งสิ้นถึง 196 กิโลเมตร อุดมสมบูรณ์
ไปด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทัศนียภาพแห่งท้องทุ่งชนบททำให้ที่นี่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และบรรยากาศที่สัมผัสได้ถึง
ความเชื่อมโยงผูกพันระหว่างผู้คนกับสายน้ำได้เป็นอย่างดี
ตลอดทางจะได้จะพบกับสะพานจิงกะบาชิ (Chinka Bridge) อยู่หลายแห่ง เป็นสะพานเตี้ยๆ ที่สร้างโดยไม่มี
ราวกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สะพานถูกพัดไปกับน้ำตอนน้ำท่วม เป็นภาพที่เปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำ
ชิมันโตะ และสะพานเหล่านี้ก็ยังถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการมาเที่ยวชมแม่น้ำชิมันโตะคือ ช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
ที่มีกิจกรรมทางน้ำให้สมุกกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พายเรือแคนู ล่องแก่ง ปั่นจักรยาน หรือล่องเรือชมแม่น้ำไปกับ
เรือสำราญหรือเรือสำเภา เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวทางธรรมชาติยังคงความสวยงามของญี่ปุ่นในวันวานได้เป็นอย่างดี
เลยทีเดียว
แม่น้ำชิมันโตะ (Shimanto River)
ที่อยู่ | 8-3 Ekimae, Shimanto, Kochi 787-0014 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Kochi นั่งรถไฟ JR หรือรถไฟธรรมดาสาย Tosa Kuroshio มาลงที่สถานี Nakamura ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที |
เวลาทำการ | Shimanto City Tourism Association 08.30 – 17.30 น. |
Website | Shimanto River |
9. สะพานคาซูระบาชิ (Kazura-bashi Bridge)
สะพานคาซุระบาชิ คือสะพานที่สานขึ้นจากเถาวัลย์ที่เติบโตตามธรรมชาติในพื้นที่หุบเขาอิยะ จังหวัดโทคุชิมะ เชือกของสะพานจะทำจากไม้เลื้อย แต่มีน้ำหนักมากถึง 6 ตัน สูงจากแม่น้ำราว 14 เมตร และมีอายุยาวนาน
มากว่า 800 ปี
แต่เดิมนี่คือสะพานที่ชาวบ้านใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อข้ามแม่นํ้าอิยะไปยังอีกฝั่ง แต่ด้วยความที่สะพานนี้เป็นแบบดั้งเดิมและหายาก แถมธรรมชาติรอบข้างยังสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะแม่นํ้าอิยะสีเขียวมรกตตัดกับโขดหิน
สีขาว จึงได้รับการสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว unseen อันดับต้นๆ ของเกาะชิโกกุและได้รับความนิยม
จากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
นอกจากจะเป็นจุดชมวิวธรรมชาติอันงดงามในทุกฤดูกาลแล้ว ยังได้ความตื่นเต้นปนหวาดเสียวนิดๆ อีกด้วย เนื่องจากสะพานค่อนข้างสูง เมื่อเดินข้ามสะพานก็จะแกว่งไปมา จึงต้องค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง แต่มั่นใจในความปลอดภัยได้แน่นอน เพราะได้มีการเสริมความแข็งแรงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และมีการดูแลซ่อมแซม
เป็นประจำทุกๆ 3 ปี
สะพานคาซูระบาชิ (Kazura-bashi Bridge)
ที่อยู่ | 162-2 Nishi – Iyayamamura, Zentoku, Miyoshi, Tokushima 778-0102 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Oboke นั่งรถบัส Miyoshi Municipal Bus สาย Oboke มาลงที่ป้ายรถบัส Kazurabashi จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น – พระอาทิตย์ตกดิน เมษายน – 20 กรกฎาคม : 07.00 น. – 18.30 น. 21 กรกฎาคม – สิงหาคม : 06.30 น. – 19.00 น. กันยายน : 07.00 น. – 18.30 น. ตุลาคม – พฤศจิกายน : 07.00 น. – 17.30 น. ธันวาคม – 12 กุมภาพันธ์ : 08.00 – 17.00 น. 13 กุมภาพันธ์ – มีนาคม : 08.00 น. – 18.00 น |
ราคา | ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 550 เยน เด็ก (นักเรียนประถม) 350 เยน เด็กต่ำกว่าประถม ฟรี |
Website | Kazura-bashi Bridge (ภาษาอังกฤษ) |
10. ล่องเรือชมช่องเขาโอโบเคะ-โคะโบเคะ (Oboke-Koboke Gorges)
ช่องเขาโอโบเคะ-โคะโบเคะ ตั้งอยู่ในจังหวัดโทคุชิมะ เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของแม่น้ำโยชิโนะ(Yoshino River) ที่ไหลผ่านเป็นเวลานับล้านปี จนเกิดเป็นช่องเขารูปตัววี ภูมิทัศน์สวยงามแปลกตาคล้ายกับงานประติมากรรม จึงได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่น ที่นี่มีธรรมชาติงดงามทุกฤดู โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ที่แห่งนี้ก็จะงดงามไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี สีสันสะดุดตาไปทั่วทั้งบริเวณ
มาเที่ยวช่องเขาโอโบเคะ-โคะโบเคะทั้งที กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือ การล่องเรือชมความงามของช่องเขา
โอโบเคะแบบใกล้ชิด (Oboke Sightseeing Boat Cruise) เป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร โดยผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น
ขณะที่ล่องเรือยังมีการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
ใครชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าการล่องเรือชมวิว ที่นี่ยังมีบริการล่องแก่งไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก
บนแพยางที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
ทั่วโลกผู้ที่ชอบความท้าทายและความระทึกใจ
ล่องเรือชมช่องเขาโอโบเคะ-โคะโบเคะ (Oboke-Koboke Gorges)
ที่อยู่ | 1520 Nishiu, Yamashiro, Miyoshi, Tokushima 779-5451 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Okayama นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Limited Express Nanpu มาลงที่สถานี Oboke ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากนั้นเดินนั่งแท็กซี่ต่อไปอีกประมาณ 5 นาที เพื่อไปยังท่าเรือ |
เวลาทำการ | Oboke Sightseeing Boat Cruise 09.00 – 16.00 น. (รอบสุดท้าย 15.30 น.) |
ราคา | Oboke Sightseeing Boat Cruise ผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็ก (เด็กอายุ 3 ปี ถึงประถมศึกษา) 600 เยน **ระยะเวลาล่องเรือ 30 นาที |
Website | Oboke-Koboke Gorges (ภาษาญี่ปุ่น) |