Contents Index
สถานที่เที่ยวยอดฮิตเวลาไปเที่ยวเกียวโตของใครหลายๆ คนก็คงหนี้ไม่พ้นศาลเจ้าเทพอินาริ หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกนั่นเอง ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นฟูชิมิอินารินี้ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดและมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,300 ปีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเสาโทริอิเป็นหมื่นๆ ต้น เรียกกันโดยทั่วไปว่า “โออินาริซัง” ซึ่งเป็น Signature และสิ่งนี้แหละที่ทำให้ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวมาเช็คอินกันอย่างไม่ขาดสาย ถ้าใครเป็นสายตามรอยอนิเมะนี่ห้ามพลาดเลย เพราะที่นี่ถูกนำไปเป็นฉากในอนิเมะบ่อยมากกกก
ไหว้พระ เที่ยวชมความสวยงามแล้วก็อย่าลืมมาเขียนป้ายขอพรที่เป็นรูปสุนัขจิ้งจอกกันด้วยน้า
และเมื่อมาถึงที่นี่แล้วสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ของฝากนั่นเอง ซึ่งที่นี่มีของฝากเยอะมากให้เราได้เลือกซื้อ สินค้าส่วนมากก็จะเป็นสุนัขจิ้งจอกประจำศาลนี่แหละ ราคาไม่ต้องพูดถึง ทุกคนสามารถซื้อได้แน่นอน เพราะเริ่มต้นแค่ 500 เยน หรือ 150 บาทไทยเท่านั้น!
ที่อยู่ | 68 Fukakusa Yabunouchicho, Fushimi, Kyoto 612-0882 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถจากสถานี Tambabashi ตรงชานชาลาที่ 1 มาลงสถานี Fushimi-Inari และเดินต่ออีกประมาณ 4 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง |
Website | fushimi inari shrine |
วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใสที่เรารู้จักกัน เป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 1,200 ปีเลยทีเดียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้โด่งดังในแค่เมืองเกียวโตนะจ๊ะ แต่โด่งดังมากในญี่ปุ่นเลยแหละ และยังเป็น 1 ใน 17 สถานที่ในเกียวโตที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก ว้าวว ที่เที่ยว เกียวโต สวยๆ แบบนี้ไม่มาไม่ได้แล้วน้า
จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาที่นี่ก็คงไม่พ้นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆ ทั้งสิ้น! น่าทึ่งสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ และเสาของอาคารก็มีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารก็ถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิว มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย นี่แหละจุดเด่นที่ควรมาเช็คอินเลย
และไฮไลท์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำตกโอโตวะ (ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า น้ำใส ที่เป็นชื่อวัด) ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า หากใครที่ได้ดื่มน้ำใสที่วัดแล้วล่ะก็จะสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ ซึ่งน้ำที่ว่ามี 3 สาย และมีความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันออกไป ได้แก่ อายุยืน ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่ ถ้ามีโอกาสได้ไปก็เหมารวมดื่มทั้ง 3 สายไปเลยจ้า ได้พรครบๆ จุกๆ ไปเล้ย
หลังจากดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ภายในบริเวณวัดน้ำใสยังมีศาลเจ้าจิชู เป็นเทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้าจะมีก้อนหินแห่งความรัก 2 ก้อน อยู่ห่างกัน 18 เมตร โดยเชื่อกันว่าหากใครสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนแรก ไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้โดยไม่หลงทิศทางได้เนี่ย คนๆ นั้นก็จะสมปรารถนาในความรัก เอาล่ะสายเก็บแต้มบุญ สายขอคู่ห้ามพลาดเลยนะ
ที่อยู่ | 294 Shimizu, Higashiyama, Kyoto, Kyoto 605-0862 |
---|---|
วิธีเดินทาง | ไม่มีรถไฟไปถึงตัววัดโดยตรง ต้องลงที่สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นสถานี Kiyomizu-Gojo และต่อรถบัส หรือเดินประมาณ 25 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.(เวลาทำการอ่านเปลี่ยนไปตามฤดู) |
ราคา | บริเวณวัดเข้าชมฟรี / ค่าเข้าบริเวณอาคารหลัก ผู้ใหญ่ 300 เยน / ประถมและมัธยมต้น 200 เยน |
Website | kiyomizudera |
ไหนมีใครรู้จัก วัดทอง กันบ้าง? และรู้ไหมว่าวัดทองที่เราเรียกกันมีชื่อจริงๆ ว่าอะไร! ชื่อจริงๆ ก็คือ วัดคินคะคุจิ นั่นเองจ้า
สาเหตุที่คนส่วนมากเรียกวัดนี้ว่าวัดทองก็เพราะว่าตัวอาคารหลักของวัดนี้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางน้ำ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น และด้วยตัวอาคารที่งดงามจึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกด้วย
และช่วงที่วัดทองสวยงามที่สุดก็คงไม่พ้นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็คือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และยังเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด (เพราะมาชมความสวยของใบไม้นี่แหละจ้า) แต่ถึงจะไปช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปนะ เพราะวัดมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปตลอด เอาเป็นว่าเดินไปที่ไหนถ่ายรูปออกมาก็สวยทุกรูปแน่นอนเลย
ที่นี่ยังมีการจำหน่ายเครื่องรางของวัด รวมไปถึงการเขียนแผ่นป้ายให้เราได้ขอพร แถมแผ่นป้ายก็น่ารักมากๆ แวะไปแล้วก็อย่าลืมไปเขียนแล้วก็ซื้อเครื่องรางกลับไปด้วยน้า
ที่อยู่ | 1 Kinkakuji, Kita, Kyoto 603-8361 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางโดยรถบัส ลงป้าย Kinkakujimichi แล้วเดินเข้าวัดประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 9.00 – 17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน / นักเรียนประถมและมัธยมต้น 300 เยน |
Website | shokoku-ji |
เมืองชนบทอาราชิยาม่าเป็นเมืองเล็กๆ (แต่สถานที่ท่องเที่ยวไม่เล็กนะจ๊ะ) อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเกียวโต เสน่ห์ของที่นี่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจก็คือ ธรรมชาติและบ้านเมืองชนบทของญี่ปุ่น สายเที่ยวธรรมชาติก็คือประทับใจแน่นอน แล้วก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่ถ้ามาเมืองนี้แล้วพลาดไม่ได้เลยก็คือ ป่าไผ่ สวนลิง และอีกอย่างคือการนั่งรถไฟชมวิวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่เรียกกันว่า Sagano Romantic Train ดูจากภาพแล้วอยากไปกันล่ะสิ สวยมากๆ เลย
ไหนๆ ก็พูดถึงรถไฟชมทิวทัศน์แล้วก็ขอพูดเพิ่มเติมหน่อยว่า รถไฟสายนี้จะวิ่งตลอดเส้นทาง Sagano Scenic Railway ตามแนวแม่น้ำ Hozugawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีผ่านอุโมงค์ป่าทุ่งหญ้า จะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติ ซึ่งรถไฟวิ่งทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น. ยกเว้นวันพุธ (จะไปก็เช็ควันกันดีๆ น้า) และมีค่าใช้จ่าย 630 เยนต่อคน แนะนำว่าถ้าใครสนใจเนี่ย ควรจองล่วงหน้า เพราะว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ถ้าไม่ได้จองแล้วมาหน้างานนี่มีหวังอดแน่ๆ เตือนแล้วนะ!!
สวนลิงอาราชิยาม่า เจ้าลิงน้อยแสนน่ารักกำลังรอทุกคนไปหาอยู่นะ
ป่าไผ่อาราชิยาม่า ก็คือจุดท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เหมือนกันนะ ด้วยบรรยากาศอันสงบร่มรื่น และความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของแนวต้นไผ่จำนวนมากตลอดสองข้างทาง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างมาถ่ายรูปและเช็คอินกันอย่างไม่ขาดสายเลยแหละ
ยังไงถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะมาเมืองชนบทเล็กๆ แต่ที่เที่ยวครบ อย่างเมืองอาราชิยาม่าแห่งนี้กันด้วยน้า
ที่อยู่ | Ukyo, Kyoto, Kyoto, 616-0000 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Saga-Arashiyama เดินไปยัง Arashiyama Bamboo Forest ใช้ เวลาประมาณ 15 นาที |
เวลาทำการ | เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
วัดโคเคเดระ วัดไซโฮจิ วัดมอส ตกลงชื่ออะไรกันแน่นะ? ไม่ต้องงงจ้า ก็ทั้งสามชื่อนั่นแหละคือชื่อวัดหมดเลย แล้วแต่ว่าใครสะดวกเรียกแบบไหนก็เรียกไปเนอะ แต่ที่เขานิยมกันเนี่ยก็คือ วัดมอส เพราะว่าที่วัดนี้มีมอสปกคลุมพื้นที่สวนของวัดเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ น่าจะมีประมาณ 120 สายพันธุ์เลยนะ อีกอย่างวัดมอสแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกด้วย ไม่น่าจดจำก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มาเที่ยวได้ร่วมทำกิจกรรมทางศาสนาบางอย่างของทางวัดด้วย อย่างเช่น พิธีกิโต (kito) ก็อารมณ์ประมาณว่าจะให้เรากินอาหารที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยพวกโปรตีน โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมากๆ ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลให้น้อย แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน
และอีกอย่างคือ ชาเคียว (shakyo) ซึ่งเป็นการสวดมนต์และคัดลอกพระคัมภีร์หรือพระสูตร (Sutra) อะไรทำนองนี้ ใครสายนี้ก็แวะไปกันได้นะ
แต่การไปเที่ยวชมวัดมอสเนี่ย เราจะต้องจองก่อน! ผู้ที่ต้องการเข้าชมจะต้องยื่นเรื่องกับทางวัดไว้ล่วงหน้า โดยการส่งจดหมายแจ้งรายละเอียด ชื่อ ที่อยู่ของเรา และก็วันที่ต้องการจะเข้าชม พร้อมกับโปสการ์ดที่ติดแสตมป์เรียบร้อยแล้วให้ไปทางวัด ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันทำการ เสร็จแล้วเราก็ต้องมารอลุ้นกันว่าวันที่เราจะไปเต็มไหม (ถ้าเต็มก็คงต้องเลื่อนวันออกไป TT) จากนั้นทางวัดก็จะส่งจดหมายตอบรับกลับมาให้เรา แล้ววันที่ไปก็ห้ามลืมนำใบตอบรับไปด้วยนะ ห้ามลืมเด็ดขาดเลย!
ที่อยู่ | 56 Matsuo, Jingatani, Nishikyo, Kyoto, 615-8286 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากป้ายรถบัส Kokedera bus stop [รถบัสสาย 73] เดินประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 13.00 น. ยกเว้นเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เปิดให้เข้า 10.00 น. (ในแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) |
ราคา | 3,000 เยน (จองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์) |
Website | saihoji-kokedera |
วัดเรียวอันจิเป็นวัดพุทธนิกายเซนสายรินไซ และจุดเด่นของวัดก็คงเป็นสวนหินที่สวยงาม ที่แอบมีความลับซ่อนอยู่ด้วย ก็คือในสวนหินจะมีหินก้อนใหญ่อยู่ 15 ก้อน จัดเรียงเป็น 5 กลุ่ม รอบๆ แต่! คนที่ไปส่วนมากเนี่ยนับหินได้ไม่เคยครบ 15 ก้อนเลย จะมองมุมไหนก็ไม่ครบ เพราะอะไรอันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เหมือนกัน (แต่เขาบอกว่าถ้ามองจากโดรนจะครบนะ)
สระน้ำเคียวโยจิ (Kyoyochi Pond) เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 พื้นที่ของสระน้ำเป็นที่อยู่ของตระกูลฟูจิวาระ รอบๆ สระน้ำในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นบ้าง
นอกจากสวนหินกับสระน้ำเคียวโยจิแล้ว วัดเรียวอันจิยังมีทางเดินให้ได้เดินชมรอบๆ วัด โดยสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีสีสันสวยงามให้ชื่นชมอีกด้วยจ้า
ที่อยู่ | 13 Ryoanji Goryonoshita, Ukyo, Kyoto 616-8001 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Ryouan ประมาณ 16 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 08.00 – 16.30 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 300 เยน |
Website | ryoanji |
วัดโยชิมิเนะเดะระ เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายเท็นได ตั้งอยู่ในภูเขาทางทิศตะวันตกของเกียวโต อาคารหลักของวัด คือ Hondo ตั้งอยู่หลังประตูทางเข้าหลักซานม่อน ถัดมาเป็นห้องสมบัติ สำหรับจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ
วัดนี้มีต้นเมเปิ้ลอายุกว่า 300 ปี ซึ่งมีความสวยงามมากๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้จะค่อยๆ เปลี่ยนสี จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยไม่แพ้ที่ไหนเลยแหละ
ไฮไลท์อีกอย่างที่แนะนำเลยว่าต้องมาชมให้ได้นั่นก็คือ ต้นสนมังกรที่อายุกว่า 600 ปี มีความสูงเพียง 2 เมตร แต่ลำต้นกว้างถึง 40 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นสนมังกรที่ความยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยนะ
และในช่วงหน้าร้อน ที่นีมีสวนดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งสวยงาม สีสันสดใส มีมากกว่า 10,000 ต้น (ก็คือตลอดทางเดินที่เห็นตามภาพเลย) วัดโยชิมิเนะเดะระรอให้ทุกๆ คน ไปเช็คอินกันอยู่น้า
ที่อยู่ | 1372, Oharano, Oshio, Nishikyo, Kyoto, 610-1133 |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถบัสจากสถานี Hankyu-Higashimuko ใช้เวลาประมาณ 37 นาที ลง ที่ป้ายสุดท้าย แล้วเดินขึ้นเขาต่ออีกประมาณ 2 นาที |
เวลาทำการ | 8.00 – 17.00 เปิดให้เข้าชมได้ถึง 16.45 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณา ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กมัธยมปลาย 300 เยน / เด็กมัธยมต้น – ประถม 200 เยน |
Website | yoshiminedera |
พูดถึงวัดกันไปเยอะแล้ว เรามาพูดถึงแหล่งช้อปปิ้งใน ที่เที่ยว เกียวโต กันบ้างดีกว่า ที่นี่เลย ย่านฮิกาชิยาม่า! เป็นย่านที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนมมากมาย โดยย่านนี้จะอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเกียวโต ก็จะเห็นว่ามีคนใส่ชุดกิโมโนมาเดินเที่ยว เดินถ่ายรูปกัน ถือว่าเป็น signature สุดๆ
นอกจากนี้ตัวอาคารบ้านเรือน ร้านค้าที่อยู่ตามข้างทางยังคงความเก่าแก่เอาไว้ ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์มากๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณระหว่างวัดน้ำใสไปจนถึงศาลเจ้ายาซากะ จะเป็นถนนทางเดินแคบๆ สองข้างทางจะมีอาคารไม้ทรงโบราณแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหาร ร้านขนม เวลาเดินก็จะให้ความรู้สึกถึงญี่ปุ่นสมัยก่อน พอเดินจากย่านนี้เสร็จก็สามารถไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดน้ำใสได้ต่อเลย มาที่เดียวแต่คุ้มสุดๆ เลยแหละ
ถ้าแวะมาที่ย่านฮิกาชิยาม่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะได้พบกับดอกซากุระที่บานสะพรั่ง สีสันสวยงามตามทาง สวยสุดๆ ไปเลย
ที่นี่ไม่ได้มีแค่ร้านขายของกินอย่างเดียวนะ แต่ยังมีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้ออีกมากมาย ที่เด่นๆ ก็จะเป็นเครื่องถ้วยชามที่เรียกกันว่า คิโยะมิสุ-ยากิ เป็นถ้วยเซรามิกที่วาดลวดลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม (หาซื้อที่อื่นได้ยากนะบอกไว้ก่อน) แล้วก็ยังมีพัดลายซากุระ ลายน่ารักๆ ให้ได้เลือกซื้ออีกด้วย ถ้ายังไงก็ลองซื้อไปฝากคนที่บ้านกันนะ คงถูกใจน่าดูเลย
ที่อยู่ | 6-130 Shimizu, Higashiyama, Kyoto, Kyoto 605-8511 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถบัส ที่สถานีรถไฟเกียวโต ให้ขึ้นรถเมล์ สาย 100 หรือ 206 ลงป้าย Kiyomizu-michi แล้วเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพื่อเดินไป วัดน้ำใส ระหว่างทางเดินจะผ่าน ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama) |
เวลาทำการ | เวลาทำการจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับร้านค้า |
ราคา | ไม่มีค่าใช้จ่าย |
และสถานที่สุดท้าย! ข้ามมาเที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมงกันบ้าง ที่นี่หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น จะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเกียวโต จะอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองเลย แต่สิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวก็คงจะเป็นความสวยงามของบ้านเรือนที่เป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม และด้วยความที่ห่างไกลจากตัวเมืองจึงทำให้เป็นสถานที่ที่มาพักผ่อนย่อนใจได้ดีเลยแหละ
เดิมทีที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในด้านการประมง แต่ก็อย่างว่าแหละ เดี๋ยวนี้การทำการประมงไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมล่ะ ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแทน โดยถือเป็นหมู่บ้านที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
อิเนะเนี่ยเขามีชื่อเสียงจากฟุนายะ ซึ่งก็คืออู่เรือนั่นเอง สิ่งก่อสร้างจากไม้เหล่านี้ตั้งอยู่บนผิวน้ำและเป็นทั้งอู่เรือและบ้านของชาวประมงในหมู่บ้าน ที่เก็บเรือจะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง และชั้นสองใช้เป็นที่อยู่อาศัย
โดยที่นี่มีก็มีบ้านพักที่มีบ่อออนเซ็นให้บริการ และบ้านพักทุกที่จะมีบริการเรือแท็กซี่ (แท็กซี่บนน้ำดีๆ นี่เองจ้า) และเราสามารถตกปลาได้ด้วยนะ มาพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวประมงสักคืนสองคืนให้หายเหนื่อยกันเถอะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่อยู่ | 491, Hirata, Ine, Yoza, Kyoto 626-0423 |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถบัสจากสถานี Amanohashidate ไปลงที่หมู่บ้านอิเนะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง |
เวลาทำการ | 9.00 – 16.00 น. (เที่ยวเรือที่ให้บริการ) |
ราคา | ไม่มีค่าใช้จ่าย (แต่มีค่าเรือ ผู้ใหญ่ 680 เยน / เด็กต่ำกว่าชั้นประถมลงไป 340 เยน เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง) |
Website | ine-kankou |
เป็นยังไงกันบ้างล่ะ ที่เที่ยว เกียวโต ที่เราเอามาแนะนำถูกใจทุกคนกันไหมเอ่ยย สมกับที่เป็นจังหวัดแห่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่พูดได้ว่า ถ้ามาแล้วอิ่มเอมใจแน่นอนเลยใช่ไหมล่ะ ก็อย่างว่าแหละทั้งธรรมชาติ ความร่มรื่น ความสวยงามของสถานที่ แถมบางที่ยังได้เป็น 1 ในมรดกโลกด้วย ใครที่ยังไม่เคยได้ไป ถ้าได้ลองไปมีหวังติดใจไม่อยากกลับแน่นอนเลย
ยังมีบทความเกี่ยวกับโอซาก้าอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่พักหรือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กดอ่านด้านล่างได้เลย
ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในโอซาก้า ถ้ายังไม่ได้ไปก็ไม่ควรพลาด อ่านต่อข้างล่าง
เที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเอง เมืองแห่งความสนุกสนาน
รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวโอซาก้า คลิกเลย
เที่ยวญี่ปุ่น 2022 เปิดเงื่อนไข วิธีการขอวีซ่า ไกด์ไลน์เที่ยวจัดเต็ม
เปิดข้อมูลการ เที่ยวญี่ปุ่น 2022 / 2565 เปิดทุกเกณฑ์การท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม กา...
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...
10 ที่เที่ยวฟูจิ เปิดพิกัดที่เที่ยวแบบใหม่ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine ศาลเจ้าที่อุดมไปด้วยพลังงานของขุนเขา คิตะกุ...
วิธีเดินทางสุดประหยัดจากโตเกียว เที่ยวฟูจิ ที่คาวากูจิโกะ
ทริป เที่ยวฟูจิ คราวนี้ไม่มีหลง เพราะเรารวบรวมวิธีการเดินทางจากกรุงโตเกียวไปยั...
นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
เที่ยวให้ทั่วโตเกียวแล้วไปต่อโอซาก้า เพราะเรามีแผนการเดินทางสุดคุ้มจากโตเกียวไ...
50 อันดับ อาหารญี่ปุ่น ที่ไปแล้วต้องกิน !
22/07/2019 | Japan
เที่ยวโอซาก้า เดือนไหนดี อากาศเป็นไง ครบข้อมูลเตรียมเที่ยวเลย
10/03/2021 | Japan
นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
21/08/2016 | Japan
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น 7 อันดับ รสเยี่ยม ที่ต้องห้ามพลาด
23/02/2017 | Japan
เทคนิค แต่งตัวไปญี่ปุ่นหน้าหนาว ให้อุ่นสบาย ไม่อ้วนกลม!
25/12/2019 | Japan
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-5285-8088
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
03-5789-2449
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
06-6262-9226-7
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
092-686-8775
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุ๊กกี้ของเราผ่านทาง นโยบายความเป็นส่วนตัว