Yasaka Shrine เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) หรือที่รู้จักกันในชื่อศาลเจ้ากิออน (Gion Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในเกียวโต ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1,350 ปีที่แล้ว ตั้งอยู่ระหว่างย่านกิออนและย่านฮิกาชิยามะจึงมักมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ขาดสายศาลเจ้ายาซากะตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของถนนชิโจโดริ หนึ่งในถนนสายหลักของเกียวโต เป็นถนนที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้าที่มีความหลากหลาย
มีความเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นก่อนยุคเฮอัน ส่งผลให้ที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี จวบจนปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น นอกจากนั้นศาลเจ้าแห่งนี้มีเทศกาลสำคัญๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยเทศกาลสำคัญหนึ่งในนั้นคืองานเทศกาลกิออนมัตสึริที่มักจะจัดกันในช่วงฤดูร้อนของทุกปี
ที่มาที่ไปของ Yasaka Shrine
มีหลายที่มาที่ไปของศาลเจ้ายาซากะแห่งนี้ หากดูจากบันทึกของศาลเจ้าแล้ว ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้ายาซากะ อาจย้อนกลับไปถึงปี 656 (ยุคอาสุกะ) มีผู้นำจิตวิญญาณของเทพซูซาโนะโอะโนะมิโคโตะ (Susanoo no Mikoto) มาสู่สถานที่แห่งนี้ ต่อมาในยุคโจกังปี 876 มีนักบวชจากจังหวัดนารา ได้สร้างวัดและประดิษฐานซูซาโนโอะโนะมิโคโตะขึ้นและศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีบทบาทสำคัญสำหรับจักรพรรดิในช่วงยุคต่อๆ มา
ในส่วนพื้นที่ฮอนเด็น (วิหารหลัก) มีความสูงอยู่ราวๆ 15 เมตร ตัวหลังคาทำจากเปลือกไม้ฮิโนกิ ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ที่มาสักการะจะใช้เชือกห้อยเพื่อตีระฆังขนาดใหญ่ก่อนจะเริ่มสวดมนต์บริเวณแท่นบูชาพร้อมทั้งอธิษฐาน ให้เหล่าทวยเทพช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายและปกป้องผู้สักการะจากภัยพิบัติทั้งปวง ส่วนด้านหน้าวิหารมีเวทีเต้นรำพร้อมโคมไฟหลายร้อยดวงที่จะส่องสว่างไสวในตอนเย็น โคมไฟแต่ละดวงนั้นมีชื่อขององค์กรธุรกิจในท้องถิ่นที่ทำการบริจาค สำหรับห้องโถงหลักนี้
ศาลเจ้ายาซากะ ยังขึ้นชื่อเรื่องช่วยมอบพลังด้านความรักอีกแห่งในเกียวโต
ที่ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้ายาซากะคือเทพซูซาโนะโอะโนะมิโคโตะ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งพายุและทะเลในตํานานญี่ปุ่นได้รับการประดิษฐานอยู่ที่นี่พร้อมกับภรรยา Kushiinada-hime และ Yahashira no Mikogami ลูกทั้งแปดของพวกเขา ศาลเจ้าจึงถูกมองว่าเป็นสถานที่แห่งความรัก ความสัมพันธ์ที่ดี และความกล้าหาญทางจิตวิญญาณด้วย จึงมีการสักการะด้วยเอมะรูปหัวใจ ให้เขียนชื่อและแขวนอยู่บริเวณหน้าศาลเจ้าได้ด้วยตัวเอง
ไฮไลท์ที่น่าสนใจ
ศาลเจ้ายาซากะ เกือบทุกสัปดาห์จะมีการจัดงานเทศกาลหรือกิจกรรมอยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เหล่ามิโกะ (หญิงสาวในศาลเจ้า) เต้นรำหรือฟังซามิเซ็น (เครื่องดนตรีสามสายของญี่ปุ่น) และบางทีก็มีแผงขายอาหารต่างๆ เรียงรายรอบบริเวณศาลเจ้า นักท่องเที่ยวจึงสามารถ เพลิดเพลินไปกับการชมศิลปะแบบดั้งเดิมและสัมผัสวัฒนธรรมอาหารของเกียวโต โดยช่วงเวลาที่แนะนำและไม่อยากให้พลาดเลยคือช่วงงานเทศกาลกิออนมัตสึริ ช่วงงานเทศกาลชมซากุระ และในวันเริ่มต้นปีใหม่
งานเทศกาลกิออนมัตสึริในเดือนกรกฎาคมของทุกปี
เทศกาลนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น เดิมทีเทศกาลนี้เป็นเทศกาลทางศาสนาที่จัดขึ้นที่ศาลเจ้ายาซากะ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสและเพลิดเพลินไปกับประเพณีดั้งเดิมของคนญี่ปุ่นที่มีมานานกว่าพันปีแล้ว โดยที่มาที่ไปของงานเทศกาลก็เพื่อบูชาเทพแห่งโรคระบาด และมีการจัดงานเทศกาลนี้ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกครั้งที่เกิดการระบาด จนกระทั่งกลายเป็นงานเทศกาลประจําปีตั้งแต่ปี 970 และยังคงจัดงานเทศกาลนี้มาจนถึงทุกวันนี้
โดยภาพน่าตื่นตาตื่นใจของงานเทศกาลนี้ก็คือรถแห่ที่มีล้อขนาดใหญ่ ซึ่งเคลื่อนที่ไปตามถนนสายหลักในเมืองเกียวโต โดยจะจัดกันทุกปีตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31 กรกฎาคม หากมีโอกาสมาเที่ยวเกียวโตช่วงเดือนนี้แนะนำให้มาชมงานเทศกาลฤดูร้อนสุดอลังการร่วมกับคนญี่ปุ่นดูสักครั้ง และในยุคปัจจุบันศาลเจ้ายาซากะยังทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการจัดงานเกี่ยวกับพิธีกรรมและกิจกรรมต่างๆ ในย่านนี้ รวมทั้งงานเทศกาลประจำปีด้วย นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่จัดการแสดงและพิธีกรรมที่มีไมโกะ และเกอิชาในท้องถิ่นมาร่วมแสดงเป็นประจำ
เทศกาลชมซากุระ
ช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปีรอบๆ เมืองเกียวโตและที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะโรแมนติกเป็นพิเศษเพราะเต็มไปด้วยความสวยงามของดอกไม้ ภาพผู้คนที่มุ่งตรงมาสัมผัสความงดงามของพื้นที่โดยรอบ การได้ชมดอกไม้ไปพร้อมกับบ้านเรือนแบบโบราณ เดินเข้าออกศาลเจ้า รวมทั้งถนนสวยๆ ในย่านเมืองเก่า ก็เป็นไฮไลท์แนะนำในช่วงเวลานี้ นักท่องเที่ยวนิยมพากันมีประสบการณ์สวมชุดกิโมโนแล้วเดินเที่ยวไปรอบๆ เมืองเพื่อสัมผัสความเป็นเมืองเก่าของเกียวโตอย่างใกล้ชิด
สวนมารุยามะ จุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเกียวโต
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่หลังศาลเจ้ายาซากะ เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีสระน้ำขนาดใหญ่และสะพานหลายแห่ง ในฤดูใบไม้ผลิเหล่าซากุระจะเปลี่ยนสวนแห่งนี้ให้กลายเป็นสถานที่ที่งดงามเหมาะสำหรับชมดอกไม้อย่างแท้จริง โดยบริเวณใจกลางสวนมีต้นซากุระสายพันธุ์ Shidarezakura จุดเด่นอยู่ที่มีกิ่งโน้มต่ำและดอกที่คล้อยลงมาเป็นพันธุ์ซากุระโบราณที่หาชมได้ยาก ช่วงกลางเดือนเมษายน ดอกซากุระที่อยู่ในสวนนี้จะกำลังบานสะพรั่งสวยงามมาก หลังจากชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถเดินไปยังพื้นที่รอบๆ สวน ที่มีถนนโบราณ บ้านและร้านอาหารญี่ปุ่นเก่าแก่ได้
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)
ที่อยู่ | 625 Gionmachi, Higashiyama, Kyoto, 605-0073 |
วิธีเดินทาง | เดิน 8 นาที จากสถานี Gion-Shijo Station |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Yasaka Shrine |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
ไม่ไกลจากศาลเจ้ายาซากะ ยังมีศาลเจ้าและวัดอีกหลายแห่งที่จะพาคุณไปสัมผัสเมืองเก่าเกียวโตอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีถนนโบราณ และย่านการค้าที่ทำให้เกียวโตยังคงคึกคัก และมีเสน่ห์กว่าเมืองไหนๆ ในญี่ปุ่นจวบจนทุกวันนี้
Ninenzaka
ทางตอนใต้ของย่านฮิกาชิยามะ มีถนนแนะนำให้เดินเที่ยวหลายแห่ง และที่นิเน็นซะกะนั้นเป็นถนนโบราณที่อยู่ระหว่างวัดคิโยมิสึ และวัดโคไดจิ เป็นอีกย่านสำคัญของเกียวโตที่มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเกียวโตหลายแห่งเช่นกัน อาทิ วัดคิโยมิสึ ศาลเจ้ายากาซะ ย่านกิออน เป็นต้น นิเน็นซะกะยังขึ้นชื่อว่าเป็นถนนทางลาดที่จะพาไปสัมผัสบรรยากาศแบบโบราณของเกียวโตอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นิเน็นซะกะ (Ninenzaka)
ที่อยู่ | 2 Shimizu Masuyacho, Higashiyama Ward, Kyoto 605-0826 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Kyoto ขึ้นรถบัสสาย 206 ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีมาลงที่ป้าย Kiyomizumichi |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Ninenzaka |
Kiyomizu Dera
ไปถึงเกียวโตไม่แวะไปสักการะที่วัดนี้ถือว่าพลาดมากๆ โดยวัดคิโยมิสึหรือวัดน้ำใสแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ ทางตะวันออกของนครเกียวโต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโตเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก อาคารหลักของคิโยมิซูเดระได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น ชื่อของวัดซึ่งมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาแล้วตกลงมาบริเวณวัดนั่นเอง ซึ่งใครมาเดินเที่ยวที่ถนนนิเนนซะกะก็จะมาสิ้นสุดการเดินเท้าที่วัดนี้
วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Dera)
ที่อยู่ | 1-294 Kiyomizu, Higashiyama Ward, Kyoto, 605-0862 |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Kyoto Station นั่ง City Bus ขึ้นรถสาย No.206 bus มุ่งหน้าสู่ Kitaoji bus terminal via Higasihama-dori หรือสาย No.100 มุ่งหน้าสู่ Ginkaku-ji via Kiyomizu-dera Gion ลงที่ป้าย Gojozaka stop และเดินอีก 10 นาที |
เวลาทำการ | 6.00 – 18.00 น. (เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเปิดถึง 18.30 น.) จนถึง 21.30 น. ในช่วงที่มีการประดับไฟพิเศษยามเย็น |
ราคา | บริเวณวัดเข้าชมฟรี / ค่าเข้าบริเวณอาคารหลัก ผู้ใหญ่ 300 เยน / ประถมและมัธยมต้น 200 เยน |
Website | Kiyomizu Dera |
Heian Jingu
ศาลเจ้าชินโตสุดคลาสสิกและเป็นที่ตั้งของสวนสวยๆ แห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1895 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบปีที่ 1,100 ของเมืองเกียวโต โดยตัวอาคารหลักของศาลเจ้าเห็นแล้วจะยิ่งคิดถึงพระราชวังอิมพีเรียลโบราณ ส่วนทางเดินเข้าศาลเจ้าจะพบกับประตูโทริอิที่ตั้งตระหง่านสูง 24 เมตร และกว้างคลุมถนน 18 เมตร ซึ่งถือเป็นประตูโทริอิที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Jingu)
ที่อยู่ | 97 Okazaki Nishitennocho, Sakyo Ward, Kyoto, 606-8341 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟใต้ดินผ่านสถานีคะระสุมะ-โออิเคะไปยังสถานีฮิงาชิยามะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาที |
เวลาทำการ | 6.00 – 18.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | Heian Jingu |
สรุป
ศาลเจ้ายาซากะเป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยศาลเจ้าแห่งนี้คนในท้องถิ่นนิยมเรียกกันว่า “กิออนซัง” เป็นจุดเริ่มต้นของงานเทศกาลกิออนมัตสึริ งานเทศกาลฤดูร้อนประจำปีของเกียวโต ตัวศาลเจ้ายังรายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ ของเกียวโตอีกมากมายหลายแห่ง แนะนำว่าอย่าพลาดไปเยี่ยมชม และสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบเฉพาะเกียวโตได้จากที่นี่